ก๊อก ก๊อก ก๊อก ทั้งสองสายตามองไปยังหน้าประตูห้องที่หมอหนุ่มกำลังเปิดเข้ามา
“ผลตรวจเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” ชื่นชีวาโพล่งถามหมอหนุ่มอย่างไม่คิดรีรอ จากนั้นก็รีบไปดึงมือหมอหนุ่มมานั่งคุยกันที่โซฟา
“ทางด้านร่างกายทุกอย่างปกตินะครับ คุณชมพูอาจจะมีภาวะช็อคจากเรื่องที่เกิดขึ้นเลยเป็นแบบนี้”
“ฉันก็เคยได้ยินว่ามีคนไข้ช็อคแล้วจำอะไรไม่ได้เหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่คิดว่าชมพูจะพูดจาแปลกประหลาดขนาดนี้” พูดจบก็หันกลับไปมองน้องสาวที่ยังคงนั่งมองทุกอย่างรอบกายด้วยสายตาฉงนไม่หาย
“ก่อนหน้านี้ชมพูดูพวกหนังจีนหรือละครพื้นบ้านเยอะไหมครับ”
“ก็มีดูบ้างนะคะ”
“เธออาจจะติดภาษาจากสื่อที่เคยดูก็ได้ครับ หลังจากนี้คงจะดีขึ้น”
“ฉันว่าตอนที่น้องฉันยังไม่หายดี ฉันขอให้ชมพูไปพักที่บ้านฉันนะคะ บอกตรงๆ ฉันเองก็กลัวว่าแม่คุณหมอ...คือ”
“ผมเข้าใจครับ ถ้ามีอะไรฉุกเฉินหรืออยากให้ช่วยอะไรก็บอกผมได้ตลอดเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” ชื่นชีวาพอจะโล่งใจยิ้มได้ที่หมอหนุ่มเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อโดยที่ไม่ต้องพูดออกมาตรงๆ
“อืม...แล้วคุณหมอว่าอาการคุณอัคจะดีขึ้นเมื่อไรคะ”
“ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้จริงๆ ครับ” เมื่อต้องพูดถึงพี่ชาย วายุก็หน้าถอดสี เขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่าพี่ชายจะพ้นจากขีดอันตรายภายในวันสองวันนี้หรือไม่ และหากพ้นจากขีดอันตรายแล้วทุกอย่างจะเป็นปกติหรือเปล่า ยังคงเป็นเรื่องที่เขาและหมอท่านอื่นๆ กังวลใจ
ชื่นชีวาก้มหน้างุดเพราะหากอัคคีเป็นอะไร น้องสาวเธอก็คงถูกแม่สามีเกลียดหน้าไปตลอดชีวิต มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับครอบครัวของเธอนักหนา บทจะดีก็ไม่ได้ดีขึ้นจริงๆ สักที
ณ ห้วงมหาสมุทรลึกในอาณาจักรของเหล่าเงือกสมุทร ใต้ผืนน้ำทะเลสีมรกตมีแสงลอดผ่านส่งมายังเหล่าปะการังจนเห็นเป็นประกายสวย เหล่าปะการังแสนงดงามและเหล่าสรรพสัตว์แห่งท้องทะเลแห่งผืนกว้างแห่งนี้มีราชาเงือกนามว่า สินธุธารา เป็นผู้ปกครองเป็นพ่อเมือง ร่วมกับราชินีนามว่า บุหลันมัจฉา
สรรพสัตว์ในท้องมหาสมุทรนั้นอยู่กันอย่างสงบสุขมาช้านาน จนกระทั่งเมื่อพันปีก่อน หัวใจของสมุทรได้ถูกครุฑชั้นปกครองนามว่า ตรีทศ ได้ขโมยไป ทำให้เหล่าสรรพสัตว์ในท้องทะเลและเหล่าเงือกได้ล้มหายตายจากกันไปมากมาย เพราะไม่มีหัวใจสมุทรช่วยรักษาตัว รวมถึงมนตรามัจฉา เงือกสาวบุตรีของสินธุธาราและบุหลันมัจฉาในเพลานี้ด้วย
“ลูกจักตื่นขึ้นมาเพลาไหนฤาท่านพี่ ใจของข้ามิสู้ดีเอาเสียเลย” ราชินีเงือกอาวุโสเรือนผมสีทองยาวสยายเธอนั่งมองบุตรีเจ้าของเรือนผมดำขลับที่กำลังหลับไหลอยู่บนแท่นบรรทมด้วยแววตาเป็นห่วง
“เราต้องเชื่อมั่นว่าลูกจักต้องตื่น หากลูกไม่ตื่น พี่จักสละหัวใจครึ่งหนึ่งของพี่ให้ลูกเอง” ราชาเงือกอาวุโสผู้มีดวงตาที่สามเข้าโอบกอดราชินีผู้เป็นที่รักด้วยความรู้สึกผิด หากเขาไม่สั่งขังบุตรของตน เรื่องน่าสลดใจคงไม่เกิดขึ้น
“ไม่นะท่านพี่ ข้าขอทำเช่นนั้นเอง หากท่านพี่อ่อนแอเพราะสละหัวใจ ท่านพี่จักปกครองเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ได้เยี่ยงไร”
“ข้าทนเห็นเจ้าเจ็บมิได้ดอกน้องพี่”
“ข้าก็ทนเห็นพวกเจ้าเกี้ยวพาราสีในเวลาวิกฤตเช่นนี้มิได้เหมือนกัน” ผู้เฒ่าเต่าหมื่นปีหันหลังให้กับเงือกทั้งสอง เต่าที่อยู่กับผืนท้องทะเลและขาดคู่รักข้างกายอย่างเขาอดจะอิจฉาเงือกทั้งสองที่กำลังป้อนคำหวานกันไม่ได้
“อือ...อืม...”
ราชาและราชินีหันมาสนใจกับมนตรามัจฉาเมื่อเห็นฟองอากาศลอยออกมาจากริมฝีปากอิ่มสวย
“ลูกเรา...” สินธุธาราประคองหัวของบุตรีตนขึ้น
“เจ็บตรงไหนฤาเจ้า บอกแม่เถิด แม่ใจจักขาดเมื่อเจ้ามิตื่น” บุหลันมัจฉาโผเข้ากอดบุตรีก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ
“หากเจ้ามิดื้อ แล้วเชื่อฟังพ่อ พ่อจักมิขังเจ้าเยี่ยงนี้เลย” สินธุธาราเอ่ยออกมาด้วยหัวใจที่เจ็บปวดไปด้วยความรู้สึกผิด
เมื่อดวงตากลมโตของเงือกสาวเปิดกว้างขึ้น คิ้วเรียวสวยก็เริ่มขมวดมุ่น ภาพตรงหน้าทำให้สมองของเธอเต็มไปด้วยความสับสน ตรงหน้าที่เธอเห็นคือเงือกจริงๆ ใช่ไหม นี่เธอกำลังฝันไปใช่ไหม
“ฝันเหรอวะเนี่ย…” เธอกระซิบ ดวงตาเต็มไปด้วยความฉงนหนักขึ้นเมื่อเห็นฟองอากาศขณะที่ตัวเองกำลังพูด อีกทั้งในตอนที่กำลังจะขยับตัวออกให้พ้นอ้อมกอดของเงือกสองตน ดวงตาก็ต้องเบิกโพลงแทบจะกลืนน้ำลายไม่ลงคอเพราะขาของเธอตอนนี้ไม่มีแล้ว มีเพียงหางของเงือกสีเงินเหลือบม่วงชมพูกระดิกไปมาเท่านั้น
“ฝัน ฉันต้องฝันแน่ๆ” มือทั้งสองลูบๆ คลำๆ ไปยังเปลือกหอยที่ปิดหน้าอกอวบอิ่ม จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนสัมผัสไปยังเกล็ดสีสวย นี่มันของจริง ไม่ใช่ภาพลวงตาอะไรทั้งนั้น รู้ได้ดังนั้นใบหน้าหวานก็เผยความตื่นตระหนกหนักขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้าว่าอย่างไรฤา ฝัน เจ้าฝันเรื่องใด บอกแม่ได้ฤาไม่”
“ฮือ...” อะไรกันวะเนี่ย ชมชีวันหยิกแขนตัวเองเต็มแรง เข้าใจว่าเธอจะไม่เจ็บเพราะเชื่อว่าขณะนี้คือความฝัน ทว่าไม่ใช่อย่างที่คิดแม้แต่น้อย ความเจ็บแล่นปราบเข้ามาที่แขนจนเธอหน้าเหยเก นี่มันไม่ใช่ความฝันจริงๆ ด้วย
“ฮึก ฮึก ... ฮือ ฮือ ฮือ...” ไข่มุกเม็ดเล็กค่อยๆ ไหลลงมาอาบพวงแก้มนวล ชีวิตของเธอกำลังเผชิญกับอะไรอยู่กันแน่ แล้วเธอจะต้องใช้ชีวิตยังไงกับขาที่จู่ๆ ก็กลายเป็นหางไปแบบนี้
“ร้องให้เพราะเรื่องอันใดบอกแม่เถิด” บุหลันมัจฉาพยายามจะเข้าไปกอดปลอบบุตรี ทว่าเงือกสาวก็กลิ้งตัวหนีแล้วตกแท่นบรรทมไปเสียก่อน และวินาทีนั้นชมชีวันก็ได้เรียนรู้วิธีใช้หางพยุงตัว
“ใช้การอย่างนี้เองเหรอ” พยุงตัวตั้งหลักได้ชมชีวันก็ชี้หน้าไปยังเงือกอาวุโสทั้งสอง
“ตั้งแต่ข้ามาอยู่บ้านเมืองของเขาก็ถูกแกล้งสารพัด ยิ่งตอนนี้มีเหตุให้เขาทำร้ายข้าอย่างถูกต้องคงสาแก่ใจเขามาก”“คราแรกข้าก็ว่าท่านเพลิงพันจักรร้ายที่แกล้งท่านหญิง แต่ข้าก็มองเห็นว่าตอนที่ท่านเพลิงพันจักรพาท่านหญิงกลับมา ท่านเพลิงพันจักรดูกระวนกระวายใจแลเป็นห่วงท่านเหมือนกันหนาเจ้าคะ ข้าเองก็มิรู้ได้ว่าท่านเพลิงพันจักคิดสาแก่ใจที่เห็นท่านเจ็บฤาไม่ แต่การแสดงออกมิเห็นเจ้าค่ะ” บุหงาราตรีเอ่ยไปตามความรู้สึกของตนเอง เรื่องอัญญาภานารีจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งอัญญาภานารียังคงเงียบ ถึงบุหงาราตรีจะเอ่ยแบบนั้นแต่เธอก็ยังไม่หายโกรธผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสวามีอยู่ดี หากเมื่อวานเธอไม่รอดออกมาจากภูผาม่านจะเป็นอย่างไร ที่เขามาทำดีกับเธอก็คงไม่พ้นกลัวว่าความผิดจะถึงหูแม่ตนเองแล้วจะถูกตำหนิ ไม่ผิดไปจากที่เธอคิดแน่“สมุนไพรนี้ได้ผลชะงัด ใบหน้าที่มีรอยแผลตื้นหายแทบจะเป็นปลิดทิ้งแล้วหนาเจ้าคะ” บุหงาราตรีเห็นใบหน้าของอัญญาภานารีกลับมาสวยสดดังเดิมก็ยิ้มอย่างพึงพอใจหลังจากเฝ้ารักษากันมาร่วมสองสามวัน“เห็นท่าข้าคงต้องพกติดตัวเสียแล้ว ด้วยมิรู้ว่าจักถูกสวามีข้ากลั่นแกล้งเมื่อใด”“ยังมิหายเคืองโกรธท่านเพล
เมื่อได้รับความอบอุ่นจากทั้งกองฟืน ทั้งไหมร้อนและอ้อมกอดของเพลิงพันจักรรวมไปถึงได้ยาสมุนไพรไปเมื่อกลางดึก เช้านี้อัญญาภานารีจึงพอจะรู้สึกตัวและฟื้นคืนสติมาได้ ทว่าความเจ็บปวดนั้นก็ยังมีอยู่เนืองๆดวงตาคู่สวยค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น เมื่อเห็นว่าตนนั้นอยู่ในอ้อมอกของสวามี อีกทั้งความเจ็บปวดในกายนั้นยังทำให้เธอได้รื้นฟื้นความจำว่าเมื่อวานนี้ไปเจอกับเรื่องอะไรมา“ตื่นแล้วฤา เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บปวดมากฤาไม่” เพลิงพันจักรค่อยๆ คลายอ้อมกอดเมื่อรู้ว่าอัญญาภานารีได้รู้สึกตัวตื่นขึ้น“ข้าทุเลาความปวดลงมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าจำได้ว่าท่านตามข้าเข้าไปที่ยอดเขาโน้น” นกยักษ์สาวจับจ้องรอคำตอบจากสวามีตนตาไม่กระพริบ“ข้า...” เพลิงพันจักรขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะค่อยๆ ประคองชายาตนให้นั่งเช่นตน“เจ้าดื่มยานี่ก่อนเถิด” เมื่อไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดถึงเรื่องเมื่อวานอย่างไรก็หันไปรินยาต้มใส่ถ้วยแก้วให้นกยักษ์สาวได้ดื่มเสียก่อนอัญญาภานารีรับถ้วยยาจากสวามีตนขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด เป็นวินาทีเดียวกันกับที่บุหงาราตรีเข้ามาพอดี“ท่านอัญญาภานารี เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”“ข้าค่อยยังชั่วแล้ว แต่ยังรู้สึกปวดแผลอยู่บ้าง”“
เพลิงพันจักรปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปพักใหญ่เขาจึงกลับเข้าไปดูอาการของอัญญาภานารีในถ้ำเพราะทนความกระวนกระวายใจไม่ไหว เมื่อย่างก้าวเข้ามาถึงข้างในได้ก็ต้องหลบสายตาของบุหงาราตรี ด้วยไม่อยากรู้สึกว่ากำลังถูกคาดโทษผีเสื้อสาวอมยิ้มมุมปากเล็กน้อย ด้วยพอจะเดาท่าทางของเสืออาวุโสออกว่าตอนนี้ท่าจะลดทิฐิและรู้สึกผิดกับเรื่องที่ทำลงไปได้แล้ว “ท่านหญิงเก็บปีกได้แล้วเจ้าค่ะ แต่ความเจ็บปวดนั้นยังอยู่ ทั้งดูท่าจะทวีคูณมากขึ้นในค่ำคืนนี้ด้วยเจ้าค่ะ ข้าคงต้องเฝ้าท่านหญิงทั้งคืน”“ข้าดูแลนางเอง นางเจ็บตัวเพราะข้าแลนางเป็นชายาข้า หน้าที่ดูแลนางสมควรเป็นข้าจักต้องทำ ขอบใจเจ้าที่คอยดูแลนาง เพลานี้แล้วเจ้าไปพักเถิด ข้าให้ลำปันจัดเตรียมอาหารเอาไว้ที่ถ้ำของพวกเจ้าแล้ว”“เจ้าค่ะ วันพรุ่งข้าจักมาดูท่านหญิงแต่เช้าหนาเจ้าคะ สมุนไพรที่ต้องทาแผลท่านหญิงอยู่ตรงนี้หนาเจ้าคะ” บุหงาราตรีวางถ้วยสมุนไพรไว้ข้างแท่นบรรทมก่อนจะเดินออกไป ที่ผีเสื้อสาวยอมออกไปง่ายๆ ก็เพราะเห็นแล้วว่าเพลิงพันจักรอยากรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนได้ทำจริงๆเพลิงพันจักรนั่งมองอัญญาภานารีที่นอนหลับไปไม่ได้สติอยู่บนแท่นบรรทมเงียบๆ สายตาของเขามองภาพนั้นด้วยคว
อัญญาภานารีบินโฉบไปมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนแทบจะหมดเรี่ยวแรง ทว่าไม่กี่อึดใจที่คิดจะโฉบลงพื้นไปนั่งพักก็มีแสงบางอย่างกระทบมายังดวงตาของเธอ นกยักษ์สาวเพ่งสายตาไปยังจดเริ่มต้นของแสงที่กระทบสายตา วินาทีนั้นความเหนื่อยได้หายไปเป็นปลิดทิ้งเพราะบ่อน้ำแร่ได้อยู่ตรงหน้าของเธอแล้วอัญญาภานารีรีบโฉบลงไปยังบ่อน้ำที่มีควันกรุ่นออกมาตลอดเวลา เธอไม่ได้กลัวความร้อนของบ่อน้ำแร่แม้แต่น้อย เมื่อเข้าใกล้บ่อได้ก็รีบใช้ขวดแก้วที่เตรียมมาตักน้ำแร่ในบ่อทันที เมื่อได้นำแร่จนพอใจแล้วก็รีบปิดฝาขวดแล้วเก็บเข้าไปยังย่ามหนังที่เธอได้เตรียมมาด้วยจัดแจงเก็บขวดน้ำแร่เรียบร้อยแล้วอัญญาภานารีกก็มองไปยังท้องฟ้าอีกครา คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดมุ่นกะทันหันเพราะตอนนี้ม่านหมอกได้ปกคลุมน่านฟ้าแทบทุกอณู“เหตุใดเป็นเช่นนี้” นกยักษ์สาวเห็นท่าไม่ดีจึงเริ่มสยายปีกบินขึ้นท้องฟ้า อัญญาภานารีพยายามบินให้สูงขึ้นเหนือหมอกเพื่อที่จะได้มองเห็นยอดเขาที่เป็นที่พักของตน ทว่าไม่ว่าจะบินสูงแค่ไหนก็ไม่สามารถพ้นม่านหมอกได้เสียทีเมื่อพยายามบินให้ไวขึ้น จู่ๆ ปีกของเธอก็เหมือนมีอะไรบางอย่างเกี่ยวรั้งสร้างความเจ็บปวดจนกรีดร้องเสียงหลง “อ๊าย...”เสียง
“ท่านจักไปเช้านี้ฤา” เพลิงพันจักรลืมตาตื่นขึ้นมาในวันใหม่ก็เห็นอัญญาภานารีเตรียมสำรับอาหารให้กับเขาเรียบร้อย ให้เดานกยักษ์สาวคงรีบไปหาน้ำแร่ให้เขาเป็นแน่“เจ้าค่ะ ข้าจักรีบไปรีบกลับ ท่านต้องกินอาหารในสำรับให้หมดหนาเจ้าคะ”“อืม เจ้ารีบไปเถิด” เพลิงพันจักรพยักหน้าทั้งอมยิ้มมุมปากน้อยๆ เขามองตามหลังนกยักษ์สาวด้วยสายตามีเลศนัย ให้หลังอัญญาภานารี เสืออาวุโสก็ลุกขึ้นยืนไปยกสำรับขึ้นมากินอาหารด้วยท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษอัญญาภานารีออกไปยืนที่ริมหน้าผาสูง เธอยืนดูราดราวลู่ทางการเดินทางครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจในตำแหน่งของเป้าหมายที่จะบินไปยังยอดเขานั้น อัญญาภานารีก็เริ่มสยายปีกแล้วบินขึ้นท้องฟ้าไปในทันทีปีกสีขาวสยายลู่กับลมโฉบไปมาอยู่ครู่ใหญ่ จากท้องฟ้าที่เปิดโล่งก็ค่อยๆ กลับกลายเป็นส่ามีม่านหมอกมาบังสายตาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อผ่านม่านหมอกนั้นไปได้นกยักษ์สาวก็บินอยู่กับที่ เธอมองจ้องภาพเบื้องล่างด้วยสีหน้าฉงน เพราะตอนนี้ภาพนั้นช่างแตกต่างจากภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่มากพอสมควร จากยอดเขาที่เปิดโล่ง กลับกลายเป็นมีต้นไม้ขึ้นหนาบดบังวิสัยทัศน์“แล้วเช่นนี้จักเห็นบ่อน้ำแร่ได้อย่างไร” อัญญาภานารีเริ่มแบ่งพื้
เพลิงพันจักรตื่นขึ้นมา อามันก็ให้เขาได้รับยาขับพิษอีกรอบ จากนั้นรณจักรปักษาก็พยุงร่างอันไร้เรี่ยวแรงไปยังธารน้ำ เมื่อเท้าของเพลิงพันจักรได้จุ่มลงไปในสายน้ำเย็น เขาก็เริ่มอาเจียนออกมาเป็นเลือดอีกระลอกใหญ่“ขับเลือดออกมามากมายเพียงนี้เชียวฤาเจ้าคะ” บุหงาราตรีเห็นภาพเช่นนั้นก็ยกมือทาบอก ตอนนี้เพลิงพันจักรไม่เหลือคราบขององค์ราชาผู้แข็งแกร่งแม้แต่น้อย“ใช่ ข้าเองก็สงสารแลรู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำให้สวามีข้าป่วยเช่นนี้” อัญญาภานารีนั่งถอนหายใจสีหน้าห่อเหี่ยว เพราะอย่างน้อยต้องเห็นภาพนี้อีกหนึ่งวัน“อย่าเอาแต่โทษตนเองเลยเจ้าค่ะ ท่านทำไปเพราะความมิรู้ แลตอนนี้ท่านเองก็ดูแลท่านเพลิงพันจักรได้ดีแล้วหนาเจ้าคะ”สองวันมานี้บุงหาราตรีและรณจักรปักษาได้ช่วยอัญญาภานารีดูแลเพลิงพันจักร การช่วยเหลือของทั้งสองนั้นทำให้อัญญาภานารีเกรงใจเหลือเกิน ด้วยเหตุทั้งหมดเกิดจากฝีมือของเธอ ทว่าผู้ที่ต้องมาอดหลับอดนอนดูแลสวามีของเธอกลับต้องเป็นรณจักรปักษา เมื่อผ่านยาแก้พิษถ้วยสุดท้ายไปได้ อัญญาภานารีก็อยากให้ทั้งสองได้พัก เพียงแค่อาการตัวร้อนตอนกลางวันและหนาวจนปวดกระดูกตอนกลางคืนของเพลิงพันจักร เธอสามารถดูแลสวามีของตนด