กรรณิกากลับมาจากซื้อของสดในช่วงเช้าตรู่เธอก็เห็นชายสูงวัยรูปร่างซูบผอมผิวหน้าดำคล้ำมีกระเป๋าเป้สะพายหลังสีดำหนึ่งใบกำลังล้มทั้งยืนอยู่ที่หน้าบ้านของเธอ จึงรีบลงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วเข้าไปช่วยพยุง
“คุณลุงคะ ไหวไหมคะ”
“ลุงไม่มีแรงเลย ไม่ได้กินอะไรมาสามสี่วันแล้ว”
“เข้ามานั่งในร้านฉันก่อนค่ะ” สาวเจ้าพยุงร่างชายสูงวัยเข้ามานั่งที่เก้าอี้หน้าร้านอาหารของตัวเอง จากนั้นจึงรีบหาน้ำหาท่ามาให้ชายสูงวัยได้ดื่ม
“ขอบใจมากนะหนู”
“แล้วบ้านคุณลุงอยู่ที่ไหน มาทำอะไรที่นี่คะ”
“ลุงไม่มีบ้านแล้วล่ะ ลุงเดินมาที่นี่ก็เพราะจะเอาพระที่เก็บสะสมเอาไว้มาปล่อยแถวนี้”
“ถ้าอย่างงั้นคุณลุงนั่งพักที่นี่ก่อนนะคะ เดี่ยวฉันจะทำอาหารให้ค่ะ”
“แต่ลุงไม่มีเงินจ่ายนะหนู”
“หนูให้ฟรีค่ะ ถือว่าช่วยกันนะคะ”
“เจริญๆ นะหนูนะ”
กรรณิการีบไปเอาของที่ซื้อมาจากตลาดสดมาเก็บเอาไว้ในตู้แช่อาหารหลังร้าน จากนั้นก็เร่งมือทำอาหารง่ายๆ ให้กับชายสูง
“จักตามข้ามาทำไม”“ข้าอยากเห็นเจ้าหาปลา” ชมชีวันยังทำหน้าตาไขสือ ในขณะผู้ที่นำหน้าแสดงอาการกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจในตัวเงือกสาวให้เห็นได้ชัด“เจ้ามิเคยทำฤา เพียงนั่งขอเนื้อสัตว์เอามาทำอาหารเท่านั้น” เอ่ยจบสุมารีเทวีก็นั่งลงที่ขอนไม้ริมบึงน้ำกว้างใหญ่“หากเคยจักมาดูเจ้าฤา” ชมชีวันเข้าไปนั่งข้างสุมารีเทวี ยิ่งเห็นสิงโตสาวมีโทสะมากเท่าไร เธอก็รู้สึกสนุกมากขึ้นเท่านั้น“เจ้ารู้ใช่ฤาไม่ว่าข้ามิชอบหน้าเจ้า ถึงเจ้าจักเป็นพระชายาท่านปักษิณ แลกาลข้างหน้าจักขึ้นเป็นองค์ราชินี แต่ข้ามิชอบเจ้าเช่นไร ข้าก็มิชอบเช่นนั้น”“เจ้าตรงไปตรงมาดี เอ่ยมาเช่นนี้เพราะจะบอกว่ามิอยากใกล้ข้าใช่ฤาไม่”“เจ้าก็เข้าใจอะไรมิยาก”“มิชอบก็ส่วนมิชอบ แต่ที่ข้าตามมาเพราะข้าอยากดูเจ้าหาปลา มิเกี่ยวกับเรื่องชอบหน้าฤาไม่ชอบหน้า”“เจ้า!... หึ่ อยากดูก็ดูไป”“ข้ามิดูอย่างเดียว ข้าจักช่วยเจ้าเก็บปลาด้วย”“จักทำอะไรก็เรื่องของเจ้า”ชมชีวันนั่งยิ้มขบขันที่กวนประสาทสิงโตสาวได้ ทั้งตอนนี้ยังตื่นตากับวิธีการหาปลาของสุมารีเทวี เพราะเพียงไม่กี่นาทีที่สุมารีเทวีได้ทำสมาธิหลับตาลงเหล่าปลาตัวโตก็กระโดดขึ้นมาดีดดิ้นอยู่บนบกทางด้านรณจักรปัก
ขบวนเดินทางของทุกผู้ที่ต้องไปเยือนยังเผ่าสิงห์สุระ เดินทางด้วยม้าเร็วมีปีกเทียมเกวียนประทุนใหญ่ที่สามารถนั่งและนอนได้สบายถึงสี่คัน คันแรกเป็นเกวียนประทับของปักษิณสิงขรและพระชายา ตามมาด้วยเกวียนของสุมารีเทวี ต่อจากสุมารีเทวีก็เป็นเกวียนของบุหงาราตรี และปิดท้ายด้วยเกวียนของรณจักรปักษาที่นั่งมาพร้อมกับสามนเพื่อคอยระวังหลังให้กับทุกผู้ม้าเร็วพาเหล่าเจ้านายเหาะเหินเดินอากาศกันตั้งแต่เช้าตรู่ ชมชีวันตื่นเต้นกับภาพมุมสูงที่ได้เห็นเป็นครั้งแรก ทั้งยังแปลกใจว่าเหตุใดผู้ที่บินได้หรือเดินทางได้รวดเร็วไม่ยักจะบินไปเอง ทว่าเธอก็ยังคงเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่คิดถามสวามี ด้วยกลัวว่าปักษิณสิงขรจะสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่รู้ธรรมเนียมของผู้ที่อยู่ที่นี่ เอาไว้เมื่อถึงเวลาพักแล้วเธอค่อยไปถามบุหงาราตรีจะดีกว่าเมื่อม้าเร็วบินมาถึงแนวเขตแดนของเผ่าสิงห์สุระก็ได้ทำการบินลงไปพักยังพื้นดินใกล้แหล่งน้ำใหญ่ ม้าเร็วต่างปลดตนเองจากเกวียนและไปหาอาหารเพิ่มพลังในป่าใหญ่ ส่วนเหล่าเจ้านายก็พักผ่อนกันอยู่ที่ริมบึงน้ำกว้าง ชมชีวันเลือกใช้โอกาสเข้าไปพถูดคุยกับบุหงาราตรีขณะที่ผีเสื้อสาวนั้นอยู่ผู้เดียว“ท่านบุหงา”“มีสิ่งใดฤาพระ
ก่อนเตรียมตัวเดินทางในวันรุ่งขึ้นพรุ่งนี้ มีนามัจฉาได้มีโอกาสมาหาพ่อของตนพร้อมกับปักษิณสิงขร นั่นทำให้ครานี้ชมชีวันเห็นทีจะได้มีโอกาสเห็นหน้าพ่อของมีนามัจฉาเป็นครั้งแรกเธอเลยขอตามติดทุกผู้มาที่ถ้ำน้ำตก“นี่หรือถ้ำน้ำตก” ชมชีวันตามหลังรณจักรปักษาและปักษิณสิงขรไปพร้อมกับมีนามัจฉา สายตาของเธอยังกวาดสอดส่องทั่วทางเดิน คราแรกคิดว่าถ้ำน้ำตกจะเย็นและชื้นอย่างที่เธอเข้าใจ ทว่าเมื่อมาถึงผ่านเพียงม่านน้ำตก ด้านในตัวถ้ำโล่งกว้าง มีกลิ่นหอมเย็นสบายและเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปักษิณสิงขรถึงได้ชอบมาที่นี่“ใช่เจ้าค่ะ”“น่าอยู่เหมือนกันนะ ทำไมผู้อื่นถึงไม่ชอบมาที่นี่”“ที่แห่งนี้เป็นที่เอาไว้ขังผู้ทำผิด แลเป็นที่ฝึกสมาธิของเหล่าเจ้าเมือง”“อ๋อ...”“หากครานี้ข้าไปกับท่านพี่ได้คงจักดี” มีนามัจฉาอดเสียดายไม่ได้ที่ไม่ได้เดินทางไปกับญาติผู้พี่ หากมนตรามัจฉาไปนานวันเธอก็คงเหงาแย่ เพราะพักหลังมานี้เธอค่อนข้างตัวติดกับญาติผู้พี่มากพอสมควร“ข้าก็อยากให้เป็นเช่นนั้น หากท่านพี่...”เหมือนปักษิณสิงขรรู้ว่าชายาตนจะให้มีนามัจฉามาขอร้อยตน จึงรีบหันมาหาทั้งสอง “เจ้ายังเยาว์นักมีนามัจฉา”
ชมชีวันเร่งมายังเรือนไหมเพื่อแจ้งกับบุหงาราตรีถึงเรื่องที่เธออยากให้ผีเสื้อสาวเดินทางไปยังต่างบ้านต่างเมืองกับเธอด้วย การเจรจาเป็นไปอย่างเรียบง่ายและไม่มีปัญหาอะไรเพราะบุหงาราตรีพร้อมไปกับเธอตามที่ขอ“ขอบใจท่านมากนะเจ้าคะที่ยอมไปกับข้า ไม่เช่นนั้นข้าต้องเหงาแย่”“เรื่องนี้ท่านต้องแจ้งองค์ราชาแลราชินีก่อนฤาไม่เจ้าคะ” บุหงาราตรีเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่จะได้รับคำอนุญาตจากปักษิณสิงขรผู้เดียวไม่ได้ มนตรามัจฉาถูกชาวเมืองครหาเรื่องทำอะไรตามอำเภอใจมามากแล้ว เรื่องที่มนตรามัจฉาขอให้ตัวเองตามไปด้วยก็อยากให้องค์ราชาและราชินีรับรู้เอาไว้ก่อน“นั่นสินะ อย่างนั้นเราไปหาองค์ราชาแลราชินีกันก่อนเถิด”“เจ้าค่ะ”สองสาวตรงมายังที่ประทับขององค์ราชาและราชินี เมื่อมาถึงท้องพระโรงก็เห็นว่าสุมารีเทวีกำลังเข้าเฝ้าองค์ราชาและราชินีอยู่ก่อนแล้ว“เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าจักบอกเจ้าว่าสุมารีเทวีจักเดินทางไปกับพวกเจ้าด้วย” อชินีพาราเอ่ยกับสตรีทั้งสองที่เพิ่งเข้ามาถึงท้องพระโรง“เจ้าค่ะ ข้ามาที่นี่เพื่อจักบอกท่านแม่กับท่านพ่อเช่นกันว่าข้าจักให้ท่านบุหงาราตรีติดตามข้าไปด้วย”“ไปกันหลายผู้เช่นนี้มิทำให้การเดินทางช้าฤา”
เมื่อแสงตะวันของวันใหม่โผล่พ้นขอบฟ้า ชาวเมืองปักษิณพาราค่อนข้างวุ่นวาย แทนที่ชาวเมืองจะได้เห็นแสงสว่างสีเหลืองทองของพระอาทิตย์ ทว่ากลับกลายเป็นว่ามีเงาดำทะมึนลอยคล้ายเมฆก้อนใหญ่บดบังแสงของพระอาทิตย์ ทุกผู้ต่างรู้ว่าเรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นลางบอกเหตุอาเพศ“เกิดอันใดขึ้นฤาท่านพี่” อชินีพาราเอ่ยถามสวามีที่กำลังยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างโถงนั่งเล่นของตำหนัก“เมฆคล้ายรูปศิลา มีเงาดำทะมึนขึ้นทิศตะวันออก มิใช่เกิดเหตุร้ายอันใดต่อศิลาชีวิตของเผ่าสิงห์สุระฤา” นครินทร์คีรีหวั่นใจแปลกๆ ไม่แพ้ชาวเมือง ด้วยกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายต่อเมืองของพันพิภพ สหายรักผู้เคยร่วมเป็นร่วมตายมากับเขา อีกอย่าง หากเกิดเหตุอันใดต่อศิลาชีวิตของเผ่าสิงห์สุระจริง ศิลาของเผ่าพันธุ์อื่นก็จะมีปัญหาไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่ศิลาชีวิตในเผ่าของเขานครินทร์คีรีละสายตามองจ้องไปยังอนันทเสน องครักษ์ประจำตนที่กำลังเดินดุ่มด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเข้ามาคำนับ“มีอันใดฤา”“ท่านพันพิภพมาขอเข้าเฝ้าขอรับ”“อยู่ท้องพระโรงใช่ฤาไม่”“ขอรับ”นครินทร์คีรีเดินลิ่วตามด้วยอชินีพาราไปยังท้องพระโรง เพราะรับรู้ได้โยที่ไม่ต้องเอ่ยคำใดว่าเผ่าสิงห์สุ
ผ่านงานมงคลของเมืองปักษิณพารามาร่วมขวบเดือนกว่าแล้ว ทั้งที่ชื่อเสียงเรียงนามของมนตรามัจฉาเลื่องลือว่าเป็นผู้ที่ทำให้ปักษิณสิงขรมองเห็นและเรียนรู้หลายอย่างจากการมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว ทว่าความดีของนางก็ไม่เป็นที่พูดถึง มีแต่เสียงอื้ออึงของเหล่าสรรพสัตว์ในเมืองยังคงโจษจันกันว่า นางผู้นี้เป็นเงือกที่ไม่มีความเรียบร้อยสมเป็นว่าที่ราชินี เพราะหลังจากผ่านงานอภิเษกได้ เงือกสาวก็เอาแต่เที่ยวเตร่กับญาติผู้น้องและเจ้านากทะเล ทว่าก็ไม่มีผู้ใดคิดกังขาดังไป เพราะทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นข้ออนุญาตของปักษิณสิงขร“ท่านพี่ ท่านเอาแต่เที่ยวเล่นกับข้าเช่นนี้เพลาใดท่านจักมีทายาทเสียทีเล่า” มีนามัจฉาเอ่ยถามญาติผู้พี่ขณะที่กำลังว่ายน้ำเล่นด้วยกันอยู่หลังตำหนักของชลามัจฉา“ทายาท! อ่อ...ข้ายังมิพร้อม เจ้าอยากเลี้ยงหลานฤา”“มิได้เจ้าค่ะ ข้ามิถูกกับเด็ก ข้ามิชอบเสียงร้อง มิชอบมองผู้น้อยงอแงเจ้าค่ะ น่ารำคาญ”“เจ้ากับข้าก็มิต่างกัน”“เท่าที่ข้ารู้ ท่านพี่ชอบเด็กมิใช่ฤา คราสามนยังเยาว์ ท่านพี่ยังไปขโมยสามนมาเลี้