"มาร์คมึงไปไหนมา พวกกูยืนรออยู่นานแล้วเนี่ยแล้วบอกว่ารออยู่หน้าร้าน" เทนพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนชายเดินมาจากทางด้านข้างของร้าน
"ไปไหว้ศาลมา" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ
"ฮะ! นี่มึงสายมูตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" โรมอุทานขำ ๆ ศาลพระภูมิข้างร้านพี่เขาก็มีแต่พวกพนักงานที่พากันไหว้ขอพรขอหวยไม่คิดว่ามาร์คจะเอากับเขาด้วย
"ไม่ใช่ พอดีเมื่อกี้เห็นน้องตัวเล็ก ๆ มาขายพวงมาลัยเลยซื้อช่วย ก็เลยไหว้" ชายหนุ่มให้เหตุผล เพื่อนก็พยักหน้าเข้าใจ พวกเขารู้นิสัยมาร์คดีว่าชอบช่วยเหลือคนอื่นแบบนี้เสมอ "แล้วไอ้ศิล่ะ" ถามหาเพื่อนชายที่หายไปอีกคน
"ไปรับแมรี่มั้ง เห็นว่าจะย้ายคอนโดแยกจากเพื่อนอยากมาขอเช่าคอนโดไอ้ศิมัน" โรมพูดขึ้นพร้อมกับเหยียดปาก
"วุ๊! ทำเป็นขอเช่า จะขออยู่ฟรีก็ว่ามาเถอะ ไอ้ศิก็ใจดีเกิน" เทนว่าเพื่อนอย่างไม่พอใจ
"เหอะน่า ช่างหัวมันสิวะ คอนโดมันจะให้ใครอยู่เราก็ไม่ได้จ่ายน้ำค่าไฟกับมันนี่ ไป... เข้าร้าน" มาร์คว่าขำ ๆ พลางตบหลังเพื่อนเดินเข้าไปข้างในด้วยกัน
"แล้วมึงโอเคเปล่าเนี่ยมาร์ค เรื่องเมื่อกลางวัน" เทนเอ่ยขึ้นอย่างห่วงความรู้สึกเพื่อน
"สบาย กูชินแล้วเป็นแบบนี้ตั้งแต่กูจำความได้แล้ว ก็ดีนะ กูจะได้ไม่ต้องนั่นนี่เยอะ" มาร์คว่าพลางจิบน้ำอุ่นผสมมะนาว เขาจะจิบแบบนี้ประจำถ้าต้องขึ้นร้องเพลง
"แล้วพ่อกับน้านารถล่ะ" โรมเลิกคิ้วถามเพื่อน
"ก็กูบอกไปแล้วไงยังเหมือนเดิมกูไม่กลับไป กูก็โทรหาน้านารถหาพ่อได้ วันหมอนัดกูก็ไปเจอที่โรงพยาบาลได้แล้วเห็นน้านารถบอกว่าพ่อสั่งให้น้าวิทูรพากลับไปไว้บ้านพักคนชราตามเดิมแล้วหนิ" มาร์คว่าเสียงทุ้มพร้อมกับยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด
"ไหนบอกว่าพ่อมึงมีน้องอีก 2 คน ไม่เอาย่ามึงไปเลี้ยงล่ะ?" โรมเลิกคิ้วถาม *จะว่าเสือกก็ได้นะมาร์ค ก็กูสงสัย*
"จะไปอยู่กับใครได้ ที่ไปอยู่บ้านพักคนชรานั่นก็ไปเอง เที่ยวไปป่าวประกาศว่าอามะปรางไล่ออกจากบ้าน เอาจริง ๆ ไปบังคับอาให้เลิกกับผัว จะให้แต่งงานกับฝรั่งแต่อาปรางเค้าไม่เลิกไง กำลังท้องด้วย เลยโกรธ หอบผ้าไปอยู่บ้านพักนั่น ส่วนอาตรีน่ะไปไล่เมียเค้าหนีหาว่าเป็นแค่ลูกคนสวนไปถีบเมียเค้าตกบันไดเกือบแท้งลูกคนที่ 3 พ่อตาอาตรีเลยไม่ให้ไปเหยียบที่สวนเค้าอีก สวนก็ของเค้ายังไปจองหองใส่เค้า" มาร์คเล่าให้เพื่อนฟังอย่างไม่ปิดบัง
"โห... ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ" เทนอุทานขึ้น
"เป็นสันดานน่ะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นแม่ของพ่อกู กูเลิกเคารพไปแล้ว กูว่าจะเปลี่ยนนามสกุลพ่อกูขอไว้บอกว่าย่าไม่ได้ใช้นามสกุลพ่อตั้งแต่เลิกกันแล้วแล้วอาทิตย์หน้าพ่อกูบอกจะมาอีก" มาร์คบอกเพื่อนเซ็ง ๆ
"มาทำไมวะ เดี๋ยวย่ามึงก็ตามมาอีกหรอก" โรมว่า
"บอกจะเอาเงินค่าเทอมไอ้เนสมาคืนให้ พ่อบอกว่าพ่อจ่ายให้มันมาแล้ว แล้วย่ามันก็ให้มันมาด้วยแต่มันไม่จ่ายกูกลัวพ่อกูคิดมากไงกูเลยจ่ายแทนมันเทอมที่แล้ว" มาร์คเป็นคนฉลาดและมองการณ์ไกลมาตั้งแต่เด็ก การจ่ายค่าเทอมของเขาหรือจ่ายให้เนส แทนที่เขาจะจ่ายเป็นก้อนเขาก็เลือกที่จะทำเรื่องแบบผ่อนเผื่อไว้ว่าคนที่บ้านจะดูและก็ได้ดูจริง ๆ พอดีกับศิลาเดินเข้ามาพร้อมกับสาวเซ็กซี่ชุดฟิตเปรี๊ยะ ที่เดินนวยนาดแจกยิ้มเชิญชวนมาตลอดเส้นทาง
"ศิลามาแล้วว่ะ แล้วดูแมรี่ ยั่วขนาดนั้นไม่แจกเบอร์ห้องไปเลยวะ" เทนว่าอย่างเหยียด ๆ เมื่อเห็นเพื่อนเดินเข้าประตูมาพร้อมกับหญิงสาวที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่นัก
"ช่างมันน่า รู้นิสัยไอ้ศิมันหนิ มันง้อคนเป็นที่ไหนเดี๋ยววุ่นวายมากมันก็ปล่อย" มาร์คว่าอย่างรู้นิสัยเพื่อน เมื่อเพื่อนรักอีกคนเดินเข้ามาร่วมโต๊ะสักพัก มาร์คจึงขอตัวไปเทสซาวน์เพื่อเตรียมจะขึ้นร้องเพลงในคืนนี้ และดูเหมือนว่าพรของแม่ค้าตัวน้อยคืนนี้จะได้ผลดีมาก เพราะได้ทั้งทิปหน้าเวทีและทิปจากการขอเพลงเกือบ 2 หมื่นบาทและยังไม่รวมทิปพิเศษที่ลงไปนั่งกับลูกค้า VIP หลังร้องเสร็จอีกเป็นหมื่น ทำให้ชายหนุ่มยิ้มไม่หุบเพราะถือว่าเป็นทิปที่ได้มากที่สุดตั้งแต่เคยได้มาและตั้งใจว่าพรุ่งนี้ไม่มีสอบจะนอนให้เต็มอิ่ม แล้วสาย ๆ จะออกไปแวะซื้อขนมไปฝากแม่ค้าพวงมาลัยตัวเล็กซักหน่อยก่อนไปติวกับเพื่อนที่มหาลัยตามที่นัดกัน
~~~~~~~~~~
รุ่งเช้ามาร์คที่ว่าจะนอนตื่นสาย ๆ แต่กลับต้องตื่นแต่เช้า เพราะน้านารถโทรมาปลุกบอกว่าพ่อล้มในห้องน้ำต้องแอดมิตด่วน ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวลวก ๆ แล้วรีบวิ่งลงจากคอนโดชั้น 5 แบบไม่รอลิฟต์ วิ่งตรงไปยังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของคอนโด ควบรถคู่ใจออกไปทันที
แต่เมื่อถึงแยกใหญ่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนักชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วอีกรอบกับเสียงการทะเลาะกันของ 2 เด็กน้อยเจ้าเดิมเมื่อวานแต่วันนี้แม่ค้าตัวเล็กยืนกำมือแน่นอยู่หน้ากล่องใส่พวงมาลัยมองเด็กชายตรงหน้าด้วยสายตาเอาเรื่อง
"นายอ้วน เราจะฟ้องตาว่านายทำมาลัยเราพัง นายรู้มั้ยเราต้องลุกมาร้อยเองตั้งแต่ตี 4 เลยนะ" คนตัวเล็กเสียงแปร๋น ขณะที่นายอ้วนเด็กชายตัวโตผิวคล้ำพุงพลุ้ยกระโดดแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนจนน่าเขกกะโหลก
"แบร่~~ ไปฟ้องเลย ขี่ม้า 8 ศอกไปบอกเลย ตาน้อยขาเดียวไม่มีปัญญาทำอะไรได้หรอก" เด็กอ้วนว่าพลางกระโดดแลบลิ้นพลาง ชายหนุ่มตัดสินใจขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นฟุตบาทแล้วแอบไว้ด้านหลังเสานั่งคร่อมเบาะฟังเงียบ ๆ
"นายมันคนไม่น่าคบ ทำไมไม่เอาเวลาไปทำมาหากิน มาแกล้งเราทำไม แยกก็ตั้งใหญ่ เราขายแค่แยกเดียวนายได้ขายตั้ง 3 แยก จะมาวุ่นวายกันทำไม" เสียงเล็ก ๆ สั่นเครืออย่างน่าสงสาร
"ก็ช่วยไม่ได้ ใครบอกให้ขายดีกว่าล่ะ ถ้าไม่มีแก เราก็ขายคนเดียว ก็จะขายหมดทุกวัน" เด็กอ้วนว่าขึ้นอย่างน่าเกลียด
"ถ้าคิดว่าตรงนี้ขายดี นายมาขายตรงนี้เราไปขายฝั่งโน้นก็ได้ ทำไมต้องมาเหยียบมาลัยเราทิ้งหมดด้วยล่ะ นี่มันทุนเราทั้งหมดเลยนะ" คนตัวเล็กว่าอย่างน่าสงสารพลางมองพวงมาลัยเปื้อนดินเละ ๆ ในกล่องตาแดง ๆ
"ไม่! แกต้องไม่ขายแยกนี้ แกต้องไปขายแยกอื่น" เด็กอ้วนว่าขึ้นเสียงดัง
"เรามาขายก่อนนะ นายมาขายทีหลังเป็นปีจะมาไล่เราไม่ได้" เสียงเล็ก ๆ แหวขึ้นจริง ๆ ตรงนี้เธอขายอยู่กับตาของเธอมาก่อนตั้งแต่เด็กเพราะตาเธอมีอาชีพขายพวงมาลัยเลี้ยงเธอตั้งแต่จำความได้ แต่เมื่อปีก่อนตาประสบอุบัติเหตุทำให้ต้องตัดขา 1 ข้าง เธอเลยมาขายคนเดียวช่วงวันหยุดหรือปิดเทอมแบบนี้เพราะไม่อยากให้ตายืนนาน ส่วนอ้วนนั้นแม่มีร้านขายดอกไม้สดที่ตลาดและสงสาร 2 ตาหลานเลยรับพวงมาลัยไปขายประจำ อ้วนเลยขอแม่มาขายตรงนี้เพราะเห็นว่าเด็กหญิงขายดีมีเงินไปกินขนมที่โรงเรียนเยอะ แต่แม่เขาก็บอกตลอดว่าให้ช่วยดูแลหลานตาน้อยด้วยซึ่งเขาก็รับปากซะดิบดี แต่ความจริงนอกจากจะไม่ดูแลแล้วเขายังคอยแกล้งเธอสารพัดอีกต่างหาก
"มาขายก่อนแล้วไง เราไม่ให้แกขายแกก็ต้องห้ามขายเว้ย"
"ได้วันนี้เราไม่ขายก็ได้" ว่าพลางยกกล่องมาลัยเปื้อนดินขึ้นแล้วเดินกลับไปหงอย ๆ
"แกจะไปไหน ทางนั้นมันตลาดนะ" อ้วนพูดขึ้นอย่างร้อนใจ เพราะบ้านของเธอไปอีกทางแต่ถ้าทางนั้นมันคือตลาดแล้วตอนนี้แม่ของเขาก็อยู่ที่นั่น
"นายทำมาลัยเราพัง เราจะเอาไปให้ป้าทิพย์จ่ายตังค์แล้วจะไม่ให้ตาร้อยมาลัยส่งป้าทิพย์อีก เตรียมโดนตีก้นลายได้เลย แบร่~~" หันว่ามาพลางแลบลิ้นเล็ก ๆ ใส่เด็กอ้วนแล้วอุ้มกล่องพวงมาลัยวิ่งหนีขึ้นสะพานลอยโดยมีเด็กชายวิ่งตามพร้อมตะโกนเรียกโวยวาย มาร์คได้แต่มองตามยิ้ม ๆ แล้วส่ายหน้าอย่างขำ ๆ กับการแก้ปัญหาสุดน่ารักของเด็กน้อยและการพูดจาที่เหมือนได้รับการอบรมมาอย่างดีไม่มีคำหยาบหลุดมาให้ได้ยิน แถมเสียงแจ๋ว ๆ ตอนโกรธนั่นยังฟังเหมือนแมวขู่มากกว่าโกรธซะอีก ทำให้เขายิ่งถูกชะตาเด็กน้อยนี่อย่างมาก
"เอาไว้พี่ซื้อขนมมาฝากวันหลังละกันนะ แม่ค้าน้อย" ชายหนุ่มพูดขึ้นเบา ๆ แล้วสตาร์ทเครื่องมอเตอร์ไซค์ขับไปที่โรงพยาบาล ตามที่แม่เลี้ยงโทรบอกทันที....
ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล มือถือของชายหนุ่มสั่นรัว ๆ นับ 10 สายจากเบอร์โทรเข้าแค่เบอร์เดียว ทำให้ชายหนุ่มจำเป็นต้องแวะปั๊มน้ำมันเติมน้ำมันและกดรับสาย"ครับน้านารถ"(มาร์ค ถึงไหนแล้วลูก) เสียงนงนารถสั่นเครือมาตามสาย"แวะปั๊มครับ อีก 7 กิโลก็ถึงครับน้าแค่นี้นะครับผมจะรีบไป" ว่าจบชายหนุ่มก็รีบวางสายแล้วบึ่งออกไปทันทีแบบไม่รอเงินทอน เขาจับน้ำเสียงของแม่เลี้ยงได้ว่าพ่ออาการน่าจะไม่ดีเท่าไหร่นัก.........//..........ณ โรงพยาบาลรถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่วิ่งเข้ามาจอดตรงที่จอดรถชั่วคราว ชายหนุ่มรีบถอดหมวกกันน็อกวางที่เบาะแล้วถอดกุญแจวิ่งไปที่หน้าห้องฉุกเฉินที่เห็นหลังของแม่เลี้ยงไว ๆ อยู่ตรงนั้น "น้านารถครับ พ่อเป็นไงมั่งครับ" ชายหนุ่มวิ่งไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินพร้อมกับถามแม่เลี้ยงเสียงรัว "พ่ออยู่ข้างในลูก หมอกำลัง... กำลัง...ฮือ" นงนารถตอบลูกเลี้ยงเสียงสั่นพร้อมกับร้องไห้โฮเสียงดัง"กำลังอะไรครับ น้า..." มาร์คจับมือแม่เลี้ยงเขย่าถามน้ำตาคลอ พอดีกลับประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมาคุณหมอเดินออกมาหาญาติคนไข้ด้วยใบหน้าสงบ มาร์ครีบปล่อยมือแม่เลี้ยงแล้วคว้าแขนของหมอเขย่าถามรัวทันที"หมอ พ่อผมเป็นไงค
"จริงเหรอแม่ นี่ย่าขายบ้านของผมเหรอ?" เนสเอ่ยขึ้นอึ้ง ๆ พร้อมกับขยับตัวออกห่างจากผู้เป็นย่า"ใช่ ย่าเนสขายบ้านเนสไปก่อนวันเกิดเนสลูก พวกเรากะจะเซอร์ไพรส์ลูกกัน กลัวลูกจะน้อยใจที่พี่มาร์คได้ไปอยู่คอนโด แล้วเนสขับรถไปกลับไกล ๆ พ่อเป็นห่วงเนสมากนะลูก พี่มาร์คเขาก็ทำงานเพิ่มเก็บเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้ตั้งหลายอย่าง (ว่าพลางขยิบตาให้ลูกเลี้ยงพลาง) แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้วลูกเพราะย่าที่เนสรักขายไปหมดแล้ว" คุณนงนารถว่าเสียงเครือพร้อมกับทำท่าสะอื้นจนตัวสั่นอย่างน่าสงสาร ตอนนี้บรรดาแขกเหรื่อต่างซุบซิบนินทากันอย่างหนาหูถึงการกระทำของแม่คนตายที่ขายสมบัติลูกหลานจนหมด"แม่บอกเนสหลายครั้งเนสไม่เคยเชื่อแม่ คอนโดพี่มาร์คนั่นเป็นเงินของแม่ดาราเขาลูก ค่าเทอมพี่มาร์คก็หาเองทั้งหมด ค่ารักษาพ่อพี่มาร์คก็ช่วยมาตลอด เราไม่เคยได้จ่าย ค่าน้ำค่าไฟก็พี่เค้า ที่เค้าไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะเค้าทำงานด้วยเรียนด้วยไงลูก ลำพังแค่สวนผลไม้ตอนนี้มันไม่ได้ออกทั้งปีเหมือนตอนที่พ่อแข็งแรงแล้วนะ ลูกดูถูกพี่เค้ามาตลอด เห็นดีเห็นงามกับคำพูดของคุณย่าแต่เนสรู้มั้ยคนที่เนสเกลียดที่สุด เขารักและห่วงเนสแค่ไหน พี่มาร์คต้องทำเรื่องขอผ่อน
"เอาล่ะ สรุปกันได้แล้วหรือยังลูกจะถึงเวลาแล้วนะ" ท่านคณบดีผู้มีศักดิ์เป็นลุงเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าพี่น้องคุยกันค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจและตอนนี้พระก็เริ่มทยอยมากันแล้ว "ครับ ลุง!" 2 พี่น้องต่างแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน"งั้นก็เตรียมได้แล้วลูก มาร์ค เนส นิค มานั่งกับลุง" คนเป็นลุงพูดขึ้นทำให้ทั้ง 3 เดินไปนั่งข้าง ๆ ลุงอย่างว่าง่าย แล้วพิธีต่าง ๆ ก็ดำเนินการไปจนเสร็จสิ้นทุกอย่างรวมถึงทำบุญผ้าป่ากับเงินส่วนที่เหลือในงานจนหมดตามที่คุณนงนารถว่าไว้และตอนนี้ทุกคนก็เตรียมแยกกันเพื่อไปดำเนินชีวิตต่อ โดยที่บรรดาเพื่อนของมาร์คที่อยู่ช่วยงานจนแล้วเสร็จนั้นต้องเดินทางกลับก่อนเพราะศิลาต้องไปต่างประเทศกับคุณปู่ โรมต้องไปเฝ้าร้านแทนพี่ชายที่ภรรยาเพิ่งคลอด ส่วนเทนนั้นเขาสนใจที่จะเปิดบริษัทส่งออกของตัวเองเมื่อเรียนจบจึงเริ่มเข้าไปศึกษางานที่บริษัทของพี่เขยตั้งแต่เนิ่น ๆ "มาร์ค มึงจะผ่อนบ้านจริง ๆ ดิ" เนสพูดขึ้นขณะที่กำลังนั่งทานข้าวกัน 4 คนแม่ลูก มาร์คเงยขึ้นสบตากับแม่เลี้ยงอย่างขอคำปรึกษา คุณนงนารถก็ขยิบตาเล็ก ๆ ให้ชายหนุ่มเล่นละครต่อ "อือ...มึงจะได้ไม่ต้องขับรถไกลไงแล้วมันก็เป็นความต้องการของพ่อตั้งแต่ทีแร
สี่แยกใหญ่ที่การจราจรแสนหนึบหนับกลางเมืองหลวง รถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่ (แต่ค่อนไปทางเก่า) วิ่งขึ้นมาจอดที่ริมฟุตบาทไม่ห่างจากกล่องพวงมาลัยกล่องเล็กคุ้นตามากนัก ชายหนุ่มตั้งขาตั้งรถถอดหมวกกันน็อกแล้วกวาดตามองหาแม่ค้าตัวน้อยที่ตั้งใจเก็บมะม่วงกับมะยงชิดมาฝากเต็มตะกร้ามอเตอร์ไซค์ และมีเค้กโบราณหน้ารวมติดมาด้วยอีกกล่อง"มาซื้อมาลัยหรือพ่อหนุ่ม" เสียงตาแก่ที่ถือไม้แขวนพวงมาลัยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้มาร์คหันกลับไปมองอย่างสงสัย"เอ่อ... ผมมาหาแม่ค้าพวงมาลัยตัวเล็ก ๆ ที่น้องขายอยู่ตรงนี้น่ะครับตา" ชายหนุ่มเอ่ยตอบพลางมองชายดังกล่าว แกเป็นคนแก่อายุน่าจะมากกว่า 60 ผิวน้ำตาลกร้านแดด ผมเผ้าหวีเรียบร้อย ที่สำคัญคือเสื้อผ้าที่ใส่ถึงจะเก่าแต่ก็ดูสะอาดสะอ้านมาก ขาด้านขวาแกโดนตัดขึ้นเหนือเข่ายืนถือไม้ค้ำยันมองหน้าเขายิ้ม ๆ "อ๋อ... เจ้าน้ำหวานน่ะเหรอ วันนี้ไปฟังผลสอบน่ะกลับมาก็น่าจะเที่ยงโน่นแหละ ขอไปกินไอติมที่ตลาดกับเพื่อนเขาด้วย พ่อหนุ่มมีอะไรล่ะจะสั่งพวงมาลัยหรือลูก" ตาน้อยเอ่ยถามพลางมองสำรวจชายหนุ่มยิ้ม ๆ "ครับตา วันนี้วันพระผมเลยจะแวะสั่งมาลัยให้น้องไปส่งตอนเย็นน่ะครับ แล้วพอดีกลับบ้านม
"แหม พูดถึงนี่ยิ้มเลยนะครับนะแต่กูก็ว่าน้องเค้าน่ารักนะ เลี้ยงต้อยซัก 7-8 ปีคงใช้งานได้" เทนว่ายิ้ม ๆ"มึงนี่ก็ คิดอะไรบาปไปนะไอ้เทน กูแค่เอ็นดูน้องเค้า ตัวแค่นี้รู้จักทำมาหากิน แล้วพูดเก่งมากกูว่าถ้ามีน้องสาวแบบนี้คงจะหนวกหูดี ดีกว่าอยู่เงียบ ๆ" มาร์คว่าขำ ๆ ตามความคิดของตัวเอง"อ่อ... อยากเป็นพี่ชาย น้องมัน?"โรมเลิกคิ้วถาม"เออ... กูว่ามันน่าจะดีกว่าน้องชายปากหมา ๆ อย่างไอ้เนส กับใจร้อนอย่างไอ้นิคว่ะ" มาร์คบอกเพื่อนพลางกระดกเบียร์หมดกระป๋องแล้วจะคว้ากระป๋องใหม่มาเปิด"ของกู" เทนรีบคว้าก่อนทำให้ได้รับค้อนวงน้อย ๆ จากเพื่อนก่อนที่มาร์คจะลุกขึ้นไปหยิบมาใหม่อีก 3 กระป๋อง"กูว่าเราสั่งข้าวมากินกันเถอะจะบ่ายละ นอนซักพักกูต้องออกไปร้าน เมื่อคืนพวกเมาแล้วตีกันเละเทะฉิบหาย" โรมว่าพลางเปิดแอปสั่งอาหาร"อือ ดี กูก็เพลีย ๆ ว่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกมึงต้องไปดูบ้านกับกูนะ เฟอร์บางส่วนกูจะขนออกมาเก็บหลังร้านก่อนแล้วค่อยทยอยขนไปเดือนละอย่าง 2 อย่าง มีเยอะเดี๋ยวไอ้เนสมันสงสัย" มาร์คบอกความคิดกับเพื่อน ใจเขาคิดว่าเมื่อบอกว่าซื้อบ้านมือสอง หลุดจำนองมัน
"เฮ้ย ... มึงดูถูกไอ้มาร์คมันไปนะไอ้เนส มันนี่หลานรักคุณปู่ไอ้ศิเลยนะเว้ย บ้านแบบนี้ขอฟรียังได้นับอะไรกับขอผ่อนวะ" โรมว่าแทรกเข้ามาในเครื่อง"ใช่โรม มึงเตรียมมาทำความสะอาดก่อนขึ้นบ้านใหม่เลยไอ้เนส ถ้าไอ้มาร์คมันกู้ไอ้ศิไม่ได้ กูซื้อให้มันผ่อนกับกูเอง" เทนว่าพลางเดินมากอดคอเพื่อนแล้วยักคิ้วให้กล้อง"ตามนี้นะเนส มึงพูดแล้วนะว่าจะมาทำความสะอาดเองน่ะ" มาร์คว่ากับน้องชายต่างแม่ยิ้ม ๆ"แล้วมึงไม่ช่วย?" เนสสวนมาทันที"กูต้องทำงานเว้ย กลับบ้านไปเงินเก็บกูหมดทุกบาท อีกไม่กี่วันก็ค่าน้ำค่าไฟค่าเทอมกูแล้วเทอมนี้มึงแค่รักษาสถานภาพไม่กี่พันกูนี่เป็นแสนเลยนะ มึงก็มาทำเองแล้วกัน เออ...ถ้าน้านารถจะให้ตังค์มาซื้อของก็โอนมาละกัน แล้วบอกว่าจะซื้ออะไรให้มึงมั่งกูจะได้สั่งร้านเขาเอามาส่ง มึงมาจะได้มีใช้" มาร์คให้เหตุผลที่น่าสงสารของตัวเอง จนเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลั้นขำ"เออ... ให้มันได้จริง ๆ เหอะไม่ใช่ให้แม่ดีใจเก้อ จะให้ลงไปทำเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกันแล้วมึงจะไม่ซื้อของมึงล่ะ" เนสว่าพลางหลบสายตาพี่ชายต่างแม่ทั้งยังรู้สึกละอายใจที่ผ่านมาเขาได้ใช้เงินแบบสบาย
เปิดเทอมวันแรกที่แสนจะวุ่นวายของภาคเรียนที่ 2 ของโรงเรียนขยายโอกาสไม่ไกลจากมหาลัยวิทยาลัยชื่อดังเท่าไหร่นัก เด็กหญิงพรสิตาวิ่งกระหืดกระหอบแก้มแดงเข้าโรงเรียนจนผมหน้าม้าฟูฟ่องเปิดหน้าผากมันแผล็บมาแต่ไกล แล้วไปหยุดก้มจับเข่าหอบแฮ่ก ๆ อยู่หน้าห้องเรียนที่เพื่อนกำลังช่วยกันจัดโต๊ะเรียนให้เข้าที่ สภาพเธอตอนนี้เสื้อนักเรียนคอบัวสีขาวที่เธอบรรจงรีดไว้อย่างดีเมื่อคืนถูกโคลนสาดจนกลายเป็นสีน้ำตาลเกินครึ่ง กระโปรงนักเรียนที่อัดกลีบจนมันมีน้ำสีน้ำตาลหยดที่ชายกระโปรงลงพื้นเป็นระยะ ดูแล้วมอมแมมจนครูประจำชั้นขมวดคิ้ว"พรสิตาไปทำอะไรมาลูก ทำไมสภาพเป็นแบบนั้นล่ะ" ครูประจำชั้นเอ่ยถามเด็กน้อยอย่างเป็นห่วงสภาพนี้เธอจะนั่งเรียนกับเพื่อนได้ยังไง"ตอนหนูวิ่งมา รถขนปลาเหยียบน้ำที่หน้าตลาดใส่ค่ะแต่หนูเห็นว่ามันจะสายแล้ว แล้วโรงเรียนก็ใกล้กว่าหนูเลยไม่กลับไปเปลี่ยนค่ะ เดี๋ยวมันก็แห้ง" เด็กน้อยว่าหงอย ๆ วันนี้เธอตั้งใจแต่งชุดสวยมาเปิดเรียนวันแรกแถมโบผูกผมอันใหม่ที่เธออยากได้ เธอกลั้นใจซื้อมาจากห้างก็เปื้อนไปด้วย"โถ่...แล้วจะนั่งเรียนยังไงล่ะลูก" คุณครูใจดีว่าอย่างสงสาร"หนูยืนตรงน
"มึงมีน้องสาวเหรอ?" ศิลาถามขึ้นนิ่ง ๆ"ไม่มี แค่เด็กขายพวงมาลัย กูเห็นน้องมันขายหน้าแดงหน้าดำกูเลยอุดหนุนไอ้พวกนี้ก็แซวแรงไป" มาร์คตอบเพื่อนรักตัดรำคาญ พร้อมทั้งนึกถึงหน้าใส ๆ แก้มแดง ๆ เมื่อเช้า ที่เขาพานั่งหน้ารถไปส่งที่บ้านแล้วพากลับไปส่งที่โรงเรียน เจ้าตัวไหว้สวยทั้งไปทั้งกลับ ถ้าตอนเย็นเจออีกก็คงจะไหว้อีกแน่ ๆ เมื่อคิดถึงตอนนั้นชายหนุ่มจึงเผลอยิ้มออกมา พร้อมทั้งส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างเอ็นดู"เคลิ้มครับ ยิ้มครับ พูดถึงแล้วหน้าบานไม่หุบ มึงบอกว่าน้องมันอยู่กับตา ไม่ไปขอมาเลี้ยงเองเลยล่ะ ตัวแค่นั้นไม่กินเปลืองอะไรหรอกมั้ง" โรมหันมาว่าเพื่อนขำ ๆ"ไอ้โรม น้ำหวานไม่ใช่หมากูจะได้ขอมาเลี้ยงเล่น มึงจะกลับบ้านก็ไปซะที ลากกูเข้าคุกอยู่นั่นแหละ" มาร์คว่าเสียงดังใส่เพื่อนไม่จริงจัง พร้อมกับลุกขึ้นถอดเสื้อเดินเข้าห้องส่วนตัวไป"มึงก็หยอกแรงไปไอ้โรม กูว่าไอ้มาร์คมันเอ็นดูน้องมันจริง ๆ นั่นแหละ ขนาดกูเจอครั้งเดียวยังถูกชะตาเลย หรือมึงไม่ถูกชะตาน้องมัน" เทนหันไปว่าเพื่อนด้วยกลัวว่าเพื่อนอีกคนจะโกรธจริง เพราะเขาก็ไม่เคยมีน้องผู้หญิง เขาเองก็คิดว่าน่าจะดีถ้าได้ยินเสียงแจ๋
3 ปีต่อมามหาบัณฑิตสาวสวยเดินหอบดอกไม้ช่อโตยิ้มร่าเข้ามาหาชายสูงวัยวันนี้ลุงปกรณ์มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับหญิงสาวเมื่อ 3 ปีก่อนเพื่อแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตคนใหม่และเพื่อนรักอย่างของขวัญ ซึ่งการมาของลุงกรณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว แต่เป็นการมาครอบครัวใหญ่ประกอบไปด้วยครอบครัวของมาร์คที่มากันครบและพาคุณย่าวัย80 กว่ามาด้วยและที่เซอร์ไพรส์คืออามนตรีที่บินตรงจากอเมริกาเช่นกัน และยังมีครอบครัวของศิลาและของขวัญที่มีประมุขของบ้านมาแสดงความยินดีกับหลานสาวทั้ง 2 และที่ขาดไม่ได้คือพี่ชายทั้ง 2 ของ 2 สาวและครอบครัว และเพื่อนรักไข่มุกที่มาพร้อมสามีและลูกสาวตัวน้อยวัยกำลังพูดคุยที่มาร์คค่อนข้างจะหลงมากตั้งแต่แรกเห็น ทั้งขออุ้มขอหอมดูหวงและโอ๋สุดพลังจนพ่อเด็กกลัวว่าจะไม่ได้ลูกคืนโดยการมาครั้งนี้เป็นการจัดการ2 สามีของ 2 สาวที่เช่าเครื่องบินเหมาลำทั้งมาและกลับไทยเพื่อไปฉลองปริญญาที่บ้านเกิดอีกรอบ"ที่รัก เป็นอะไรครับทำไมหน้าซีด ๆ หนูนอนไม่พอรึป่าว" มาร์คเอ่ยข้างหูภรรยาคนสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่เครื่องบินกำลังเหินฟ้ามุ่งสู่ประเทศบ้านเกิด"หวานเวียนหัว
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย" น้ำหวานอุทานตาโตเมื่อเดินเข้ามาในห้องพักของตัวเองแล้วเห็นถุงสินค้าแบรนด์ดังเกือบ 20 ถุงวางอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น หญิงสาวรีบวางกระเป๋าแล้วเดินไปหยิบถุงที่เล็กที่สุดมาเปิดแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อตรวจแล้วสินค้าทุกถุงถูกตัดป้ายราคาออกทั้งหมด ทำให้หญิงสาวต้องหอบของทุกถุงลงวางกับพื้นแล้วเปิดทีละถุงออกมากดดูราคาสินค้าทางช็อป"แปดแสน!" หญิงสาวอุทานตาโตกับราคากระเป๋าสะพายหนังอะไรซักอย่างสีดำใบกระทัดรัดที่เพียงพอแค่ใส่กระเป๋าสตางค์ใบสั้นของเธอกับมือถือหน้าจอ 6.7 นิ้ว ได้เท่านั้น"ตาย...ทำไมมันแพงขนาดนี้เนี่ย" หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วเปิดกล่องรองเท้าผ้าใบที่คล้ายกันอยู่ 2 คู่เป็นของผู้ชายและของผู้หญิงแล้วเมื่อเช็คราคาและคำนวณเป็นเงินบาทไทยอย่างรวดเร็วก็ถึงกับหน้ามืด "คู่ละ 6 หมื่น! พี่มาร์คเป็นบ้าอะไรทำไมใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้เนี่ย" แล้วหยิบกล่องที่บรรจุสูทตัวแพงที่มีรุ่นติดอยู่ที่ฝากล่องออกมาเสิร์ชหาราคาพร้อมกับคำนวณเป็นเงินไทยแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดกล่องอย่างเบามือ"ตัวละ สะ สะ สี่แสนเลยเหรอ แล้ว ๆ ๆ มี 3 กล่อง คุณพระ! อิหวานจะเป็นลม ใส่แล้วมั
เคเอส กรุ๊ป สาขาอังกฤษร่างบางเดินหน้างอเข้ามากระแทกก้นสวยลงที่เก้าอี้ด้านหลังของโต๊ะทำงานในห้องผู้ช่วยท่านประธานสาขา แล้วชำเลืองมองคนที่กำลังทำท่าอ่านเอกสารอย่างขมักขเม้นเหมือนไม่ได้รู้สึกว่าเธอเดินเข้ามาในห้อง"โปรเฟสเซอร์คะ หวานขอลางานครึ่งวันค่ะ" เสียงหวานว่าขึ้นอย่างแง่งอน"ไม่อนุญาตครับ วันนี้คุณน้ำหวานยังไม่ช่วยผมทำงานซักบรรทัดเลยนะครับ" เจ้าของห้องว่าขึ้นนิ่ง ๆ"งั้นเอางานมาค่ะหวานจะทำ ไม่ใช่ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาเสียกบาลอยู่แบบนี้""จะทำตอนนี้เลยหรือครับ" ชายหนุ่มหันมามองหน้าสายตากรุ้มกริ่ม แล้วจ้องหน้าอกคู่สวยที่ดันเชิ้ตผ้าลื่นสีหวานอย่างเปิดเผย"หันไปเดี๋ยวนี้โปรเฟสเซอร์ ตามข้อตกลงของเราคือหวานจะลงไปอยู่กับพวกพี่ข้างล่างได้วันที่โปรเฟสเซอร์มีสอนนะคะ" คนสวยออกคำสั่งแล้วพูดถึงข้อตกลงร่วมกันหน้าบึ้ง ๆ"แต่ตามข้อตกลงของเรา คุณผู้ช่วยจะต้องขึ้นมาถ้าผมอยู่ที่ห้องนี่ครับ" ชายหนุ่มหันมาพูดยิ้ม ๆ แล้ววางปากกาในมือก่อนจะหันเก้าอี้ทั้งตัวมามองหน้าหญิงสาว"พี่มาร์ค... หวานอยากฝึกการตลาดน่ะ นะ...นะ นะ..." คนตัวเล็กลุกขึ้
"เอ่อ...อาตรีมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือคะ พี่มีนาไปตามหาที่บ้านแม่นารถหลายรอบเลยค่ะ ไปตามที่ร้านพี่โรมถามหนูตั้งหลายรอบ" หญิงสาวเอ่ยถามในขณะที่แม่บ้านตักข้าวใส่จานให้และเธอก็เผลอยกมือไหว้อย่างไทยจนแม่บ้านแอบยิ้มกับความน่ารักแรกเห็น"ก็มาตั้งแต่มาร์คให้มานั่นแหละ อามาอยู่ที่นี่ได้ 3 ปีกว่าแล้วล่ะ" อามนตรีตอบหญิงสาวยิ้ม ๆ"พี่มาร์คให้มา?" หญิงสาวทวนคำพลางมองหน้ามาร์คอึ้ง ๆ"เผอิญว่าไร่องุ่นของพ่อเพื่อนพี่ที่นี่ อยากแบ่งขายพี่เลยซื้อให้อาตรีดูแลต่อ" ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ พลางตักอาหารวางใส่จานให้หญิงสาว"ซื้อไร่องุ่นที่นี่หรือคะ""ใช่ลูก มาร์คสร้างชีวิตใหม่ให้อาได้หลุดพ้นจากครอบครัวนั้น ตอนนี้อามีความสุขมากจนไม่อยากกลับไทยเลยล่ะ" อามนตรีตอบยิ้ม ๆ "แล้วพี่มีนอาเดือนล่ะคะ" "ก็ช่างเขาสิลูก 2 แม่ลูกนั่นไม่ได้เกี่ยวกับอาหรอก ลูกของอาจริง ๆ เป็นผู้ชายชื่อต้นกับตามเขาเสียตอนอนุบาลทั้งคู่ ส่วนมีนาเป็นลูกที่ติดท้องมาของเดือนแรม อามันก็แค่เด็กในไร่การศึกษาสูงที่สุดในตอนนั้นที่เจ้าของไร่บังคับให้แต่งงานกับลูกสาวเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองแล้วสวมหัวโขนให้อาทำงานเป็นลูกเขยทั้ง ๆ ที่จริง ๆ อามันก็แค่ลูกจ้างนั่
ช่วงบ่ายเกิดความโกลาหลกันขึ้น เพราะ 2 หลานสาวของคุณหญิงหายออกไปจากออฟฟิศ โดยไม่ได้ออกไปทานข้าวพร้อมกับคุณหญิง มาร์คไล่ดูกล้งวงจรปิดที่ออฟฟิศและของอพาร์ตเมนต์อย่างละเอียดเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงที่ตนไม่อยู่แล้วสั่งให้เลขาเพื่อนเช็คทะเบียนรถแท็กซี่ที่ 2 สาวขึ้นไปอย่างร้อนรน ช่วงบ่ายหลังจากที่รู้ว่าคนทั้ง 2 เดินทางไปที่ไหน ศิลาได้เรียกพนักงานที่อยู่ไหนเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุให้ของขวัญตัดสินใจกลับบ้านขึ้นมาพบทุกคน ชายหนุ่มสั่งให้เอ็ดเวิร์ดจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไฟล์ตที่ด่วนที่สุด เพราะคนทั้งคู่ไม่ได้นำเอาสิ่งของอะไรติดตัวไปนอกจากกระเป๋าสตางค์และเอกสารการเดินทางทั้งมือถือยังถูกทิ้งไว้ที่โซฟาในห้องของน้ำหวานอย่างไม่ใยดี..........//..........เช้าตรู่ของประเทศสหรัฐอเมริการถลีมูซีนสนามบินวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านสีขาวหลังเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก2 คนก้าวลงจากรถแล้วเดินอาด ๆ เข้าบ้านอย่างคุ้นเคยเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงมาที่ครัวทำให้น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่เพื่อนอย่างสงสัย"ใครมาแต่เช้าค่ะมี้"
Mark talkเมื่อคืนผมได้คุยกับผู้ร่วมทุนคนใหม่ของโครงการที่ฝรั่งเศสครับ ท่านบอกว่าผู้หญิงเขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบ เขาต้องการความรัก อันนี้มันเป็นสิ่งเกินคาดหมายของผมมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาผมจะคิดว่าการรับผิดชอบเป็นอะไรที่ทุกคนต้องการเสมอ ตอนที่ผมอยู่เมืองไทยการที่เราจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับผมคือการยื่นเงินเป็นตัวเลขให้แล้วจบกันตรงนั้นผมคิดว่าเป็นแค่การซื้อขายหรือความรับผิดชอบในทางธุรกิจที่จะไม่ผูกมัดหรือผูกพันอะไรกัน แต่เมื่อผมมีอะไรกับน้องในคืนนั้น ผมพยายามจะขอรับผิดชอบโดยอ้างสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ยื่นจำนวนเงินหรือสิ่งที่เป็นตัวเลขให้ แต่ผมกลับนึกคำพูดหรือความหมายพวกนั้นไม่ออก จนได้มาคุยกับผู้ร่วมทุนท่านนี้ ท่านเหมือนเป็นผู้เขี่ยผงเล็ก ๆ ออกจากตาของผมทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมจะยื่นให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราอยากจะมีเขาอยู่ตลอดชีวิต มันไม่ใช่ความรับผิดชอบ แต่ สิ่งที่ผมควรยื่นให้เธอคือ ความรักแล้วท่านก็ใจดีมากครับที่ยอมให้เครื่องบินส่วนตัวมาส่งพวกผมเมื่อคืน ตลอดทางผมนึกหาคำพูดต่าง ๆ หาเหตุผลประกอบว่าทำไมน้องถึงไม่อยากให้ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ จนผมได้คุยกับไอ้เทน ม
"ไม่เห็นว่าอะไรนี่ ท่านไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยนะ คงเป็นปกติของอเมริกันชนน่ะ เพื่อน ๆ ของน้องขวัญเขาก็มีเซ็กส์กันตั้งแต่ไฮสคูลเยอะแยะไป แต่กับศิลา น้องขวัญก็คงแค่คู่นอนตอนกลางคืนตอนกลางวันเราก็เป็นเจ้านายลูกน้องกันปกติ""จ่ะ เจ้านายลูกน้อง เรียกไปนอนกลางวันซะทุกวันขนาดนั้น แหนะ ๆๆ อย่าบอกนะว่าบอสหิวกลางวันด้วยน่ะ" หญิงสาวชี้หน้าถามเพื่อนอย่างล้อเลียน *พี่มาร์คก็คงคิดกับเราแบบนี้สินะ มากกว่าพี่แต่ไม่ใช่ผัว*"บ้า ~ ช่วงนั้นป่วยจริง นอนกลางวันจริงจ่ะ แต่ต่อไปก็ไม่ได้นอนแล้วไงก็มาฝึกงานกับหวาน เอ้อ... เห็นศิลาพูดว่าคุณปู่สั่งให้หวานขึ้นมาฝึกงานกับพี่มาร์คนี่ พี่มาร์คบอกหรือยัง?" ของขวัญตอบเพื่อนพร้อมกับถามอย่างนึกขึ้นได้"ก็เกริ่นเมื่อคืนนิดนึงนะแต่นิดเดียวจริง ๆ แต่ยังไม่รู้อะไรคงต้องรอผู้ใหญ่สั่งอีกทีล่ะมั้ง แต่หวานอยู่แผนกนี้ก็สนุกนะ พี่ ๆ น่ารักดี" น้ำหวานว่ายิ้ม ๆ *จะให้ไปทำไมวะแค่นี้ก็หายใจไม่ได้แล้วมั้ย*"เมื่อวานพี่โอปอล์กระซิบบอกว่าระวังเอริน่าแผนกต้อนรับ นางปลื้มพี่มาร์คมาก 2 วันนี้พี่มาร์คกับท่านประธานไม่อยู่ ระวังโดนหยุมหัว" ของขวัญยื่นหน้าพูดกับเ
4 ทุ่มของวันเดียวกัน ชายหนุ่ม 2 คนเดินออกจากลิฟต์ของ อพาร์ตเมนต์ ศิลาต้องขมวดคิ้วแล้วดึงแขนเพื่อนอย่างนึกได้"เดี๋ยวมาร์ค มึงบอกว่าวันนี้น้องขวัญกับน้ำหวานจะกลับมานี่" พูดขึ้นพลางขมวดคิ้วแล้วหันมองห้องตรงข้ามของมาร์ค"เออ~ ว่ะ แล้วจะมาตอนไหนไม่เห็นโทรบอกให้ไปรับวะ กูลืมน้อง ๆ ไปแล้วนะเนี่ย" ว่าจบมาร์คก็ล้วงมือถือมากดโทรหาน้ำหวานทันที ซึ่งเสียงมือถือก็ดังแว่ว ๆ ออกมาจากห้องของหญิงสาว"มาถึงแล้วไง" ศิลาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปแตะคีย์การ์ดห้องตรงข้ามกับห้องของตัวเองเดินตรงเข้าไปในห้องนอนแล้วเดินออกมาที่หน้าห้องของน้ำหวานอีกครั้งก่อนจะแตะคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปอุ้มร่างบางเดินออกมาที่ห้องตัวเองผ่านหน้าเพื่อนชาย ซึ่งมาร์คก็ได้แต่ยืนยิ้มส่ายหน้าขำ ๆ"เฮ้อ...มึงก็มึนเกินศิลา ยังดีที่น้องขวัญไม่โกรธกูนี่สิ ขนาดมายังไม่บอกกูเลยเฮ้อ" ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วเดินเปิดประตูเข้าไปที่ห้องตัวเองอย่างหงอย ๆ "เอาเหอะ...พรุ่งนี้ค่อยคุย" .............//..........4 ทุ่มของอีกวันวันนี้ทั้งวันมาร์คต้องออกไปพบลูกค้ากับศิลาที่ต่างเมืองชายหนุ่
ครืด.... ครืด....เสียงมือถือดังขึ้นทำให้คนกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยถึงกับสะดุ้งหันมาคว้ามือถือกดรับสายทันทีแบบไม่ได้ดูสายเรียกเข้า"สวัสดีค่ะ"(ตัวเล็ก)"คะ"(เป็นอะไรหรือเปล่า)"เปล่าค่ะ"(ศุกร์นี้ไปอเมริกากันนะ) เสียงปลายสายเอ่ยชวนพลางถอนหายใจเบา ๆ"ไปทำไมคะ"(น้องขวัญเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ) คำบอกเล่าทำให้น้ำหวานถึงกับลุกขึ้นนั่งชันเข่าทันที"น้องขวัญเป็นหนักหรือคะ" เสียงเครือปนสะอื้นดังลอดไปตามสาย(พี่ก็ไม่รู้หรอก วันศุกร์เลิกงานเราไปกันนะพี่จองตั๋วไว้แล้ว)"แต่หวาน..."(ไปเถอะพี่จองตั๋วไปแล้ว) มาร์คเอ่ยสวนขึ้นทันที"ค่ะ"(กินข้าวรึยัง ออกไปกินข้าวกับพี่มั้ย) ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องชวนคุย"เรียบร้อยแล้วค่ะ หวานจะนอนแล้ว แค่นี้นะคะ" ตื๊ด! ....mark talkตั้งแต่วันนั้นน้องก็พยายามหลบหน้าผมตลอดเลย คงงอนไปแล้วล่ะ ช่วงนี้ผมก็งานยุ่ง แต่จะว่ายุ่งแค่ช่วงนี้ก็ไม่ใช่ครับ เพราะงานผมก็แบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว ยิ่งช่วงนี้ศิลามันไม่อยู่น้องขวัญที่กลับบ้า