ฟึ่บ... ยังไม่ทันที่เพลินฝันจะวิ่งหนีเข้าไปหลังร้านเธอก็ถูกน่านฟ้าดึงเอาไว้ และเป็นอินทัชที่วิ่งมาขวางหน้า สาวเจ้าหลับตาปี๋ขบเม้มริมฝีปากแน่นชาวาบไปทั้งตัว ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเจอน่านฟ้าที่นี่
สองแขนแกร่งรวบพลิกตัวคนตัวเล็กให้หันมาประจันหน้ากับเขา น่านฟ้าจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่ตอนนี้ซีดเผือดไร้เลือดฝาดทั้งยังเอาแต่หลับตาไม่กล้ามองหน้าหรือปริปากพูดอะไร เขาจ้องมองเธออยู่แบบนั้นไม่ละสายตา
“แอ้ มา...ม่ะ” เสียงใสของยัยหนูตัวกลมที่ยืนหน้าบานเรียกคนเป็นแม่อยู่ในเปลทำเพลินฝันแทบลมจับ ทั้งเสียงนั้นยังดึงความสนใจจากสองหนุ่มได้เป็นอย่างดี ทำสองหนุ่มจ้องมองไปยังเด็กหญิงตัวกลมในเปลเป็นตาเดียวก่อนจะหันมามองหน้ากันด้วยสายตาฉงนบ่งบอกถึงความสงสัยที่ตรงกัน
เพลินฝันได้แต่ยืนเงียบไม่ยอมตอบรับเสียงเรียกของลูกสาว ตอนนี้เธอรู้สึกหูอื้อตาลาย ในหัวตอนนี้มีเพียงคำว่า ‘ตายแน่’ วนเวียนอยู่ไม่เว้นว่าง
“มา...ม่ะ มา..ม่ะ แอ้ะ!!” ใช่ตอนนี้เสียงเจ้าตัวกลมกำลังเริ่มเพิ่มความหนาของน้ำเสียงเตรียมตัวที่จะดุในไม่อีกกี่วินาที
“หม่าม๊าอยู่ตรงนี้ไงคะ” เพลินฝันที่ถูกขึงเอาไว้ด้วยสองแขนแกร่งเอี้ยวตัวมองกลับหลัง ส่งเสียงหวานปนสั่นเครือเอ่ยตอบลูกรัก คำพูดของเธอที่คุยกับเด็กหญิงตัวกลมในเปลเริ่มทำให้น่านฟ้าเริ่มขมวดคิ้วย่นมากขึ้น
“ลูกคุณ...กับใคร?” เขาเอ่ยถามหญิงสาวเสียงแข็ง ทั้งสายตายังจับจ้องไปที่เด็กหญิงตัวกลมกระโปรงชมพูฟูฟ่องไม่วางตา ดวงตากลมคู่นั้นที่จ้องมองมายังเขาตาแป๋ว ทั้งยังพวงแก้มที่ฟูเป็นซาลาเปา รวมถึงปากเล็กอมชมพู หากเด็กหญิงไม่มีโบว์คาดอยู่ที่หัวก็ไม่ได้ต่างอะไรกับรูปถ่ายของเขาตอนแรกเกิด
สาวเจ้าแทบจะน้ำตาไหล หัวใจเกือบจะหยุดเต้นเสียให้ได้ ไม่อยากตอบคำถามนี้เอาเสียเลย
“เหมือนคุณน่านไม่มีผิดเลยนะครับ”
เพลินฝันเข่าทรุดลงพื้นยืนไม่อยู่ เมื่ออินทัชได้พูดเปรยแสดงออกถึงความสงสัยในความลับที่เธอต้องการปกปิด แต่ด้วยหน้าตาของลูกเธอที่ไม่ผิดไปจากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ คงทำให้เธอหาทางปฏิเสธได้ยาก และถึงจะปฏิเสธเรื่องลูกไปได้เธอก็มีคดีอื่นที่น่านฟ้าจะต้องสะสางกับเธออยู่ดี
“มีอะไรจะแก้ตัวไหม”
เพลินฝันพูดอะไรไม่ออกรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างคาอยู่ที่คอ พอจะเริ่มอ้าปากพูดก็ไม่มีเสียง ซ้ำน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลพรั่งพรูลงมาอาบแก้ม อาการของเธอเสมือนการรับสารภาพทุกอย่างไปแล้ว ไม่เคยได้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับเรื่องที่จะต้องได้เจอน่านฟ้าที่นี่มาก่อน เพราะคิดมาตลอดว่าเขานั้นใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ
น่านฟ้าเดินดุ่มไปอุ้มเด็กหญิงตัวกลมหมายจะเดินออกไปจากร้าน เพลินฝันรีบลุกขึ้นมาขวางและพยายามจะดึงตัวลูกของเธอออกให้พ้นพันธนาการของชายหนุ่ม แต่เธอก็เอื้อมไม่เคยถึงตัวของลูกเลย
“มา...ม่ะ มา..ม่ะ” เด็กหญิงที่ถูกอุ้มเหวี่ยงหลบไปมาก็เริ่มส่งเสียงดังเรียกคนเป็นแม่ ทั้งเสียงร้องของลูกและภาพที่น่านฟ้าอุ้มลูกเธอเดินหนีต่อหน้าต่อตาทำเพลินฝันใจจะขาด
“จะพาลูกเพลินไปไหน ปล่อยยัยหนูมาให้เพลินนะคะ” เพลินฝันตามน่านฟ้าจนมาถึงบนรถเธอเกาะแขนเขาเอาไว้แน่น หากเขาไม่ยอมปล่อยลูกเธอคืนมาง่ายๆ เธอก็จะไม่ยอมห่างจากตัวของเขาเช่นกัน
“เฮ้อ” อินทัชปิดร้านของหญิงสาวเรียบร้อยก่อนจะเดินไปที่รถ ขับกลับออกจากหน้าร้านตรงไปที่บ้านของน่านฟ้า
ในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถน่านฟ้าก็ไม่ยอมให้เพลินฝันได้แตะตัวลูกและยังไม่ยอมพูดจาอะไรกับเธอ ด้วยรู้สึกเคืองใจที่หญิงสาวในเรื่องที่เธอสร้างเอาไว้ให้เขา
เด็กหญิงยังคงร้องร้องงอแงระงม คนเป็นแม่ที่ไม่สามารถอุ้มลูกได้ก็ทำได้แต่ปลอบลูกด้วยน้ำเสียงปนสะอื้นเท่านั้น กว่าจะถึงบ้านเจ้าตัวกลมในอกคนเป็นพ่อที่ร้องให้จนเพลียก็หลับลงไปได้
“เรื่องของขวัญคุณโมนาเอายังไงครับ” อินทัชหันไปถามเจ้านายที่นั่งกอดเด็กหญิงตัวกลมไม่ยอมปล่อยถึงธุระที่เจ้านายตนยังทำไม่สำเร็จเมื่อมาส่งเจ้านายถึงบ้านแล้ว
“คงจะต้องเป็นคุณจัดการแทนผมแล้วล่ะ บอกเธอว่าผมติดธุระด่วนฝากขอโทษเธอด้วย”
“ครับ”
คุยธุระจบอินทัชก็กดปุ่มเปิดประตูให้น่านฟ้าได้ลงจากรถ อินทัชแสยะยิ้มอ่อนเมื่อมองกระจกมองหลังแล้วเห็นเพลินฝันเดินตามติดเจ้านายของเขาต้อยๆ เชื่อได้เลยว่าหลังจากนี้ชีวิตอันสงบเงียบของเจ้านายของเขาต้องได้วุ่นวายหลายเรื่องแน่นอน
“เพลินขอโทษนะคะที่ตอนนั้นหนีคุณมา เดี๋ยวเพลินจะรีบหาเงินมาคืนคุณ แต่ตอนนี้คืนยัยหนูมาให้เพลินนะคะ”
“ลูกผม” น่านฟ้ารีบสาวเท้าหนีหญิงสาวที่กำลังจะเอื้อมมือมาคว้าลูกออกจากอกของเขา
“ก็ลูกเพลินเหมือนกัน” เพลินฝันเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาจึงเอ่ยตอบกลับเสียงขุ่น ตอนนี้เธอเริ่มที่จะมีน้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบ
“นั่นอุ้มลูกใครมาคะคุณน่าน” เนื้อนวลแม่บ้านรูปร่างท้วมรีบเดินปรี่เข้ามาหาเจ้านายที่ยืนอยู่กับหญิงสาวแปลกหน้าที่หน้าประตูบ้าน
“ลูกผมครับ เอาไปนอนที่ห้องผมก่อน ฝากป้านวลดูแลแกด้วยนะครับ”
“ค่ะ” เนื้อนวลรับเด็กหญิงตัวกลมที่นอนหลับปุ๋ยใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาด้วยสายตาฉงน เพราะตั้งแต่เข้ามาทำงานเป็นแม่บ้านให้กับน่านฟ้าได้ปีกว่าๆ เธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะคบกับผู้หญิงคนไหน แต่ตอนนี้ดันอุ้มเด็กผู้หญิงวัยใกล้ขวบกลับบ้านมาได้
“ยัยหนู”
“มานี่” น่านฟ้ารีบคว้าตัวเพลินฝันออกห่างจากเนื้อนวลเมื่อเห็นเธอกำลังจะก้าวเข้าไปคว้าตัวลูกคืน เขาลากเธอเดินมาที่ลานจอดรถและจับเธอยัดเข้าไปในรถซุปเปอร์คาร์สีขาวก่อนจะรีบขับออกจากบ้านไปอีกครั้ง
“จะพาเพลินไปไหนคะ เพลินจะไปหาลูก” เธอหันมาถามคนที่กำลังเลี้ยวรถออกจากหน้าบ้านเสียงสั่น
“ถ้ายังไม่สงบปากผมจะไม่ให้คุณได้เจอลูกอีกเลย” น่านฟ้ายังไม่อยากคุยอะไรกับหญิงสาวตอนนี้เพราะเขากำลังควบคุมอารมณ์ไม่ให้บันดาลโทสะอะไรออกมาขณะขับรถ
คนที่ถูกกำชับให้สงบปากนั่งขบเม้าริมฝีปากแน่น มือเรียวกุมจิกกันจนแทบห้อเลือด ทั้งน้ำตาเจ้ากรรมก็ยังพรั่งพรูออกมาไม่หมดไม่สิ้น ไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้ชีวิตของเธอจะเจอกับอะไรบ้าง คิดแล้วก็ตำหนิตัวเองที่ยอมรับข้อเสนอของน่านฟ้าง่ายๆ
“คุณบอกว่ามีอะไรก็ต้องพูดตรงๆ ใช่ไหม”“ค่ะ”“ผมอยากมีลูกเยอะๆ บ้านเราจะได้ครึกครื้น คุณนึกไปถึงตอนที่ลูกๆ เราช่วยกันบริอหารกิจการของเราสิ ทุกคนจะมีพี่น้องให้ปรึกษาหารือกัน อีกอย่างวันรวมญาติ บ้านเราก็จะมีทั้งลูกเขยลูกสะใภ้แล้วก็หลานๆ มาคอยวิ่งเล่นให้มองเพลินตาด้วย”“โห...พูดมาขนาดนี้” เพลินฝันยังไม่เคยคิดไปถึงขั้นที่น่านฟ้าคิดเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอเริ่มเอ็นดูสามีของเธอเสียแล้ว“ใจอ่อนแล้วใช่ไหมล่ะ”“ก็ได้ค่ะ”พอเพลินฝันตกลงยอมที่จะมีลูกได้น่านฟ้าก็เริ่มปฏิบัติการทำลูกในทันที การพาภรรยาตัวเล็กมาอยู่ในบรรยากาศหนาวๆ เย็นๆ แล้วให้ความอบอุ่นแบบเนื้อแนบเนื้อกันสองต่อสองเป็นอะไรที่สามารถเรียกลูกให้มาได้ไวเสียเหลือเกินเพราะหลังกลับจากเที่ยวด้วยกันไม่นาน เพลินฝันก็ได้ตั้งท้องขึ้นมา แถมท้องครั้งเดียวยังได้ลูกแฝดเสียด้วย คราวนี้ก็สมใจคนเป็นพ่อที่อยากจะได้ลูกอีกสักสองคน“ของพี่นะ พรีมจะมาแย่งไม่ได้” พลอยชมพูนั่งหน้ามุ่ยเมื่อน้องชายวัยสี่ขวบกว่าแย่งตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลออกไปจากมือ“แต่พรีมอยากเล่น”น่านฟ้าวางลูกแฝดคนเล็กลงเปลก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาลูกๆ ทั้งสองที่กำลังเริ่มจะทะเลาะกัน“แบ่งกันเล่นนะครับลู
น่านฟ้าเดินเข้ามาใกล้ภรรยาและโอบกอดเธอเอาไว้ ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ “แต่งงานกับผมนะครับ”“แต่งค่ะ” เพลินฝันน้ำตาคลอตอบโดยไม่ต้องคิด ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่กับเขาจนมีลูกคนที่สองแล้วแต่ก็ยังรู้สึกประทับใจกับการที่ชายหนุ่มมาขอเธอแต่งงาน เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาจำเรื่องที่เธอเคยพูดเมื่อครั้งที่เริ่มตั้งท้องลูกคนที่สองได้ ว่าเธอฝันอยากจะถูกขอแต่งงานที่ริมทะเล“หม่าม๊ายอมแต่งงานกับป่ะป๊าแล้วยัยหนูต้องทำไงครับ”“ห้าย...แหยน มาม่ะ” เด็กหญิงส่งแหวนเพชรเม็ดโตที่กำอยู่ในมือแบตรงหน้าคนเป็นแม่“ขอบคุณนะคะ” ฟอด เพลินฝันยิ้มทั้งน้ำตายื่นมือรับแหวนมาจากลูกสาวก่อนจะกดจมูกหอมไปที่แก้มย้วยๆ ของยัยหนูพลอยชมพูฟอดใหญ่“ผมใส่ให้นะครับ”“ค่ะ”คนเป็นภรรยายื่นมือซ้ายให้น่านฟ้าก็ดึงแหวนวงเก่าออกจากนิ้วนางข้างซ้ายก่อนจะสวมแหวนวงใหม่ที่เพชรเม็ดใหญ่กว่าเดิมไปแทนที่ หลังจากนั้นสามพ่อแม่ลูกก็ยืนกอดกันกลมพักใหญ่ จนสองสามีภรรยาอย่างโมนาและอินทัชอดน้ำตาคลอกับภาพที่ประทับใจนี้ไปไม่ได้คืนวันของความสุขได้ผ่านไปร่วมปี จนตอนนี้ยัยหนูพลอยชมพูได้สองขวบกว่าส่วนลูกชายคนเล็กของเพลินฝันอายุได้7เดือน ส่วนมากเด็กๆ ก็จะอยู่บ้านปู่กับย่าเป
“กว่าจะพูดคำว่ารักออกมาได้ เล่นซะทุกคนเหนื่อยกันหมดเลยนะคะ” เพลินฝันยืนยิ้มร่า เอ่ยหยอกชายหนุ่มที่กำลังมีสีหน้าตกใจอย่างขบขัน“อื้อ...” น่านฟ้าพุ่งตัวเข้าไปรวบเอวบางและจูบปิดปากคนตัวเล็ก เขาขยับริมฝีปากไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเพลินฝันเริ่มตัวอ่อนปวกเปียกคนที่ยืนให้กำลังใจทั้งคู่อยู่ที่ริมชายหาดต่างก็ก้มหน้าไม่มองภาพนั้นและรีบเดินหนีไปจากตรงนี้ ปล่อยให้คนทั้งสองได้แสดงความคิดถึงกันให้เต็มที่ในยามที่บรรยากาศกำลังโรแมนติกได้ของรักของหวงคืนมาได้น่านฟ้าก้เอาแต่นอนกกคนตัวเล็กไม่ให้ห่างอกอยู่ในห้องสวีทของโรงแรมหรูริมทะเล“จะนอนกอดเพลินอีกนานแค่ไหนคะ เพลินอยากไปหายัยหนู” เพลินฝันอยากจะกอดหอมลูกน้อยของเธอบ้างหลังจากไม่เจอกันหลายวัน แต่พ่อของลูกก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปเสียที“คุณแม่พายัยหนูไปพักที่โรงแรมอื่นแล้ว ให้เราอยู่สวีททำลูกคนใหม่กันที่นี่” เขายกมือถือโชว์ข้อความที่แม่ของตนส่งมาให้เมื่อครู่“ไม่เห็นคุณแม่บอกเพลินก่อนเลยคะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มห่อเหี่ยว“ขอเพลินไปหาลูกก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยกลับมาให้นอนกอดเต็มที่เลยค่ะ”“บอกก่อนว่าทำไมต้องแกล้งกันถึงขนาดนี้ ผมใจจะขาดรู้บ้างหรือเปล่า”“ก็ให้ขาดไปเ
“ผมยังไม่ได้บอกรักคุณสักคำเลยเพลิน ทำไมไม่อยู่รอคำว่ารักจากผมก่อนครับ” เป็นอีกวันที่น่านฟ้าเอาแต่นอนกอดขวดน้ำเมาทิ้งตัวอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น ไม่สนใจการงาน แม้กระทั่งข้าวปลาก็ไม่คิดอยากจะลุกขึ้นมาแตะ จนหน้าตาโทรมดำคล้ำตัวมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล“ท่าทางคุณน่านจะไม่อยากรับรู้อะไรเลยนะคะ คงจะรักคุณเพลินมากๆ” โมนาที่ยืนมองสภาพของน่านฟ้าอยู่ห่างๆ กับอินทัชเธออดที่จะหดหู่ใจกับภาพที่เห็นไม่ได้“ครับ” อินทัชมีสีหน้าหดหู่ไม่ต่างจากโมนา เห็นทีเอกสารที่แบกเอามาให้น่านฟ้าดูวันนี้คงจะต้องเลื่อนระยะเวลาออกไปก่อนวันเวลาพ้นผ่านนานร่วมครึ่งเดือนที่น่านฟ้าไม่เป็นอันกินอันนอนทุกวินาทีของหัวใจที่เต้นมีแต่เสียงร้องเรียกหาหญิงสาวที่เคยเอ่ยบอกว่ารักเขาไม่เว้นวัน หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะบอกรักเธอตอบโดยที่ไม่คิดถึงเรื่องใดในอดีตทั้งนั้น“กลับมาให้ผมบอกรักคุณได้ไหมเพลิน” เสียงทุ้มสั่นเครือเอ่ยกับคนที่ยืนยิ้มอยู่หน้าจอมือถือ เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน ที่เสียใจไปกว่านั้นคือตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยจะได้พูดคุยดีๆ กับเธอเท่าไหร่นัก“ปะ...ป้ะ”น่านฟ้าวางมือถือที่กำลังที่หน้าจอกำลังโชว์หลารูปภรรยาตัวเล็ก ก่อนจะลุกจากโซฟ
หลังจากที่คุยกันไม่เข้าใจจนโมนาเลือกที่จะจู่โจมจูบอินทัช ทั้งคู่ก็ได้เผยความรู้สึกของตัวเองออกมาและแล้วก็มาสานสัมพันธ์กันที่คอนโดของชายหนุ่ม หน้าที่ส่งแขกเหรื่อกลับบ้านตอนนี้ก็เป็นของเจ้าของบ้านอย่างเมทินี“ห้ามดูถูกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับโมอีก เข้าใจไหมคะ” โมนานอนซบแผงอกอุ่นของอินทัช ตอนนี้เธอและชายหนุ่มเปลือยเปล่าล่อนจ้อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยกันทั้งคู่“ถ้าพูดอีกล่ะครับ” เขาเอ่ยเสียงแกมหยอกพร้อมกระชับกอดหญิงสาวแน่นขึ้นโมนาขบริมฝีปากล่างของอินทัชเบาๆ “ก็จะถูกกัดปากแบบนี้”“ทำไมเลือกให้ผมเป็นคนแรกของคุณโมล่ะครับ”“ถึงโมจะรู้จักกับคุณไม่นาน โมก็รู้ว่าคุณคือคนที่จะดูแลโมได้ไปตลอดชีวิต”“ผมรับปากครับ ว่าจะดูแลคุณโมให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกผูชายอย่างผมจะทำได้” เอ่ยจบก็พลิกตัวคร่อมคนตัวเล็กและเริ่มต้นกระชับสัมพันธ์ด้วยบทสวาทอันแสนนุ่มนวลกับเธออีกครั้ง“กายเค้าไม่เหลือใครเป็นญาติผู้ใหญ่ เหลือแค่ตัวคนเดียวทางปิ่นกับคุณพลเลยต้องมาเป็นผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าบ่าวมาสู่ขอหนูโมค่ะ ทางพี่นิดเกริ่นเรื่องค่าน้ำนมมาได้เลยนะคะ” ปิ่นมณีเกริ่นเป็นพิธีเมื่อต้องเป็นผู้ใหญ่มาสู่ขอโมนาให้กับอินทัชที่บ้านของเมทินี“ถึงพ
“นี่...นึกไงไปเอาพนักงานบริษัทเป็นแฟน ดูเค้าสิ ท่าจะบริการคนอื่นจนเคยชิน ทำตัวเป็นเด็กเสริฟแทบจะตลอดทั้งงานแล้วมั้ง” เอเลน่าสาวไฮโซลูกครึ่งเข้ามาพูดกับโมนาด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่ไม่คิดเกรงใจเจ้าของวันเกิด เพราะหมั่นไส้ตั้งแต่โมนาเลือกที่จะคบแค่พนักงานบริษัทและปฏิเสธที่จะเดทกับพี่ชายของเธอ“เค้าจะทำงานอะไรก็เป็นคนเหมือนกับเรานั่นแหละ คบกับคุณกายสบายใจกว่าคบพวกนักธุรกิจลูกไฮโซเยอะเลย”“ฉันคิดแบบแกไม่ได้หรอก ถ้าเป็นฉันก็จะคบแต่คนระดับเดียวกันเท่านั้น” หญิงสาวคิดว่าโมนาจะคล้อยตามบ้าง แต่เปล่าเลยเธอกลับปกป้องแฟนหนุ่มสุดชีวิต เอเลน่าจึงรีบเดินออกไปเพราะสามารถเข้าถึงความรู้สึกของโมนาได้จริงๆ“เพื่อนเหรอคะ” เพลินฝันกระซิบถามโมนาหลังจากสาวสวยหน้าลูกครึ่งเดินออกไปจากตรงนี้แล้ว“ในวงสังคมน่ะค่ะ จะไม่เชิญก็ไม่ได้เป็นลูกสาวเพื่อนคุณแม่”“คุณกาย” เพลินฝันหน้าชาวาบเพราะสายตาพลันไปเห็นว่าอินทัชยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและสายตายังคงจับจ้องมายังเธอและโมนาไม่วาง เดาได้เลยว่าเมื่อครู่เขาคงได้ยนคำพูดของสาวสวยหน้าลูกครึ่งคนเมื่อครู่แน่อินทัชได้ยินทุกประโยคที่เอเลน่าพูดกับโมนา อินทัชรีบฉีกยิ้มแสดงท่าทางร่าเริ่ง