เด็กหญิงตัวอ้วนกลมในชุดกระโปรงสีชมพูฟูฟ่องคนนั้น หน้าตาเหมือนเขาอย่างกับถอดแบบกันมา ใช่แน่ๆ... ใช่อย่างที่เขาคิดแน่ๆ
더 보기ณ ร้านดอกไม้ขนาดกลางแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ในเช้าของวันนี้ที่ร้านค่อนข้างวุ่นวายเพราะเป็นช่วงเข้าใกล้วันเทศกาลแห่งความรัก ผู้คนต่างก็รุมกันเข้ามาออเดอร์ช่อดอกไม้ล่วงหน้าที่หน้าร้าน บ้างก็โทรสั่ง บ้างก็สั่งทางออนไลน์ จนคนในร้านหัวหมุนเตรียมจัดดอกไม้กันมือเป็นระวิง
เด็กหญิงผิวขาวตัวอ้วนกลมแขนขาเป็นปล้องในชุดเสื้อยืดสีขาวกระโปรงสวมกางเกงเลคกิ้งขายาวสีชมพูสวมทับด้วยกระโปรงชีฟองฟูฟ่องสีชมพู เด็กหญิงคลานตัวป้อมไวๆ เข้ามาหาคนเป็นแม่ที่กำลังจัดดอกไม้อยู่กับพนักงานในร้าน
“แอ้..แอ้..มา..ม่ะ มาม่ะ” มาถึงตัวคนเป็นแม่ได้ก็นั่งเงยหน้ายิ้มโชว์ฟันสองซี่บน ส่งเสียงแหลมใสเรียกแม่คนเป็นแม่ไม่ยอมหยุด เรียกรอยยิ้มจากเหล่าสาวๆ ในร้านที่กำลังจัดดอกไม้กันง่วนได้เป็นอย่างดี
“ว่ายังไงคะ หม่าม๊าก็อยู่นี่ไงคะลูก ไม่ได้หนีไปไหนเลย” เพลินฝันหยิบจับช่อดอกไม้มือเป็นระวิงพลางส่งเสียงตอบลูกสาววัยเก้าเดือนไปด้วย ลองเธอไม่ตอบเสียงของลูกเธอก็จะดังไม่เลิก ดีไม่ดีจากเสียงเรียกจะกลายเป็นเสียงขู่ภายในไม่กี่วินาที
“จ๋า จะ จ๋า จะ” แปะๆ เด็กหญิงยกมือป้อมปรบมือดัง ทั้งเอียงคอส่งยิ้มกว้างส่งเสียงหยอกล้อกับคนเป็นแม่อีกรอบ ยังคงเงยหน้ามองแม่ตาแป๋วเพื่อรอให้แม่นั้นส่งเสียงตอบ
“จ๋าจะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มก้มมองลูกรักด้วยสายตาเอ็นดู และรีบตอบกลับลูกเธอเสียงดัง
“แอร๊ะ..” แปะๆๆ พอเห็นคนเป็นแม่โต้ตอบเล่นด้วยได้เด็กหญิงตัวกลมก็ส่งเสียงหัวเราะพร้อมยกมือป้อมปรบมือชอบใจยกใหญ่ จนคนเป็นแม่อย่างเพลินฝันและพนักงานในร้านมีรอยยิ้มได้ในเวลาที่งานยุ่ง
“อะ พี่ให้พิเศษ วันนี้เหนื่อยกันมาทั้งวันเลย” เพลินฝันยื่นเงินแบงค์พันให้กับหวันยิหวาและกุลนัดดา เพราะวันนี้เห็นว่าทั้งสองช่วยงานกันอย่างเต็มที่ช่วยกันจัดออเดอร์กันมาทังวันไม่ได้หยุด
“ขอบคุณนะคะพี่เพลิน/ขอบคุณค่ะพี่เพลิน” หญิงสาวทั้งสองยกมือไหว้เจ้าของร้านสวยๆ ก่อนจะรีบรับเงินด้วยท่าทางนอบน้อม
“เลิกงานแล้วทำไมไม่เตรียมตัวกลับล่ะ”
“อีกครึ่งชั่วโมงจะมีลูกค้าอีกคนมารับดอกไม้ค่ะ” หวันยิหวาจำได้ว่าช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ที่เธอจัดเอาไว้ ลูกค้าบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะมารับ เธอเลยจะต้องอยู่ดูแลในส่วนนี้ก่อน
“เดี๋ยวพี่อยู่ดูแลเอง กลับกันได้แล้วถ้าเย็นกว่านี้รถจะรถติดนะ”
“ค่ะ งั้นพวกเรากลับก่อนนะคะ” กุลนัดดายกมือไหว้เจ้านายอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาเด็กหญิงตัวอ้วนกลมที่ยืนยิ้มร่าอยู่บนเปลสีชมพูหวาน
“พี่กลับแล้วนะคะน้องพลอย บ๊าย บ่าย...”
“บาย...” จุ๊บ เด็กหญิงยกมือป้อมโบกไม้โบกมือให้พี่สาวทั้งสอง ก่อนจะดึงมือป้องปากส่งเสียงจูบที่มือดังลั่น พฤติกรรมไร้เดียงสาน่าเอ็นดูของเด็กหญิงพลอยชมพูเรียกรอยยิ้มให้ทุกคนได้ชื่นใจกันอีกครั้ง
ณ ท้องถนนใจกลางเมืองใหญ่ยามใกล้ค่ำ รถบนทางด่วนในเวลานี้ค่อนข้างจะมากเป็นพิเศษ อินทัชเลขาคนสนิทของน่านฟ้าที่กำลังขับรถตู้คันหรูรีบตบไฟเลี้ยวซ้ายก่อนจะค่อยๆ เลี้ยวลงไปทางลาดด้านล่าง และแล้วก็ต้องมาเชิญกับรถที่ติดหนักกว่าเดิม
อินทัชมองเจ้านายที่นั่งน่านิ่วคิ้วขมวดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ทำไมคุณน่านต้องไปหาคุณโมนาด้วยตัวเองด้วยล่ะครับ ให้ผมเอาของไปให้ก็ได้” วันนี้ทั้งวันเจ้านายของเขาต้องออกต่างจังหวัดตั้งแต่เช้ายังไม่ได้พักผ่อน กลับเข้ามากรุงเทพก็ต้องมาเป็นธุระส่งของขวัญให้โมนาตามคำขอร้องของคนเป็นป้าอีก
“ผมรับปากคุณป้าไปแล้วน่ะสิ ท่าทางคุณป้าจะบอกทางนั้นไว้แล้วด้วยว่าผมจะไป” ประธานหนุ่มเอ่ยตอบคนสนิทเสียงห้วน เขาไม่ได้อยากจะพบเจอใครตอนนี้ทั้งนั้น แต่ติดที่หลวมตัวรับปากว่าจะช่วยป้าของเขาโดยที่ไม่ถามเรื่องราวให้แน่ชัดเสียก่อนว่าจะให้ช่วยเรื่องอะไร
จนสุดท้ายเขาก็ต้องเป็นธุระส่งดอกไม้และของขวัญต้อนรับการกลับเมืองไทยให้กับโมนาลูกสาวเจ้าของร้านเพชรเพื่อนของป้า ดูออกว่างานนี้ป้าของเขาจงใจจับคู่ให้เขาแน่นอน
แต่ถึงแม้จะรู้ตัวว่ากำลังจะถูกจับคู่ เขาก็ไม่คิดรักชอบใครง่ายๆ เพราะยังไม่คิดจะมีครอบครัวกับใคร ด้วยเพิ่งจะขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารบริษัทนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ของประเทศแทนคนเป็นพ่อเมื่อไม่นานมานี้ แถมยังมีเรื่องฝังใจเกี่ยวกับความรู้สึกในอดีต จึงยากที่จะเปิดใจมองใครมาเป็นคู่ชีวิต
“มาให้หม่าม๊าหอมให้ชื่นใจหน่อยนะคะ” ฟอด... เพลินฝันรวบอุ้มเจ้าก้อนกลมในเปลมาหอมฟอดใหญ่ๆ ชอบพวงแก้มนุ่มๆ ของลูกสาวเสียเหลือเกินเพราะมันใหญ่นุ่มฟูจนหอมได้เต็มที่ในคราวเดียว
ฟอด... เด็กหญิงกดจมูกหอมแก้มคนเป็นแม่ตอบ นี่แหละหนาชีวิตของเพลินฝัน เหนื่อยแค่ไหนก็หายเหนื่อยได้เมื่อมีกำลังใจก้อนโตๆ อยู่ใกล้ๆ แบบนี้
“อยู่ในเปลก่อนนะลูก” หญิงสาววางจ้าก้อนกลมลงเปลอีกครั้ง เพราะเห็นว่าตอนนี้ที่หน้าร้านมีรถตู้สีดำคันหรูเข้ามาจอด เธอเข้าใจได้ว่าคนบนรถน่าจะเข้ามารับดอกกุหลาบช่อโตแน่นอน
หญิงสาวรีบเปิดประตูร้านก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มหวานให้กับสองหนุ่มในชุดสูทที่เพิ่งลงมาจากรถคันหรู
“สวัสดีค่ะ คะ...คุณ” เมื่อสายตาปะทะเข้ากับสองหนุ่มที่คุ้นหน้า สีหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรคราแรกก็เริ่มแปรเปลี่ยนแสดงออกถึงอาการตกอกตกใจจนสองหนุ่มเห็นได้ชัด
“คุณบอกว่ามีอะไรก็ต้องพูดตรงๆ ใช่ไหม”“ค่ะ”“ผมอยากมีลูกเยอะๆ บ้านเราจะได้ครึกครื้น คุณนึกไปถึงตอนที่ลูกๆ เราช่วยกันบริอหารกิจการของเราสิ ทุกคนจะมีพี่น้องให้ปรึกษาหารือกัน อีกอย่างวันรวมญาติ บ้านเราก็จะมีทั้งลูกเขยลูกสะใภ้แล้วก็หลานๆ มาคอยวิ่งเล่นให้มองเพลินตาด้วย”“โห...พูดมาขนาดนี้” เพลินฝันยังไม่เคยคิดไปถึงขั้นที่น่านฟ้าคิดเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอเริ่มเอ็นดูสามีของเธอเสียแล้ว“ใจอ่อนแล้วใช่ไหมล่ะ”“ก็ได้ค่ะ”พอเพลินฝันตกลงยอมที่จะมีลูกได้น่านฟ้าก็เริ่มปฏิบัติการทำลูกในทันที การพาภรรยาตัวเล็กมาอยู่ในบรรยากาศหนาวๆ เย็นๆ แล้วให้ความอบอุ่นแบบเนื้อแนบเนื้อกันสองต่อสองเป็นอะไรที่สามารถเรียกลูกให้มาได้ไวเสียเหลือเกินเพราะหลังกลับจากเที่ยวด้วยกันไม่นาน เพลินฝันก็ได้ตั้งท้องขึ้นมา แถมท้องครั้งเดียวยังได้ลูกแฝดเสียด้วย คราวนี้ก็สมใจคนเป็นพ่อที่อยากจะได้ลูกอีกสักสองคน“ของพี่นะ พรีมจะมาแย่งไม่ได้” พลอยชมพูนั่งหน้ามุ่ยเมื่อน้องชายวัยสี่ขวบกว่าแย่งตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลออกไปจากมือ“แต่พรีมอยากเล่น”น่านฟ้าวางลูกแฝดคนเล็กลงเปลก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาลูกๆ ทั้งสองที่กำลังเริ่มจะทะเลาะกัน“แบ่งกันเล่นนะครับลู
น่านฟ้าเดินเข้ามาใกล้ภรรยาและโอบกอดเธอเอาไว้ ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ “แต่งงานกับผมนะครับ”“แต่งค่ะ” เพลินฝันน้ำตาคลอตอบโดยไม่ต้องคิด ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่กับเขาจนมีลูกคนที่สองแล้วแต่ก็ยังรู้สึกประทับใจกับการที่ชายหนุ่มมาขอเธอแต่งงาน เพราะนั่นเท่ากับว่าเขาจำเรื่องที่เธอเคยพูดเมื่อครั้งที่เริ่มตั้งท้องลูกคนที่สองได้ ว่าเธอฝันอยากจะถูกขอแต่งงานที่ริมทะเล“หม่าม๊ายอมแต่งงานกับป่ะป๊าแล้วยัยหนูต้องทำไงครับ”“ห้าย...แหยน มาม่ะ” เด็กหญิงส่งแหวนเพชรเม็ดโตที่กำอยู่ในมือแบตรงหน้าคนเป็นแม่“ขอบคุณนะคะ” ฟอด เพลินฝันยิ้มทั้งน้ำตายื่นมือรับแหวนมาจากลูกสาวก่อนจะกดจมูกหอมไปที่แก้มย้วยๆ ของยัยหนูพลอยชมพูฟอดใหญ่“ผมใส่ให้นะครับ”“ค่ะ”คนเป็นภรรยายื่นมือซ้ายให้น่านฟ้าก็ดึงแหวนวงเก่าออกจากนิ้วนางข้างซ้ายก่อนจะสวมแหวนวงใหม่ที่เพชรเม็ดใหญ่กว่าเดิมไปแทนที่ หลังจากนั้นสามพ่อแม่ลูกก็ยืนกอดกันกลมพักใหญ่ จนสองสามีภรรยาอย่างโมนาและอินทัชอดน้ำตาคลอกับภาพที่ประทับใจนี้ไปไม่ได้คืนวันของความสุขได้ผ่านไปร่วมปี จนตอนนี้ยัยหนูพลอยชมพูได้สองขวบกว่าส่วนลูกชายคนเล็กของเพลินฝันอายุได้7เดือน ส่วนมากเด็กๆ ก็จะอยู่บ้านปู่กับย่าเป
“กว่าจะพูดคำว่ารักออกมาได้ เล่นซะทุกคนเหนื่อยกันหมดเลยนะคะ” เพลินฝันยืนยิ้มร่า เอ่ยหยอกชายหนุ่มที่กำลังมีสีหน้าตกใจอย่างขบขัน“อื้อ...” น่านฟ้าพุ่งตัวเข้าไปรวบเอวบางและจูบปิดปากคนตัวเล็ก เขาขยับริมฝีปากไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเพลินฝันเริ่มตัวอ่อนปวกเปียกคนที่ยืนให้กำลังใจทั้งคู่อยู่ที่ริมชายหาดต่างก็ก้มหน้าไม่มองภาพนั้นและรีบเดินหนีไปจากตรงนี้ ปล่อยให้คนทั้งสองได้แสดงความคิดถึงกันให้เต็มที่ในยามที่บรรยากาศกำลังโรแมนติกได้ของรักของหวงคืนมาได้น่านฟ้าก้เอาแต่นอนกกคนตัวเล็กไม่ให้ห่างอกอยู่ในห้องสวีทของโรงแรมหรูริมทะเล“จะนอนกอดเพลินอีกนานแค่ไหนคะ เพลินอยากไปหายัยหนู” เพลินฝันอยากจะกอดหอมลูกน้อยของเธอบ้างหลังจากไม่เจอกันหลายวัน แต่พ่อของลูกก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปเสียที“คุณแม่พายัยหนูไปพักที่โรงแรมอื่นแล้ว ให้เราอยู่สวีททำลูกคนใหม่กันที่นี่” เขายกมือถือโชว์ข้อความที่แม่ของตนส่งมาให้เมื่อครู่“ไม่เห็นคุณแม่บอกเพลินก่อนเลยคะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มห่อเหี่ยว“ขอเพลินไปหาลูกก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยกลับมาให้นอนกอดเต็มที่เลยค่ะ”“บอกก่อนว่าทำไมต้องแกล้งกันถึงขนาดนี้ ผมใจจะขาดรู้บ้างหรือเปล่า”“ก็ให้ขาดไปเ
“ผมยังไม่ได้บอกรักคุณสักคำเลยเพลิน ทำไมไม่อยู่รอคำว่ารักจากผมก่อนครับ” เป็นอีกวันที่น่านฟ้าเอาแต่นอนกอดขวดน้ำเมาทิ้งตัวอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น ไม่สนใจการงาน แม้กระทั่งข้าวปลาก็ไม่คิดอยากจะลุกขึ้นมาแตะ จนหน้าตาโทรมดำคล้ำตัวมีแต่กลิ่นแอลกอฮอล“ท่าทางคุณน่านจะไม่อยากรับรู้อะไรเลยนะคะ คงจะรักคุณเพลินมากๆ” โมนาที่ยืนมองสภาพของน่านฟ้าอยู่ห่างๆ กับอินทัชเธออดที่จะหดหู่ใจกับภาพที่เห็นไม่ได้“ครับ” อินทัชมีสีหน้าหดหู่ไม่ต่างจากโมนา เห็นทีเอกสารที่แบกเอามาให้น่านฟ้าดูวันนี้คงจะต้องเลื่อนระยะเวลาออกไปก่อนวันเวลาพ้นผ่านนานร่วมครึ่งเดือนที่น่านฟ้าไม่เป็นอันกินอันนอนทุกวินาทีของหัวใจที่เต้นมีแต่เสียงร้องเรียกหาหญิงสาวที่เคยเอ่ยบอกว่ารักเขาไม่เว้นวัน หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะบอกรักเธอตอบโดยที่ไม่คิดถึงเรื่องใดในอดีตทั้งนั้น“กลับมาให้ผมบอกรักคุณได้ไหมเพลิน” เสียงทุ้มสั่นเครือเอ่ยกับคนที่ยืนยิ้มอยู่หน้าจอมือถือ เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน ที่เสียใจไปกว่านั้นคือตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยจะได้พูดคุยดีๆ กับเธอเท่าไหร่นัก“ปะ...ป้ะ”น่านฟ้าวางมือถือที่กำลังที่หน้าจอกำลังโชว์หลารูปภรรยาตัวเล็ก ก่อนจะลุกจากโซฟ
หลังจากที่คุยกันไม่เข้าใจจนโมนาเลือกที่จะจู่โจมจูบอินทัช ทั้งคู่ก็ได้เผยความรู้สึกของตัวเองออกมาและแล้วก็มาสานสัมพันธ์กันที่คอนโดของชายหนุ่ม หน้าที่ส่งแขกเหรื่อกลับบ้านตอนนี้ก็เป็นของเจ้าของบ้านอย่างเมทินี“ห้ามดูถูกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับโมอีก เข้าใจไหมคะ” โมนานอนซบแผงอกอุ่นของอินทัช ตอนนี้เธอและชายหนุ่มเปลือยเปล่าล่อนจ้อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยกันทั้งคู่“ถ้าพูดอีกล่ะครับ” เขาเอ่ยเสียงแกมหยอกพร้อมกระชับกอดหญิงสาวแน่นขึ้นโมนาขบริมฝีปากล่างของอินทัชเบาๆ “ก็จะถูกกัดปากแบบนี้”“ทำไมเลือกให้ผมเป็นคนแรกของคุณโมล่ะครับ”“ถึงโมจะรู้จักกับคุณไม่นาน โมก็รู้ว่าคุณคือคนที่จะดูแลโมได้ไปตลอดชีวิต”“ผมรับปากครับ ว่าจะดูแลคุณโมให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกผูชายอย่างผมจะทำได้” เอ่ยจบก็พลิกตัวคร่อมคนตัวเล็กและเริ่มต้นกระชับสัมพันธ์ด้วยบทสวาทอันแสนนุ่มนวลกับเธออีกครั้ง“กายเค้าไม่เหลือใครเป็นญาติผู้ใหญ่ เหลือแค่ตัวคนเดียวทางปิ่นกับคุณพลเลยต้องมาเป็นผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าบ่าวมาสู่ขอหนูโมค่ะ ทางพี่นิดเกริ่นเรื่องค่าน้ำนมมาได้เลยนะคะ” ปิ่นมณีเกริ่นเป็นพิธีเมื่อต้องเป็นผู้ใหญ่มาสู่ขอโมนาให้กับอินทัชที่บ้านของเมทินี“ถึงพ
“นี่...นึกไงไปเอาพนักงานบริษัทเป็นแฟน ดูเค้าสิ ท่าจะบริการคนอื่นจนเคยชิน ทำตัวเป็นเด็กเสริฟแทบจะตลอดทั้งงานแล้วมั้ง” เอเลน่าสาวไฮโซลูกครึ่งเข้ามาพูดกับโมนาด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่ไม่คิดเกรงใจเจ้าของวันเกิด เพราะหมั่นไส้ตั้งแต่โมนาเลือกที่จะคบแค่พนักงานบริษัทและปฏิเสธที่จะเดทกับพี่ชายของเธอ“เค้าจะทำงานอะไรก็เป็นคนเหมือนกับเรานั่นแหละ คบกับคุณกายสบายใจกว่าคบพวกนักธุรกิจลูกไฮโซเยอะเลย”“ฉันคิดแบบแกไม่ได้หรอก ถ้าเป็นฉันก็จะคบแต่คนระดับเดียวกันเท่านั้น” หญิงสาวคิดว่าโมนาจะคล้อยตามบ้าง แต่เปล่าเลยเธอกลับปกป้องแฟนหนุ่มสุดชีวิต เอเลน่าจึงรีบเดินออกไปเพราะสามารถเข้าถึงความรู้สึกของโมนาได้จริงๆ“เพื่อนเหรอคะ” เพลินฝันกระซิบถามโมนาหลังจากสาวสวยหน้าลูกครึ่งเดินออกไปจากตรงนี้แล้ว“ในวงสังคมน่ะค่ะ จะไม่เชิญก็ไม่ได้เป็นลูกสาวเพื่อนคุณแม่”“คุณกาย” เพลินฝันหน้าชาวาบเพราะสายตาพลันไปเห็นว่าอินทัชยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและสายตายังคงจับจ้องมายังเธอและโมนาไม่วาง เดาได้เลยว่าเมื่อครู่เขาคงได้ยนคำพูดของสาวสวยหน้าลูกครึ่งคนเมื่อครู่แน่อินทัชได้ยินทุกประโยคที่เอเลน่าพูดกับโมนา อินทัชรีบฉีกยิ้มแสดงท่าทางร่าเริ่ง
“ไม่บอกค่ะ” คนถูกถามไม่ยอมหันไปตอบได้แต่นั่งอมยิ้มมองจดจ่ออยู่กับงานในมือ“อย่ากวนประสาทผมได้ไหม” ชายหนุ่มเริ่มมีน้ำเสียงขุ่น“ทีเพลินถามอะไรคุณน่านยังไม่คิดจะบอกเพลินเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเพลินจะไม่บอกว่าพูดจริงพูดเล่น” ใบหน้าจิ้มลิ้มหันหน้าน้อยๆ มาพูดจนจบประโยคแล้วจึงหันกลับไปจดจ่อกับผ้าที่กำลังพับ น่านฟ้าจึงได้แต่ถอนหายใจเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ไหร่นักเพลินฝันพยายามกลั้นเสียงขบขันอยู่คนเดียว เห็นทีวิธีเอาคืนนิสัยเสียๆ ของน่านฟ้าที่ปิ่นมณีแนะนำเธอจะได้ผล หากเขาเป็นคนที่ไม่ชอบตอบคำถาม เธอก็แค่ไม่ตอบคำถามเขาบ้าง ชายหนุ่มจะได้รู้ว่าคนที่กำลังสงสัยอะไรแล้วไม่ได้คำตอบมันทุกข์ใจขนาดไหนวันเวลาพ้นผ่านนานร่วมเดือนกว่าที่น่านฟ้าและเพลินฝันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ชายหนุ่มยังคงทำหน้าที่พ่อได้ดีมาตลอด ทั้งดูแลเพลินฝันตามสมควรได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพลินฝันมีความสุขทุกวันที่ได้ตื่นมาแล้วเจอหน้าลูกกับสามี จะดีไม่น้อยหากตอนนี้น่านฟ้ายอมปริปากบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเป็นอีกคืนที่เพลินฝันนอนเปลือยเปล่าอยู่ในอ้อมกอดของน่านฟ้า เธอรอคอยคำว่ารักจากปากของเขาทุกวันแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้ยิน จนแอบคิดว่าหร
“ลูกพี่ลูกน้องผม เค้าจะมาที่นี่กับภรรยาแล้วก็ลูกแฝด”“มีอะไรที่ต้องห้ามพูดไหมคะ”“เรื่องข้อตกลงที่เราเคยทำด้วยกันห้ามให้ครอบครัวของผมรู้ แล้วก็ทำตัวให้เหมือนว่าเราเป็นสามีภรรยาที่เคยรักกันแล้วก็กลับมาดีกันด้วย”“ค่ะ ไม่ได้ยากเลยค่ะ” พูดพร้อมเปรยยิ้มร่า เรื่องที่เขากำชับประโยคท้ายๆ เธอทำได้โดยไม่ต้องฝืนใจเลยพูดธุระจบน่านฟ้าก็ชะเง้อหน้ามองเจ้าตัวกลมในเปลครู่หนึ่งก่อนจะเดินวางมาดเข้มออกไป“นี่น่ะเหรอไม่ได้วางมาด” หญิงสาวพึมพำตามหลังคนตัวโตเสียงอ่อน นึกถึงคำพูดของเนื้อนวลที่บอกว่า ‘อย่างน่านฟ้าไม่ได้เรียกว่าวางมาด’ เธอล่ะอยากให้เนื้อนวลเห็นทุกการกระทำของเขาที่ทำกับเธอจริงๆ แล้วจะรู้ว่าที่เธอเห็นว่าน่านฟ้าชอบวางมาดมันไม่ผิดไปอย่างที่เธอพูดเลยเหนือตะวันพาเพลงขวัญและเจ้าแฝดวัยห้าขวบกว่ามารู้จักกับเพลินฝันและยัยหนูพลอยชมพูตั้งแต่ก่อนเที่ยง ดูท่าเด็กชายทั้งสองท่าจะปลื้มน้องสาวแก้มย้วยกันน่าดูเพราะตั้งแต่รับประทานอาหารเที่ยงกันเรียบร้อยเจ้าสองแสบก็นั่งเฝ้าน้องสาวแก้มย้วยไม่ห่าง“น้องพลอย” ฟอด ปุริมภัทรไม่ค่อยจะยอมปล่อยเจ้าก้อนกลมง่ายๆ มีจังหวะไหนน้องหยุดคลานแล้วนั่งเล่นของเล่นเมื่อไหร่เป็นอัน
คนตัวโตเอาแต่จ้องใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังมีความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยมเงียบๆ ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มบดจูบริมฝีปากบางอีกครั้ง เพราะไม่ได้คิดที่จะให้คำตอบเป็นภาษาพูด สองมือหนาขึงข้อมือเรียวกับเตียงนุ่มไม่ให้ยกขึ้นมาผลักใบหน้าของเขาได้อีกน่านฟ้าเริ่มร่ายลีลาจูบที่เร่าร้อนขึ้นกว่าเดิมภายในเวลาไม่กี่วินาที คนตัวเล็กยังไม่คลายสงสัยยังคงหมายจะขืนตัวหนี แต่ก็ทำได้ยากเพราะแรงเธอน้อยกว่าเขาหลายเท่าไม่นานนักน่านฟ้าก็สามารถทำให้คนในอ้อมกอดเคลิบเคลิ้มเตลิดไปกับรสจูบจนตัวอ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งที่ถูกไฟรนไปได้ สองสามีภรรยาเปลือยเปล่าเนื้อแนบเนื้อหลังจากเล้าโลมกอดรัดกันได้พักใหญ่ทั้งสองสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่บนเตียงนุ่มอยู่ร่วมชั่วโมง หลังจากเสร็จสมแตะขอบสวรรค์ตามๆ กันไปได้ก็นอนกอดก่ายกันกลมไปจนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่“แอบหอมแก้มเพลินเหรอคะ” เพลินฝันอมยิ้มเงยหน้ามองคนที่กำลังกดจมูกอยู่ที่พวงแก้มปลุกเธอในตอนเช้าเป็นน่านฟ้าที่สะดุ้งตกใจจนหน้าตาตื่น เมื่อคนตัวเล็กที่นอนทับอยู่บนแขนลืมตามาเห็นในสิ่งที่เขาไม่อยากให้เห็น“เปล่า ผมเห็นคุณยังไม่ตื่นเลยจะพลิกตัวให้เฉยๆ” เขารีบลุกลี้ลุกลนเดินโทงๆ หน
댓글