เมื่อมาถึงร้านเทียนก็รีบเดินไปที่รถของเขาทันที
"ซี๊ด!..." เขาร้องออกมาทันทีที่ใช้มือแตะหลังคารถพร้อมกับรีบชักมือกลับเพราะตอนนี้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนอนตากแดดมาหลายชั่วโมงแล้ว "โธ่~ตัวร้อนจี๋เลยลูกไว้กลับบ้ทนพ่อเปิดแอร์ให้นอนฉ่ำๆ เลยนะ" เทียนพูดกับรถเบาๆ ปูนปั้นเดินตามมาทีหลังก็ถึงกับส่ายหัวให้ความโอเว่อร์ของเทียนทันที เขาเดินล้วงหากุญแจเปิดร้านในกระเป๋าจนมาหยุดอยู่หน้าประตูร้านทันที "เจอแล้ว" ปูนปั้นพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองร้านของตัวเองแต่เขาก็ต้องตกใจ "เฮ้ย!" ทันทีที่เทียนได้ยินเสียงของปูนปั้นเขาก็รีบหันไปหาปูนปั้นด้วยความเป็นห่วงแต่ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าคือร้านของปูนปั้นถูกพ่นสีสเปรย์เขียนคำหยาบคายไว้เต็มไปหมด ตอนนี้ปูนปั้นเองก็ช็อคไม่ต่างกันเงยหน้ามองแล้วอ่านคำด้าท่อพวกนี้ทั้งหมดด้วยความโมโหและสับสน เทียนเดินเข้าไปหาปูนปั้นใกล้ๆ เพื่อดูปฏิกิริยาของเขาว่าโอเคหรือเปล่า "รู้ไหมว่าใครทำ" เทียนถาม ปูนปั้นส่ายหน้าตอบว่าไม่รู้ "เข้าไปตรวจดูข้างในก่อนเถอะว่ามีอะไรหายไปไหม" เทียนพูด ปูนปั้นหันมามองหน้าเขาด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจที่เขายังอยู่เป็นเพื่อน จากนั้นเขาก็ไขกุญแจเปิดร้านทันทีซึ่งสภาพภายในร้านยังปกติดีทุกอย่างไม่มีอะไรเสียหายเลย "ดูท่าคงไม่ได้เข้ามา" เทียนพูดแล้วเดินดูรอบๆ สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับปูนปั้นเขาเลยรู้สึกกลัวนิดหน่อยและทำตัวไม่ถูก เทียนรู้สึกว่าปูนปั้นเงียบไปเลยหันไปดูเขาซึ่งตอนนี้ปูนปั้นยืนกำกุญแจร้านไว้แน่นแล้วมีสีหน้าที่ตกใจไม่น้อยเขาจึงรีบเดินเข้าไปหา "กลัวเหรอ" เทียนถาม "นิดน่อยครับ" ปูนปั้นตอบ เทียนยกมือขึ้นมาแล้วลูบหลังปูนปั้นเบาๆ "ไม่เป็นไร~" เทียนพูดแล้วมองหน้าเขาด้วยสายที่อ่อนโยน ปูนปั้นเหมือนถูกมนต์สะกดจากเทียนเลยเพราะแม้จะไม่รู้จักกันดีแต่เขากลับรู้สึกไว้ใจและเชื่อใจเทียนอย่างมาก ทั้งคู่สบตากันอยู่พักนึงก่อนปูนปั้นจะก้มหน้าลงไปหาโทรศัพท์ในกระเป๋าด้วยความร้อนรน "เป็นอะไร" เทียนถามด้วยความเป็นห่วง "จะให้พนักงานมาเห็นร้านในสภาพนี้ไม่ได้ พวกเขายิ่งใจคอไม่ดีกับสถานการณ์ของร้านอยู่ดังนั้นผมต้องแจ้งเข้าไปในแชทกลุ่มว่าวันนี้ร้านปิดพวกเขาจะได้ไม่ต้องมาทำงาน" ปูนปั้นตอบ ท่าทางตื่นตกใจของปูนปั้นทำเอาเทียนรู้สึกไม่ว่างใจเลย หลังจากที่ปูนปั้นแจ้งพนักงานทุกคนแล้วเทียนก็พาเขาไปแจ้งความที่สถานีตำรวจทันทีจากนั้นก็พากลับมาส่งที่ร้าน "จะเอายังไงต่อ" เทียนถาม "ไม่รู้สิแต่สภาพร้านแบบนี้ผมเปิดขายไม่ได้แน่นอน" ปูนปั้นตอบ "หน้าร้านมีกล้องวงจรปิดไม่ใช่เหรอทำไมถึงไม่เอาหลักฐานไปให้ตำรวจล่ะ" เทียนถาม "กล้องหน้าร้านมันเสียมาหลายเดือนแล้วอ่ะ ผมเห็นว่ามันไม่จำเป็นก็เลยยังไมาได้เรียกช่างมาดู" ปูนปั้นตอบ เทียนแทบอยากจะเขกกระโหลกปูนปั้นสักทีที่เจ้าตัวทำอะไรไม่รอบคอบแบบนี้ "แล้วเป็นไง...ตอนนี้จำเป็นพอยัง" เทียนถามเชิงประชดประชัน "รู้แล้วหน่า~" ปูนปั้นตอบ เทียนเดินไปนั่งลงข้างหน้าเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ปูนปั้นเองก็หันมามองเทียน "ลุงมารอเจอพี่หมิงใช่ไหม วันนี้พี่หมิงเขาไมามาหรอก" ปูนปั้นพูด "ไหนว่าหมิงไม่มีโทรศัพท์ไงแล้วเขารู้ได้ไงว่าร้านหยุด" เทียนถาม "พี่หมิงไม่รู้หรอกแต่ก่อนเมื่อวันก่อนพี่หมิงเขาขอลาหยุด 3 วันเพื่อพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลตามใบนัดน่ะ" ปูนปั้นตอบ "อ๋อ~" เทียนตอบ ปูนปั้นถอนหายใจออกมาแล้วทิ้งหัวลงไปนอนกับโต๊ะอย่างคนหมดอะไรตายอยาก "จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย...พรุ่งนี้จ้างช่างมาจัดการก็ไม่รู้จะเสร็จไหม" ปูนปั้นพูดตัดพ้อกับตัวเอง "เดี๋ยวฉันจะหาตัวคนทำมาให้นายเอง" เทียนพูดขึ้นมาหลังจากนั่งดูปูนปั้นงอแงมาสักพัก ปูนปั้นเงยหน้าขึ้นมามองเทียนแล้วส่ายหน้า "ไม่ต้องหรอกลุง ผมไม่อยากรบกวนลุงอ่ะ" ปูนปั้นตอบ "เรื่องของนายก็คือเรื่องของฉัน" เทียนพูด ปูนปั้นกน้าแดงขึ้นมาทันทีด้วยความเขิน "อย่าลืมสิ...ฉันจีบนายอยู่นะ" เทียนพูดแล้วมองจ้องไปที่ปูนปั้นเพื่อให้เขาเชื่อว่าตนเองกำลังจริงจังอยู่ "ไอ้เด็กโงเอ้ย~" เทียนพูดจบก็หันออกไปมองรอบร้านเพื่อดูว่าจะเริ่มจากอะไรได้บ้างแต่ปูนปั้นยังคงช็อคอยู่ที่ได้ยินเทียนพูดออกมาตรงๆ แบบนี้แม้จะรู้ว่าเทียนสนใจเขาอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะรุกเร็วขนาดนี้เพราะมันทำให้เด็กอย่างเขารับมือไม่ทันจริงๆ หลังจากแยกย้ายกันกลับเทียนก็ตรงไปที่บ้านใหญ่ทันทีเพื่อไปขอพบคุณโฉม "สวัสดีครับคุณเทียน" พายุรีบเดินข้ามารับทันทีที่มีแขกมาที่บ้าน "ย่ารองล่ะ" เทียนถาม "คุณโฉมอยู่กับคุณหญิงที่ห้องหนังสือครับ" พายุตอบ "ดี นายตามฉันไปพบย่ารองด้วย" เทียนพูด "ฮะ? ผมเหรอครับ" พายุถามด้วยความสงสัยเพราะอยู่ดีๆ เทียนก็โผล่มาที่บ้านใหญ่แบบงงๆ "เออ" เทียนตอบแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนทันที พายุแม้จะงงๆ แต่ก็รีบตามเทียนไปเหมือนกันเพราะกลัวว่าจะถูกตำหนิ "ขออนุญาตครับ" เทียนพูดขึ้นเมื่อมาถึง คุณหญิงทั้งสองหันไปมองตามเสียงก็เห็นว่าเป็นหลานชายของตัวเองมาหาจึงได้วางของในมือลงแล้วหันมาสนใจเทียนแทน "มาหาคุณย่าเหรอเทียน" คุณโฉมถาม "เอ่อ~ผมมาหาทั้งคุณย่าแล้วก็ย่ารองเลยครับ" เทียนตอบแล้วเข้าไปนั่งคุกเข่าอยู่ข้างหน้าคุณหญิงหยาดทิพย์ "มีธุระอะไรเหรอลูกถึงได้รีบร้อนขนาดนี้" คุณหญิงหยาดทิพย์ถามแล้วเพราะใบหน้าของหลานชายเต็มไปด้วยเหงื่อพร้อมก้บยื่นมือไปหยิบผ้าเช็คหน้าปักลายของตัวเองขึ้นมาซับเหงื่อให้เขา "ขอบคุณครับคุณย่า" เทียนตอบ "มีอะไรก็ว่ามาเถอะ" คุณโฉมถาม "คือผมอยากได้คนมาดูแลและช่วยงานผมน่ะครับ" เทียนตอบ "อ๋อ~ได้สิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ย่าจะให้วิสุทธิ์เขาเก็บของย้ายไปอยู่บ้านนู้นแล้วกัน" คุณโฉมตอบ "วิสุทธิ์ดูแลคุณปู่มาตลอดหลังจากที่คุณปู่จากไปก็แทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมว่าผมขอเป็นคนอื่นดีกว่าครับ" เทียนพูด "แล้วจะเป็นใครได้อีกล่ะ วิสุทธิ์เขารู้งานทุกอย่างน่าจะพอช่วยหลานได้นะ" คุณหญิงหยาดทิพย์ถาม "ผมอยากได้พายุครับ" เทียนตอบ คุณผู้หญิงทั้งสองหันหน้ามองกันด้วยความไม่เข้าใจ พายุเองก็ตกใจไม่น้อยเพราะที่ผ่านมานอกจากดูแลบ้านคุณซ่งก็ไม่เคยให้เขาออกไปทำงานอะไรเลย "แต่พายุมันทำอะไรไม่เป็นเลยนะเทียน" คุณโฉมพูด "ผมเชื่อว่าพายุเป็นคนเก่งครับเพียงแต่ที่ผ่านมาคุณปู่เป็นห่วงเขามากเลยไม่ยอมให้เขาออกไปทำงานข้างนอกเลยและผมก็เชื่อว่าพายุมันก็คงไม่ได้อยากทำงานดูแลบ้านแบบนี้ไปตลอดหรอก...ยกให้ผมเถอะนะครับคุณย่า นะครับย่ารอง" เทียนตอบ คุณผู้หญิงทั้งสองเองอยากให้เทียนเลือกคนที่เป็นงานหน่อยไปอยู่ข้างกายเพราะตอนนี้เขาเป็นผู้นำตระกูลแล้วแต่ในทางกลับกันพวกเธอก็รู้ว่าไม่ว่ายังไงพายุจะเป็นคนที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์ที่สุดอย่างแน่นอนเลยไม่แน่ใจว่าควรตัดสินใจยังไงดี "ยังไงซะพายุมันก็เป็นคนที่ปู่แกรับมาเลี้ยง มันจะไปไม่ไปย่าก็แล้วแต่มันล่ะกัน" คุณโฉมตอบ "ไปครับ ผมไปครับ" พายุรีบตอบขึ้นมาทันทีด้วยความดีใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่ที่นี่แต่เขาอยากออกไปทำงานจริงตามที่เคยได้ฝึกมาสักครั้งเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ตระกูลนี้เคยให้ข้าวให้น้ำจนเขาเป็นเขาอย่างทักวันนี้ "ดูแลตาเทียนให้ดีอย่าให้ฉันและคุณซ่งต้องผิดหวังที่รับแกมาดูแล เข้าใจไหม" คุณโฉมพูด "ครับคุณโฉม" พายุตอบเสียงดังฟังชัดใบหน้าของเขาเต็ทไปด้วยรอยยิ้มจนผู้ใหญ่ทั้งสองอดเอ็นดูไม่ได้ "ขอบคุณนะครับคุณย่า ขอบคุณนะครับย่ารอง" เทียนพูด "คุณปู่ฝากความหวังไว้เทียนต้องทำให้ดีที่สุดนะลูก" คุณหญิงหยาดทิพย์พูดแล้วลูบหัวหลานชายด้วยความเอ็นดู "ครับคุณย่า" เทียนตอบแล้วหันไปหาพายุ "พายุ" เทียนเรียก "ครับคุณเทียน" พายุตอบ "ไปเก็บของเดี๋ยวกลับไปพร้อมกับฉันเลย" เทียนพูด "ครับ!" พายุตอบแล้วรีบวิ่งออกไปทันที "ไอ้เด็กคนนี่หนิ! กระโตกกระตากจริง" คุณโฉมว่าตามหลังที่เห็นพายุดีใจออกหน้าออกตาจนลืมมารยาทไปเลย "งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" เทียนกล่าวลาย่าทั้งสองพร้อมยกมือไหว้อย่างสุภาพก่อนจะออกจากห้องนั้นมายืนรอพายุที่รถ "อู้หู~คุณเทียน ผมจะได้นั่งรถคันนี้ของคุณเทียนเลยเหรอครับ" พายุถามด้วยความดีใจจนตาแทบจะถลนออหจาเบ้าอยู่แล้ว "อย่าพูดมากแล้วรีบไปขึ้นรถเลย" เทียนตอบ "ครับๆ" พายุพูดแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูรถทันที "ระวังอย่าให้เป็นรอยนะ" เทียนเอ่ยเตือนเพราะท่าทางของพายุดูตื่นเต้นจนลนไปหมด "ครับคุณเทียน" พายุตอบแล้วรีบขึ้นไปนั่งบนรถ "คิดผิดป่ะว่ะเนี่ย" เทียนบ่นแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนรถด้วยสีหน้าเซ็งๆ ก่อนจะขับรถออกจากที่นี่แล้วกลับบ้านของเขาทันที "คุณหล่ง คุณดาริน...คุณเทียนกลับมาแล้วครับ" เจสันเดินเข้ามาบอกกับทุกคนหลังจากที่เห็นรถของเทีียนเลี้ยวเข้ามาในบ้านและไม่นานเทียนก็เดินเข้ามาพร้อมกับพายุ สร้างความแปลกใจให้กับบอดี้การ์ดทุกคนไม่น้อย "คุณพ่อคุณแม่สวัสดีครับ" เทียนกล่าวทักทายพ่อแม่ที่นั่งรออยู่ "กินข้าวกินปลามาหรือยังจ๊ะ" ดารินถาม "แกพาพายุมาที่บ้านเราทำไม" หล่งถามลูกชายด้วยความสงสัยเพราะจริงๆ คนที่บ้านของเขาก็เยอะอยู่แล้วถ้าเทียนต้องใช้คนก็สามารถเอาไปใช้ได้เลยไม่เห็นจำเป็นต้องดึงคนของบ้านใหญ่เข้ามาที่นี่เลย "ต่อไปนี้พายุเขาจะมาทำหน้าที่ดูแลผมครับ" เทียนตอบ "ลูกเลือกพายุเหรอ" ดารินถามด้วยความตกใจ "ครับ" เทียนตอบ "แต่พ่อไปขอกับคุณย่าให้แช้วหนิว่าจะให้วิสุทธิ์มาดูแลลูกต่อทำไมเขายังส่งไอ้พายุมาอีกล่ะ มันไม่เป็นงานลูกจะเอามาเป็นภาระทำไม" หล่งพูด "ผมเลือกพายุครับ" เทียนตอบ "ถ้ามันดูแลงานในบ้านพ่อก็เยอะว่าไม่มีใครเก่งไปกว่ามันแล้วแต่ถ้าจะเอามาช่วยงานจริงๆ พ่อว่ามันไม่ไหวหรอก" หล่งพูด พายุรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองจริงๆ เขารู้ว่าพวกคุณๆ ไม่มีใครรังเกียจเขาหรอกแต่ว่าทุกคนก็ไม่มีใครเชื่อในตัวเขาเลยว่าเขาจะสามารถช่วยงานทุกคนได้ ที่ผ่านมานอกจากดูแลเรื่องกินอยู่ของคุณซ่งแล้วเขาก็มีหน้้าที่ต้อนรับและยกกระเป๋าให้กับทุกคนเท่านั้นทั้งที่มันไม่ใช่งานที่เขาอยากทำเลยแต่เขาก็ยอมทำด้วยความเต็มใจเพราะเป็นคำสั่งของคุณซ่ง "ผมเชื่อว่าพายุจะช่วยงานผมได้ครับ" เทียนตอบ "งั้นก็เอาเวกัสไปด้วยอีกคน เวกัสมันทำงานดีให้มันดูแลงานนอกบ้านของแกแล้วกันส่วนพายุก็ให้อยู่ในบ้านดูแลงานเล็กๆ น้อยๆ ไป" หล่งพูด นี่มันก็ไม่ต่างอะไรจากเดิมที่พายุเคยทำเลยเพียงแค่เปลี่ยนจากทำที่บ้านใหญ่มาทำที่นี่เฉยๆ "ขอบคุณที่พ่อให้ยืมคนนะครับแต่ผมอยากให้พายุมาทำงานด้วยหวังว่าพ่อจะไม่ติดอะไรนะครับ" เทียนตอบ "ตาเทียน!" หล่งเริ่มหงุดหงิดที่ลูกชายดื้อไม่ฟังที่เขาแนะนำ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบพายุแต่เขาไม่เชื่อว่าพายุจะมีความสามารถมากพอจะดูแลเทียนได้ "คุณค่ะ" ดารินรีบห้ามสามีเพราะเห็นว่าเขาเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว "เทียนไปพักผ่อนก่อนเถอะลูก" ดารินหันมาบอกลูกชายเพื่อตัดปัญหา "ครับแม่" เทียนตอบแล้วหันหลังกลับไปหาพายุและเจสัน "เดี๋ยวนายตามเจสันไปนะ เขาจะพานายไปที่ห้องพักเองเก็บของเสร็จแล้วก็ขึ้นมาหาฉันที่ห้อง ฉันมีอะไรจะคุยด้วยหน่อย" เทียนพูด "ครับคุณเทียน" พายุตอบแล้วก็เดินตามเจสันออกไป เทียนหันไปดูพ่อกับแม่แป๊ปนึงก่อนจะเดินขึ้นไปรอพายุบนห้องนอนเทียนทิ้งตัวลงบนโซฟายกแขนขึันมาก่าวหน้าผากไว้ ้ขาหลับตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปูนปั้นที่เติมตามเข้ามาก็แยกไปในครัวเทน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วมาให้เขา"กินน้ำก่อนครับ" "ขอบใจนะ" เทียนรับน้ำมาดื่มจนหมดแก้วแล้วเงยหน้ามองปูนปั้นที่ยืนดูเขาอยู่ เขาเอาแก้ววางลงบนโต๊ะกระจกแล้วจับมือปูนปั้นพาเขาให้เข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองก่อนจะกอดกอดแล้วเอียงหัวไปพิงที่หน้าอกของปูนปั้น ปูนปั้นเองก็ยกมือขึ้นมาลูกที่ต้นแขนของเทียนเป็นการให้กำลังใจ"เหนื่อยมากเลยใช่ไหมครับ""วันนี้พี่ทำให้คนมากมายต้องตาย พวกเขาเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาแลกเพื่อพี่และคนในครอบครัว สำหรับพี่แล้วพวกเขาไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดแต่พวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของพี่จริง ๆ บางคนก็เคยเห็นพี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ บางคนก็เคยเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่ พอ...พอพี่ต้องมาเห็นพวกเขาตายไปต่อหน้าต่อตามันก็อดโทษตัวเองไม่ได้" เทียนเริ่มมีน้ำตาคลอออกมาแต่เขาก็พยายามอดทนฝืนเอาไว้เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นมาเห็นมุมที่อ่อนแอของเขา"ลุงทำดีที่สุดแล้ว""ถ้าตอนนั้นพี่ไม่คิดวางแผนให้มันซับซ้อนแล้วจัดการพวกมันตรง ๆ ไปเลยตั้งแต่แรกวันนี้ครอบครัวพี่คงไม่โดนพวกมันเล่นกลับหนักขนาดนี้หรอก ถ
(ร้าน happy time) ธูป หมิงและปูนปั้นปลีกตัวออกมาคุยกันด้านหลังร้านเพราะปล่อยให้เอมม่าทำบัญชีอยู่ที่เคาน์เตอร์และกุ๊กไก่กับพนักงานคนอื่น ๆ เก็บร้านไปก่อน"แล้วนี่เราโอเคใช่ไหม" ธูปถามปูนปั้นด้วยความเป็นห่วง เขาเข้าใจว่าปูนปั้นคงตกใจมากเพราะตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้สีหน้าของปูนปั้นก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแถมตัวก็ยังสั่นเล็กน้อย "ผม...ผมกลัวมากจริง ๆ เกิดมาผมไม่เคยเห็นปืนหรือคนยิงกันมาก่อน ตอนนั้นในหัวผมคิดแต่ว่าผมต้องตายแน่ ๆ แต่...อึก...""ใจเย็น ๆ พวกพี่เข้าใจ" หมิงเดินเข้ามาลูบที่หลังของปูนปั้นเพราะตอนนี้เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว"พวกพี่อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เอมม่านะ ผมไม่อยากให้พี่เขาเป็นห่วง""อืม ได้สิ" ธูปตอบ จนถึงตอนนี้ธูปก็เข้าใจแค่ว่าเทียนโดนโอมจับตัวไปเพราะเป็นสายให้กับเกรทและเขาก็ถูกจัดการไปแล้วโดยมีคนของเทียนและเทียนไปช่วยออกมาแต่ยังไม่รู้เลยว่าครอบครัวเพิ่งเกิดปัญหาครั้งใหญ่ พ่อโดนปองร้ายจนเกือบตาย คุณย่าโดนตามล่าจนต้องหนีไปซ่อน "แต่ว่าทำไมพี่เทียนถึงมาส่งปูนปั้นที่นี่แทนที่จะพากลับคอนโดไปปลอบขวัญล่ะ""ไม่รู้ครับ ลุงบอกต้องไปช่วยคนอื่นอีกเลยอยู่กับผมไม่ได้และคิดว่าที่นี่
เทียนวิ่งหน้าตั้งมาที่ห้องนอนของคุณปู่ในใจได้แต่ภาวนาว่าขอให้ทันเพราะถ้าเขาไปไม่ทันในใจคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ "วิสุทธิ์!" เทียนวิ่งเข้าไปประคองร่างของวิสุทธิ์ที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ขึ้นมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมา เจ๋งกับเจสันที่วิ่งตามขึ้นมาก็หยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นว่าเทียนขึ้นมาทำอะไร พวกเขาเดินเข้าไปนั่งล้อมอยู่ข้างกายของวิสุทธิ์"อดทนไว้นะรถโรงพยาบาลกำลังมาแล้ว" เทียนให้กำลังใจวิสุทธิ์พร้อมกำมือของเขาไว้แน่น"คุณเทียนครับ...อึก! คุณท่านรักคุณเทียนมากเลยนะครับ...ยะ อย่า...ทำ...ให้คุณท่าน...ผิดหวัง...อ่า...นะครับ" วิสุทธิ์พยายามเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่ ชีวิตนี้ของเขามีเพียงแค่สิริยากรมาตลอดไม่เคยคิดทรยศเลยแม้แต่เสี่ยววินาทีเดียวหลังจากปู่ของเทียนตายไปชีวิตของเขาก็มีอยู่เพื่อช่วยปกป้องเทียนตามคำสั่งเสียของเจ้านายเก่าเท่านั้น "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้วทำใจให้ดี ๆ รอรถพยาบาลมารับพวกเราจะไปหาหมอด้วยกัน พ่อผมยังรอพวกเราทุกคนอยู่ที่นั้น วิสุทธิ์ต้องใจเย็น ๆ นะยังมีพวกคุณย่าอีกถ้าวิสุทธิ์ไม่อยู่ใครจะดูแลพวกคุณย่าแทนปู่ล่ะ ใช่ไหม" เทียนเห็นสีหน้า
ทั้งสามคนวิ่งลงมาจนถึงชั้นถึงก่อนพายุจะทเจ๋งกับเทียนต้องหยุดวิ่งเพื่อหันมาดูเขา"อ๊าาาาา" ลูกน้องของเหรียญชี้ปืนมาทางทั้งสามคนแล้วเดินลงบันไดมา เทียนจ้องมองคนเหล่านั้นด้วยความโกรธจนหน้าสั่นน้ำตาแห่งความเครียดแค้นค่อย ๆ ไหลออกมา"ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญเดินหัวเราะลงมาจากข้างบนตรงเข้ามาหาเทียนทำให้ทั้งพายุและเจ๋งต้องพยายามขยับตัวเข้ามากันเหรียญไว้"หลบไปไอ้ขี้ข้า" เหรียญใช้เท้าถีบแขนข้างที่ถูกยิงของพายุจนเขากระเด็นไปฟุบอีกฝั่ง"อ้าาาา! อืมมมมม" พายุพยายามกดแผลของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด"มึงจะเอาด้วยอีกคนใช่ไหม" เหรียญถามเจ๋งที่ยังคงยืนอ้าแขนกันเทียนเอาไว้"ผมจำเป็นต้องปกป้องคุณเทียน" "ต่อให้มึงต้องตายอ่ะเหรอ""ครับ" "ได้ดิ" เหรียญยกปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าของเจ๋งแต่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวเลยของเจ๋งก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจเลื่อนปืนขึ้นไปจนมันติดกับหน้าผากของเจ๋งเลย"อย่านะ!" เทียนพูดพร้อมกับผลักไหล่ของเจ๋งให้หลบไปแต่เจ๋งก็ฝืนเกรงตัวเองไว้เพื่อบังเทียนเหมือนเดิม"เจ๋ง!" เทียนไม่พอใจที่เจ๋งขืนเขา"ผมบอกคุณเทียนแล้วว่าพวกเราแค่สามคนทำอะไรเขาไม่ได้หรอกแต่คุณเทียนก็ไม่เชื่อผมเพราะงั้นถ้าวันนี้คุณเทียนมีโ
เทียนช้อนร่างของวิสุทธิ์ขึ้นมาซึ่งวิสุทธิ์เองก็รู้สึกเจ็บจนแทบเจียนตาย "อ๊าาา~" "พวกมันทำอะไรคุณ" เทียนถามด้วยความเป็นห่วงแต่วิสุทธิ์ไม่สามารถตอบออกมาเป็นคำได้เลย เทียนรู้สึกโกรธมากเขากัดฟันแน่นแล้วเงยหน้าไปมองเหรียญที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่แล้วค่อย ๆ วางวิสุทธิ์ลงนอนที่เดิม"ดูท่าคุณเทียนจะโกรธพวกเราแล้วว่ะ ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญหันไปพูดแล้วหัวเราะคิกคักกับลูกน้องของตัวเอง เหรียญลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้เหรียญเรื่อย ๆ"กูไม่เคยมีความแค้นกับมึงทำไมมึงต้องมาทำร้ายคนของกูด้วย วิสุทธิ์เขาอายุมากกว่าพ่อมึงอีกด้วยซ้ำ ไอ้เหี้ย!" เทียนพูด"มึงไม่เคยแต่ใช่ว่าตระกูลของมึงไม่เคยไง" เหรียญตอบ"ฮึ~ มึงคงหมายถึงตอนที่พ่อมึงหักหลังตระกูลกูจนปู่จับได้เลยลบชื่อพ่อมึงออกจากหุ้นส่วนบริษัทสินะ กูจำได้ดีตอนนั้นพวกมึงไม่มีสิริยากรหนุนหลังแล้วก็เลยทำให้ธุรกิจของครอบครัวมึงขาดความน่าเชื่อถือจนเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ พ่อมึงเป็นหนี้รอบด้านแก้ไขปัญหาไม่ได้สุดท้ายก็คลานกลับมาหาตระกูลกูแต่ก็อย่าว่าแหละคนแบบนั้นใครจะอยากช่วยเหลือพอพ่อมึงมืดแปดด้านก็เลยลมควันตัวเองตาย เรื่องนี้ใช่ไหมที่มึงแค้นเข้ากระดูกจนถึงขั้นบุกมาทำลายครอบ
"พวกเราจะไปไหนกันอ่ะลุง" ปูนปั้นถาม เขากลัวมากจนต้องกอดเทียนเอาไว้ตลอดส่วนเทียนก็คอยลูบหลังเขาเบา ๆ เพื่อไม่ให้ปูนปั้นสติแตกไปมากกว่านี้"หนูไปอยู่ที่ร้านก่อนตอนนี้ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุด" เทียนตอบ"แต่ว่าคุณเกรทก็ส่งคนไปจับผมมาจากที่นั่นนะ" ปูนปั้นพูด"มีแค่เกรทกับโอมที่รู้จักหนูแต่ตอนนี้สองคนนั้นไม่อยู่แล้วดังนั้นที่นั้นจึงปลอดภัยที่สุดอีกอย่างธูปกับหมิงก็อยู่ด้วย เชื่อพี่เถอะนะ" เทียนพูด"ครับ" ปูนปั้นตอบเอี๊ยดดดดด! (เสียงเบรกรถ)เสียงเบรกรถดังมากจนเอมม่าตกใจจนต้องหันหน้าออกมาดูเพราะคิดว่าเกิดอุบัติเหตุที่หน้าร้านโชคดีที่ตอนนี้ในร้านไม่มีลูกค้าเลยไม่งั้นคงทำให้ลูกค้าตกใจขวัญกระเจิงเป็นแน่ หลังจากเห็นเทียนกับปูนปั้นลงมาจากรถท่าทางอาลัยอาวรณ์กันเอมม่าก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจว่าทั้งคู่เป็นอะไรไปเพราะเธอไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรกับทั้งสองคนไม่งั้นป่านนี้เธอคงไม่สามารถนั่งเฝ้าร้านได้อย่างสบายใจหรอก"แค่แยกกันไปทำงานต้องกอดอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ ทำอย่างกับจะตายจากกันอย่างงั้นแหละ" เอมม่าพูดด้วยความสงสัยเพราะสีหน้าแววตาของทั้งคู่ดูเศร้าและหวาดกลัวมาก จากนั้นไม่นานเทียนก็กลับขึ้นรถแล้วก็ออกจากร