หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้านดารินก็เข้ามาทำแผลให้ลูกชายด้วยความเป็นห่วง
"เจ็บไหมลูก" ดารินถาม "นิดหน่อยครับแม่" เทียนตอบ "พี่เทียน ไอ้เมฆมันทำแบบนั้นจริงๆ เหรอพี่" ธูปถาม "คุณปู่บอกพี่แบบนั้นอ่ะ" เทียนตอบ "นี่พ่อไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนเงียบๆ เรียบร้อยดูไร้พิษสงอย่างไอ้เจ้าเมฆมันจะกล้าทำอะไรแบบนี้" หล่งพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดเพราะเมื่อก่อนเขาเองก็รักและเอ็นดูเมฆเหมือนกับลูกชายคนนึงของตัวเองเหมือนกัน "ตอนผมได้ยินครั้งแรกก็ตกใจไม่ต่างจากทุกคนหรอกครับ" เทียนตอบ "แล้วนี่แกรู้เรื่องใหญ่โตนี้ก็ยังจะปิดบังพ่อกับแม่อีกนะ" หล่งหันมาดุเทียนที่ปิดบังเรื่องของเมฆกับตัวเองมาตั้งหลายวัน "คุณเทียนครับ พวกเราได้เอกสารทั้งหมดมาแล้วครับ" เจสันกับเวกัสเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มและสมุดบัญชีจำนวนมาก "เอาเข้าไปวางที่ห้องทำงานของฉันเลย" ดารินตอบ "ครับ" เจสันและเวกัสตอบก่อนจะเดินเอาของไปไว้ให้เจ้านาย "แต่แม่ครับ~" เทียนกำลังจะพูดแต่ดารินยื่นมือไปจับมือของลูกชายไว้ก่อน "เดี๋ยวแม่ช่วยเทียนเอง" ดารินพูด เทียนค่อยๆ ยิ้มออกมา "ครับ" เทียนตอบ หลังจากมื้อเย็นเทียนและดารินก็ช่วยกับจัดการตรวจสอบบัญชีและเอกสารทั้งหมดด้วยกันโดยมีธูปนอนหลับอยู่บนโซฟาข้างๆ เป็นเพื่อนตอนแรกธูปก็กะจะช่วยแม่และพี่ชายตรวจสอบบัญชีนะแต่ว่าพอเจอตัวหลังสือเข้าไปเยอะๆ เขาก็รู้สึกง่วงขึ้นมาซะงั้นเลยทำให้ต้องหนีมานอนหลับก่อน เทียนยังคงนั่งตรวจสอบบัญชีอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ไม่สนใจทานข้าวทานปลาอีกแล้วจนแม่ของเขารู้สึกเป็นห่วง ผ่านไปจนแล้วจนเล่าตั้งแต่ฟ้าสว่างจนมืดเขาก็ยังเอาแต่นั่งหลังขดหลังแข็งทำงานของเขาต่อไปและด้วยความที่เขาไม่ถนัดงานบัญชีมันเลยยิ่งทำให้งานของเขาช้าลง "เทียน~ไปนอนก่อนเถอะลูก" ดารินพูดหลังจากไปอาบน้ำกลับมาแล้วก็ยังเห็นเทียนนั่งหน้าเครียดอยู่หน้ากองเอกสารเหมือนเดิม "แม่ไปนอนก่อนเลยครับ ผมขอต่ออีกนิดเดียวนะครับ" เทียนตอบ "อย่าหักโหมตัวเองนะลูก แม่เป็นห่วง" ดารินพูด "ครับ" เทียนตอบ จากนั้นดารินก็เดินออกจากห้องไปแม้ในใจจะรู้สึกไม่วางใจเลยก็ตามเพราะตอนนี้เทียนกำลังฝืนร่างกายตัวเองอย่างหนักยิ่งก่อนหน้านี้ช่วงงานศพเขาก็แทบไม่ได้พักผ่อนอยู่แล้วด้วย 08:00 น. ดารินเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อลงไปทานข้าวกับทุกคนแต่พอเดินผ่านห้องทำงานเธอก็เหมือนจะเห็นอะไรแว๊บๆ เลยค่อยๆ หันหน้าไปดู ภาพที่เธอเห็นคือเทียนนั่งสัปหงกอยู่คากองเอกสารอยู่อย่างคนหมดสภาพ พอเขาสะดุ้งตื่นก็รีบดูเอกสารต่อแต่พอดูไปได้ไม่กี่วินาทีก็เผลอหลับอีก ในใจของดารินในฐานะของคนเป็นแม่มองเห็นสภาพลูกชายแบบนี้ก็รู้เจ็บปวดไปยิ่งนัก เธอเดินเข้ามาในห้องแล้วใช้มือวางบนไหล่ของเทียนเบาๆ "อ้าว~แม่มาแล้วเหรอครับ" เทียนถาม "ไปพักผ่อนเถอะลูก อย่าให้แม่ต้องเจ็บปวดใจไปมากกว่านี้เลย" ดารินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แถมยังมีน้ำตาคลออยู่ที่ดวงตาซึ่งมันทำให้เทียนรู้สึกผิดมาก เขาค่อยๆ วางเอกสารลงแล้วลุกขึ้น "ขอโทษนะครับแม่~ผมจะไปนอนเดี๋ยวนี้แหละ" เทียนตอบแล้วเดินออกจากห้องทำงานของแม่ไป 21:30 น. แค่กๆ ๆ....เทียนไอออกมาด้วยน้ำเสียงแหบๆ เขารู้สึกเจ็บคอและปวดหัวนิดหน่อยจึงลุกขึ้นมาเพื่อหายากินแต่พอเดินลงมากลับรู้สึกว่าบ้านเงียบแปลกๆ "เดี๋ยวๆ ทำไมบ้านถึงเงียบแบบนี้ล่ะ" เทียสถามแม่บ้านที่เดินผ่านมาพอดี แม้จะบอกว่ามันดึกแล้วทุกคนคงเข้านอนกันไปแล้วแต่ปกติบ้านของเขาจะมีบอดี้การ์ดเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดซึ่งมันไม่น่าเงียบได้ขนาดนี้ "อ่อ วันนี้คุณหล่งกับคุณดารินไปกินเลี้ยงบ้านสส.สุรศักดิ์ค่ะ" แม่บ้านตอบ "ขอบใจมาก" เทียนพูดตอบจากนั้นแม่บ้านก็เดินออกไป วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่ทางสะดวกมากที่เขาจะเข้าไปตรวจสอบบัญชีต่อ ดังนั้นเทียนจึงรีบกลับขึ้นไปข้างบนแล้วตรงไปที่ห้องทำงานของแม่มันทีแต่พอเขาจะเปิดประตูมันก็ดันล็อคไว้ซะงั้น "อะไรว่ะเนี่ย" เทียนบ่นแล้วพยายามออกแรงบิดลูกบิดประตูแต่ว่าไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่มันก็เปิดไม่ได้ "ใครอยู่ข้างล่างอ่ะขึ้นมาหน่อยสิ เฮ้ย! ขึ้นมาหาผมหน่อย" เทียนตะโกนเสียงดังลั่นจนแม่บ้านต้องรีบวิ่งขึ้นมาด้วยความตกใจ "ขา~คุณเทียน" แม่บ้านตอบ "ไปเอากุญแจมาเปิดห้องให้ผมหน่อยซิ" เทียนพูด "เอ่อ~นี่เป็นห้องทำงานส่วนตัวของคุณดาริน นอกจากคุณดารินแล้วก็ไม่มีใครมีกุญแจห้องนี้หรอกค่ะ" แม่บ้านตอบ "กุญแจสำรองก็ไม่มีเหรอ" เทียนถาม "ไม่มีค่ะ" แม่บ้านตอบ "ไปพักผ่อนได้แล้วไป" เทียนพูด "ค่ะ" แม่บ้านตอบแล้วก็เดินออกไป เทียนหันกลับไปมองที่ห้องทำงานแล้วเขาถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดายก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง เขาพยายามข่มตานอนแล้วแต่ไม่ว่าเขาจะลองแค่ไหนก็ไม่อาจนอนหลับได้สักที ในใจของเขามันรู้สึกว้าวุ่นจนไม่มีกระจิตกระใจจะนอนเลย เทียนเปิดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ขณะที่ยืนขึ้นเขาก็รู้สึกมึนหัวนิดหน่อยอาจจะเพราะนอนและมีไข้อ่อนๆ ด้วยแต่เขาก็ยังไม่หยุดเดินต่อไปยังห้องแต่งตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อเตรียมจะออกจากบ้าน "เอ่อ~คุณเทียนจะไปไหนครับ" บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าดูแลคสามปลอดภัยรีบเข้ามาถามทันทีที่เห็นเทียนเดินออกมาจากบ้าน "ผมจะไปหาที่พักผ่อนหย่อนใจหน่อยอ่ะ" เทียนตอบ "ให้ผมขับรถไปให้ดีไหมครับ" บอดี้การ์ดถามด้วยความเป็นห่วงเพราะสีหน้าของเทียนดูไม่ดีเอามากๆ "ไม่เป็นไรผมไปเองได้ ถ้าพ่อกับแม่ถามหาก็บอกว่าผมไปนอนที่คอนโดแล้วกันนะ" เทียนตอบ "ครับ" หลังจากพูดคุยกับบอดี้การ์ดจบเทียนก็เดินตรงไปที่รถหรูคันโปรดของตัวเองก่อนที่จะสตาร์ทแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว  "ทำไมถึงรีบออกไปขนาดนั้นหน่า~" บอดี้การ์ดพูดแล้วมองตามรถของเทียนด้วยความเป็นห่วง "เรื่องของเจ้านายอย่าไปสนใจเลยดีกว่า" บอดี้การ์ดอีกคนตอบ เทียนขับรถออกจากบ้านมาเพราะเขารู้สึกว่าอยู่ที่บ้านคนเดียวแล้วจิตใจค่อนข้างฟุ้งซ่านเลยกะว่าจะไปหาหมิงเพื่อดื่มและปรึกษาปัญหาชีวิตสักหน่อยเหมือนที่เคยทำมาตลอด "โอ๊ย~ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้นะ" เทียนยกมือข้างนึงขึ้นมาจับศีรษะตัวเองไว้เขาออกแรงกดมันเบาๆ เพื่อบรรเทาความปวด เทียนไม่มีสมาธิในการขับรถเลยเพราะเขารู้สึกเหมือนจะหลับอยู่ตลอดแต่ก็พยายามฝืนตัวเองไว้ โชคดีที่ตอนนี้ดึกแล้วถนนเลยค่อนข้างโล่งมากไม่งั้นป่านนี้เขาต้องเกิดอุบัติเหตุแล้วแน่ๆ (ปล.การไม่มีสติในการขับขี่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น) เอี๊ยดดดดดด! "เฮ้ย!" เสียงเบรครถอย่างดังทำให้ปูนปั้นที่กำลังล็อคประตูร้านอยู่ร้องอุทานและต้องหันกลับมาดูด้วยความตกใจ "อะไรว่ะเนี่ย" ปูนปั้นพูดแล้วมองไปที่รถหรูของที่พึ่งเข้ามาจอดอยู่หน้าร้านของเขาพอดีด้วยความสงสัย เทียนเปิดประตูรถแล้วลงมาด้วยสภาพที่แทบจะเดินไม่ได้อยู่แล้ว เขาใช้มือเกาะประตูรถเอาไว้แล้วมองไปที่ปูนปั้น เฮือก เฮือก เฮือก~ เสียงหอบหายใจของเขาฟังดูเหนื่อยมาก หน้าตาอิดโรยจนหน้าเป็นห่วง "หมิง~อยู่ไหน" เทียนเอ่ยถามออกไปอย่างยากลำบากก่อนที่จะหมดแรงจนล้มลงไปแต่ด้วยความไวของปูนปั้น เขารีบทิ้งของในมือแล้ววิ่งมารับเทียนทันที "คุณ! คุณ" ปูนปั้นพยายามเรียกเทียนแต่เจ้าตัวหมดสติไปแล้วเลยไม่ได้ยินอะไร หน้าของเทียนจมอยู่ช่วงอกและคอของปูนปั้นจนเขาเองรู้สึกถึงลมหายใจของเทียน "ทำไมตัวหนักขนาดนี้เนี่ย" ปูนปั้นบ่นเพราะเทียนเล่นทิ้งน้ำนักลงมาใส่เขาทั้งตัวจนตอนนี้เขาแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว "เอาไงดีว่ะ" ปูนปั้นสับสนเพราะไม่รู้จะเอาเทียนไปไว้ที่ไหนดีครั้นจะให้นอนอยู่ในรถก็อันตรายเกินไป จะโทรบอกหมิงให้มาเอาเพื่อนไปหมิงก็ดันไม่มีโทรศัพท์ซะงั้น "คุณ~ ตื่นก่อนสิ คุณ" ปูนปั้นเรียกแล้วใช้มือตีที่หลังของเทียนเบาๆ เพื่อปลุกเขาแต่เทียนก็ไม่ลุกขึ้นมาสักทีเทียนทิ้งตัวลงบนโซฟายกแขนขึันมาก่าวหน้าผากไว้ ้ขาหลับตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปูนปั้นที่เติมตามเข้ามาก็แยกไปในครัวเทน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วมาให้เขา"กินน้ำก่อนครับ" "ขอบใจนะ" เทียนรับน้ำมาดื่มจนหมดแก้วแล้วเงยหน้ามองปูนปั้นที่ยืนดูเขาอยู่ เขาเอาแก้ววางลงบนโต๊ะกระจกแล้วจับมือปูนปั้นพาเขาให้เข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองก่อนจะกอดกอดแล้วเอียงหัวไปพิงที่หน้าอกของปูนปั้น ปูนปั้นเองก็ยกมือขึ้นมาลูกที่ต้นแขนของเทียนเป็นการให้กำลังใจ"เหนื่อยมากเลยใช่ไหมครับ""วันนี้พี่ทำให้คนมากมายต้องตาย พวกเขาเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาแลกเพื่อพี่และคนในครอบครัว สำหรับพี่แล้วพวกเขาไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดแต่พวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของพี่จริง ๆ บางคนก็เคยเห็นพี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ บางคนก็เคยเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่ พอ...พอพี่ต้องมาเห็นพวกเขาตายไปต่อหน้าต่อตามันก็อดโทษตัวเองไม่ได้" เทียนเริ่มมีน้ำตาคลอออกมาแต่เขาก็พยายามอดทนฝืนเอาไว้เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นมาเห็นมุมที่อ่อนแอของเขา"ลุงทำดีที่สุดแล้ว""ถ้าตอนนั้นพี่ไม่คิดวางแผนให้มันซับซ้อนแล้วจัดการพวกมันตรง ๆ ไปเลยตั้งแต่แรกวันนี้ครอบครัวพี่คงไม่โดนพวกมันเล่นกลับหนักขนาดนี้หรอก ถ
(ร้าน happy time) ธูป หมิงและปูนปั้นปลีกตัวออกมาคุยกันด้านหลังร้านเพราะปล่อยให้เอมม่าทำบัญชีอยู่ที่เคาน์เตอร์และกุ๊กไก่กับพนักงานคนอื่น ๆ เก็บร้านไปก่อน"แล้วนี่เราโอเคใช่ไหม" ธูปถามปูนปั้นด้วยความเป็นห่วง เขาเข้าใจว่าปูนปั้นคงตกใจมากเพราะตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้สีหน้าของปูนปั้นก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแถมตัวก็ยังสั่นเล็กน้อย "ผม...ผมกลัวมากจริง ๆ เกิดมาผมไม่เคยเห็นปืนหรือคนยิงกันมาก่อน ตอนนั้นในหัวผมคิดแต่ว่าผมต้องตายแน่ ๆ แต่...อึก...""ใจเย็น ๆ พวกพี่เข้าใจ" หมิงเดินเข้ามาลูบที่หลังของปูนปั้นเพราะตอนนี้เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว"พวกพี่อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เอมม่านะ ผมไม่อยากให้พี่เขาเป็นห่วง""อืม ได้สิ" ธูปตอบ จนถึงตอนนี้ธูปก็เข้าใจแค่ว่าเทียนโดนโอมจับตัวไปเพราะเป็นสายให้กับเกรทและเขาก็ถูกจัดการไปแล้วโดยมีคนของเทียนและเทียนไปช่วยออกมาแต่ยังไม่รู้เลยว่าครอบครัวเพิ่งเกิดปัญหาครั้งใหญ่ พ่อโดนปองร้ายจนเกือบตาย คุณย่าโดนตามล่าจนต้องหนีไปซ่อน "แต่ว่าทำไมพี่เทียนถึงมาส่งปูนปั้นที่นี่แทนที่จะพากลับคอนโดไปปลอบขวัญล่ะ""ไม่รู้ครับ ลุงบอกต้องไปช่วยคนอื่นอีกเลยอยู่กับผมไม่ได้และคิดว่าที่นี่
เทียนวิ่งหน้าตั้งมาที่ห้องนอนของคุณปู่ในใจได้แต่ภาวนาว่าขอให้ทันเพราะถ้าเขาไปไม่ทันในใจคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ "วิสุทธิ์!" เทียนวิ่งเข้าไปประคองร่างของวิสุทธิ์ที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ขึ้นมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมา เจ๋งกับเจสันที่วิ่งตามขึ้นมาก็หยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นว่าเทียนขึ้นมาทำอะไร พวกเขาเดินเข้าไปนั่งล้อมอยู่ข้างกายของวิสุทธิ์"อดทนไว้นะรถโรงพยาบาลกำลังมาแล้ว" เทียนให้กำลังใจวิสุทธิ์พร้อมกำมือของเขาไว้แน่น"คุณเทียนครับ...อึก! คุณท่านรักคุณเทียนมากเลยนะครับ...ยะ อย่า...ทำ...ให้คุณท่าน...ผิดหวัง...อ่า...นะครับ" วิสุทธิ์พยายามเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่ ชีวิตนี้ของเขามีเพียงแค่สิริยากรมาตลอดไม่เคยคิดทรยศเลยแม้แต่เสี่ยววินาทีเดียวหลังจากปู่ของเทียนตายไปชีวิตของเขาก็มีอยู่เพื่อช่วยปกป้องเทียนตามคำสั่งเสียของเจ้านายเก่าเท่านั้น "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้วทำใจให้ดี ๆ รอรถพยาบาลมารับพวกเราจะไปหาหมอด้วยกัน พ่อผมยังรอพวกเราทุกคนอยู่ที่นั้น วิสุทธิ์ต้องใจเย็น ๆ นะยังมีพวกคุณย่าอีกถ้าวิสุทธิ์ไม่อยู่ใครจะดูแลพวกคุณย่าแทนปู่ล่ะ ใช่ไหม" เทียนเห็นสีหน้า
ทั้งสามคนวิ่งลงมาจนถึงชั้นถึงก่อนพายุจะทเจ๋งกับเทียนต้องหยุดวิ่งเพื่อหันมาดูเขา"อ๊าาาาา" ลูกน้องของเหรียญชี้ปืนมาทางทั้งสามคนแล้วเดินลงบันไดมา เทียนจ้องมองคนเหล่านั้นด้วยความโกรธจนหน้าสั่นน้ำตาแห่งความเครียดแค้นค่อย ๆ ไหลออกมา"ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญเดินหัวเราะลงมาจากข้างบนตรงเข้ามาหาเทียนทำให้ทั้งพายุและเจ๋งต้องพยายามขยับตัวเข้ามากันเหรียญไว้"หลบไปไอ้ขี้ข้า" เหรียญใช้เท้าถีบแขนข้างที่ถูกยิงของพายุจนเขากระเด็นไปฟุบอีกฝั่ง"อ้าาาา! อืมมมมม" พายุพยายามกดแผลของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด"มึงจะเอาด้วยอีกคนใช่ไหม" เหรียญถามเจ๋งที่ยังคงยืนอ้าแขนกันเทียนเอาไว้"ผมจำเป็นต้องปกป้องคุณเทียน" "ต่อให้มึงต้องตายอ่ะเหรอ""ครับ" "ได้ดิ" เหรียญยกปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าของเจ๋งแต่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวเลยของเจ๋งก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจเลื่อนปืนขึ้นไปจนมันติดกับหน้าผากของเจ๋งเลย"อย่านะ!" เทียนพูดพร้อมกับผลักไหล่ของเจ๋งให้หลบไปแต่เจ๋งก็ฝืนเกรงตัวเองไว้เพื่อบังเทียนเหมือนเดิม"เจ๋ง!" เทียนไม่พอใจที่เจ๋งขืนเขา"ผมบอกคุณเทียนแล้วว่าพวกเราแค่สามคนทำอะไรเขาไม่ได้หรอกแต่คุณเทียนก็ไม่เชื่อผมเพราะงั้นถ้าวันนี้คุณเทียนมีโ
เทียนช้อนร่างของวิสุทธิ์ขึ้นมาซึ่งวิสุทธิ์เองก็รู้สึกเจ็บจนแทบเจียนตาย "อ๊าาา~" "พวกมันทำอะไรคุณ" เทียนถามด้วยความเป็นห่วงแต่วิสุทธิ์ไม่สามารถตอบออกมาเป็นคำได้เลย เทียนรู้สึกโกรธมากเขากัดฟันแน่นแล้วเงยหน้าไปมองเหรียญที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่แล้วค่อย ๆ วางวิสุทธิ์ลงนอนที่เดิม"ดูท่าคุณเทียนจะโกรธพวกเราแล้วว่ะ ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญหันไปพูดแล้วหัวเราะคิกคักกับลูกน้องของตัวเอง เหรียญลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้เหรียญเรื่อย ๆ"กูไม่เคยมีความแค้นกับมึงทำไมมึงต้องมาทำร้ายคนของกูด้วย วิสุทธิ์เขาอายุมากกว่าพ่อมึงอีกด้วยซ้ำ ไอ้เหี้ย!" เทียนพูด"มึงไม่เคยแต่ใช่ว่าตระกูลของมึงไม่เคยไง" เหรียญตอบ"ฮึ~ มึงคงหมายถึงตอนที่พ่อมึงหักหลังตระกูลกูจนปู่จับได้เลยลบชื่อพ่อมึงออกจากหุ้นส่วนบริษัทสินะ กูจำได้ดีตอนนั้นพวกมึงไม่มีสิริยากรหนุนหลังแล้วก็เลยทำให้ธุรกิจของครอบครัวมึงขาดความน่าเชื่อถือจนเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ พ่อมึงเป็นหนี้รอบด้านแก้ไขปัญหาไม่ได้สุดท้ายก็คลานกลับมาหาตระกูลกูแต่ก็อย่าว่าแหละคนแบบนั้นใครจะอยากช่วยเหลือพอพ่อมึงมืดแปดด้านก็เลยลมควันตัวเองตาย เรื่องนี้ใช่ไหมที่มึงแค้นเข้ากระดูกจนถึงขั้นบุกมาทำลายครอบ
"พวกเราจะไปไหนกันอ่ะลุง" ปูนปั้นถาม เขากลัวมากจนต้องกอดเทียนเอาไว้ตลอดส่วนเทียนก็คอยลูบหลังเขาเบา ๆ เพื่อไม่ให้ปูนปั้นสติแตกไปมากกว่านี้"หนูไปอยู่ที่ร้านก่อนตอนนี้ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุด" เทียนตอบ"แต่ว่าคุณเกรทก็ส่งคนไปจับผมมาจากที่นั่นนะ" ปูนปั้นพูด"มีแค่เกรทกับโอมที่รู้จักหนูแต่ตอนนี้สองคนนั้นไม่อยู่แล้วดังนั้นที่นั้นจึงปลอดภัยที่สุดอีกอย่างธูปกับหมิงก็อยู่ด้วย เชื่อพี่เถอะนะ" เทียนพูด"ครับ" ปูนปั้นตอบเอี๊ยดดดดด! (เสียงเบรกรถ)เสียงเบรกรถดังมากจนเอมม่าตกใจจนต้องหันหน้าออกมาดูเพราะคิดว่าเกิดอุบัติเหตุที่หน้าร้านโชคดีที่ตอนนี้ในร้านไม่มีลูกค้าเลยไม่งั้นคงทำให้ลูกค้าตกใจขวัญกระเจิงเป็นแน่ หลังจากเห็นเทียนกับปูนปั้นลงมาจากรถท่าทางอาลัยอาวรณ์กันเอมม่าก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจว่าทั้งคู่เป็นอะไรไปเพราะเธอไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรกับทั้งสองคนไม่งั้นป่านนี้เธอคงไม่สามารถนั่งเฝ้าร้านได้อย่างสบายใจหรอก"แค่แยกกันไปทำงานต้องกอดอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ ทำอย่างกับจะตายจากกันอย่างงั้นแหละ" เอมม่าพูดด้วยความสงสัยเพราะสีหน้าแววตาของทั้งคู่ดูเศร้าและหวาดกลัวมาก จากนั้นไม่นานเทียนก็กลับขึ้นรถแล้วก็ออกจากร