หลังจากแยกย้ายกันกลับบ้านดารินก็เข้ามาทำแผลให้ลูกชายด้วยความเป็นห่วง
"เจ็บไหมลูก" ดารินถาม "นิดหน่อยครับแม่" เทียนตอบ "พี่เทียน ไอ้เมฆมันทำแบบนั้นจริงๆ เหรอพี่" ธูปถาม "คุณปู่บอกพี่แบบนั้นอ่ะ" เทียนตอบ "นี่พ่อไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนเงียบๆ เรียบร้อยดูไร้พิษสงอย่างไอ้เจ้าเมฆมันจะกล้าทำอะไรแบบนี้" หล่งพูดออกมาด้วยความหงุดหงิดเพราะเมื่อก่อนเขาเองก็รักและเอ็นดูเมฆเหมือนกับลูกชายคนนึงของตัวเองเหมือนกัน "ตอนผมได้ยินครั้งแรกก็ตกใจไม่ต่างจากทุกคนหรอกครับ" เทียนตอบ "แล้วนี่แกรู้เรื่องใหญ่โตนี้ก็ยังจะปิดบังพ่อกับแม่อีกนะ" หล่งหันมาดุเทียนที่ปิดบังเรื่องของเมฆกับตัวเองมาตั้งหลายวัน "คุณเทียนครับ พวกเราได้เอกสารทั้งหมดมาแล้วครับ" เจสันกับเวกัสเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มและสมุดบัญชีจำนวนมาก "เอาเข้าไปวางที่ห้องทำงานของฉันเลย" ดารินตอบ "ครับ" เจสันและเวกัสตอบก่อนจะเดินเอาของไปไว้ให้เจ้านาย "แต่แม่ครับ~" เทียนกำลังจะพูดแต่ดารินยื่นมือไปจับมือของลูกชายไว้ก่อน "เดี๋ยวแม่ช่วยเทียนเอง" ดารินพูด เทียนค่อยๆ ยิ้มออกมา "ครับ" เทียนตอบ หลังจากมื้อเย็นเทียนและดารินก็ช่วยกับจัดการตรวจสอบบัญชีและเอกสารทั้งหมดด้วยกันโดยมีธูปนอนหลับอยู่บนโซฟาข้างๆ เป็นเพื่อนตอนแรกธูปก็กะจะช่วยแม่และพี่ชายตรวจสอบบัญชีนะแต่ว่าพอเจอตัวหลังสือเข้าไปเยอะๆ เขาก็รู้สึกง่วงขึ้นมาซะงั้นเลยทำให้ต้องหนีมานอนหลับก่อน เทียนยังคงนั่งตรวจสอบบัญชีอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ไม่สนใจทานข้าวทานปลาอีกแล้วจนแม่ของเขารู้สึกเป็นห่วง ผ่านไปจนแล้วจนเล่าตั้งแต่ฟ้าสว่างจนมืดเขาก็ยังเอาแต่นั่งหลังขดหลังแข็งทำงานของเขาต่อไปและด้วยความที่เขาไม่ถนัดงานบัญชีมันเลยยิ่งทำให้งานของเขาช้าลง "เทียน~ไปนอนก่อนเถอะลูก" ดารินพูดหลังจากไปอาบน้ำกลับมาแล้วก็ยังเห็นเทียนนั่งหน้าเครียดอยู่หน้ากองเอกสารเหมือนเดิม "แม่ไปนอนก่อนเลยครับ ผมขอต่ออีกนิดเดียวนะครับ" เทียนตอบ "อย่าหักโหมตัวเองนะลูก แม่เป็นห่วง" ดารินพูด "ครับ" เทียนตอบ จากนั้นดารินก็เดินออกจากห้องไปแม้ในใจจะรู้สึกไม่วางใจเลยก็ตามเพราะตอนนี้เทียนกำลังฝืนร่างกายตัวเองอย่างหนักยิ่งก่อนหน้านี้ช่วงงานศพเขาก็แทบไม่ได้พักผ่อนอยู่แล้วด้วย 08:00 น. ดารินเดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อลงไปทานข้าวกับทุกคนแต่พอเดินผ่านห้องทำงานเธอก็เหมือนจะเห็นอะไรแว๊บๆ เลยค่อยๆ หันหน้าไปดู ภาพที่เธอเห็นคือเทียนนั่งสัปหงกอยู่คากองเอกสารอยู่อย่างคนหมดสภาพ พอเขาสะดุ้งตื่นก็รีบดูเอกสารต่อแต่พอดูไปได้ไม่กี่วินาทีก็เผลอหลับอีก ในใจของดารินในฐานะของคนเป็นแม่มองเห็นสภาพลูกชายแบบนี้ก็รู้เจ็บปวดไปยิ่งนัก เธอเดินเข้ามาในห้องแล้วใช้มือวางบนไหล่ของเทียนเบาๆ "อ้าว~แม่มาแล้วเหรอครับ" เทียนถาม "ไปพักผ่อนเถอะลูก อย่าให้แม่ต้องเจ็บปวดใจไปมากกว่านี้เลย" ดารินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แถมยังมีน้ำตาคลออยู่ที่ดวงตาซึ่งมันทำให้เทียนรู้สึกผิดมาก เขาค่อยๆ วางเอกสารลงแล้วลุกขึ้น "ขอโทษนะครับแม่~ผมจะไปนอนเดี๋ยวนี้แหละ" เทียนตอบแล้วเดินออกจากห้องทำงานของแม่ไป 21:30 น. แค่กๆ ๆ....เทียนไอออกมาด้วยน้ำเสียงแหบๆ เขารู้สึกเจ็บคอและปวดหัวนิดหน่อยจึงลุกขึ้นมาเพื่อหายากินแต่พอเดินลงมากลับรู้สึกว่าบ้านเงียบแปลกๆ "เดี๋ยวๆ ทำไมบ้านถึงเงียบแบบนี้ล่ะ" เทียสถามแม่บ้านที่เดินผ่านมาพอดี แม้จะบอกว่ามันดึกแล้วทุกคนคงเข้านอนกันไปแล้วแต่ปกติบ้านของเขาจะมีบอดี้การ์ดเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดซึ่งมันไม่น่าเงียบได้ขนาดนี้ "อ่อ วันนี้คุณหล่งกับคุณดารินไปกินเลี้ยงบ้านสส.สุรศักดิ์ค่ะ" แม่บ้านตอบ "ขอบใจมาก" เทียนพูดตอบจากนั้นแม่บ้านก็เดินออกไป วันนี้พ่อกับแม่ไม่อยู่ทางสะดวกมากที่เขาจะเข้าไปตรวจสอบบัญชีต่อ ดังนั้นเทียนจึงรีบกลับขึ้นไปข้างบนแล้วตรงไปที่ห้องทำงานของแม่มันทีแต่พอเขาจะเปิดประตูมันก็ดันล็อคไว้ซะงั้น "อะไรว่ะเนี่ย" เทียนบ่นแล้วพยายามออกแรงบิดลูกบิดประตูแต่ว่าไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่มันก็เปิดไม่ได้ "ใครอยู่ข้างล่างอ่ะขึ้นมาหน่อยสิ เฮ้ย! ขึ้นมาหาผมหน่อย" เทียนตะโกนเสียงดังลั่นจนแม่บ้านต้องรีบวิ่งขึ้นมาด้วยความตกใจ "ขา~คุณเทียน" แม่บ้านตอบ "ไปเอากุญแจมาเปิดห้องให้ผมหน่อยซิ" เทียนพูด "เอ่อ~นี่เป็นห้องทำงานส่วนตัวของคุณดาริน นอกจากคุณดารินแล้วก็ไม่มีใครมีกุญแจห้องนี้หรอกค่ะ" แม่บ้านตอบ "กุญแจสำรองก็ไม่มีเหรอ" เทียนถาม "ไม่มีค่ะ" แม่บ้านตอบ "ไปพักผ่อนได้แล้วไป" เทียนพูด "ค่ะ" แม่บ้านตอบแล้วก็เดินออกไป เทียนหันกลับไปมองที่ห้องทำงานแล้วเขาถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดายก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง เขาพยายามข่มตานอนแล้วแต่ไม่ว่าเขาจะลองแค่ไหนก็ไม่อาจนอนหลับได้สักที ในใจของเขามันรู้สึกว้าวุ่นจนไม่มีกระจิตกระใจจะนอนเลย เทียนเปิดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ขณะที่ยืนขึ้นเขาก็รู้สึกมึนหัวนิดหน่อยอาจจะเพราะนอนและมีไข้อ่อนๆ ด้วยแต่เขาก็ยังไม่หยุดเดินต่อไปยังห้องแต่งตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อเตรียมจะออกจากบ้าน "เอ่อ~คุณเทียนจะไปไหนครับ" บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าดูแลคสามปลอดภัยรีบเข้ามาถามทันทีที่เห็นเทียนเดินออกมาจากบ้าน "ผมจะไปหาที่พักผ่อนหย่อนใจหน่อยอ่ะ" เทียนตอบ "ให้ผมขับรถไปให้ดีไหมครับ" บอดี้การ์ดถามด้วยความเป็นห่วงเพราะสีหน้าของเทียนดูไม่ดีเอามากๆ "ไม่เป็นไรผมไปเองได้ ถ้าพ่อกับแม่ถามหาก็บอกว่าผมไปนอนที่คอนโดแล้วกันนะ" เทียนตอบ "ครับ" หลังจากพูดคุยกับบอดี้การ์ดจบเทียนก็เดินตรงไปที่รถหรูคันโปรดของตัวเองก่อนที่จะสตาร์ทแล้วขับออกไปด้วยความเร็ว  "ทำไมถึงรีบออกไปขนาดนั้นหน่า~" บอดี้การ์ดพูดแล้วมองตามรถของเทียนด้วยความเป็นห่วง "เรื่องของเจ้านายอย่าไปสนใจเลยดีกว่า" บอดี้การ์ดอีกคนตอบ เทียนขับรถออกจากบ้านมาเพราะเขารู้สึกว่าอยู่ที่บ้านคนเดียวแล้วจิตใจค่อนข้างฟุ้งซ่านเลยกะว่าจะไปหาหมิงเพื่อดื่มและปรึกษาปัญหาชีวิตสักหน่อยเหมือนที่เคยทำมาตลอด "โอ๊ย~ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้นะ" เทียนยกมือข้างนึงขึ้นมาจับศีรษะตัวเองไว้เขาออกแรงกดมันเบาๆ เพื่อบรรเทาความปวด เทียนไม่มีสมาธิในการขับรถเลยเพราะเขารู้สึกเหมือนจะหลับอยู่ตลอดแต่ก็พยายามฝืนตัวเองไว้ โชคดีที่ตอนนี้ดึกแล้วถนนเลยค่อนข้างโล่งมากไม่งั้นป่านนี้เขาต้องเกิดอุบัติเหตุแล้วแน่ๆ (ปล.การไม่มีสติในการขับขี่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น) เอี๊ยดดดดดด! "เฮ้ย!" เสียงเบรครถอย่างดังทำให้ปูนปั้นที่กำลังล็อคประตูร้านอยู่ร้องอุทานและต้องหันกลับมาดูด้วยความตกใจ "อะไรว่ะเนี่ย" ปูนปั้นพูดแล้วมองไปที่รถหรูของที่พึ่งเข้ามาจอดอยู่หน้าร้านของเขาพอดีด้วยความสงสัย เทียนเปิดประตูรถแล้วลงมาด้วยสภาพที่แทบจะเดินไม่ได้อยู่แล้ว เขาใช้มือเกาะประตูรถเอาไว้แล้วมองไปที่ปูนปั้น เฮือก เฮือก เฮือก~ เสียงหอบหายใจของเขาฟังดูเหนื่อยมาก หน้าตาอิดโรยจนหน้าเป็นห่วง "หมิง~อยู่ไหน" เทียนเอ่ยถามออกไปอย่างยากลำบากก่อนที่จะหมดแรงจนล้มลงไปแต่ด้วยความไวของปูนปั้น เขารีบทิ้งของในมือแล้ววิ่งมารับเทียนทันที "คุณ! คุณ" ปูนปั้นพยายามเรียกเทียนแต่เจ้าตัวหมดสติไปแล้วเลยไม่ได้ยินอะไร หน้าของเทียนจมอยู่ช่วงอกและคอของปูนปั้นจนเขาเองรู้สึกถึงลมหายใจของเทียน "ทำไมตัวหนักขนาดนี้เนี่ย" ปูนปั้นบ่นเพราะเทียนเล่นทิ้งน้ำนักลงมาใส่เขาทั้งตัวจนตอนนี้เขาแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว "เอาไงดีว่ะ" ปูนปั้นสับสนเพราะไม่รู้จะเอาเทียนไปไว้ที่ไหนดีครั้นจะให้นอนอยู่ในรถก็อันตรายเกินไป จะโทรบอกหมิงให้มาเอาเพื่อนไปหมิงก็ดันไม่มีโทรศัพท์ซะงั้น "คุณ~ ตื่นก่อนสิ คุณ" ปูนปั้นเรียกแล้วใช้มือตีที่หลังของเทียนเบาๆ เพื่อปลุกเขาแต่เทียนก็ไม่ลุกขึ้นมาสักที17:45 น.ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์) ปูนปั้นใช้มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา"ฮัลโหลลล~""ทำไมเสียงเป็นงั้นอ่ะนี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอปูน คนอื่นเขามารวมตัวกันแล้วนะ" เอมม่าพูด"ตื่นแล้ว" "เสียงยังงัวเงียอยู่เลย เนี่ยพี่ให้ทางรีสอร์ทเขาจัดโต๊ะให้หน้าหาดแล้วกำลังจะตั้งเตาเลย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินด้วยกันนะ" "รู้แล้ววว เดี๋ยวตายไปนะ""เร็ว ๆ เข้าล่ะ ช้าหมดอดกินนะ" "คร้าบบบ" ปูนปั้นลุกจากเตียงทั้งที่ยังคงง่วงอยู่เพราะก่อนหน้านี้เขาทานยาแก้เมาเรือไป เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูและขอใช้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำจากนั้นก็ออกมาใส่เสื้อผ้าด้านนอก เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสั้นสีขาวมาใส่จากนั้นก็ประทินผิวฉีดน้ำหอมนิดหน่อยก็พร้อมออกไปเจอกับทุกคนแล้ว บรรยากาศตอนเย็นเงียบสงบต่างจากตอนกลางวันมากและช่วงดีที่รีสอร์ทมีพื้นที่หน้าหาดเป็นของตัวเองมันเลยพื้นความเป็นส่วนตัวได้เป็นพิเศษ ปูนปั้นก้าวเท้าออกจากบ้านพักเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งดังแผ่ว ๆ ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ส่องนำทางให้เขาเดินไปตามหาดทรายขาวนุ่มเท้าในใจได้แต่คิดว่าถ้ามีเทียนอยู่ท
14 กุมภาพันธ์บรรยากาศการเดินทางไปเกาะราชาช่างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะของเหล่าพนักงานของร้าน Happy Time แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้มาครบทุกคนเพราะบางคนอยากใช้เวลากับคนรักของตนแต่บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังตลอดทาง บ้างก็พากันชี้นกชี้ไม้เอ่ยชมความงามของท้องทะเลไม่ขาดปาก ความใสของน้ำทะเลที่ไล่เฉดสีฟ้าครามและเขียวมรกตเหมาะกับการถ่ายรูปเก็บไว้มาก ๆ เมื่อมาถึงเกาะทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำแล้วนั่งรวมตัวกันอีกทีช่วงเย็นเพื่อไปทานอาหารด้วยกันส่วนปูนปั้นขอแยกกับไปนอนพักก่อนเพราะเขาบอกกับทุกคนว่ารู้สึกเมาเรือตอนแรกเอมม่าก็ว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อแต่เขาก็ปฏิเสธเพราะไมาอยสกให้พี่สาวหมดสนุก ปูนพักเดินเข้ามาในห้องพักด้วยความรู้สึกเหงา เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นรูปตัวเองกับเทียนที่ตั้งอยู่บนหน้าจอก็ยิ่งทำให้คิดถึงเข้าไปใหญ่ ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์เข้า)ปูนปั้นยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าเทียนวิดีโอคอลมาหาเขา เขารีบกดรับด้วยความดีใจ ภาพขอเทียนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ background ด้านหลังเป็นห้องสีขาวและชั้นเอกสารมากมาย
กุ๊กไก่และธูปเดินเที่ยวภายในงานอย่างตื่นเต้น พวกเขาพากันแวะซื้อของอร่อยกินนตลอด ผลัดกันป้อนไปมาจนตอนพุงกางกันไปแล้ว "ไม่เคยมาเลยอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเงียบไม่คึกครื้นแบบในกรุงเทพแต่ที่ไหนได้คนเยอะแยะไปหมดเลย ของกินก็อร่อยมากด้วย" กุ๊กไก่มองไปรอบ ๆ งานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"ผมถึงได้บอกไงว่าพี่ควรออกจากกรุงเทพมาเที่ยวที่อื่นบ้าง จะได้รู้ว่าที่ประเทศไทยอ่ะไม่ได้มีดีแค่ในกรุงเทพนะ" "จ้า รู้แล้วจ้าพ่อคูณณณ~" สีหน้าติดรำคาญของกุ๊กไก่เป็นสิ่งที่ธูปได้เห็นเป็นประจำทุกวันแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกไม่โอเคเลยกลับกันเขาดันรู้สึกชอบมันด้วยซ้ำเพราะมันทำให้กุ๊กไก่ดูน่ารักขึ้นมากต่างจากตอนทำงานที่เขามันจะชอบทำหน้าบึ้งตึงเหมือนไร้อารมณ์จนดูน่ากลัวอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าไม่ได้มาลองสัมผัสกับตัวเองเขาคงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างกุ๊กไก่จะมีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้ด้วยเหมือนกัน "เฮ้ย! เสื้อผ้าร้านนู้นสวยมากเลยอ่ะ ไปดูกันไหม" กุ๊กไก่ชี้ไปที่ร้านเสื้อม่อฮ่อม"เอาสิ" กุ๊กไก่เดินนำธูปไปที่ร้านเสื้อผ้า"สวัสดีเจ้า บะฮู้ว่าลูกค้าเป๋นตี้สนใจ๋ชุดไหนเจ้า" แม่ค้าสอบถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะมาก ๆ"อันนี้คือชุดม่อฮ่อมใช่ไหมครับ" กุ
มาถึงห้องพักทั้งคู่ก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วขึ้นนอนบนเตียงพักผ่อนจากความเหนื่อยล้ากันอย่างจริงจัง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ดึกมาแล้ว ธูปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังทำอะไรกับร่างกายเขาอยู่และภาพตรงหน้าที่เขาเห็นก็คือกุ๊กไก่กำลังทายาและนวดขาให้เขา"พี่ทำอะไรอ่ะ" "ตื่นแล้วเหรอ""อืม""ฉันเห็นนายเดินมาตั้งไกลแถมยังแบกของหนัก ๆ อีกด้วยเลยคิดว่านายคงปวดร้าวไปทั้งตัว""พี่เองก็เดินมาไกลเท่ากับผมนั้นแหละ""แต่ฉันก็ยังสบายกว่านายเยอะ...ทายาเสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าเถอะ ฉันสั่งข้าวเอาไว้ให้แล้วจะได้มากินพร้อมกัน" กุ๊กไก่ตอบแล้วก็ลุกออกไป ธูปสังเกตเห็นสีหน้าของกุ๊กไก่แปลกไปไม่ค่อยสดใสร่าเริงเลยรู้สึกเป็นห่วง"ไม่สบายหรือเปล่า" กุ๊กไก่ส่ายหัวตอบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้ว ธูปไม่ถามอะไรมากเขาลุกไปล้างหน้าแล้วมานั่งที่โต๊ะเพื่อทานอาหารพร้อมกันกับกุ๊กไก่"อร่อยนะเนี่ย" ธูปพูดเสียงแจ๋วแต่กุ๊กไก่กลับไม่ตอบอะไรเลย เขาก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองอย่างเงียบ ๆ จนธูปไม่สบายใจ เขาวางช้อนลงแล้วมองไปที่กุ๊กไป่ชัด ๆ"พี่เป็นอะไร""เปล่า""เปล่าแล้วทำไมไม่คุยกับผม""ฉันแค่เหนื่อยเฉย ๆ""งั
ธูปกับกุ๊กไก่นั่งกันอยู่คนละฝั่ง ซึ่งระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันกุ๊กไก่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งไม่คุยกับธูปสักคำส่วนธูปก็เอาแต่จ้องเขาเหมือนอยากจะชวนคุยแต่ก็ไม่กล้า "เลิกจ้องฉันสักทีได้ป่ะ" กุ๊กไก่ทนไม่ไหวหันมาดุธูป "นี่พี่โกรธผมเหรอ" "ฉันไม่ได้โกรธ" "เห็นอยู่ว่าโกรธ" กุ๊กไก่ถอนหายใจแล้วกอดอกหันหน้าไปมองทางวิวทางด้านนอกแทน "ผมขอโทษ...ผมไม่ได้อยากให้เราทะเลาะกันจริง ๆ แต่ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะว่า-" "เพราะว่านายเบื่อที่ฉันเรื่องมากและก็ขี้งกใช่ไหมล่ะ...ขอโทษนะที่ฉันทำให้ทริปของนายมันพังแบบเนี่ย" "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมแค่อยากให้เราได้มาถึงที่พักไว ๆ จะได้พักผ่อนแล้วก็หาอะไรอร่อย ๆ กินกัน ตั้งแต่เช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยแถมตอนที่พวกเราเดินหารถมันก็ร้อนมาก ๆ ผมเห็นเหงื่อพี่แตกเต็มตัวไปหมดเกินพี่เป็นลมขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดที่พาพี่มาลำบากแบบนี้" น้ำเสียงที่ฟังดูเสียใจของธูปทำให้กุ๊กไก่เย็นลงทันที เขาหันกลับมาหาธูปมองดูใบหน้าที่กำลังฉายแววเศร้าอยู่ "ช่างมันเถอะ ฉันเอง...ฉันเองก็เรื่องมากจริง ๆ นั่นแหละ" "ผมรู้นะว่าพี่ไม่ได้เรื่องมากหรอกแต่พี่แค่เกรงใจผม พี่กลัวว่าผมจะต้องจ
ปูนปั้นตื่นขึ้นมาหลังได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งไว้ก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะลุกไม่ทันนัดของดาริน เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาปิดเสียงกลัวมันจะดังรบกวนเทียน เขามองดูเทียนที่นอนถอดเสื้อแล้วก้มลงไปจุ๊บที่แก้มของเขาจากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขอลงจากเตียงเทียนก็ดึงเขาลงมากอดไว้ในอกซะแล้ว"แกล้งหลับเหรอ" "เปล่าซะหน่อยแต่พอดีมีคนมาขโมยจุ๊บเลยตื่น""ตื่นแล้วก็ปล่อยผมต้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำบุญกับแม่อีก""ไปตั้ง 7 โมงค่อยอาบก็ได้หรอก""ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน""ก็พี่อยากกอดหนูหนิหน่า" "พอเลย! จะมาอยากกอดอะไร" ปูนปั้นว่าแล้วเอามือไปจับที่เป้าของเทียน"เนี่ย! แข็งแต่เช้าเลยไม่ต้องมาอ้างว่าอยากกอดหรอก""เอ้า~ อ้างที่ไหนก็พี่อยากจริง ๆ""พอ ๆ ๆ ปล่อยเลยจะไปอาบน้ำ" ปูนปั้นว่าแล้วแกะมือของเทียนออกจากตัวเองจากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากเตียง"นอนไปเลยแล้วก็เก็บกระเป๋าผมไปใส่รถด้วยหลังจากทำบุญเสร็จจะได้กลับคอนโดกัน""สั่งเป็นแม่เลยนะ รู้เปล่าทุกคนที่นี่ไม่มีใครกล้าออกคำสั่งพี่เลยนะ""ก็ลองดู! ถ้าผมกลับมาแล้วลุงยังไม่จัดการให้เสร็จวันนี้ก็เตรียมกลับไปส่งผมที่บ้านได้เลย""โห่~ ดุจ