"ช้าๆ ระวังเท้าด้วยสิ" ปูนปั้นพพูด เขาประคองเทียนเข้ามาในห้องนอนของตัวเองแล้วทิ้งคนตัวใหญ่ลงเตียงอย่างแรง
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ปูนปั้นหอบหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยเพราะน้ำหนักตัวของเทียนไม่ใช่เล่นๆ เลย ปูนปั้นมองดูเทียนแล้วยกมือขึ้นมาเกาหัวด้วยความสับสน "หางานให้ตัวเองแท้ๆ เลยไอ้ปูนปั้นเอ้ย~" ปูนปั้นพูดแล้วหันหลังจะเดินกลับไปแต่เทียนก็คว้าข้อมือของเขาไว้ก่อนจนปูนปั้นต้องหันกลับมาหาเขา "อย่าทิ้งผมไป...อย่าทิ้งผมไปเลยนะครับปู่" เทียนพูดเจ้อออกมาเบาๆ ปูนปั้นแกะมือของเขาออกแล้วมองเขาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย "ปู่ที่ไหนล่ะ นี่ปูนปั้นจ้า ชิส์!" พูดจบปูนปั้นก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเขาไปอาบน้ำทันที ผลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วปูนปั้นก็เดินเช็คผมออกมา เขามองไปที่เทียนอีกครั้งด้วยความรู้สึกแปลกๆ อาจเป็นเพราะปกติไม่เคยมีใครเข้ามาอยู่ในห้องนอนด้วยกันกับเขามันก็เลยทำให้เขาทำตัวไม่ถูก ปูนปั้นเดินออกจากห้องไปหยิบโถใส่น้ำกับผ้าเช็คตัวผืนเล็กๆ เข้ามาวางไว้ที่ตู้ข้างเตียงก่อนจะนั่งลงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเทียนออก ตอนที่เทียนล้มทับตัวเขาตอนนั้นเขาก็รู้สึกได้แล้วว่าอุณภูมิร่างกายของเทียนสูงผิดปกติแบบหน้าตาก็อิดโรยกว่าวันแรกที่เจอกันซะอีก ปูนปั้นก็เลยพอจะเดาได้ว่าเทียนไม่สบายดังนั้นเลยเลยจะช่วยเช็คตัวให้สักหน่อยเผื่อว่าตื่นมาแล้วเจ้าตัวจะรู้สึกดีขึ้น (หืม~ หุ่นดีมาก) ปูนปั้นคิดแล้วค่อยๆ เลื่อนสายตามองไปที่ใบหน้าของเทียน "หน้าตาก็ดีนะ~ วันนั้นมัวแต่หงุดหงิดจนไม่ทันได้สังเกตดีๆ แม้ว่าวันนี้จะดูโทรมไปหน่อยแต่ก็ถือว่าใช้ได้เลย...ฮึ~" ปูนปั้นพูดแล้วยิ้มออกมา เขาเอื้อมมือไปบิดผ้าแล้วนำมาเช็คให้เทียนเบาๆ ทั้งใบหน้าและลำตัว ตึก ตึก ตึก (เสียงหัวใจ) ปูนปั้นรู้สึกใจเต้นขึ้นมาหลังจากได้มองหน้าเทียนใกล้ๆ เขาจึงรีบถอยออกแล้วลุจากเตียงทันที ปูนปั้นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรแต่สถานการณ์แบบนี้มันอันตรายมากเกินไปสำหรับเขา เขารีบเอาผ้าห่มมาคลุกให้เทียนและหยิบโถน้ำกับผ้าขนหนูแล้วออกจากห้องนี้ไปทันที "เราแค่ไม่เคยอยู่ในห้องกับผู้ชายสองต่อสอง...ไม่มีอะไรหรอก" ปูนปั้นพูดแล้วเป่าลมหายใจออกมาช้าๆ เพื่อสลัดความคิดไม่ดีออกจากหัวของตัวเองและนี่ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องนอนอยู่ที่โซฟาอีกแล้ว 11:23 น. เทียนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ เขารู้สึกมึนงงนิดหน่อยที่ตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็ไม่ได้ตื่นตูมเท่าไหร่ เขาลุกขึ้นมานั่งช้าๆ แล้วบิดตัวนิดหน่อยเพื่อยืดเส้นยืดสาย ตอนนี้ร่างกายของเทียนใส่แค่กางเกงอยู่เท่านั้นส่วนเสื้อของเขาถูกบาดไว้กับเก้าอี็ตัวนึงตรงมุมห้อง "มาอยู่นี่ได้ไงว่ะเนี่ย" เทียนพูดแล้ว เขาเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้องอีกครั้งแล้วก็ไปสะดุดตากับกรอบรูปบนตู้ข้างเตียง เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบมันมาดูใกล้ๆ "ปูนปั้นเหรอ" เทียนพูดออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสถานที่ที่เขามานอนอยู่ทั้งคืนนี้คือห้องของปูนปั้น เขาจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เขาตั้งใจจะไปหาหมิงที่ร้านแต่ก็ไปไม่ทัน ตอนนั้นเขาเห็นภาพของปูนปั้นลางๆ แต่จู่ๆ ทุกอย่างก็ตัดไปจนเขาตื่นขึ้นมาอยู่ในสภาพนี้แล้ว "เขาพาฉันกลับมาที่นี่เหรอ" เทียนพูดแล้วมองไปที่รูปภาพของปูนปั้นอีกครั้ง พอเริ่มประมวลผลทุกอย่างได้รอยยิ้มเล็กๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา "ฮึ~" เขายิ้มแล้วเอากรอบรูปไปวางไว้ที่เดิมจากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินออกไปข้างนอกทันที เทียนเดินออกมางงแล้วมองไปทั่วทั้งบ้านแต่ก็ไม่เจอปูนปั้น เขาเดินหาปูนปั้นไปทุกที่รวมทั้งแอบสำรวจบ้านหลังนี้ไปในตัว บ้านไม่ได้ใหญ่มากมีขนาดสองชั้น ไม่มีคนรับใช้ เงียบสงบอย่างกับไม่มีคนอยู่ เทียนเดินไปเปิดผ้าม่านเพื่อมองออกไปข้างนอกว่ามีคนไหมแต่ก็ไม่เห็นใครอยู่ดี "บรรยากาศดีจัง" เทียนพูด บริเวณรอบตัวบ้านของปูนปั้นมีต้นไม้และดอกไม้เต็มไปหมดเพราะเอมม่าชอบทำสวนมากๆ หลังจากดูแล้วไม่เห็นใครเทียนจึงเดินลงมาที่ชั้นล่างระหว่างทางเดินขิงบันไดมีกรอบรูปห้อยอยู่เต็มไปหมดและส่วนใหญ่ก็เป็นรูปครอบครัวทั้งนั้น เทียนก็เริ่มได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังอยู่ไม่ไกลเขาจึงค่อยๆ เดินตามเสียงนั้นไป (หอมจัง) กลิ่นอาหารหอมโชยออกมาจนแตะจมูกของเทียน ช่างเป็นกลิ่นที่แค่สูดดมก็รับรู้ได้เลยว่าอาหารจานนี้ต้องอร่อยอย่างแน่นอนและเมื่อมาถึงเทีียนก็เห็นภาพด้านหลังของปูนปั้นที่กำลังยืนทำอาหารอยู่ วันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีพื้นกับกางเกงขาสั้นธรรมดาๆ เท่านั้นแต่ดูมีเสน่ห์กว่าชุดเชฟเมื่อวันแรกที่เขาได้เจอกันซะอีก "คุณตื่นแล้วเหรอ" ปูนปั้นเอ่ยถามทันทียังไม่ได้หันกลับมาดูทำเอาเทียนขนลุกจนหุบยิ้มทันที "อ่อ~ตื่นแล้ว" เทียนตอบ "แปรงวางอยู่บนโต๊ะน่ะ คุณเอาไปใช้ได้เลย" ปูนปั้นพูด เทียนหันไปดูที่โต๊ะกินข้าวก็เห็นถุงพลาสติกกับแปรงอันใหม่ที่ยังไม่ได้แกะวางไว้อยู่เขาเลยเดินเข้าไปหยิบซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ปูนปั้นหันมาพอดี "ฮึ้ย~" ปูนปั้นอุทานออกมาด้วยความตกใจเพราะเทียนเดินออกมาจากห้องทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อเลย เขาจึงรีบหันกลับไปทันที "จะออกจากห้องทำไมไม่รู้จักแต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะ" เทียนพูด "นายเป็นคนถอดให้ฉันไม่ใช่เหรอ จะเขินทำไม" เทียนตอบ "คุณรีบไปล้างหน้าได้แล้วไปจะได้ลงมาทานข้าวเดี๋ยวผมต้องไปทำธุระต่ออีก" ปูนปั้นพูด "โอเค" เทียนตอบแล้วก็เดินออกไป ปูนปั้นหันมาดูช้าๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเทียนเดินออกไปแล้วจริงๆ พอเห็นว่าไม่มีใครเขาก็ถอนหายใจออกมาทันที ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ปูนปั้นนั่งทานอาหารเช้าแล้วรู้สึกเกร็งมากขนาดนี้เพราะว่าคนตรงหน้าของเขาเอาแต่มองเขาไม่หยุดเลย "จะเลิกจ้องผมได้หรือยังลุง" ปูนปั้นวางช้อนแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามเขา ฉึก! คำว่าลุงจากปูนปั้นมันเจ็บมากเหมือนหัวใจที่ถูกมีดแทง "ระ เรียกลุงเลยเหรอ" เทียนถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เกิดมาชาตินี้ยังไม่เคยมีใครเรียกเขาว่าลุงสักที "ก็ถ้าลุงเป็นเพื่อนพี่หมิงจริงๆ ลุงก็อายุมากกว่าผมตั้ง 12 ปีเลยนะ" ปูนปั้นตอบแล้วก็เริ่มทานอาหารต่อ "แล้วทำไมทีไอ้หมิงถึงเรียกพี่ได้ล่ะ"เทียนถามหยั่งเชิงดูเพราะในใจเขาตอนนี้แอบคิดไปแล้วว่าจริงปูนปั้นอาจจะแอบชอบหมิงอยู่ก็ได้ "ก็เพราะพี่หมิงเขายังไม่แก่ไง" ปูนปั้นตอบ "แล้วฉันแก่เหรอ" เทียนถามอย่างหงุดหงิด "ก็แก่กว่าอ่ะ ยิ่งสภาพลุงเมื่อคืนอ่ะนะยิ่งดูไม่ได้กว่าคนแก่อีก...อีกอย่างนะลุงถ้าลุงไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะขับรถทีหลังอย่าจับพวกมาลัยอีก!" ปูนปั้นตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจมากๆ สีหน้าของเขาเองก็ดูจะโกรธเทียนไม่น้อยจนเทียนเองยังสงสัยเลยว่าทำไมปูนปั้นต้องไม่พอใจเขาขนาดนี้ด้วย "ไม่เห็นต้องดุขนาดนี้เลย" เทียนตอบ ปูนปั้นเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอทำกิริยาที่ไม่ดีกับเทียนเลยแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วทานข้าวต่อ "เป็นห่วงฉันมากเลยดิ" เทียนถาม "ผมเป็นห่วงคนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกันลุงมากกว่า" ปูนปั้นตอบ "ดุจังอ่ะ~ดุแบบนี้มีแฟนหรือยังนะ" เทียนถาม ปูนปั้นหยุดทานข้าวทันทีแล้วเงยหน้ามามองเทียนช้าๆ ซึ่งเขาเองก็จ้องปูนปั้นพร้อมกับยิ้มที่มุมปากอยู่ ปูนปั้นลุกขึ้นแล้วเก็บถ้วยชามทำทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ "อ้าว~ฉันเพิ่งกินไปไม่กี่คำเองนะ" เทียนพูด "แต่ผมอิ่มแล้ว" ปูนปั้นตอบ "ก็รอหน่อยไม่ได้เหรอ" เทียนถาม ปูนปั้นเดินมายกจานข้าวเทียนแล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา "ตอนให้กินก็เอาแต่พูดไร้สาระงั้นก็กลับไปหากินเองที่บ้านแล้วกัน" ปูนปั้นตอบแล้วเดินเอาข้าวของเทียนไปเททิ้งต่อหน้าต่อตาเขาเลย เทียนลุกขึ้นเดินไปหาปูนปั้นที่กำลังล้างจานอยู่แล้วนั่งจ้องเขาตรงหน้าเคาน์เตอร์ครัว ปูนปั้นถอนหายใจแล้วล้างจานต่อไปด้วยความรำคาญ "นายอยู่บ้านนี้คนเดียวเหรอ" เทียนถาม "ทำไม ลุงจะย้ายมาอยู่ด้วยเหรอ" ปูนปั้นถาม "ได้หรอ" เทียนเด้งตัวขึ้นมาตอบทันควันด้วยสายตาที่เป็นประกาย "ประชด" ปูนปั้นตอบ ปูนปั้นแม้จะยังเด็กแต่เขาก็พอจะรู้ตัวอยู่ว่าเทียนสนใจในตัวเขาแต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบเทียนจะคิดอะไรจริงจังดังนั้นเขาจะไม่เอาใจลงไปเล่นเด็ดขาด "นายยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะว่ามีแฟนหรือยัง" เทียนถาม "ไม่มี" ปูนปั้นตอบ "ก็ดี~ว่าแต่คนในบ้านไปไหนกันหมดอ่ะ" เทียนถาม "เมื่อก่อนมีพี่สาวอยู่ด้วยแต่ว่าตอนนี้เธอย้ายไปอยู่กับแฟนชั่วคราวน่ะที่นี่ก็เลยมีผมอยู่แค่คนเดียว" ปูนปั้นตอบ "ทีหลังถ้าใครถามแบบนี้อย่าตอบตรงๆ อีกนะบอกคนแปลกหน้าว่าอยู่บ้านคนเกียวมันอันตรายรู้ไหม" เทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ก็ลุงเป็นเพื่อนพี่หมิงไม่ใช่เหรอ...หรือลุงคิดไม่ดีกับผม" ปูนปั้นถาม "ฉันก็แค่เป็นห่วง~" เทียนตอบ แววตาและน้ำเสียงที่ดูเปลี่ยนไปของเทียนทำเอาปูนปั้นนิ่งไปเลย เขาไม่คิดว่าเทียนจะจริงจังขนาดนี้ก็เลยพูดออกไปแบบติดเล่น "อ๋อ" ปูนปั้นตอบแล้วหันกลับไปล้างจานต่อ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้วปูนปั้นก็เตรียมตัวออกจากบ้านพร้อมกับเทียนเพราะรถของเทียนยังจอดอยู่ที่ร้านเขาจึงจำเป็นต้องให้เทียนติดรถไปลงที่ร้านด้วย "ร้านเปิด 5 โมงไม่ใช่เหรอนี่พึ่งจะบ่าย 2 เองต้องรีบไปขนาดนั้นเลย" เทียนถามอย่างเสียดาย "ร้านเปิด 5 โมงก็จริงแต่ก็ต้องไปเตรียมเปิดร้านก่อนอยู่ดีป่ะ" เทียนตอบแล้วกดรีโมทปลดล็อครถ "ก็ให้พนักงานเปิดไปสิเจ้าของร้านจะไปเปิดเองทำไม" เทียนพูด "ไม่ลงมือทำเองแล้วจะเข้าใจทุกอย่างได้ไง" ปูนปั้นตอบแล้วก็เข้าไปนั่งในรถ คำนี้ของปูนปั้นมันทำให้เทียนสตั๊นไปทันทีเพราะคุณปู่ของเขาก็เคยใช้คำนี้กับเขาตอนนี้เขาเริ่มเรียนรู้งานที่บ้านเหมือนกัน ปูนปั้นเห็นเทียนไม่ขึ้นรถมาสักทีจึงลดกระจกลง "จะไปไหมถ้าไม่ขึ้นจะไม่รอแล้วนะ" ปูนปั้นพูด "ฮะ? อ้อไปๆ" เทียนตอบแล้วรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างปูนปั้น17:45 น.ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์) ปูนปั้นใช้มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มากดรับสายทั้งที่ยังไม่ลืมตา"ฮัลโหลลล~""ทำไมเสียงเป็นงั้นอ่ะนี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอปูน คนอื่นเขามารวมตัวกันแล้วนะ" เอมม่าพูด"ตื่นแล้ว" "เสียงยังงัวเงียอยู่เลย เนี่ยพี่ให้ทางรีสอร์ทเขาจัดโต๊ะให้หน้าหาดแล้วกำลังจะตั้งเตาเลย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินด้วยกันนะ" "รู้แล้ววว เดี๋ยวตายไปนะ""เร็ว ๆ เข้าล่ะ ช้าหมดอดกินนะ" "คร้าบบบ" ปูนปั้นลุกจากเตียงทั้งที่ยังคงง่วงอยู่เพราะก่อนหน้านี้เขาทานยาแก้เมาเรือไป เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูและขอใช้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำจากนั้นก็ออกมาใส่เสื้อผ้าด้านนอก เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสั้นสีขาวมาใส่จากนั้นก็ประทินผิวฉีดน้ำหอมนิดหน่อยก็พร้อมออกไปเจอกับทุกคนแล้ว บรรยากาศตอนเย็นเงียบสงบต่างจากตอนกลางวันมากและช่วงดีที่รีสอร์ทมีพื้นที่หน้าหาดเป็นของตัวเองมันเลยพื้นความเป็นส่วนตัวได้เป็นพิเศษ ปูนปั้นก้าวเท้าออกจากบ้านพักเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่งดังแผ่ว ๆ ท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ส่องนำทางให้เขาเดินไปตามหาดทรายขาวนุ่มเท้าในใจได้แต่คิดว่าถ้ามีเทียนอยู่ท
14 กุมภาพันธ์บรรยากาศการเดินทางไปเกาะราชาช่างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะของเหล่าพนักงานของร้าน Happy Time แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้มาครบทุกคนเพราะบางคนอยากใช้เวลากับคนรักของตนแต่บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังตลอดทาง บ้างก็พากันชี้นกชี้ไม้เอ่ยชมความงามของท้องทะเลไม่ขาดปาก ความใสของน้ำทะเลที่ไล่เฉดสีฟ้าครามและเขียวมรกตเหมาะกับการถ่ายรูปเก็บไว้มาก ๆ เมื่อมาถึงเกาะทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำแล้วนั่งรวมตัวกันอีกทีช่วงเย็นเพื่อไปทานอาหารด้วยกันส่วนปูนปั้นขอแยกกับไปนอนพักก่อนเพราะเขาบอกกับทุกคนว่ารู้สึกเมาเรือตอนแรกเอมม่าก็ว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อแต่เขาก็ปฏิเสธเพราะไมาอยสกให้พี่สาวหมดสนุก ปูนพักเดินเข้ามาในห้องพักด้วยความรู้สึกเหงา เปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นรูปตัวเองกับเทียนที่ตั้งอยู่บนหน้าจอก็ยิ่งทำให้คิดถึงเข้าไปใหญ่ ตืด ตืด ตืด (เสียงโทรศัพท์เข้า)ปูนปั้นยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าเทียนวิดีโอคอลมาหาเขา เขารีบกดรับด้วยความดีใจ ภาพขอเทียนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ background ด้านหลังเป็นห้องสีขาวและชั้นเอกสารมากมาย
กุ๊กไก่และธูปเดินเที่ยวภายในงานอย่างตื่นเต้น พวกเขาพากันแวะซื้อของอร่อยกินนตลอด ผลัดกันป้อนไปมาจนตอนพุงกางกันไปแล้ว "ไม่เคยมาเลยอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเงียบไม่คึกครื้นแบบในกรุงเทพแต่ที่ไหนได้คนเยอะแยะไปหมดเลย ของกินก็อร่อยมากด้วย" กุ๊กไก่มองไปรอบ ๆ งานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"ผมถึงได้บอกไงว่าพี่ควรออกจากกรุงเทพมาเที่ยวที่อื่นบ้าง จะได้รู้ว่าที่ประเทศไทยอ่ะไม่ได้มีดีแค่ในกรุงเทพนะ" "จ้า รู้แล้วจ้าพ่อคูณณณ~" สีหน้าติดรำคาญของกุ๊กไก่เป็นสิ่งที่ธูปได้เห็นเป็นประจำทุกวันแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกไม่โอเคเลยกลับกันเขาดันรู้สึกชอบมันด้วยซ้ำเพราะมันทำให้กุ๊กไก่ดูน่ารักขึ้นมากต่างจากตอนทำงานที่เขามันจะชอบทำหน้าบึ้งตึงเหมือนไร้อารมณ์จนดูน่ากลัวอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าไม่ได้มาลองสัมผัสกับตัวเองเขาคงไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนอย่างกุ๊กไก่จะมีมุมน่ารัก ๆ แบบนี้ด้วยเหมือนกัน "เฮ้ย! เสื้อผ้าร้านนู้นสวยมากเลยอ่ะ ไปดูกันไหม" กุ๊กไก่ชี้ไปที่ร้านเสื้อม่อฮ่อม"เอาสิ" กุ๊กไก่เดินนำธูปไปที่ร้านเสื้อผ้า"สวัสดีเจ้า บะฮู้ว่าลูกค้าเป๋นตี้สนใจ๋ชุดไหนเจ้า" แม่ค้าสอบถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะมาก ๆ"อันนี้คือชุดม่อฮ่อมใช่ไหมครับ" กุ
มาถึงห้องพักทั้งคู่ก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วขึ้นนอนบนเตียงพักผ่อนจากความเหนื่อยล้ากันอย่างจริงจัง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ดึกมาแล้ว ธูปค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังทำอะไรกับร่างกายเขาอยู่และภาพตรงหน้าที่เขาเห็นก็คือกุ๊กไก่กำลังทายาและนวดขาให้เขา"พี่ทำอะไรอ่ะ" "ตื่นแล้วเหรอ""อืม""ฉันเห็นนายเดินมาตั้งไกลแถมยังแบกของหนัก ๆ อีกด้วยเลยคิดว่านายคงปวดร้าวไปทั้งตัว""พี่เองก็เดินมาไกลเท่ากับผมนั้นแหละ""แต่ฉันก็ยังสบายกว่านายเยอะ...ทายาเสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าเถอะ ฉันสั่งข้าวเอาไว้ให้แล้วจะได้มากินพร้อมกัน" กุ๊กไก่ตอบแล้วก็ลุกออกไป ธูปสังเกตเห็นสีหน้าของกุ๊กไก่แปลกไปไม่ค่อยสดใสร่าเริงเลยรู้สึกเป็นห่วง"ไม่สบายหรือเปล่า" กุ๊กไก่ส่ายหัวตอบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้ว ธูปไม่ถามอะไรมากเขาลุกไปล้างหน้าแล้วมานั่งที่โต๊ะเพื่อทานอาหารพร้อมกันกับกุ๊กไก่"อร่อยนะเนี่ย" ธูปพูดเสียงแจ๋วแต่กุ๊กไก่กลับไม่ตอบอะไรเลย เขาก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองอย่างเงียบ ๆ จนธูปไม่สบายใจ เขาวางช้อนลงแล้วมองไปที่กุ๊กไป่ชัด ๆ"พี่เป็นอะไร""เปล่า""เปล่าแล้วทำไมไม่คุยกับผม""ฉันแค่เหนื่อยเฉย ๆ""งั
ธูปกับกุ๊กไก่นั่งกันอยู่คนละฝั่ง ซึ่งระหว่างที่นั่งรถมาด้วยกันกุ๊กไก่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งไม่คุยกับธูปสักคำส่วนธูปก็เอาแต่จ้องเขาเหมือนอยากจะชวนคุยแต่ก็ไม่กล้า "เลิกจ้องฉันสักทีได้ป่ะ" กุ๊กไก่ทนไม่ไหวหันมาดุธูป "นี่พี่โกรธผมเหรอ" "ฉันไม่ได้โกรธ" "เห็นอยู่ว่าโกรธ" กุ๊กไก่ถอนหายใจแล้วกอดอกหันหน้าไปมองทางวิวทางด้านนอกแทน "ผมขอโทษ...ผมไม่ได้อยากให้เราทะเลาะกันจริง ๆ แต่ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะว่า-" "เพราะว่านายเบื่อที่ฉันเรื่องมากและก็ขี้งกใช่ไหมล่ะ...ขอโทษนะที่ฉันทำให้ทริปของนายมันพังแบบเนี่ย" "ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ผมแค่อยากให้เราได้มาถึงที่พักไว ๆ จะได้พักผ่อนแล้วก็หาอะไรอร่อย ๆ กินกัน ตั้งแต่เช้าพวกเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลยแถมตอนที่พวกเราเดินหารถมันก็ร้อนมาก ๆ ผมเห็นเหงื่อพี่แตกเต็มตัวไปหมดเกินพี่เป็นลมขึ้นมาผมคงรู้สึกผิดที่พาพี่มาลำบากแบบนี้" น้ำเสียงที่ฟังดูเสียใจของธูปทำให้กุ๊กไก่เย็นลงทันที เขาหันกลับมาหาธูปมองดูใบหน้าที่กำลังฉายแววเศร้าอยู่ "ช่างมันเถอะ ฉันเอง...ฉันเองก็เรื่องมากจริง ๆ นั่นแหละ" "ผมรู้นะว่าพี่ไม่ได้เรื่องมากหรอกแต่พี่แค่เกรงใจผม พี่กลัวว่าผมจะต้องจ
ปูนปั้นตื่นขึ้นมาหลังได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองตั้งไว้ก่อนนอนเพราะกลัวว่าจะลุกไม่ทันนัดของดาริน เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาปิดเสียงกลัวมันจะดังรบกวนเทียน เขามองดูเทียนที่นอนถอดเสื้อแล้วก้มลงไปจุ๊บที่แก้มของเขาจากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขอลงจากเตียงเทียนก็ดึงเขาลงมากอดไว้ในอกซะแล้ว"แกล้งหลับเหรอ" "เปล่าซะหน่อยแต่พอดีมีคนมาขโมยจุ๊บเลยตื่น""ตื่นแล้วก็ปล่อยผมต้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำบุญกับแม่อีก""ไปตั้ง 7 โมงค่อยอาบก็ได้หรอก""ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน""ก็พี่อยากกอดหนูหนิหน่า" "พอเลย! จะมาอยากกอดอะไร" ปูนปั้นว่าแล้วเอามือไปจับที่เป้าของเทียน"เนี่ย! แข็งแต่เช้าเลยไม่ต้องมาอ้างว่าอยากกอดหรอก""เอ้า~ อ้างที่ไหนก็พี่อยากจริง ๆ""พอ ๆ ๆ ปล่อยเลยจะไปอาบน้ำ" ปูนปั้นว่าแล้วแกะมือของเทียนออกจากตัวเองจากนั้นก็ลุกขึ้นออกจากเตียง"นอนไปเลยแล้วก็เก็บกระเป๋าผมไปใส่รถด้วยหลังจากทำบุญเสร็จจะได้กลับคอนโดกัน""สั่งเป็นแม่เลยนะ รู้เปล่าทุกคนที่นี่ไม่มีใครกล้าออกคำสั่งพี่เลยนะ""ก็ลองดู! ถ้าผมกลับมาแล้วลุงยังไม่จัดการให้เสร็จวันนี้ก็เตรียมกลับไปส่งผมที่บ้านได้เลย""โห่~ ดุจ