"ช้าๆ ระวังเท้าด้วยสิ" ปูนปั้นพพูด เขาประคองเทียนเข้ามาในห้องนอนของตัวเองแล้วทิ้งคนตัวใหญ่ลงเตียงอย่างแรง
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ปูนปั้นหอบหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยเพราะน้ำหนักตัวของเทียนไม่ใช่เล่นๆ เลย ปูนปั้นมองดูเทียนแล้วยกมือขึ้นมาเกาหัวด้วยความสับสน "หางานให้ตัวเองแท้ๆ เลยไอ้ปูนปั้นเอ้ย~" ปูนปั้นพูดแล้วหันหลังจะเดินกลับไปแต่เทียนก็คว้าข้อมือของเขาไว้ก่อนจนปูนปั้นต้องหันกลับมาหาเขา "อย่าทิ้งผมไป...อย่าทิ้งผมไปเลยนะครับปู่" เทียนพูดเจ้อออกมาเบาๆ ปูนปั้นแกะมือของเขาออกแล้วมองเขาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย "ปู่ที่ไหนล่ะ นี่ปูนปั้นจ้า ชิส์!" พูดจบปูนปั้นก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเขาไปอาบน้ำทันที ผลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วปูนปั้นก็เดินเช็คผมออกมา เขามองไปที่เทียนอีกครั้งด้วยความรู้สึกแปลกๆ อาจเป็นเพราะปกติไม่เคยมีใครเข้ามาอยู่ในห้องนอนด้วยกันกับเขามันก็เลยทำให้เขาทำตัวไม่ถูก ปูนปั้นเดินออกจากห้องไปหยิบโถใส่น้ำกับผ้าเช็คตัวผืนเล็กๆ เข้ามาวางไว้ที่ตู้ข้างเตียงก่อนจะนั่งลงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเทียนออก ตอนที่เทียนล้มทับตัวเขาตอนนั้นเขาก็รู้สึกได้แล้วว่าอุณภูมิร่างกายของเทียนสูงผิดปกติแบบหน้าตาก็อิดโรยกว่าวันแรกที่เจอกันซะอีก ปูนปั้นก็เลยพอจะเดาได้ว่าเทียนไม่สบายดังนั้นเลยเลยจะช่วยเช็คตัวให้สักหน่อยเผื่อว่าตื่นมาแล้วเจ้าตัวจะรู้สึกดีขึ้น (หืม~ หุ่นดีมาก) ปูนปั้นคิดแล้วค่อยๆ เลื่อนสายตามองไปที่ใบหน้าของเทียน "หน้าตาก็ดีนะ~ วันนั้นมัวแต่หงุดหงิดจนไม่ทันได้สังเกตดีๆ แม้ว่าวันนี้จะดูโทรมไปหน่อยแต่ก็ถือว่าใช้ได้เลย...ฮึ~" ปูนปั้นพูดแล้วยิ้มออกมา เขาเอื้อมมือไปบิดผ้าแล้วนำมาเช็คให้เทียนเบาๆ ทั้งใบหน้าและลำตัว ตึก ตึก ตึก (เสียงหัวใจ) ปูนปั้นรู้สึกใจเต้นขึ้นมาหลังจากได้มองหน้าเทียนใกล้ๆ เขาจึงรีบถอยออกแล้วลุจากเตียงทันที ปูนปั้นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรแต่สถานการณ์แบบนี้มันอันตรายมากเกินไปสำหรับเขา เขารีบเอาผ้าห่มมาคลุกให้เทียนและหยิบโถน้ำกับผ้าขนหนูแล้วออกจากห้องนี้ไปทันที "เราแค่ไม่เคยอยู่ในห้องกับผู้ชายสองต่อสอง...ไม่มีอะไรหรอก" ปูนปั้นพูดแล้วเป่าลมหายใจออกมาช้าๆ เพื่อสลัดความคิดไม่ดีออกจากหัวของตัวเองและนี่ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องนอนอยู่ที่โซฟาอีกแล้ว 11:23 น. เทียนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ เขารู้สึกมึนงงนิดหน่อยที่ตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็ไม่ได้ตื่นตูมเท่าไหร่ เขาลุกขึ้นมานั่งช้าๆ แล้วบิดตัวนิดหน่อยเพื่อยืดเส้นยืดสาย ตอนนี้ร่างกายของเทียนใส่แค่กางเกงอยู่เท่านั้นส่วนเสื้อของเขาถูกบาดไว้กับเก้าอี็ตัวนึงตรงมุมห้อง "มาอยู่นี่ได้ไงว่ะเนี่ย" เทียนพูดแล้ว เขาเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้องอีกครั้งแล้วก็ไปสะดุดตากับกรอบรูปบนตู้ข้างเตียง เขาจึงเอื้อมมือไปหยิบมันมาดูใกล้ๆ "ปูนปั้นเหรอ" เทียนพูดออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสถานที่ที่เขามานอนอยู่ทั้งคืนนี้คือห้องของปูนปั้น เขาจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เขาตั้งใจจะไปหาหมิงที่ร้านแต่ก็ไปไม่ทัน ตอนนั้นเขาเห็นภาพของปูนปั้นลางๆ แต่จู่ๆ ทุกอย่างก็ตัดไปจนเขาตื่นขึ้นมาอยู่ในสภาพนี้แล้ว "เขาพาฉันกลับมาที่นี่เหรอ" เทียนพูดแล้วมองไปที่รูปภาพของปูนปั้นอีกครั้ง พอเริ่มประมวลผลทุกอย่างได้รอยยิ้มเล็กๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา "ฮึ~" เขายิ้มแล้วเอากรอบรูปไปวางไว้ที่เดิมจากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินออกไปข้างนอกทันที เทียนเดินออกมางงแล้วมองไปทั่วทั้งบ้านแต่ก็ไม่เจอปูนปั้น เขาเดินหาปูนปั้นไปทุกที่รวมทั้งแอบสำรวจบ้านหลังนี้ไปในตัว บ้านไม่ได้ใหญ่มากมีขนาดสองชั้น ไม่มีคนรับใช้ เงียบสงบอย่างกับไม่มีคนอยู่ เทียนเดินไปเปิดผ้าม่านเพื่อมองออกไปข้างนอกว่ามีคนไหมแต่ก็ไม่เห็นใครอยู่ดี "บรรยากาศดีจัง" เทียนพูด บริเวณรอบตัวบ้านของปูนปั้นมีต้นไม้และดอกไม้เต็มไปหมดเพราะเอมม่าชอบทำสวนมากๆ หลังจากดูแล้วไม่เห็นใครเทียนจึงเดินลงมาที่ชั้นล่างระหว่างทางเดินขิงบันไดมีกรอบรูปห้อยอยู่เต็มไปหมดและส่วนใหญ่ก็เป็นรูปครอบครัวทั้งนั้น เทียนก็เริ่มได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังอยู่ไม่ไกลเขาจึงค่อยๆ เดินตามเสียงนั้นไป (หอมจัง) กลิ่นอาหารหอมโชยออกมาจนแตะจมูกของเทียน ช่างเป็นกลิ่นที่แค่สูดดมก็รับรู้ได้เลยว่าอาหารจานนี้ต้องอร่อยอย่างแน่นอนและเมื่อมาถึงเทีียนก็เห็นภาพด้านหลังของปูนปั้นที่กำลังยืนทำอาหารอยู่ วันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีพื้นกับกางเกงขาสั้นธรรมดาๆ เท่านั้นแต่ดูมีเสน่ห์กว่าชุดเชฟเมื่อวันแรกที่เขาได้เจอกันซะอีก "คุณตื่นแล้วเหรอ" ปูนปั้นเอ่ยถามทันทียังไม่ได้หันกลับมาดูทำเอาเทียนขนลุกจนหุบยิ้มทันที "อ่อ~ตื่นแล้ว" เทียนตอบ "แปรงวางอยู่บนโต๊ะน่ะ คุณเอาไปใช้ได้เลย" ปูนปั้นพูด เทียนหันไปดูที่โต๊ะกินข้าวก็เห็นถุงพลาสติกกับแปรงอันใหม่ที่ยังไม่ได้แกะวางไว้อยู่เขาเลยเดินเข้าไปหยิบซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ปูนปั้นหันมาพอดี "ฮึ้ย~" ปูนปั้นอุทานออกมาด้วยความตกใจเพราะเทียนเดินออกมาจากห้องทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อเลย เขาจึงรีบหันกลับไปทันที "จะออกจากห้องทำไมไม่รู้จักแต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะ" เทียนพูด "นายเป็นคนถอดให้ฉันไม่ใช่เหรอ จะเขินทำไม" เทียนตอบ "คุณรีบไปล้างหน้าได้แล้วไปจะได้ลงมาทานข้าวเดี๋ยวผมต้องไปทำธุระต่ออีก" ปูนปั้นพูด "โอเค" เทียนตอบแล้วก็เดินออกไป ปูนปั้นหันมาดูช้าๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเทียนเดินออกไปแล้วจริงๆ พอเห็นว่าไม่มีใครเขาก็ถอนหายใจออกมาทันที ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ปูนปั้นนั่งทานอาหารเช้าแล้วรู้สึกเกร็งมากขนาดนี้เพราะว่าคนตรงหน้าของเขาเอาแต่มองเขาไม่หยุดเลย "จะเลิกจ้องผมได้หรือยังลุง" ปูนปั้นวางช้อนแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามเขา ฉึก! คำว่าลุงจากปูนปั้นมันเจ็บมากเหมือนหัวใจที่ถูกมีดแทง "ระ เรียกลุงเลยเหรอ" เทียนถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เกิดมาชาตินี้ยังไม่เคยมีใครเรียกเขาว่าลุงสักที "ก็ถ้าลุงเป็นเพื่อนพี่หมิงจริงๆ ลุงก็อายุมากกว่าผมตั้ง 12 ปีเลยนะ" ปูนปั้นตอบแล้วก็เริ่มทานอาหารต่อ "แล้วทำไมทีไอ้หมิงถึงเรียกพี่ได้ล่ะ"เทียนถามหยั่งเชิงดูเพราะในใจเขาตอนนี้แอบคิดไปแล้วว่าจริงปูนปั้นอาจจะแอบชอบหมิงอยู่ก็ได้ "ก็เพราะพี่หมิงเขายังไม่แก่ไง" ปูนปั้นตอบ "แล้วฉันแก่เหรอ" เทียนถามอย่างหงุดหงิด "ก็แก่กว่าอ่ะ ยิ่งสภาพลุงเมื่อคืนอ่ะนะยิ่งดูไม่ได้กว่าคนแก่อีก...อีกอย่างนะลุงถ้าลุงไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะขับรถทีหลังอย่าจับพวกมาลัยอีก!" ปูนปั้นตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจมากๆ สีหน้าของเขาเองก็ดูจะโกรธเทียนไม่น้อยจนเทียนเองยังสงสัยเลยว่าทำไมปูนปั้นต้องไม่พอใจเขาขนาดนี้ด้วย "ไม่เห็นต้องดุขนาดนี้เลย" เทียนตอบ ปูนปั้นเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอทำกิริยาที่ไม่ดีกับเทียนเลยแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วทานข้าวต่อ "เป็นห่วงฉันมากเลยดิ" เทียนถาม "ผมเป็นห่วงคนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกันลุงมากกว่า" ปูนปั้นตอบ "ดุจังอ่ะ~ดุแบบนี้มีแฟนหรือยังนะ" เทียนถาม ปูนปั้นหยุดทานข้าวทันทีแล้วเงยหน้ามามองเทียนช้าๆ ซึ่งเขาเองก็จ้องปูนปั้นพร้อมกับยิ้มที่มุมปากอยู่ ปูนปั้นลุกขึ้นแล้วเก็บถ้วยชามทำทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ "อ้าว~ฉันเพิ่งกินไปไม่กี่คำเองนะ" เทียนพูด "แต่ผมอิ่มแล้ว" ปูนปั้นตอบ "ก็รอหน่อยไม่ได้เหรอ" เทียนถาม ปูนปั้นเดินมายกจานข้าวเทียนแล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา "ตอนให้กินก็เอาแต่พูดไร้สาระงั้นก็กลับไปหากินเองที่บ้านแล้วกัน" ปูนปั้นตอบแล้วเดินเอาข้าวของเทียนไปเททิ้งต่อหน้าต่อตาเขาเลย เทียนลุกขึ้นเดินไปหาปูนปั้นที่กำลังล้างจานอยู่แล้วนั่งจ้องเขาตรงหน้าเคาน์เตอร์ครัว ปูนปั้นถอนหายใจแล้วล้างจานต่อไปด้วยความรำคาญ "นายอยู่บ้านนี้คนเดียวเหรอ" เทียนถาม "ทำไม ลุงจะย้ายมาอยู่ด้วยเหรอ" ปูนปั้นถาม "ได้หรอ" เทียนเด้งตัวขึ้นมาตอบทันควันด้วยสายตาที่เป็นประกาย "ประชด" ปูนปั้นตอบ ปูนปั้นแม้จะยังเด็กแต่เขาก็พอจะรู้ตัวอยู่ว่าเทียนสนใจในตัวเขาแต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนแบบเทียนจะคิดอะไรจริงจังดังนั้นเขาจะไม่เอาใจลงไปเล่นเด็ดขาด "นายยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะว่ามีแฟนหรือยัง" เทียนถาม "ไม่มี" ปูนปั้นตอบ "ก็ดี~ว่าแต่คนในบ้านไปไหนกันหมดอ่ะ" เทียนถาม "เมื่อก่อนมีพี่สาวอยู่ด้วยแต่ว่าตอนนี้เธอย้ายไปอยู่กับแฟนชั่วคราวน่ะที่นี่ก็เลยมีผมอยู่แค่คนเดียว" ปูนปั้นตอบ "ทีหลังถ้าใครถามแบบนี้อย่าตอบตรงๆ อีกนะบอกคนแปลกหน้าว่าอยู่บ้านคนเกียวมันอันตรายรู้ไหม" เทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ก็ลุงเป็นเพื่อนพี่หมิงไม่ใช่เหรอ...หรือลุงคิดไม่ดีกับผม" ปูนปั้นถาม "ฉันก็แค่เป็นห่วง~" เทียนตอบ แววตาและน้ำเสียงที่ดูเปลี่ยนไปของเทียนทำเอาปูนปั้นนิ่งไปเลย เขาไม่คิดว่าเทียนจะจริงจังขนาดนี้ก็เลยพูดออกไปแบบติดเล่น "อ๋อ" ปูนปั้นตอบแล้วหันกลับไปล้างจานต่อ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้วปูนปั้นก็เตรียมตัวออกจากบ้านพร้อมกับเทียนเพราะรถของเทียนยังจอดอยู่ที่ร้านเขาจึงจำเป็นต้องให้เทียนติดรถไปลงที่ร้านด้วย "ร้านเปิด 5 โมงไม่ใช่เหรอนี่พึ่งจะบ่าย 2 เองต้องรีบไปขนาดนั้นเลย" เทียนถามอย่างเสียดาย "ร้านเปิด 5 โมงก็จริงแต่ก็ต้องไปเตรียมเปิดร้านก่อนอยู่ดีป่ะ" เทียนตอบแล้วกดรีโมทปลดล็อครถ "ก็ให้พนักงานเปิดไปสิเจ้าของร้านจะไปเปิดเองทำไม" เทียนพูด "ไม่ลงมือทำเองแล้วจะเข้าใจทุกอย่างได้ไง" ปูนปั้นตอบแล้วก็เข้าไปนั่งในรถ คำนี้ของปูนปั้นมันทำให้เทียนสตั๊นไปทันทีเพราะคุณปู่ของเขาก็เคยใช้คำนี้กับเขาตอนนี้เขาเริ่มเรียนรู้งานที่บ้านเหมือนกัน ปูนปั้นเห็นเทียนไม่ขึ้นรถมาสักทีจึงลดกระจกลง "จะไปไหมถ้าไม่ขึ้นจะไม่รอแล้วนะ" ปูนปั้นพูด "ฮะ? อ้อไปๆ" เทียนตอบแล้วรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างปูนปั้นเทียนทิ้งตัวลงบนโซฟายกแขนขึันมาก่าวหน้าผากไว้ ้ขาหลับตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปูนปั้นที่เติมตามเข้ามาก็แยกไปในครัวเทน้ำเย็น ๆ ใส่แก้วมาให้เขา"กินน้ำก่อนครับ" "ขอบใจนะ" เทียนรับน้ำมาดื่มจนหมดแก้วแล้วเงยหน้ามองปูนปั้นที่ยืนดูเขาอยู่ เขาเอาแก้ววางลงบนโต๊ะกระจกแล้วจับมือปูนปั้นพาเขาให้เข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองก่อนจะกอดกอดแล้วเอียงหัวไปพิงที่หน้าอกของปูนปั้น ปูนปั้นเองก็ยกมือขึ้นมาลูกที่ต้นแขนของเทียนเป็นการให้กำลังใจ"เหนื่อยมากเลยใช่ไหมครับ""วันนี้พี่ทำให้คนมากมายต้องตาย พวกเขาเอาทั้งชีวิตของตัวเองมาแลกเพื่อพี่และคนในครอบครัว สำหรับพี่แล้วพวกเขาไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดแต่พวกเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัวของพี่จริง ๆ บางคนก็เคยเห็นพี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ บางคนก็เคยเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่ พอ...พอพี่ต้องมาเห็นพวกเขาตายไปต่อหน้าต่อตามันก็อดโทษตัวเองไม่ได้" เทียนเริ่มมีน้ำตาคลอออกมาแต่เขาก็พยายามอดทนฝืนเอาไว้เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นมาเห็นมุมที่อ่อนแอของเขา"ลุงทำดีที่สุดแล้ว""ถ้าตอนนั้นพี่ไม่คิดวางแผนให้มันซับซ้อนแล้วจัดการพวกมันตรง ๆ ไปเลยตั้งแต่แรกวันนี้ครอบครัวพี่คงไม่โดนพวกมันเล่นกลับหนักขนาดนี้หรอก ถ
(ร้าน happy time) ธูป หมิงและปูนปั้นปลีกตัวออกมาคุยกันด้านหลังร้านเพราะปล่อยให้เอมม่าทำบัญชีอยู่ที่เคาน์เตอร์และกุ๊กไก่กับพนักงานคนอื่น ๆ เก็บร้านไปก่อน"แล้วนี่เราโอเคใช่ไหม" ธูปถามปูนปั้นด้วยความเป็นห่วง เขาเข้าใจว่าปูนปั้นคงตกใจมากเพราะตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้สีหน้าของปูนปั้นก็ยังไม่ดีขึ้นเลยแถมตัวก็ยังสั่นเล็กน้อย "ผม...ผมกลัวมากจริง ๆ เกิดมาผมไม่เคยเห็นปืนหรือคนยิงกันมาก่อน ตอนนั้นในหัวผมคิดแต่ว่าผมต้องตายแน่ ๆ แต่...อึก...""ใจเย็น ๆ พวกพี่เข้าใจ" หมิงเดินเข้ามาลูบที่หลังของปูนปั้นเพราะตอนนี้เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว"พวกพี่อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เอมม่านะ ผมไม่อยากให้พี่เขาเป็นห่วง""อืม ได้สิ" ธูปตอบ จนถึงตอนนี้ธูปก็เข้าใจแค่ว่าเทียนโดนโอมจับตัวไปเพราะเป็นสายให้กับเกรทและเขาก็ถูกจัดการไปแล้วโดยมีคนของเทียนและเทียนไปช่วยออกมาแต่ยังไม่รู้เลยว่าครอบครัวเพิ่งเกิดปัญหาครั้งใหญ่ พ่อโดนปองร้ายจนเกือบตาย คุณย่าโดนตามล่าจนต้องหนีไปซ่อน "แต่ว่าทำไมพี่เทียนถึงมาส่งปูนปั้นที่นี่แทนที่จะพากลับคอนโดไปปลอบขวัญล่ะ""ไม่รู้ครับ ลุงบอกต้องไปช่วยคนอื่นอีกเลยอยู่กับผมไม่ได้และคิดว่าที่นี่
เทียนวิ่งหน้าตั้งมาที่ห้องนอนของคุณปู่ในใจได้แต่ภาวนาว่าขอให้ทันเพราะถ้าเขาไปไม่ทันในใจคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ ๆ "วิสุทธิ์!" เทียนวิ่งเข้าไปประคองร่างของวิสุทธิ์ที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ขึ้นมา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมา เจ๋งกับเจสันที่วิ่งตามขึ้นมาก็หยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นว่าเทียนขึ้นมาทำอะไร พวกเขาเดินเข้าไปนั่งล้อมอยู่ข้างกายของวิสุทธิ์"อดทนไว้นะรถโรงพยาบาลกำลังมาแล้ว" เทียนให้กำลังใจวิสุทธิ์พร้อมกำมือของเขาไว้แน่น"คุณเทียนครับ...อึก! คุณท่านรักคุณเทียนมากเลยนะครับ...ยะ อย่า...ทำ...ให้คุณท่าน...ผิดหวัง...อ่า...นะครับ" วิสุทธิ์พยายามเปล่งเสียงออกมาอย่างเต็มที่ ชีวิตนี้ของเขามีเพียงแค่สิริยากรมาตลอดไม่เคยคิดทรยศเลยแม้แต่เสี่ยววินาทีเดียวหลังจากปู่ของเทียนตายไปชีวิตของเขาก็มีอยู่เพื่อช่วยปกป้องเทียนตามคำสั่งเสียของเจ้านายเก่าเท่านั้น "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้วทำใจให้ดี ๆ รอรถพยาบาลมารับพวกเราจะไปหาหมอด้วยกัน พ่อผมยังรอพวกเราทุกคนอยู่ที่นั้น วิสุทธิ์ต้องใจเย็น ๆ นะยังมีพวกคุณย่าอีกถ้าวิสุทธิ์ไม่อยู่ใครจะดูแลพวกคุณย่าแทนปู่ล่ะ ใช่ไหม" เทียนเห็นสีหน้า
ทั้งสามคนวิ่งลงมาจนถึงชั้นถึงก่อนพายุจะทเจ๋งกับเทียนต้องหยุดวิ่งเพื่อหันมาดูเขา"อ๊าาาาา" ลูกน้องของเหรียญชี้ปืนมาทางทั้งสามคนแล้วเดินลงบันไดมา เทียนจ้องมองคนเหล่านั้นด้วยความโกรธจนหน้าสั่นน้ำตาแห่งความเครียดแค้นค่อย ๆ ไหลออกมา"ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญเดินหัวเราะลงมาจากข้างบนตรงเข้ามาหาเทียนทำให้ทั้งพายุและเจ๋งต้องพยายามขยับตัวเข้ามากันเหรียญไว้"หลบไปไอ้ขี้ข้า" เหรียญใช้เท้าถีบแขนข้างที่ถูกยิงของพายุจนเขากระเด็นไปฟุบอีกฝั่ง"อ้าาาา! อืมมมมม" พายุพยายามกดแผลของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด"มึงจะเอาด้วยอีกคนใช่ไหม" เหรียญถามเจ๋งที่ยังคงยืนอ้าแขนกันเทียนเอาไว้"ผมจำเป็นต้องปกป้องคุณเทียน" "ต่อให้มึงต้องตายอ่ะเหรอ""ครับ" "ได้ดิ" เหรียญยกปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าของเจ๋งแต่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวเลยของเจ๋งก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจเลื่อนปืนขึ้นไปจนมันติดกับหน้าผากของเจ๋งเลย"อย่านะ!" เทียนพูดพร้อมกับผลักไหล่ของเจ๋งให้หลบไปแต่เจ๋งก็ฝืนเกรงตัวเองไว้เพื่อบังเทียนเหมือนเดิม"เจ๋ง!" เทียนไม่พอใจที่เจ๋งขืนเขา"ผมบอกคุณเทียนแล้วว่าพวกเราแค่สามคนทำอะไรเขาไม่ได้หรอกแต่คุณเทียนก็ไม่เชื่อผมเพราะงั้นถ้าวันนี้คุณเทียนมีโ
เทียนช้อนร่างของวิสุทธิ์ขึ้นมาซึ่งวิสุทธิ์เองก็รู้สึกเจ็บจนแทบเจียนตาย "อ๊าาา~" "พวกมันทำอะไรคุณ" เทียนถามด้วยความเป็นห่วงแต่วิสุทธิ์ไม่สามารถตอบออกมาเป็นคำได้เลย เทียนรู้สึกโกรธมากเขากัดฟันแน่นแล้วเงยหน้าไปมองเหรียญที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่แล้วค่อย ๆ วางวิสุทธิ์ลงนอนที่เดิม"ดูท่าคุณเทียนจะโกรธพวกเราแล้วว่ะ ฮ่า ๆ ๆ" เหรียญหันไปพูดแล้วหัวเราะคิกคักกับลูกน้องของตัวเอง เหรียญลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้เหรียญเรื่อย ๆ"กูไม่เคยมีความแค้นกับมึงทำไมมึงต้องมาทำร้ายคนของกูด้วย วิสุทธิ์เขาอายุมากกว่าพ่อมึงอีกด้วยซ้ำ ไอ้เหี้ย!" เทียนพูด"มึงไม่เคยแต่ใช่ว่าตระกูลของมึงไม่เคยไง" เหรียญตอบ"ฮึ~ มึงคงหมายถึงตอนที่พ่อมึงหักหลังตระกูลกูจนปู่จับได้เลยลบชื่อพ่อมึงออกจากหุ้นส่วนบริษัทสินะ กูจำได้ดีตอนนั้นพวกมึงไม่มีสิริยากรหนุนหลังแล้วก็เลยทำให้ธุรกิจของครอบครัวมึงขาดความน่าเชื่อถือจนเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ พ่อมึงเป็นหนี้รอบด้านแก้ไขปัญหาไม่ได้สุดท้ายก็คลานกลับมาหาตระกูลกูแต่ก็อย่าว่าแหละคนแบบนั้นใครจะอยากช่วยเหลือพอพ่อมึงมืดแปดด้านก็เลยลมควันตัวเองตาย เรื่องนี้ใช่ไหมที่มึงแค้นเข้ากระดูกจนถึงขั้นบุกมาทำลายครอบ
"พวกเราจะไปไหนกันอ่ะลุง" ปูนปั้นถาม เขากลัวมากจนต้องกอดเทียนเอาไว้ตลอดส่วนเทียนก็คอยลูบหลังเขาเบา ๆ เพื่อไม่ให้ปูนปั้นสติแตกไปมากกว่านี้"หนูไปอยู่ที่ร้านก่อนตอนนี้ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุด" เทียนตอบ"แต่ว่าคุณเกรทก็ส่งคนไปจับผมมาจากที่นั่นนะ" ปูนปั้นพูด"มีแค่เกรทกับโอมที่รู้จักหนูแต่ตอนนี้สองคนนั้นไม่อยู่แล้วดังนั้นที่นั้นจึงปลอดภัยที่สุดอีกอย่างธูปกับหมิงก็อยู่ด้วย เชื่อพี่เถอะนะ" เทียนพูด"ครับ" ปูนปั้นตอบเอี๊ยดดดดด! (เสียงเบรกรถ)เสียงเบรกรถดังมากจนเอมม่าตกใจจนต้องหันหน้าออกมาดูเพราะคิดว่าเกิดอุบัติเหตุที่หน้าร้านโชคดีที่ตอนนี้ในร้านไม่มีลูกค้าเลยไม่งั้นคงทำให้ลูกค้าตกใจขวัญกระเจิงเป็นแน่ หลังจากเห็นเทียนกับปูนปั้นลงมาจากรถท่าทางอาลัยอาวรณ์กันเอมม่าก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจว่าทั้งคู่เป็นอะไรไปเพราะเธอไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรกับทั้งสองคนไม่งั้นป่านนี้เธอคงไม่สามารถนั่งเฝ้าร้านได้อย่างสบายใจหรอก"แค่แยกกันไปทำงานต้องกอดอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ ทำอย่างกับจะตายจากกันอย่างงั้นแหละ" เอมม่าพูดด้วยความสงสัยเพราะสีหน้าแววตาของทั้งคู่ดูเศร้าและหวาดกลัวมาก จากนั้นไม่นานเทียนก็กลับขึ้นรถแล้วก็ออกจากร