วันศุกร์
หลังจากลาป่วยไปหนึ่งวันเมื่อตอนวันอังคาร วันพุธก็กลับมาเรียนได้ตามปกติ อาการป่วยของท้องใส้ก็ดีแล้วหรือจะเรียกว่าหายแล้วก็ได้ ซึ่งครั้งนี้หายเร็วกว่าปกติเนื่องจากมีคนคอยส่งข้อความมาเตือนให้ทานข้าวเช้า กลางวัน เย็น สามเวลาต่อวัน
มีคนใส่ใจขนาดนี้ไม่หายได้ยังไง^^
ทว่าเธอกลับไม่เห็นเขาตามเดย์กับชินมาทานมื้อข้าวเที่ยงที่โรงอาหารคณะที่คณะเธออีกเลย
มีแต่ข้อความ แต่ไม่ได้เจอเจ้าของข้อความเลย
“วันนี้มากันแค่สองคนเหรอคะ” นานิหันไปถามชินที่ถือจานข้าวที่พึ่งไปซื้อมาแล้วนั่งลงข้างๆ
“ครับ ปกติก็มาแค่พี่กับไอ้เดย์นะ”
“แต่วันจันทร์พี่ไนท์กับพี่เรนก็มาด้วยหนิคะ” วันนั้นถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องวุ่นวายของรักสามเศร้าของสองแฝดกับไอญดา
“อ้อ.. วันนั้นไอ้ไนท์มันอยากลองของ แต่เผอิญรับไม่ไหว เลยต้องถอยตัวกลับไปตั้งหลักใหม่ก่อน” ชินตอบอย่างเล่นทีจริง พยายามทำให้เรื่องนี้มันไม่ซีเรียสเพราะตอนนี้ทุกอย่างระหว่างสามคนมันก็เคลียร์หมดแล้ว
“อ่อ” นานิฉีกยิ้มบางๆ ตอบรับคำบอกเล่าของชิน แม้ชินจะไม่ได้บอกตรงๆ แต่เธอเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ
วันนั้นเธอเห็นไนท์เบนสายตาหนีทุกครั้งที่ไอญดากับเดย์กระหนิงกระหนิงกัน แม้เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกออกทางสีหน้า แต่เธอเห็นว่านัยน์ตาคู่นั้นมันยังเศร้าอยู่
ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลหลายๆ ข้อที่ทำให้เธอแกว่งเท้าหาเสี้ยน เสนอตัวเข้าไปดามหัวใจให้เขา
หน้าตึกมนุษยศาสตร์
บ่ายสามเรียนเสร็จนานิก็ไปยืนรอพี่ชายที่หน้าตึก เนื่องจากเมื่อวานตอนเย็นยูสึเกะได้แวะมาทานข้าวกับน้องสาวแล้วก็ยังค้างด้วย ตอนเช้าก็มีธุระที่ต้องผ่านทางมหาลัยเลยแวะส่งน้องสาวด้วยเพราะยังไงตอนบ่ายก็จะแวะเข้ามาหารุ่นน้องในมหาลัยอยู่แล้ว จะได้รับกลับบ้านด้วยกันเลย
“ฮัลโลค่ะ ยูสึเกะของหนูอยู่ไหนแล้วคะ?” นัดกันไว้บ่ายสามนี้ก็เลยมาหลายนาทีแล้วแต่เธอยังไม่เห็นพี่ชายเลย ซึ่งปกติยูสึเกะเป็นคนตรงเวลามาก
(นานิ โทดทีเมื่อกี้พี่ประชุมเลยไม่ได้พิมพ์บอก ประชุมเลิกช้านิดหน่อย แต่พี่กำลังออก อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ คิดว่าไม่เกิน20นาที ให้ไอรอเป็นเพื่อนก่อนได้ไหม)
“ไอกลับแล้วค่ะ พอดีพี่เดย์ปวดแผล”
(อ่าวเหรอ เพื่อนคนอื่นล่ะ)
“คิมกับเอิงเอยไปเชียร์เขาแข่งว่ายน้ำค่ะ รีบพากันไปดูซิกแพ็กหนุ่มๆ นู้น” นานิหัวเราะปิดท้ายเบาๆ ก่อนรีบบอกพี่ชายให้หายห่วง “แต่หนูรอคนเดียวได้ ยังมีคนเรียนเต็มตึกเลย”
(โอเค งั้นเจอกันนะ)
“โอเคค่ะ”
ร่างสูงสาวก้าวยาวๆ ผ่านลานเกียร์มายังตึกตรงข้ามเพื่อไปเอารถที่จอดไว้ลานจอดรถหลังตึก ทว่าสายตาเขากลับสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่นั่งก้มหน้าก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ในมืออยู่คนเดียวตรงโต๊ะหินอ่อนหน้าตึก เท้าที่สาวก้าวอยู่จึงเปลี่ยนทิศทาง
“ยังไม่กลับอีกเหรอ” เลิกเรียนได้สักพักแล้ว ไอญดาก็พาเดย์กลับไปพักแล้ว เดย์ปวดแผลเนื่องจากลืมพกยาหลังมื้อเที่ยงมาด้วยวันนี้ส่วนเขาพึ่งไปคุยกับอาจารย์เรื่องการโอนย้ายเกรดมา
“พี่” นานิเงยหน้าจากโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงที่เธอจำได้ดีว่าเป็นใคร แล้วปิดล็อกโทรศัพท์หย่อนลงกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างกาย “เรารอพี่ยูมารับ”
“ไม่ได้เอารถมา?” ไนท์ถามแล้วทรุดตัวลงนั่งที่นั่งตรงข้ามนานิ
“เมื่อคืนพี่ยูมานอนที่ห้อง เช้านี้เลยมาส่งค่ะ ตอนเย็นจะได้มารับกลับบ้านพร้อมกันเลย”
“กลับบ้านทุกวันศุกร์? ”
“ค่ะ พี่ล่ะคะ? ”
“แล้วแต่อารมณ์”
“แล้วศุกร์นี้ล่ะอารมณ์ไหนคะ”
“อารมณ์เมา”
“อารมณ์นี้ทุกศุกร์เลยไหมคะ” ศุกร์ที่ผ่านมาเขาก็เมาปลิ้นเลย ศุกร์นี้ยังอารมณ์เมาอีกเหรอ แบบนี้แสดงว่าอารมณ์เมาเกือบทุกๆ ศุกร์แน่
“หึหึ ก็ไม่ทุกศุกร์ แต่ก็เกือบๆ” ไนท์กระตุกยิ้มมุมบางพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอตอบนานิ
“อย่าเมาเหมือนวันนั้นอีกนะคะ”
“ไม่เมา เมาไม่ได้ ไม่มีคนไปส่งเหมือนคืนนั้น”
“^^” หือ? หยอดป่ะเนี่ย หยอดไม่หยอดไม่รู้แต่เธออ่ะเขินไปแล้ว คนส่งที่เขาว่าเธอใช่ไหม ใช่แหละเพราะที่ตอบไนท์สบตาเธอและสายตาเขาเหมือนบอกว่าเป็นเธอ
“อย่าดื่มเยอะนะคะ ดูแลตัวเองด้วย”
“ครับ คืนนี้ไปกับพวกไอ้เรน ไอ้ชิน ไม่ได้ไปคนเดียว”
“พี่”
“อืม? ”
“ถ้าพี่เมา พี่จะ….” หยุดไว้แค่นั้นก่อนเช็คสีหน้าคนฟัง ลังเลอยู่ชั่วอึดใจก่อนพูดให้จบประโยคที่พูดค้างไว้ “วันไนต์กับผู้หญิงคนอื่นไหม”
สถานะของไนท์ตอนนี้คือโสดสนิท เพราะฉะนั้นเขาจะไปมีใครก็ได้
รู้ว่าไม่มีสิทธิในตัวเขาแต่ตอนนี้เธอกำลังเสนอตัวเป็นผู้เยียวยาหัวใจให้เขา ถึงอีกฝ่ายจะยังไม่ได้ตกลง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธแบบร้อยเปอร์เซ็น คำถามนี้เลยเป็นเหมือนคำถามวัดใจ
ถ้าคำตอบของไนท์คือเยส ก็หมายความว่าเขาปฏิเสธข้อเสนอโดยสมบูรณ์
“ก็บอกแล้วไง ว่าคืนนี้จะไม่เมา” ไนท์สบตาคนตรงหน้าแล้วตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“….” คำตามของเขาคืนโนว์ใช่ไหม? ใช่ไหม?
ตอบแบบนี้หมายความว่าเขาจะไม่ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม จะไม่ไปถามวันไนต์กับใครเหมือนที่ทำกับเธอวันนั้นใช่ไหม
เมื่อเข้าใจความหมายของคำตอบ ที่แม้อาจจะไม่ได้เป็นคำตอบตรงๆ โต้งๆ แต่ความหมายมันก็ไปในทิศทางที่ดี ริมฝีปากเรียวสวยจึงเผยยิ้มด้วยความดีใจก่อนเปลี่ยนเป็นเม้มปากเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรแสดงอาการออกหน้าออกตาเกินงาม
“แล้วเมื่อไหร่พี่ชายเราจะมา”
“พี่ยูเลิกประชุมช้าเลยมาสายนิดหน่อยค่ะ ถ้าพี่อยากกลับ กลับเลยได้นะคะ เรารอเองได้ อีกแป๊ปพี่ยูก็คงถึงแล้ว”
“ไม่ได้จะกลับ อยู่เป็นเพื่อนได้ แค่เห็นว่าใกล้จะ 4 โมงเย็นแล้ว กว่าจะขับรถกลับบ้านอีก ไม่ทานข้าวเย็นค่ำเลยเหรอ”
หลายวันที่ผ่านมานี้ไนท์จะส่งข้อความเตือนข้าวเย็นในช่วงเวลา 5 โมงเย็นของทุกวัน
“เดี๋ยวแวะซื้อแซนวิสกับนมรองท้องระหว่างทางไปก่อนก็ได้ค่ะ” ไม่ได้หิวหรอก แต่ปล่อยให้ท้องว่างนานหลายชั่วโมงไม่ดี ช่วงนี้คงต้องดูแลเอาใจใส่กระเพาะเป็นพิเศษ ถ้าไม่อยากให้โรคกระเพาะกำเริบและเป็นกรดไหล่ย้อนอีก
และในระหว่างที่นั่งคุยกันนั้น รถสปอร์ต Mercedes-Benz คันสีดำเงาวับก็แล่นเข้ามาจอดหน้าตึก ทั้งไนท์และนานิจึงหันไปมอง
ไนท์แค่เหลือบตาไปดูแป๊บเดียวแต่นานิยังมองอยู่ที่รถคันหรูแล้วขมวดคิ้วหรี่ตามองเนื่องจากรู้สึกคุ้นตา และพอเจ้าของรถลดกระจกฝั่งคนขับลงแล้วโบกมือให้…
“พี่มิลล์”
ไนท์หันกลับไปมองที่รถคันหรูอีกครั้งเมื่อได้ยินนานิเรียกชื่อใครบางคน ให้เดาคงเป็นชื่อของเจ้าของรถดาวสามแฉกคนนั้น ดูก็รู้ว่าทั้งสองรู้จักกัน
สายตาคมดุมองสลับหนุ่มหล่อ หน้าตี๋ ใส่แว่นกรอบดำกับนานิกำลัง โบกมือทักทายกันด้วยรอยยิ้มกว้างเหมือนดีใจที่ได้เจอกันหนักหนา
เห็นแล้วขัดตาฉิบหาย
พรึ่บ!
“จะกลับเลยใช่ไหมคะ” เมื่อเห็นไนท์ลุกขึ้นพรึดจึงเอ่ยถาม
“อืม” ก็เธอมีคนมารับแล้ว เขาคงไม่จำเป็นต้องนั่งเป็นเพื่อนแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะที่นั่งเป็นเพื่อน” เอ่ยขอบคุณแล้วลุกขึ้นตามมือหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“อย่าดื่มเยอะนะคะ เราเป็นห่วง”
“อืม”
นานิหน้าเจื่อนเมื่อรอยยิ้มหวานถูกตอบรับเพียงแค่เสียงอึมในลำคอหน้า ก่อนไนท์จะสาวเท้าเร็วๆ เดินออกไป
‘หรือเราวุ่นวายกับเขาเกินไป?’
นานิยืนมองตามแผ่นหลังหนาด้วยรู้สึกที่ไม่สบายใจ ทว่าก็ไม่รู้จะทำยังไง จะให้เดินไปขอโทษไนท์เพื่อนรักของพี่ชายก็รออยู่ที่รถ
“หวัดดีค่ะพี่มิลล์ มาไงไปไงคะเนี่ย” ขึ้นรถมาก็ยกมือไหว้เพื่อนสนิทพี่ชายที่เธอเองก็นับถือเขาเหมือนพี่ชายอีกคน
“ไอ้ยูบอกรถติดมากคงมารับเราช้า เลยให้พี่มารับก่อน พี่อยู่ในมอพอดีเพราะตอนแรกจะนัดเจอกันที่มอนี้แหละ แต่มันติดธุระเลยเข้ามาในมอไม่ทันเลยนัดกันไปดวลเกมส์ที่บ้านแทน” มิลล์ เจ้าของใบหน้าหล่อขาวตี๋ ตอบนานิอย่างเป็นกันเองขณะออกรถเมื่อเห็นผู้โดยสารรัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว
“ดีเลยค่ะ หนูจะได้ไม่ต้องเล่นเป็นเพื่อนพี่ยู” สีหน้าท่าทางของใครบางคนเมื่อครู่นี้ทำให้อารมณ์เธอไม่ค่อยสดใสสักเท่าไหร่ บวกนอยด์ตัวเองนิดหน่อยที่เผลอทำตัวล้ำเส้น จุ้นจ้านวุ่นวายใส่เขาไม่มีอารมณ์เล่นเกมส์เลย
“ได้ไง เราต้องมาดวลกับพี่ด้วย นานๆ เจอกัน”
“แงง ดวลกันสองคนไปสิคะ หนูขี้เกียจแพ้”
“พี่บอกแล้วไงให้เราซ้อมมือไว้” มิลล์หันมาบอกด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“ไม่เอาค่า เล่นแล้วหยุดไม่ได้ เดี๋ยวไม่เป็นอันทำการบ้านพอดี” ไม่ใช่ไม่ชอบเล่นเกมส์ ตรงกันข้ามคิดว่าตัวเองชอบและดูท่าจะติดงอมแงมได้ด้วย เพราะฉะนั้นตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“วันนี้เอาเบาๆ ไม่ต่อสู้ ฟาดฟัน เรามาดวล beat saber กัน”
“โห เบามาก เหงื่อไหลพรากเลยนะนั้น แต่น่าสนแฮะ” มันคือเกมส์ที่ใช้ VR เป็นตัวช่วยในการเล่นที่ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้นและต้องใช้ร่างกายในการขับเคลื่อนในการเล่นที่สมจริง
ซึ่งเกมส์ที่มิลล์พูดถึงเวลาเล่นต้องเคลื่อนไหวค่อนข้างเยอะ เล่นเอาหอบเหมือนกันนะกว่าจะเล่นจบไปแต่ละเพลง แต่ก็ถือว่าเป็นเกมส์ที่เธอชอบอีกเกมส์หนึ่ง
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองสินะ! เพราะความเป็นเพื่อนกันมานานยูสึเกะคงไม่อยากให้เพื่อนกับน้องสาวสานสัมพันธ์กันในเชิงคู่รักเพราะถ้านานิกับมิลล์ไปกันไม่รอดอาจจะเสียความเป็นเพื่อนกันได้ ตอนนี้ไนท์เข้าใจแล้วว่าทำไมมิลล์ถึงไม่เข้าหานานิมากกว่านี้ทั้งที่มีโอกาส หลังจากประโยคฮุคของยูสึเกะ ไนท์ก็ตกอยู่ในห้วงความคิดตัวเอง ไม่รับรู้แม้กระทั่งยูสึเกะเดินออกไป ในหัวตอนนี้มีแต่ความหวาดหวั่น หวั่นกลัวและสับสนพุ่งเข้าใส่จนสมองมันมึนงงคล้ายหูอื้อตาลายไปชั่วขณะ“พี่” เสียงเรียกของนานิทำให้ไนท์ตื่นจากพวัง “เป็นอะไรคะ เราเรียกตั้งหลายครั้ง”ไนท์ไม่ตอบแต่ตวัดแขนแกร่งคว้าร่างบางเข้ามากอด ใบหน้าคมลดลงวางไว้กับบ่าเล็กแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นเหมือนกลัวคนในอ้อมกอดหายไป“คุยอะไรกับพี่ยูคะ บอกเราได้ไหม” ความเงียบและอาการของไนท์ทำให้นานิอยากรู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน “เราคิดยังไงกับไอ้มิลล์” เสียงทุ้มเอ่ยถามแผ่วเบา“คะ?”“ชอบมันไหม คิดกับมันเกินเพื่อนพี่ชายรึเปล่า?”“ไม่ค่ะ เราคิดกับพี่มิลล์แค่พี่ชาย” อดีตเคยคิดเกินเพื่อนพี่ชาย แต่ปัจจุบันไม่แล้ว แต่นานิคิดว่าไนท์ไม่จำเป็นต้องรู้ความรู้สึกของเธอไหนอดีตเพราะมันก็แค่อดีต
เช้าวันต่อมาเพราะคอแห้งผากจนนอนต่อไปไม่ไหวเลยต้องฝืนตัวลุกจากเตียงอุ่นและร่างนุ่มนิ่มเดินออกห้องนอนไปยังห้องครัวเพื่อหาน้ำเย็นๆ ดื่มไนท์เดินเมาขี้หูขี้ตา ยกมือเสยผมที่ร่วงปรกหน้าปกตาแล้วเลื่อนไปทุบที่หัวที่ตอนนี้มันปวดตุบๆ จากอาการแฮ้งเหล้าไม่น่าแดกเยอะเลยกู วันนี้คงต้องชดใช้กรรมด้วยอาการปวดหัวทั้งวัน..แกร็ก~เปิดประตูห้องมาเท้าหนาก็ชะงักเมื่อเจอกับคนบางคนที่ไม่คิดว่าเจอที่นี่มันมาทำอะไรที่นี่?อีกหนึ่งหนุ่มที่มีสีหน้ายับยู่ยี่ด้วยอาการแฮ้งค์จากการดื่มจนน็อกเมื่อคืนกำลังยกขวกน้ำดื่มก็ชะงักเหมือนกันเมื่อเห็นไนท์ไนท์เดินกระแทกไหล่มิลล์ที่ยืนหน้าตู้เย็นเปิดประตูหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวด ก่อนปิดประตูตู้เย็นด้วยเสียงดังปัง“มึงมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง” กรอกน้ำเข้าปากไปเกือบครึ่งขวด ลำคอที่แห้งผากก็รู้สึกดี เลยทำให้ไนท์มีเสียงเอ่ยทักมิลล์“แล้วมึงล่ะมาทำอะไร”“กูก็มาหาเจ้าของห้อง”“กู..เจ้าของห้องพามา” มิลล์ตอบกลับอย่างยียวน“มึงอย่ามากวนตีน”“กูไม่ได้กวนตีน เจ้าของห้องพากูมาจริงๆ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งที่กูมา” เขาเห็นไนท์แวบๆ กับน้องสาวของเพื่อนสนิทหลายครั้งแล้ว แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าได้เจอที่นี่ เด
“เรียกพี่ไนท์ 2 นาทีได้ไหมน้า”“ล้อเหรอ เดี๋ยวโดน “ลงโทษคนล้อเลียนด้วยการซุกใบหน้าหล่อเหลาไปฟัดกับหน้าอกอวบ จนเจ้าของเต้างามเปิดปากหัวเราะเพราะความ,จั๊กจี้ใครว่าเมาแล้วเสร็จยาก เขาเสร็จเร็วฉิบหาย จับยัดแป๊บๆ แตกเฉย สัสเอ๊ย!“ฮ่าๆ พี่พอแล้ว เราจั๊กจี้”“รอบที่สองก็แก้ตัวแล้วไง จำแต่รอบที่ดีก็พอ”“^^”“กล่อมหน่อยครับ ง่วงแล้ว”กว่าจะง่วง จัดไปตั้งสองรอบ รอบแรกกินเวลาน้อยนิดแต่รอบสองยืดเยื้อเกินครึ่งชั่วโมงได้ เวลาปาไปกี่โมงแล้วไม่รู้ น่าจะดึกมากแล้ว เธอเองก็หนังตาหนักอึ้ง ฝืนลืมตาต่อไปไม่ไหวแล้วเหมือนกันเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ไนท์หลับภายในเวลาไม่กี่นาที“ง่วงขนาดนี้ ยังฝืนตัวเองทำจนได้ คนหื่น “เรียวปากบ่นเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม มือก็ยังลูบไล้กล่อมคนตัวโต แม้เขาจะหลับไปแล้ว เธอทำมันโดยไม่รู้ตัว มันเป็นความเคยชินที่เธอกล่อมไนท์หลับแบบนี้ทุกคืนครืดๆ ~กำลังจะเข้าสู่นิทราเสียงสั่นจากโทรศัพท์ก็ดังรบกวนเสียก่อน เวลานอนนานิมักจะใส่โหมดพระจันทร์ห้ามรบกวนเอาไว้ ถ้าใครมีเรื่องด่วนจริงๆ ก็ต้องโทรหามากกว่าหนึ่งครั้งถึงมีสายเข้าเหมือนเวลาปกติซึ่งสายเรียกเข้าตอนนี้ คนปลายสายคงมีเรื่องด่วน“พี่ยู” เ
ห้องนานิถึงห้องนานิก็ไล่คนเมาไปอาบน้ำทันที ด้วยความที่ไนท์เป็นคนรักสะอาดอยู่แล้ว แม้จะเมาแค่ไหนก็ฝืนกายไปอาบน้ำให้ได้“น้องนานิคร้าบ อาบน้ำให้พี่หน่อยครับ” เสียงยานคางตะโกนจากในห้องน้ำอย่างออดอ้อน“โตแล้ว อาบเองสิคะ” เมาแล้วอ้อนจัง อ้อนที่สุด เรียก ‘น้องนานิ’ ปิดท้ายด้วย’ ครับ’ เสียงหวาน แต่เธอไม่หลงกลหรอก“พี่เมา หัวฟาดพื้นทำไง”“พี่อาบเองได้ เรารู้ รีบอาบเลยค่ะ ไม่งั้นเราจะให้พี่นอนที่โซฟา” ดื้อจังนานิขยับตัวไปยืนใกล้ประตูห้องน้ำที่เปิดอ้าเอาไว้ด้วยฝีมือคนในห้องน้ำที่นึกอยากอาบน้ำโชว์ ที่เธอต้องยืนอยู่ตรงนี้เพราะเผื่อคนเมาลื่นล้มหัวฟาดตอนอาบน้ำขึ้นมาจริงๆ จะได้ยินและเข้าไปช่วยได้เร็วที่สุดแต่คิดว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นหรอก ตอนเดินขึ้นห้องไนท์ก็ดูสร่างเมามาบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังคะยั้นคะยอขอให้เธอเข้าไปช่วยอาบน้ำ คิดเหรอว่าเธอจะตกหลุมพราง ขืนเข้าไปต้องโดนเขาจับกินแน่เสียงน้ำปิดลง นานิเลยขยับไปนั่งรอที่เตียงนอนแทน ได้ยินเสียงกุกกักที่อ่างล้างหน้าหลายนาทีก่อนร่างสูงใหญ่จะเดินออกห้องน้ำมาด้วยสภาพผ้าขนหนูพันเอว หัวเปียกหมาด หยดน้ำเกาะตามหน้าอกแกร่งและซิกแพ็กลีนๆเซ็กซี่จัง!แค่มองหน
00.30 น.เวลานี้คนไม่ได้มีนัดฉลองหลังสอบที่ไหนก็ควรเข้านอนได้แล้ว ไม่ใช่กำลังถอยรถเข้าจอดในลานจอดรถย่านสถานบันเทิงแถวมหาลัยอย่างตอนนี้มันไม่ได้เป็นแผนปุ๊บปั๊บเนื่องจากคนเมาเกริ่นๆ เอาไว้หรือจะเรียกว่าขอร้องก็ได้ ว่าถ้าวันนี้เขาเมามารับได้ไหม ซึ่งคำตอบก็คือได้ ไม่งั้นเธอคงไม่มาอยู่ตรงนี้ตอนนี้ ทั้งที่ควรนอนหลับน้ำลายยืดไปแล้วนั่งรอในรถได้ไม่ถึงนาทีก็เห็นร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยในชุด all black เดินออกจากผับ ด้วยท่าทางที่เดาได้ไม่ยากว่าเขาเมาแน่นอนตอนส่งข้อความไปอ้อนให้มารับ เธอยังต้องนั่งแกะข้อความที่พิมพ์มาผิดๆ ถูกๆ ของเขาเลยริมฝีปากบางกระตุกยิ้มดีใจเมื่อเห็นรถญี่ปุ่นที่จอดอยู่คันหน้าสุด ดึกดื่นขนาดนี้เธอยังมารับเขา เมาครั้งไหนก็เป็นเธอที่คอยดูแล น่ารักชะมัดแบบนี้ต้องให้รางวัลไนท์สาวเท้าก้าวยาวๆ มายังรถของนานิที่มองปุ๊บของรู้ว่าเป็นของเธอ คนในรถไม่ได้ลดกระจกลงต่ำจนเห็นข้างใน ทำเพียงแค่ลดลงเพื่อรับอากาศข้างนอกทว่ายังก้าวไปไม่ถึงไหน ก็มีผู้หญิงหน้าตาดีในชุดเดรสรัดรูปอวดหุ่นน่าขย้ำเดินเข้ามาทัก“พี่ไนท์”นานิหุบยิ้มฉับเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาทักไนท์ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน เม
เมื่อการสอบปลายภาควันสุดท้ายเสร็จสิ้นลง สี่หนุ่มก็พากันมาฉลองที่ร้านอาหารกึ่งบาร์ต่างจากปกติที่จะพากันฉลองที่ผับแถวมหาลัย แต่ด้วยความที่เดย์ยังไม่ถอดเฝือกและยังต้องใช้ไม้ค้ำเดินอยู่ แม้จะลดเหลือแค่อันเดียวแล้วก็ตามแต่ก็ยังเดินเหินไม่สะดวกเหมือนปกติ ทั้งสี่เลยจึงต้องปรับเปลี่ยนสถานที่ฉลองมาเป็นที่นี้เพราะขืนพาเดย์ไปผับในสภาพนี้ คงดูกระเสือกกระสนเกินไป ป่วยอยู่แต่เสือกอยากแดกเหล้าอะไรประมาณนี้ แถมข้างในยังแออัดมากไม่เหมาะกับคนที่เดินเหินยังไม่สะดวกอย่างเดย์แม้แต่นิดและแม้จะเป็นนัดของหนุ่มๆ แต่ไอญดาก็ได้รับอนุญาตให้ติดสอยห้อยตามมาเพราะต้องขับรถมาส่งและรับเดย์กลับเนื่องจากอีกสามหนุ่มไม่ได้เอารถมาเพราะเตรียมตัวจัดหนักกันเต็มสตรีม วันนี้เลยไม่มีใครเป็นสารถีไปรับเดย์ และอีกเหตุผลหนึ่งคือเดย์ติดแฟนสาวมากไปไหนก็ต้องหนีบไปด้วยทุกที ไอญดาจึงได้ร่วมวงกับหนุ่มๆ อยู่บ่อยครั้งวันนี้ไนท์เรียกรถมา รวมถึงเรนจิกับชินด้วย ที่ถือคติเมาไม่ขับ ก่อนหน้านี้มีดื่มแล้วขับบ้าง ถ้าไม่เมามาก แต่ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุกับเดย์ทำให้อีกสามหนุ่มคิดถึงชีวิตตัวเองมากขึ้นและชีวิตคนอื่นบนท้องถนนด้วยขณะที่ไนท์เดินเข้ามาที่