ログインวันศุกร์
หลังจากลาป่วยไปหนึ่งวันเมื่อตอนวันอังคาร วันพุธก็กลับมาเรียนได้ตามปกติ อาการป่วยของท้องใส้ก็ดีแล้วหรือจะเรียกว่าหายแล้วก็ได้ ซึ่งครั้งนี้หายเร็วกว่าปกติเนื่องจากมีคนคอยส่งข้อความมาเตือนให้ทานข้าวเช้า กลางวัน เย็น สามเวลาต่อวัน
มีคนใส่ใจขนาดนี้ไม่หายได้ยังไง^^
ทว่าเธอกลับไม่เห็นเขาตามเดย์กับชินมาทานมื้อข้าวเที่ยงที่โรงอาหารคณะที่คณะเธออีกเลย
มีแต่ข้อความ แต่ไม่ได้เจอเจ้าของข้อความเลย
“วันนี้มากันแค่สองคนเหรอคะ” นานิหันไปถามชินที่ถือจานข้าวที่พึ่งไปซื้อมาแล้วนั่งลงข้างๆ
“ครับ ปกติก็มาแค่พี่กับไอ้เดย์นะ”
“แต่วันจันทร์พี่ไนท์กับพี่เรนก็มาด้วยหนิคะ” วันนั้นถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องวุ่นวายของรักสามเศร้าของสองแฝดกับไอญดา
“อ้อ.. วันนั้นไอ้ไนท์มันอยากลองของ แต่เผอิญรับไม่ไหว เลยต้องถอยตัวกลับไปตั้งหลักใหม่ก่อน” ชินตอบอย่างเล่นทีจริง พยายามทำให้เรื่องนี้มันไม่ซีเรียสเพราะตอนนี้ทุกอย่างระหว่างสามคนมันก็เคลียร์หมดแล้ว
“อ่อ” นานิฉีกยิ้มบางๆ ตอบรับคำบอกเล่าของชิน แม้ชินจะไม่ได้บอกตรงๆ แต่เธอเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ
วันนั้นเธอเห็นไนท์เบนสายตาหนีทุกครั้งที่ไอญดากับเดย์กระหนิงกระหนิงกัน แม้เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกออกทางสีหน้า แต่เธอเห็นว่านัยน์ตาคู่นั้นมันยังเศร้าอยู่
ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลหลายๆ ข้อที่ทำให้เธอแกว่งเท้าหาเสี้ยน เสนอตัวเข้าไปดามหัวใจให้เขา
หน้าตึกมนุษยศาสตร์
บ่ายสามเรียนเสร็จนานิก็ไปยืนรอพี่ชายที่หน้าตึก เนื่องจากเมื่อวานตอนเย็นยูสึเกะได้แวะมาทานข้าวกับน้องสาวแล้วก็ยังค้างด้วย ตอนเช้าก็มีธุระที่ต้องผ่านทางมหาลัยเลยแวะส่งน้องสาวด้วยเพราะยังไงตอนบ่ายก็จะแวะเข้ามาหารุ่นน้องในมหาลัยอยู่แล้ว จะได้รับกลับบ้านด้วยกันเลย
“ฮัลโลค่ะ ยูสึเกะของหนูอยู่ไหนแล้วคะ?” นัดกันไว้บ่ายสามนี้ก็เลยมาหลายนาทีแล้วแต่เธอยังไม่เห็นพี่ชายเลย ซึ่งปกติยูสึเกะเป็นคนตรงเวลามาก
(นานิ โทดทีเมื่อกี้พี่ประชุมเลยไม่ได้พิมพ์บอก ประชุมเลิกช้านิดหน่อย แต่พี่กำลังออก อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ คิดว่าไม่เกิน20นาที ให้ไอรอเป็นเพื่อนก่อนได้ไหม)
“ไอกลับแล้วค่ะ พอดีพี่เดย์ปวดแผล”
(อ่าวเหรอ เพื่อนคนอื่นล่ะ)
“คิมกับเอิงเอยไปเชียร์เขาแข่งว่ายน้ำค่ะ รีบพากันไปดูซิกแพ็กหนุ่มๆ นู้น” นานิหัวเราะปิดท้ายเบาๆ ก่อนรีบบอกพี่ชายให้หายห่วง “แต่หนูรอคนเดียวได้ ยังมีคนเรียนเต็มตึกเลย”
(โอเค งั้นเจอกันนะ)
“โอเคค่ะ”
ร่างสูงสาวก้าวยาวๆ ผ่านลานเกียร์มายังตึกตรงข้ามเพื่อไปเอารถที่จอดไว้ลานจอดรถหลังตึก ทว่าสายตาเขากลับสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่นั่งก้มหน้าก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ในมืออยู่คนเดียวตรงโต๊ะหินอ่อนหน้าตึก เท้าที่สาวก้าวอยู่จึงเปลี่ยนทิศทาง
“ยังไม่กลับอีกเหรอ” เลิกเรียนได้สักพักแล้ว ไอญดาก็พาเดย์กลับไปพักแล้ว เดย์ปวดแผลเนื่องจากลืมพกยาหลังมื้อเที่ยงมาด้วยวันนี้ส่วนเขาพึ่งไปคุยกับอาจารย์เรื่องการโอนย้ายเกรดมา
“พี่” นานิเงยหน้าจากโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงที่เธอจำได้ดีว่าเป็นใคร แล้วปิดล็อกโทรศัพท์หย่อนลงกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างกาย “เรารอพี่ยูมารับ”
“ไม่ได้เอารถมา?” ไนท์ถามแล้วทรุดตัวลงนั่งที่นั่งตรงข้ามนานิ
“เมื่อคืนพี่ยูมานอนที่ห้อง เช้านี้เลยมาส่งค่ะ ตอนเย็นจะได้มารับกลับบ้านพร้อมกันเลย”
“กลับบ้านทุกวันศุกร์? ”
“ค่ะ พี่ล่ะคะ? ”
“แล้วแต่อารมณ์”
“แล้วศุกร์นี้ล่ะอารมณ์ไหนคะ”
“อารมณ์เมา”
“อารมณ์นี้ทุกศุกร์เลยไหมคะ” ศุกร์ที่ผ่านมาเขาก็เมาปลิ้นเลย ศุกร์นี้ยังอารมณ์เมาอีกเหรอ แบบนี้แสดงว่าอารมณ์เมาเกือบทุกๆ ศุกร์แน่
“หึหึ ก็ไม่ทุกศุกร์ แต่ก็เกือบๆ” ไนท์กระตุกยิ้มมุมบางพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอตอบนานิ
“อย่าเมาเหมือนวันนั้นอีกนะคะ”
“ไม่เมา เมาไม่ได้ ไม่มีคนไปส่งเหมือนคืนนั้น”
“^^” หือ? หยอดป่ะเนี่ย หยอดไม่หยอดไม่รู้แต่เธออ่ะเขินไปแล้ว คนส่งที่เขาว่าเธอใช่ไหม ใช่แหละเพราะที่ตอบไนท์สบตาเธอและสายตาเขาเหมือนบอกว่าเป็นเธอ
“อย่าดื่มเยอะนะคะ ดูแลตัวเองด้วย”
“ครับ คืนนี้ไปกับพวกไอ้เรน ไอ้ชิน ไม่ได้ไปคนเดียว”
“พี่”
“อืม? ”
“ถ้าพี่เมา พี่จะ….” หยุดไว้แค่นั้นก่อนเช็คสีหน้าคนฟัง ลังเลอยู่ชั่วอึดใจก่อนพูดให้จบประโยคที่พูดค้างไว้ “วันไนต์กับผู้หญิงคนอื่นไหม”
สถานะของไนท์ตอนนี้คือโสดสนิท เพราะฉะนั้นเขาจะไปมีใครก็ได้
รู้ว่าไม่มีสิทธิในตัวเขาแต่ตอนนี้เธอกำลังเสนอตัวเป็นผู้เยียวยาหัวใจให้เขา ถึงอีกฝ่ายจะยังไม่ได้ตกลง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธแบบร้อยเปอร์เซ็น คำถามนี้เลยเป็นเหมือนคำถามวัดใจ
ถ้าคำตอบของไนท์คือเยส ก็หมายความว่าเขาปฏิเสธข้อเสนอโดยสมบูรณ์
“ก็บอกแล้วไง ว่าคืนนี้จะไม่เมา” ไนท์สบตาคนตรงหน้าแล้วตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“….” คำตามของเขาคืนโนว์ใช่ไหม? ใช่ไหม?
ตอบแบบนี้หมายความว่าเขาจะไม่ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม จะไม่ไปถามวันไนต์กับใครเหมือนที่ทำกับเธอวันนั้นใช่ไหม
เมื่อเข้าใจความหมายของคำตอบ ที่แม้อาจจะไม่ได้เป็นคำตอบตรงๆ โต้งๆ แต่ความหมายมันก็ไปในทิศทางที่ดี ริมฝีปากเรียวสวยจึงเผยยิ้มด้วยความดีใจก่อนเปลี่ยนเป็นเม้มปากเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรแสดงอาการออกหน้าออกตาเกินงาม
“แล้วเมื่อไหร่พี่ชายเราจะมา”
“พี่ยูเลิกประชุมช้าเลยมาสายนิดหน่อยค่ะ ถ้าพี่อยากกลับ กลับเลยได้นะคะ เรารอเองได้ อีกแป๊ปพี่ยูก็คงถึงแล้ว”
“ไม่ได้จะกลับ อยู่เป็นเพื่อนได้ แค่เห็นว่าใกล้จะ 4 โมงเย็นแล้ว กว่าจะขับรถกลับบ้านอีก ไม่ทานข้าวเย็นค่ำเลยเหรอ”
หลายวันที่ผ่านมานี้ไนท์จะส่งข้อความเตือนข้าวเย็นในช่วงเวลา 5 โมงเย็นของทุกวัน
“เดี๋ยวแวะซื้อแซนวิสกับนมรองท้องระหว่างทางไปก่อนก็ได้ค่ะ” ไม่ได้หิวหรอก แต่ปล่อยให้ท้องว่างนานหลายชั่วโมงไม่ดี ช่วงนี้คงต้องดูแลเอาใจใส่กระเพาะเป็นพิเศษ ถ้าไม่อยากให้โรคกระเพาะกำเริบและเป็นกรดไหล่ย้อนอีก
และในระหว่างที่นั่งคุยกันนั้น รถสปอร์ต Mercedes-Benz คันสีดำเงาวับก็แล่นเข้ามาจอดหน้าตึก ทั้งไนท์และนานิจึงหันไปมอง
ไนท์แค่เหลือบตาไปดูแป๊บเดียวแต่นานิยังมองอยู่ที่รถคันหรูแล้วขมวดคิ้วหรี่ตามองเนื่องจากรู้สึกคุ้นตา และพอเจ้าของรถลดกระจกฝั่งคนขับลงแล้วโบกมือให้…
“พี่มิลล์”
ไนท์หันกลับไปมองที่รถคันหรูอีกครั้งเมื่อได้ยินนานิเรียกชื่อใครบางคน ให้เดาคงเป็นชื่อของเจ้าของรถดาวสามแฉกคนนั้น ดูก็รู้ว่าทั้งสองรู้จักกัน
สายตาคมดุมองสลับหนุ่มหล่อ หน้าตี๋ ใส่แว่นกรอบดำกับนานิกำลัง โบกมือทักทายกันด้วยรอยยิ้มกว้างเหมือนดีใจที่ได้เจอกันหนักหนา
เห็นแล้วขัดตาฉิบหาย
พรึ่บ!
“จะกลับเลยใช่ไหมคะ” เมื่อเห็นไนท์ลุกขึ้นพรึดจึงเอ่ยถาม
“อืม” ก็เธอมีคนมารับแล้ว เขาคงไม่จำเป็นต้องนั่งเป็นเพื่อนแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะที่นั่งเป็นเพื่อน” เอ่ยขอบคุณแล้วลุกขึ้นตามมือหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“อย่าดื่มเยอะนะคะ เราเป็นห่วง”
“อืม”
นานิหน้าเจื่อนเมื่อรอยยิ้มหวานถูกตอบรับเพียงแค่เสียงอึมในลำคอหน้า ก่อนไนท์จะสาวเท้าเร็วๆ เดินออกไป
‘หรือเราวุ่นวายกับเขาเกินไป?’
นานิยืนมองตามแผ่นหลังหนาด้วยรู้สึกที่ไม่สบายใจ ทว่าก็ไม่รู้จะทำยังไง จะให้เดินไปขอโทษไนท์เพื่อนรักของพี่ชายก็รออยู่ที่รถ
“หวัดดีค่ะพี่มิลล์ มาไงไปไงคะเนี่ย” ขึ้นรถมาก็ยกมือไหว้เพื่อนสนิทพี่ชายที่เธอเองก็นับถือเขาเหมือนพี่ชายอีกคน
“ไอ้ยูบอกรถติดมากคงมารับเราช้า เลยให้พี่มารับก่อน พี่อยู่ในมอพอดีเพราะตอนแรกจะนัดเจอกันที่มอนี้แหละ แต่มันติดธุระเลยเข้ามาในมอไม่ทันเลยนัดกันไปดวลเกมส์ที่บ้านแทน” มิลล์ เจ้าของใบหน้าหล่อขาวตี๋ ตอบนานิอย่างเป็นกันเองขณะออกรถเมื่อเห็นผู้โดยสารรัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว
“ดีเลยค่ะ หนูจะได้ไม่ต้องเล่นเป็นเพื่อนพี่ยู” สีหน้าท่าทางของใครบางคนเมื่อครู่นี้ทำให้อารมณ์เธอไม่ค่อยสดใสสักเท่าไหร่ บวกนอยด์ตัวเองนิดหน่อยที่เผลอทำตัวล้ำเส้น จุ้นจ้านวุ่นวายใส่เขาไม่มีอารมณ์เล่นเกมส์เลย
“ได้ไง เราต้องมาดวลกับพี่ด้วย นานๆ เจอกัน”
“แงง ดวลกันสองคนไปสิคะ หนูขี้เกียจแพ้”
“พี่บอกแล้วไงให้เราซ้อมมือไว้” มิลล์หันมาบอกด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“ไม่เอาค่า เล่นแล้วหยุดไม่ได้ เดี๋ยวไม่เป็นอันทำการบ้านพอดี” ไม่ใช่ไม่ชอบเล่นเกมส์ ตรงกันข้ามคิดว่าตัวเองชอบและดูท่าจะติดงอมแงมได้ด้วย เพราะฉะนั้นตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“วันนี้เอาเบาๆ ไม่ต่อสู้ ฟาดฟัน เรามาดวล beat saber กัน”
“โห เบามาก เหงื่อไหลพรากเลยนะนั้น แต่น่าสนแฮะ” มันคือเกมส์ที่ใช้ VR เป็นตัวช่วยในการเล่นที่ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้นและต้องใช้ร่างกายในการขับเคลื่อนในการเล่นที่สมจริง
ซึ่งเกมส์ที่มิลล์พูดถึงเวลาเล่นต้องเคลื่อนไหวค่อนข้างเยอะ เล่นเอาหอบเหมือนกันนะกว่าจะเล่นจบไปแต่ละเพลง แต่ก็ถือว่าเป็นเกมส์ที่เธอชอบอีกเกมส์หนึ่ง
เดินมาถึงหน้าตึกก็ต้องตกใจเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไอญดา เดย์ ชิน เรนจิ เอิงเอย คิม และลูกพีช อยู่กันครบขนาดนี้คงเตี๊ยมกันมาแล้ว“โว้ มีเดินมาส่งด้วย” “ให้เกียร์ให้ใจ”“อุ๊ย! สร้อยข้อมือสวย”“ประกาศตัวผ่านโซเซียลฉ่ำ”“รูปคู่ก็มา”“เปลี่ยนรูปโปรไฟล์คู่”“My night”ชินเป็นคนแรกที่เปิดแซว จากนั้นคนอื่นก็แซวตามๆ กันมา ไนท์โคลงหัวอมยิ้มขำ มันก็เขินนิดๆ ที่เพื่อนแซว ต่างจากนานิที่โดนแซวจนเขินไม่ไหวหนีมาหลบข้างหลังไนท์ทุกคนลุ้นคู่ไนท์กับนานิมาพักใหญ่แล้ว ว่าเมื่อไหร่ทั้งสองจะเปิดตัวสักที แล้วในวันนี้ก็มาถึงเลยขอแซวหน่อย อีกอย่างไนท์สร้างซีนไว้เสียใหญ่โตเมื่อวาน“เมื่อวาน เล่นไว้ซะใหญ่เลยนะมึง” เหตุการณ์เมื่อวานเป็นที่กล่าวถึงกันมากในโซเซียล มีทั้งรูปและวิดีโอของไนท์กับนานิและก็มิลล์ เพจดังของมหาลัยก็เอาไปใส่สีตีไข่ว่าเกิดศึกแย่งหญิงระหว่างหนุ่มฮอตวิศวะกับหนุ่มตีว่าที่คุณหมอ มีคนมาคอมเมนต์มากมาย บ้างก็บอกว่ากินกันไม่ลงเพราะหล่อกันคนละแบบ จนเกิด #ทีมหมอมิลล์ #ทีมไนท์ แต่หลังจากที่ไนท์กับนานิแชร์สถานะใหม่บนโซเซียล พร้อมกับเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปคู่ของทั้งสองพร้อมกันและเป็นรูป
กริ๊งๆ เสียงนาฬิกาปลุกยามเช้าตรู่ นานิคว้าโทรศัพท์มาปิดนาฬิกาปลุก ในช่วงที่เธอขยับตัวไปเอื้อมโทรศัพท์ก็ทำให้ร่างหนาที่กอดรัดอยู่ด้านหลังขยับตัวตื่นตามไนท์ส่งเสียงอู้อี้ในคออย่างขัดใจนิดหน่อย เนื่องจากเขายังอยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนี้ต่อ ปกติเขาไม่ใช่คนขี้เซาหรือตื่นสาย แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่มีนานิมานอนด้วยเขาก็ไม่อยากลุกจากที่นอนเลย บวกกับไม่ได้กอดเธอตั้งหลายคืนแล้ว วันนี้เขาเลยไม่อยากลุกจากที่นอนเลย“ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้เรามีเรียนเช้ากันนะ”“อืม” ไนท์ตอบกลับเสียงอืมเบาๆ ในลำคอ แล้วซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอด้านหลังนานิ จมูกโด่งกดหอมไปทั่วจนถึงลาดไหล่ กดริมฝีปากขบเม้มตามผิวเนื้อเนียนในขณะที่ตาสองข้างยังปิดสนิทอยู่“พี่ ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวไปเรียนสาย” นานิย่นคอหนีจมูกปากและลิ้นที่เริ่มไล้เลียไปยังใบหู เมื่อคืนหลังจากให้เกียร์ให้ใจไนท์ก็ให้ตัวเขามาแบบรัวๆ จนเธอแทบจะสลบเหมือดคาเตียง ตื่นเช้ามายังหื่นใส่อีก“พอแล้วค่ะ” เอ่ยเตือนอีกครั้งเพราะเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่มันเริ่มขยายตัวถูไถอยู่ตรงก้นของเธอ ไนท์เป็นคนเครื่องติดง่ายเธอรู้ดี ถ้าห้ามได้ให้รีบห้ามไม่งั้นยาว ปกติเธอก็ไม่ใช่คนเล่นตัวอะไรแต่ตอ
“ยกเลิกตั้งนานแล้วทำไมยังเก็บเอกสารไว้อีกล่ะคะ”“ลืม ลืมจริงๆ เพราะพอยกเลิกก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีก”“โห แบบนี้เราก็ร้องไห้ฟรีสิ” เสียน้ำตาไปเป็นปี๊บ แต่จะว่าร้องไห้ฟรีก็ไม่ใช่เพราะพอเกิดเรื่องนี้เธอกับเขาเลยได้เคลียร์ใจกันเหมือนตอนนั้น ไม่งั้นไม่รู้ว่าเธอจะได้มีโอกาสคุยกันตรงไปตรงมาแบบนี้ไหม“แล้วเราไปรู้ได้ยังไง รู้ตอนไหน” เมื่อกี้ถามไปแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ“ตอนที่เราหาเอกสารที่ฝากพี่ปรินต์ไง เราหาบนโต๊ะไม่เจอเลยลองค้นในลิ้นชักที่โต๊ะทำงานดู”“งั้นก็วันเดียวกับที่เดย์เจอ” “พี่เดย์ก็พึ่งรู้เหรอคะ?”“อืม เรื่องเรียนตอนพี่ไม่ได้บอกใครเลย พ่อกับแม่ก็ไม่ได้บอก”“โห ใจร้าย ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าคนรอบข้างจะเสียใจตอนรู้ว่าพี่จะไปเรียนต่อ”“คิดสิ แต่ไม่คิดว่าทุกคนจะเสียใจขนาดนี้” เพราะเขาแค่จะไปเรียน เรียนจบก็กลับมาแล้ว ไม่ได้ไปแล้วไปลับเสียหน่อย“ที่พี่ตัดสินใจไปเรียนต่อเพราะไอใช่ไหม”“อืม มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ตอนนั้นคิดแค่ว่าคงอยู่เห็นเดย์กับไอรักกันไม่ได้ เลยอยากหนีไปไกลๆ “ “พี่คงรักไอมาก” “เคย..แค่เคยรัก” ตอนนี้แค่เคยรักเท่านั้นและไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นต่อไอญดาอีกต่อไป ไม่มีเลย เพราะ
ไนท์พานานิขึ้นมาคุยต่อบนห้องเนื่องจากมีอีกหลายเรื่องเลยที่เขาอยากอธิบาย“คุยกันบนเตียงได้ไหม อยากนอนกอดเรา คิดถึง” พอบอกไปแบบนั้นนานิก็มองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ “แค่นอนคุยกันจริงๆ “ พอไนท์ยืนยันแบบนั้นนานิก็ยอมนอนลงในอ้อมแขนแกร่งแล้วหนุนศีรษะไว้ที่อกแข็งๆ ของไนท์ไนท์กดจมูกบนเรือนผมยาวสลวยสูดดมกลิ่นแชมพู กลิ่นครีมอาบน้ำ กลิ่นน้ำหอมกลิ่นคาราเมล เขาโคตรคิดถึงเธอเลย ตอนนี้เหมือนหัวใจเขากลับมาเต้นอีกครั้ง เขาเหมือนต้นไม้ที่ใกล้ตาย ใบแห้งเหี่ยวเฉ่า ทว่าอยู่ๆ ก็มีคนมารดน้ำช่วยชีวิตมันไว้“คิดถึง” ตั้งแต่วันที่เธอขอยุติความสัมพันธ์ เขาก็นอนไม่หลับ อาลัยอาวรณ์ถึงแต่เธอ ร่างนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมละมุนที่คุ้นจมูกที่ได้สูดดมแล้วรู้สึกสบายใจ เธอเป็นเซฟโซนของเขา “เราก็คิดถึงพี่” นานิว่าแล้วกระชับเรียวแขนที่กอดรัดร่างหนาเอาไว้“แล้วรักพี่ไหมครับ?”“รักค่ะ” นานิตอบเสียงเบาและก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาไนท์ตอนพูด ก่อนหน้านี้เธอตะโกนคำว่ารักใส่เขาด้วยความโกรธแต่พอตอนนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นอีกแล้ว แล้วเขาก็มาถามกันตรงๆ มันก็เกิดขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไนท์ยกยิ้มบางทอดสายตามองคนตัวเล็กในอ้อมกอดด้วยความร
ไนท์ขับมอเตอร์ไซค์พานานิกลับและเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิงที่เขารัก ไนท์ก็เสียสละหมวกกันน็อกให้นานิ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นครั้งคราวจากข้างหลัง บ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังร้องไห้ จะหยุดรถกลางรถปลอบก็ไม่ได้ จะขับเร็วขึ้นก็ห่วงความปลอดภัยของเธอ ตลอดทางไนท์ขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความวุ่นวายใจ โชคดีที่คอนโดตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ และในที่สุดเขาก็พาเธอมาก็ถึงจุดหมายพอมอเตอร์ไซค์หยุดนิ่งนานิก็รีบลงทันที เธอซ้อนคันนี้มาหลายครั้งแล้วเลยรู้วิธีลงอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ปลดล็อกถอดหมวกกันน็อกยื่นคืนให้ไนท์แล้วทำท่าจะไป เห็นแบบนั้นไนท์ก็รีบคว้าตัวนานิไว้แล้วใช้อ้อมแขนแกร่งกอดรัดเธอไว้ในอ้อมกอด “จะไปไหน ไม่ให้ไป”ตุ้บ!กำปั้นเล็กทุบเข้าที่หน้าอกแกร่งในขณะที่สองแก้มยังอาบไปด้วยน้ำตา เธอร้องไห้ด้วยดวงตาแดงก่ำ ใต้ตาบวมแป่ง ใบหน้าเลอะเทอะไปด้วยคราบน้ำตา ร้องไห้จนหยุดสะอื้นไม่ได้ตุ้บๆๆๆ!!เสียงทุบจากกำปั้นเล็กดังต่อเนื่อง ซึ่งไนท์ก็นิ่งให้คนในอ้อมกอดระบายจนพอใจ เขาไม่แน่ใจว่าเธอโกรธเรื่องอะไร แต่รู้ว่าโกรธมากเพราะกำปั้นน้อยทั้งสองข้างทุบมาอย่างไม่ออมแรง“อย่ามาทำเหมือนรัก ถ้าไม่คิดจะรั
แววตาเจ็บปวดแสนเศร้าของนานิเมื่อครู่นี้ทำให้ไนท์สับสนบวกกับคำพูดหลายอย่างทีคุยกับเพื่อนเมื่อเช้าด้วย ‘อย่ามาทำเป็นพระรองแสนดีอีก มึงก็รู้ว่าเป็นพระรองมันเจ็บ เป็นพระเอกกับเขาบ้างสิวะ’‘เขาเป็นของมึงท่องไว้ ถ้ามันอยากได้ก็สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย’ถ้าเราหัวใจตรงกันแล้วทำไมเขาต้องยอมเสียเธอไปให้คนอื่นด้วยวะ รักแรกแล้วไง ใครกลัว รอบนี้เขาจะสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้เธอเป็นนางเอกเขาก็จะเป็นพระเอกไนท์วนรถกลับเข้ามาอีกครั้งทั้งที่ขับออกไปเกือบถึงทางออกหน้ามหาลัยแล้ว แต่พอขับเข้ามาก็เห็นนานิกำลังขึ้นรถเบนซ์คันสีดำที่เขารู้ดีว่ามันคือรถของใครมึงอีกแล้วเหรอ?ไนท์ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์ถอดหมวกกันน็อกออกด้วยความรีบร้อน ในใจเดือดปุดๆ ที่เห็นมิลล์มารับนานิ ก้าวตรงไปที่รถของมิลล์แล้วพอเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วเห็นมิลล์โน้มตัวมาหานานิ ท่าทางเหมือนทั้งสองกำลังจูบกัน วินาทีนั้นความโกรธก็พุ่งปรี๊ด ไนท์โกรธเลือดขึ้นหน้ากระชากประตูฝั่งข้างคนขับออกด้วยความโมโห“ทำบ้าอะไรกัน” กระชากประตูเปิดออกก็ลากร่างบางออกมาแล้วตะโกนถามโดยไม่สนนักศึกษาหลายคนที่อยู่แถวนั้นทุกคนต่างพากันมาเมียงมองอย่างให้ความสน







