วันต่อมา
ไนท์ทรุดตัวนั่งเก้าอี้ไม้หินอ่อนหน้าตึกคณะที่มีเรนจิกับชินนั่งอยู่ก่อนนี้แล้ว
“เดย์อ่ะ?” ไนท์ถามเมื่อไม่เห็นเดย์ ที่เดี๋ยวนี้จะมาเช้ากว่าใครเพราะนั่งรถมากับไอญดา
“นั่งเป็นเพื่อนไอ วันนี้น้องนานิไม่สบาย” ชินบุ้ยปากไปทางหน้าตึกคณะตรงข้าม
ไม่สบาย? เมื่อวานก็ดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ?
“อ่อ” ทั้งที่มีคำถามเต็มหัวแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
พอถึงเวลาพักเที่ยงสี่หนุ่มก็แยกย้ายกันไปทานมื้อเที่ยง
เดย์แยกไปทานมื้อเที่ยงกับไอญดาที่ตึกมนุษย์ ชินก็ตามไปอย่างเช่นทุกครั้ง ส่วนเรนจิกับไนท์กลับมาทานที่ตึกคณะวิศวะเหมือนเดิม
“ป่ะแดกข้าว”
“มึงไปแดกกับพวกมันเลย กูมีธุระ”
“ธุระอะไรตอนนี้วะ? บ่ายก็ต้องเข้าเรียนแล้ว”
“เดี๋ยวพิมพ์บอกถ้าเข้าไม่ทัน” ไนท์ตบไหล่เรนจิแล้วก้าวยาวออกไปอย่างคนรีบร้อน
วันนี้เขาเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เนื่องจากมีเรื่องที่ใครบางคนไม่สบายมากวนใจจนไม่มีสมาธิ ไม่รู้ทำไม แต่ที่แน่ๆ คือให้ทำเหมือนไม่รู้ว่าเธอป่วยไม่ได้
จนต้องเหยียบรถจากมหาลัยมาหาเธอถึงที่คอนโด แต่ดันขึ้นไปหาไม่ได้เนื่องจากระบบความปลอดภัยของทางคอนโด ที่ไม่อนุญาติให้ใครที่ไหนขึ้นไปก็ได้ ต้องติดต่อเจ้าของห้องให้ลงมารับ
โชคดีที่เขามีเบอร์โทรของเธอ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะได้มาตั้งแต่เขาคบกับไอญดาซึ่งเธอกับเขาแลกเบอร์กันไว้เพื่อมีความจำเป็นต้องติดต่อกัน ซึ่งตอนนี้เขาคิดว่าจำเป็นนะ ขับรถมาเกือบครึ่งชั่วโมงยังไงเขาก็ต้องได้เจอเธอ
(ฮัลโลค่ะพี่ไนท์)
“ได้ยินว่าเรายังไม่หาย เป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเมื่อวานค่ะ แค่รู้สึกเหมือนมีกรดไหลย้อนเพิ่มนิดหน่อย พะอืดพะอม เหมือนอยากอ้วก แต่ก็ไม่อ้วก คิดว่าไปเรียนสภาพนี้ไม่น่าไหวเลยขอลาพักหนึ่งวันค่ะ”
“พอมีแรงลงมารับพี่ที่ล็อบบี้ข้างล่างไหม”
(ล็อบบี้? พี่มาหาเราเหรอ?) เสียงปลายสายถามกลับด้วยน้ำเสียงตกใจ แค่ไนท์โทรมาเธอก็แปลกใจแล้ว นี่เขาถึงกลับมาหาเธอเลย มันทั้งแปลกใจและตกใจ
“อืม ลงมารับหน่อยได้ไหมหรือแจ้งทางนิติให้ก็ได้”
(เออ..ได้ค่ะ เดี๋ยวเราแจ้งนิติให้นะคะ)
“ขอบคุณครับ”
แกร๊ก~
นานิเปิดประตูออกมาด้วยหน้าซีดไร้สีเช่นปกติ ผมสีน้ำตาลอ่อนที่มักถูกดัดเป็นลอนสวยถูกรวบเอาไว้แบบลวกๆ ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาขาสั้นผ้านิ่ม ชุดเดิมที่ใส่เมื่อวานตอนเย็น
“มาได้ไงคะ”
“ขับรถมา” คำตอบของไนท์ทำให้นานิกรอกตามองบนแล้วดึงประตูปิดลงหลังจากขยับหลบให้ไนท์เข้ามา
“รู้แล้วค่ะว่าขับรถมา เราหมายถึงมาได้ยังไง มาหาเราเหรอ”
“ซื้อข้าวเที่ยงมาให้” ไนท์ยกถุงพลาสติกในมือให้นานิดู แทนคำตอบว่าเขามาทำไม
แต่ไม่มีคำตอบว่าทำไมต้องมาหาเธอ..
“แล้วพี่ทานยังคะ”
“ยังเลย”
“งั้นทานด้วยกันเลยไหมคะ” ดูจากถุงอาหารก็ไม่น่าจะมีแค่ของเธอคนเดียว ไนท์เองก็ยังไม่ได้ทานข้าวคงไม่ได้แค่ซื้อมาฝากเธอหรอก
“ครับ”
“เดี๋ยวเราเอาอาหารไปแกะใส่จานให้ค่ะ” นานิยื่นมือไปขอถุงอาหารจากไนท์เพื่อจะทำหน้าที่เจ้าของห้องที่ดี ทว่าไนท์ไม่ได้ยื่นถุงอาหารให้
“เดี๋ยวพี่ทำเอง” ไนท์เดินนำไปที่ห้องครัว มาที่นี้ครั้งนี้เป็นครั้งสองแต่เขาทำตัวเหมือนคุ้นเคยเหมือนมาสิบครั้ง
“โจ๊ก” นานิยิ้มแห้งเมื่อเห็นเมนูที่ไนท์หยิบออกจากถุงมา เนื่องจากสองมื้อที่ผ่านมาเธอได้ทานเมนูที่ใกล้เคียงเมนูไปแล้วนั่นคือข้าวต้ม แล้วตอนนี้ไนท์ก็ซื้อโจ๊กมาให้อีก
เข้าโหมดอาหารคนป่วยชัดๆ -_-’
“อาหารคนป่วยไง”
“เราไม่ได้ป่วยขนาดนั้นเสียหน่อย”
“อ้วกหมดใส้หมดพุงจนไปเรียนไม่ได้ แบบนี้ไม่เรียกป่วยอีกเหรอ”
“ป่วยนิดหน่อยเอง” นานิเถียงกลับเสียงเบา เมื่อเห็นสายตาดุคมของไนท์ที่มองมาคล้ายกับตอนที่ยูสึเกะดุเธอ
“นิดหน่อยก็ถือว่าป่วย เราไม่สบายท้องก็ทานของอ่อนไปก่อน”
“โจ๊กก็โจ๊ก” ตอบกลับไปเสียงหงอยๆ พร้อมทำปากยื่น ก่อนจะเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าไนท์เทโจ๊กใส่อีกด้วยเหมือนกัน “ของพี่ก็โจ๊กเหรอ”
“อืม กินเป็นเพื่อนคนป่วย”
ทานมื้อเที่ยงเสร็จไนท์ก็อาสาเป็นคนล้าง ตอนแรกนานิจะขัดเนื่องจากตัวเองเป็นเจ้าของห้อง แถมมื้อนี้ไนท์ก็เอามาเสิร์ฟถึง เธอก็ควรเป็นคนล้าง แต่พอเห็นโดนสายตาดุคมคู่นั้นของไนท์ที่มองคล้ายบอกว่าอย่าขัดจิตอาสาเขาเธอเลยหุบปากฉับแล้วเดินตามไนท์เข้าไปห้องครัวเพื่อไปหยิบแจกันใส่ดอกไม้
นานิเปิดชั้นเก็บของเหนือศรีษะแล้วเอื้อมมือหยิบเอาแจกันทรงกลมที่ทำจากแก้วที่มันดูเหมาะกับดอกไม้ที่เธอสั่งมา ทว่าเอื้อมเท่าไหร่ก็ไม่ถึง
”เดี๋ยวหยิบให้” เสียงก๊อกน้ำปิดลง ตามด้วยไออุ่นที่ทาบเข้ามาทางด้านหลัง
นานิยืนนิ่งเมื่อกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเสียดสีกับแผ่นหลังในจังหวังที่ไนท์เอื้อมมือเหนือหัวเธอเพื่อหยิบแจกัน กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นโคโรนสำหรับผู้ชาย บวกกับกลิ่นกายหนุ่มที่ลอยแต๊ะจมูก ทำเอานานิหน้าเห่อร้อน หัวใจเต้นระส่ำ
ไนท์ชะงักเมื่อรับรู้ถึงความใกล้ชิดที่เขาไม่ได้ตั้งใจ แค่เห็นคนตัวเล็กพยายามเอื้อมหยิบแจกันไม่ถึงเขาเลยจะช่วยแค่นั้นเอง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามาตรงอยู่ในท่าแนบชิดเกินจำเป็นแบบนี้ได้ยังไง
แจกันใบงามถูกวางลงตรงหน้า ก่อนไออุ่นจากกายหนาจะผละออกห่างนานิจึงหมุนตัวกลับมาเพื่อจะเอ่ยขอบคุณ
อุ้ย!
เธอคิดว่าไนท์ขยับตัวออกไปแล้ว ทว่าเขาแค่ขยับออกแค่เพียงนิดเดียว พอเธอหมุนตัวมาหน้าแทบชนเข้ากับแผงอกไนท์
“ขะ..ขอบคุณค่ะ” นานิเลื่อนสายตาขึ้นไปสบตาไนท์บอกขอบคุณไนท์เพียงแวบเดียวก่อนหลุบตาหนี และเพราะลมหายใจอุ่นร้อนที่ปัดเป่าบนหน้าผากเนียนทำให้เสียงที่เปล่งออกไปติดตะกุกตะกัก
“..”
ไนท์ไม่ได้ตอบกลับและไม่ได้ขยับออก เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมทั้งที่รู้ว่าเขากำลังยืนเบียดคนตรงหน้าอยู่ แต่ระบบร่างกายเขากำลังรวนทั้งที่ควรขยับออก ทว่าเขากลับขยับเข้าหาเธอยิ่งกว่าเดิม
แขนแกร่งสองข้างทาบลงที่ไอร์แลนห้องครัว เท่ากับว่าตอนนี้ไนท์กักนานิอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อคมโน้มลงต่ำ กลิ่นหอมนุ่นละมุนเหมือนกลิ่นคาราเมลมันดึงดูดจนอยากเข้าไปดมใกล้ๆ
ความใสของใบหน้าเนียมใสไร้เครื่องสำอางมันเชิญชวนอยากเขาอยากสัมผัส กลีบปากนิ่มสีแดงระเรื่อมันทำให้อยากลิ้มลอง
นานิมีแรงดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก ใจมันล่ำๆ อยากเข้าใกล้ จนไม่สามารถหยุดรั้งตัวเองได้
Rrr~
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงไนท์ก็ดังขึ้น ทำให้นานิกับไนท์ผละออกจากกัน
นานิรีบเดินไปที่ไอร์แลนข้างหลังที่วางช่อดอกไม้ทิ้งไว้ด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ มือชื้นเหงื่อ หน้าร้อนผ่าว ก่อนหยิบดอกไม้ขึ้นมาตัดเพื่อแก้อาการเขินอาย
“อือ” ไนท์ตอบรับปลายสายสั้นๆ
(สรุปเอาไง)
“เข้า แต่สายหน่อย ฝากบอกอาจารย์ด้วย”
(มึงอยู่ไหน)
“มาดูรอยสัก แค่นี้นะ”
ตื้ด!
ไนท์โกหกเรนจิแล้วก็รีบตัดสายเพราะกลัวเรนจิจะซักต่อ แล้วจะตอบไม่ได้
“พี่ต้องไปเรียนแล้ว”
“อะ..อ่อ..ค่ะ” ยังไม่เลิกเขินอีก วันนั้นเธอจูบเขาก่อนด้วยซ้ำ นี้แค่จมูกเฉียดแก้มเขินจนติดอ่าง
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองสินะ! เพราะความเป็นเพื่อนกันมานานยูสึเกะคงไม่อยากให้เพื่อนกับน้องสาวสานสัมพันธ์กันในเชิงคู่รักเพราะถ้านานิกับมิลล์ไปกันไม่รอดอาจจะเสียความเป็นเพื่อนกันได้ ตอนนี้ไนท์เข้าใจแล้วว่าทำไมมิลล์ถึงไม่เข้าหานานิมากกว่านี้ทั้งที่มีโอกาส หลังจากประโยคฮุคของยูสึเกะ ไนท์ก็ตกอยู่ในห้วงความคิดตัวเอง ไม่รับรู้แม้กระทั่งยูสึเกะเดินออกไป ในหัวตอนนี้มีแต่ความหวาดหวั่น หวั่นกลัวและสับสนพุ่งเข้าใส่จนสมองมันมึนงงคล้ายหูอื้อตาลายไปชั่วขณะ“พี่” เสียงเรียกของนานิทำให้ไนท์ตื่นจากพวัง “เป็นอะไรคะ เราเรียกตั้งหลายครั้ง”ไนท์ไม่ตอบแต่ตวัดแขนแกร่งคว้าร่างบางเข้ามากอด ใบหน้าคมลดลงวางไว้กับบ่าเล็กแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นเหมือนกลัวคนในอ้อมกอดหายไป“คุยอะไรกับพี่ยูคะ บอกเราได้ไหม” ความเงียบและอาการของไนท์ทำให้นานิอยากรู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน “เราคิดยังไงกับไอ้มิลล์” เสียงทุ้มเอ่ยถามแผ่วเบา“คะ?”“ชอบมันไหม คิดกับมันเกินเพื่อนพี่ชายรึเปล่า?”“ไม่ค่ะ เราคิดกับพี่มิลล์แค่พี่ชาย” อดีตเคยคิดเกินเพื่อนพี่ชาย แต่ปัจจุบันไม่แล้ว แต่นานิคิดว่าไนท์ไม่จำเป็นต้องรู้ความรู้สึกของเธอไหนอดีตเพราะมันก็แค่อดีต
เช้าวันต่อมาเพราะคอแห้งผากจนนอนต่อไปไม่ไหวเลยต้องฝืนตัวลุกจากเตียงอุ่นและร่างนุ่มนิ่มเดินออกห้องนอนไปยังห้องครัวเพื่อหาน้ำเย็นๆ ดื่มไนท์เดินเมาขี้หูขี้ตา ยกมือเสยผมที่ร่วงปรกหน้าปกตาแล้วเลื่อนไปทุบที่หัวที่ตอนนี้มันปวดตุบๆ จากอาการแฮ้งเหล้าไม่น่าแดกเยอะเลยกู วันนี้คงต้องชดใช้กรรมด้วยอาการปวดหัวทั้งวัน..แกร็ก~เปิดประตูห้องมาเท้าหนาก็ชะงักเมื่อเจอกับคนบางคนที่ไม่คิดว่าเจอที่นี่มันมาทำอะไรที่นี่?อีกหนึ่งหนุ่มที่มีสีหน้ายับยู่ยี่ด้วยอาการแฮ้งค์จากการดื่มจนน็อกเมื่อคืนกำลังยกขวกน้ำดื่มก็ชะงักเหมือนกันเมื่อเห็นไนท์ไนท์เดินกระแทกไหล่มิลล์ที่ยืนหน้าตู้เย็นเปิดประตูหยิบน้ำออกมาหนึ่งขวด ก่อนปิดประตูตู้เย็นด้วยเสียงดังปัง“มึงมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง” กรอกน้ำเข้าปากไปเกือบครึ่งขวด ลำคอที่แห้งผากก็รู้สึกดี เลยทำให้ไนท์มีเสียงเอ่ยทักมิลล์“แล้วมึงล่ะมาทำอะไร”“กูก็มาหาเจ้าของห้อง”“กู..เจ้าของห้องพามา” มิลล์ตอบกลับอย่างยียวน“มึงอย่ามากวนตีน”“กูไม่ได้กวนตีน เจ้าของห้องพากูมาจริงๆ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งที่กูมา” เขาเห็นไนท์แวบๆ กับน้องสาวของเพื่อนสนิทหลายครั้งแล้ว แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าได้เจอที่นี่ เด
“เรียกพี่ไนท์ 2 นาทีได้ไหมน้า”“ล้อเหรอ เดี๋ยวโดน “ลงโทษคนล้อเลียนด้วยการซุกใบหน้าหล่อเหลาไปฟัดกับหน้าอกอวบ จนเจ้าของเต้างามเปิดปากหัวเราะเพราะความ,จั๊กจี้ใครว่าเมาแล้วเสร็จยาก เขาเสร็จเร็วฉิบหาย จับยัดแป๊บๆ แตกเฉย สัสเอ๊ย!“ฮ่าๆ พี่พอแล้ว เราจั๊กจี้”“รอบที่สองก็แก้ตัวแล้วไง จำแต่รอบที่ดีก็พอ”“^^”“กล่อมหน่อยครับ ง่วงแล้ว”กว่าจะง่วง จัดไปตั้งสองรอบ รอบแรกกินเวลาน้อยนิดแต่รอบสองยืดเยื้อเกินครึ่งชั่วโมงได้ เวลาปาไปกี่โมงแล้วไม่รู้ น่าจะดึกมากแล้ว เธอเองก็หนังตาหนักอึ้ง ฝืนลืมตาต่อไปไม่ไหวแล้วเหมือนกันเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ไนท์หลับภายในเวลาไม่กี่นาที“ง่วงขนาดนี้ ยังฝืนตัวเองทำจนได้ คนหื่น “เรียวปากบ่นเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม มือก็ยังลูบไล้กล่อมคนตัวโต แม้เขาจะหลับไปแล้ว เธอทำมันโดยไม่รู้ตัว มันเป็นความเคยชินที่เธอกล่อมไนท์หลับแบบนี้ทุกคืนครืดๆ ~กำลังจะเข้าสู่นิทราเสียงสั่นจากโทรศัพท์ก็ดังรบกวนเสียก่อน เวลานอนนานิมักจะใส่โหมดพระจันทร์ห้ามรบกวนเอาไว้ ถ้าใครมีเรื่องด่วนจริงๆ ก็ต้องโทรหามากกว่าหนึ่งครั้งถึงมีสายเข้าเหมือนเวลาปกติซึ่งสายเรียกเข้าตอนนี้ คนปลายสายคงมีเรื่องด่วน“พี่ยู” เ
ห้องนานิถึงห้องนานิก็ไล่คนเมาไปอาบน้ำทันที ด้วยความที่ไนท์เป็นคนรักสะอาดอยู่แล้ว แม้จะเมาแค่ไหนก็ฝืนกายไปอาบน้ำให้ได้“น้องนานิคร้าบ อาบน้ำให้พี่หน่อยครับ” เสียงยานคางตะโกนจากในห้องน้ำอย่างออดอ้อน“โตแล้ว อาบเองสิคะ” เมาแล้วอ้อนจัง อ้อนที่สุด เรียก ‘น้องนานิ’ ปิดท้ายด้วย’ ครับ’ เสียงหวาน แต่เธอไม่หลงกลหรอก“พี่เมา หัวฟาดพื้นทำไง”“พี่อาบเองได้ เรารู้ รีบอาบเลยค่ะ ไม่งั้นเราจะให้พี่นอนที่โซฟา” ดื้อจังนานิขยับตัวไปยืนใกล้ประตูห้องน้ำที่เปิดอ้าเอาไว้ด้วยฝีมือคนในห้องน้ำที่นึกอยากอาบน้ำโชว์ ที่เธอต้องยืนอยู่ตรงนี้เพราะเผื่อคนเมาลื่นล้มหัวฟาดตอนอาบน้ำขึ้นมาจริงๆ จะได้ยินและเข้าไปช่วยได้เร็วที่สุดแต่คิดว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นหรอก ตอนเดินขึ้นห้องไนท์ก็ดูสร่างเมามาบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังคะยั้นคะยอขอให้เธอเข้าไปช่วยอาบน้ำ คิดเหรอว่าเธอจะตกหลุมพราง ขืนเข้าไปต้องโดนเขาจับกินแน่เสียงน้ำปิดลง นานิเลยขยับไปนั่งรอที่เตียงนอนแทน ได้ยินเสียงกุกกักที่อ่างล้างหน้าหลายนาทีก่อนร่างสูงใหญ่จะเดินออกห้องน้ำมาด้วยสภาพผ้าขนหนูพันเอว หัวเปียกหมาด หยดน้ำเกาะตามหน้าอกแกร่งและซิกแพ็กลีนๆเซ็กซี่จัง!แค่มองหน
00.30 น.เวลานี้คนไม่ได้มีนัดฉลองหลังสอบที่ไหนก็ควรเข้านอนได้แล้ว ไม่ใช่กำลังถอยรถเข้าจอดในลานจอดรถย่านสถานบันเทิงแถวมหาลัยอย่างตอนนี้มันไม่ได้เป็นแผนปุ๊บปั๊บเนื่องจากคนเมาเกริ่นๆ เอาไว้หรือจะเรียกว่าขอร้องก็ได้ ว่าถ้าวันนี้เขาเมามารับได้ไหม ซึ่งคำตอบก็คือได้ ไม่งั้นเธอคงไม่มาอยู่ตรงนี้ตอนนี้ ทั้งที่ควรนอนหลับน้ำลายยืดไปแล้วนั่งรอในรถได้ไม่ถึงนาทีก็เห็นร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยในชุด all black เดินออกจากผับ ด้วยท่าทางที่เดาได้ไม่ยากว่าเขาเมาแน่นอนตอนส่งข้อความไปอ้อนให้มารับ เธอยังต้องนั่งแกะข้อความที่พิมพ์มาผิดๆ ถูกๆ ของเขาเลยริมฝีปากบางกระตุกยิ้มดีใจเมื่อเห็นรถญี่ปุ่นที่จอดอยู่คันหน้าสุด ดึกดื่นขนาดนี้เธอยังมารับเขา เมาครั้งไหนก็เป็นเธอที่คอยดูแล น่ารักชะมัดแบบนี้ต้องให้รางวัลไนท์สาวเท้าก้าวยาวๆ มายังรถของนานิที่มองปุ๊บของรู้ว่าเป็นของเธอ คนในรถไม่ได้ลดกระจกลงต่ำจนเห็นข้างใน ทำเพียงแค่ลดลงเพื่อรับอากาศข้างนอกทว่ายังก้าวไปไม่ถึงไหน ก็มีผู้หญิงหน้าตาดีในชุดเดรสรัดรูปอวดหุ่นน่าขย้ำเดินเข้ามาทัก“พี่ไนท์”นานิหุบยิ้มฉับเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาทักไนท์ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน เม
เมื่อการสอบปลายภาควันสุดท้ายเสร็จสิ้นลง สี่หนุ่มก็พากันมาฉลองที่ร้านอาหารกึ่งบาร์ต่างจากปกติที่จะพากันฉลองที่ผับแถวมหาลัย แต่ด้วยความที่เดย์ยังไม่ถอดเฝือกและยังต้องใช้ไม้ค้ำเดินอยู่ แม้จะลดเหลือแค่อันเดียวแล้วก็ตามแต่ก็ยังเดินเหินไม่สะดวกเหมือนปกติ ทั้งสี่เลยจึงต้องปรับเปลี่ยนสถานที่ฉลองมาเป็นที่นี้เพราะขืนพาเดย์ไปผับในสภาพนี้ คงดูกระเสือกกระสนเกินไป ป่วยอยู่แต่เสือกอยากแดกเหล้าอะไรประมาณนี้ แถมข้างในยังแออัดมากไม่เหมาะกับคนที่เดินเหินยังไม่สะดวกอย่างเดย์แม้แต่นิดและแม้จะเป็นนัดของหนุ่มๆ แต่ไอญดาก็ได้รับอนุญาตให้ติดสอยห้อยตามมาเพราะต้องขับรถมาส่งและรับเดย์กลับเนื่องจากอีกสามหนุ่มไม่ได้เอารถมาเพราะเตรียมตัวจัดหนักกันเต็มสตรีม วันนี้เลยไม่มีใครเป็นสารถีไปรับเดย์ และอีกเหตุผลหนึ่งคือเดย์ติดแฟนสาวมากไปไหนก็ต้องหนีบไปด้วยทุกที ไอญดาจึงได้ร่วมวงกับหนุ่มๆ อยู่บ่อยครั้งวันนี้ไนท์เรียกรถมา รวมถึงเรนจิกับชินด้วย ที่ถือคติเมาไม่ขับ ก่อนหน้านี้มีดื่มแล้วขับบ้าง ถ้าไม่เมามาก แต่ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุกับเดย์ทำให้อีกสามหนุ่มคิดถึงชีวิตตัวเองมากขึ้นและชีวิตคนอื่นบนท้องถนนด้วยขณะที่ไนท์เดินเข้ามาที่