LOGINวันต่อมา
ไนท์ทรุดตัวนั่งเก้าอี้ไม้หินอ่อนหน้าตึกคณะที่มีเรนจิกับชินนั่งอยู่ก่อนนี้แล้ว
“เดย์อ่ะ?” ไนท์ถามเมื่อไม่เห็นเดย์ ที่เดี๋ยวนี้จะมาเช้ากว่าใครเพราะนั่งรถมากับไอญดา
“นั่งเป็นเพื่อนไอ วันนี้น้องนานิไม่สบาย” ชินบุ้ยปากไปทางหน้าตึกคณะตรงข้าม
ไม่สบาย? เมื่อวานก็ดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ?
“อ่อ” ทั้งที่มีคำถามเต็มหัวแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
พอถึงเวลาพักเที่ยงสี่หนุ่มก็แยกย้ายกันไปทานมื้อเที่ยง
เดย์แยกไปทานมื้อเที่ยงกับไอญดาที่ตึกมนุษย์ ชินก็ตามไปอย่างเช่นทุกครั้ง ส่วนเรนจิกับไนท์กลับมาทานที่ตึกคณะวิศวะเหมือนเดิม
“ป่ะแดกข้าว”
“มึงไปแดกกับพวกมันเลย กูมีธุระ”
“ธุระอะไรตอนนี้วะ? บ่ายก็ต้องเข้าเรียนแล้ว”
“เดี๋ยวพิมพ์บอกถ้าเข้าไม่ทัน” ไนท์ตบไหล่เรนจิแล้วก้าวยาวออกไปอย่างคนรีบร้อน
วันนี้เขาเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เนื่องจากมีเรื่องที่ใครบางคนไม่สบายมากวนใจจนไม่มีสมาธิ ไม่รู้ทำไม แต่ที่แน่ๆ คือให้ทำเหมือนไม่รู้ว่าเธอป่วยไม่ได้
จนต้องเหยียบรถจากมหาลัยมาหาเธอถึงที่คอนโด แต่ดันขึ้นไปหาไม่ได้เนื่องจากระบบความปลอดภัยของทางคอนโด ที่ไม่อนุญาติให้ใครที่ไหนขึ้นไปก็ได้ ต้องติดต่อเจ้าของห้องให้ลงมารับ
โชคดีที่เขามีเบอร์โทรของเธอ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะได้มาตั้งแต่เขาคบกับไอญดาซึ่งเธอกับเขาแลกเบอร์กันไว้เพื่อมีความจำเป็นต้องติดต่อกัน ซึ่งตอนนี้เขาคิดว่าจำเป็นนะ ขับรถมาเกือบครึ่งชั่วโมงยังไงเขาก็ต้องได้เจอเธอ
(ฮัลโลค่ะพี่ไนท์)
“ได้ยินว่าเรายังไม่หาย เป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเมื่อวานค่ะ แค่รู้สึกเหมือนมีกรดไหลย้อนเพิ่มนิดหน่อย พะอืดพะอม เหมือนอยากอ้วก แต่ก็ไม่อ้วก คิดว่าไปเรียนสภาพนี้ไม่น่าไหวเลยขอลาพักหนึ่งวันค่ะ”
“พอมีแรงลงมารับพี่ที่ล็อบบี้ข้างล่างไหม”
(ล็อบบี้? พี่มาหาเราเหรอ?) เสียงปลายสายถามกลับด้วยน้ำเสียงตกใจ แค่ไนท์โทรมาเธอก็แปลกใจแล้ว นี่เขาถึงกลับมาหาเธอเลย มันทั้งแปลกใจและตกใจ
“อืม ลงมารับหน่อยได้ไหมหรือแจ้งทางนิติให้ก็ได้”
(เออ..ได้ค่ะ เดี๋ยวเราแจ้งนิติให้นะคะ)
“ขอบคุณครับ”
แกร๊ก~
นานิเปิดประตูออกมาด้วยหน้าซีดไร้สีเช่นปกติ ผมสีน้ำตาลอ่อนที่มักถูกดัดเป็นลอนสวยถูกรวบเอาไว้แบบลวกๆ ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาขาสั้นผ้านิ่ม ชุดเดิมที่ใส่เมื่อวานตอนเย็น
“มาได้ไงคะ”
“ขับรถมา” คำตอบของไนท์ทำให้นานิกรอกตามองบนแล้วดึงประตูปิดลงหลังจากขยับหลบให้ไนท์เข้ามา
“รู้แล้วค่ะว่าขับรถมา เราหมายถึงมาได้ยังไง มาหาเราเหรอ”
“ซื้อข้าวเที่ยงมาให้” ไนท์ยกถุงพลาสติกในมือให้นานิดู แทนคำตอบว่าเขามาทำไม
แต่ไม่มีคำตอบว่าทำไมต้องมาหาเธอ..
“แล้วพี่ทานยังคะ”
“ยังเลย”
“งั้นทานด้วยกันเลยไหมคะ” ดูจากถุงอาหารก็ไม่น่าจะมีแค่ของเธอคนเดียว ไนท์เองก็ยังไม่ได้ทานข้าวคงไม่ได้แค่ซื้อมาฝากเธอหรอก
“ครับ”
“เดี๋ยวเราเอาอาหารไปแกะใส่จานให้ค่ะ” นานิยื่นมือไปขอถุงอาหารจากไนท์เพื่อจะทำหน้าที่เจ้าของห้องที่ดี ทว่าไนท์ไม่ได้ยื่นถุงอาหารให้
“เดี๋ยวพี่ทำเอง” ไนท์เดินนำไปที่ห้องครัว มาที่นี้ครั้งนี้เป็นครั้งสองแต่เขาทำตัวเหมือนคุ้นเคยเหมือนมาสิบครั้ง
“โจ๊ก” นานิยิ้มแห้งเมื่อเห็นเมนูที่ไนท์หยิบออกจากถุงมา เนื่องจากสองมื้อที่ผ่านมาเธอได้ทานเมนูที่ใกล้เคียงเมนูไปแล้วนั่นคือข้าวต้ม แล้วตอนนี้ไนท์ก็ซื้อโจ๊กมาให้อีก
เข้าโหมดอาหารคนป่วยชัดๆ -_-’
“อาหารคนป่วยไง”
“เราไม่ได้ป่วยขนาดนั้นเสียหน่อย”
“อ้วกหมดใส้หมดพุงจนไปเรียนไม่ได้ แบบนี้ไม่เรียกป่วยอีกเหรอ”
“ป่วยนิดหน่อยเอง” นานิเถียงกลับเสียงเบา เมื่อเห็นสายตาดุคมของไนท์ที่มองมาคล้ายกับตอนที่ยูสึเกะดุเธอ
“นิดหน่อยก็ถือว่าป่วย เราไม่สบายท้องก็ทานของอ่อนไปก่อน”
“โจ๊กก็โจ๊ก” ตอบกลับไปเสียงหงอยๆ พร้อมทำปากยื่น ก่อนจะเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าไนท์เทโจ๊กใส่อีกด้วยเหมือนกัน “ของพี่ก็โจ๊กเหรอ”
“อืม กินเป็นเพื่อนคนป่วย”
ทานมื้อเที่ยงเสร็จไนท์ก็อาสาเป็นคนล้าง ตอนแรกนานิจะขัดเนื่องจากตัวเองเป็นเจ้าของห้อง แถมมื้อนี้ไนท์ก็เอามาเสิร์ฟถึง เธอก็ควรเป็นคนล้าง แต่พอเห็นโดนสายตาดุคมคู่นั้นของไนท์ที่มองคล้ายบอกว่าอย่าขัดจิตอาสาเขาเธอเลยหุบปากฉับแล้วเดินตามไนท์เข้าไปห้องครัวเพื่อไปหยิบแจกันใส่ดอกไม้
นานิเปิดชั้นเก็บของเหนือศรีษะแล้วเอื้อมมือหยิบเอาแจกันทรงกลมที่ทำจากแก้วที่มันดูเหมาะกับดอกไม้ที่เธอสั่งมา ทว่าเอื้อมเท่าไหร่ก็ไม่ถึง
”เดี๋ยวหยิบให้” เสียงก๊อกน้ำปิดลง ตามด้วยไออุ่นที่ทาบเข้ามาทางด้านหลัง
นานิยืนนิ่งเมื่อกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเสียดสีกับแผ่นหลังในจังหวังที่ไนท์เอื้อมมือเหนือหัวเธอเพื่อหยิบแจกัน กลิ่นน้ำหอมและกลิ่นโคโรนสำหรับผู้ชาย บวกกับกลิ่นกายหนุ่มที่ลอยแต๊ะจมูก ทำเอานานิหน้าเห่อร้อน หัวใจเต้นระส่ำ
ไนท์ชะงักเมื่อรับรู้ถึงความใกล้ชิดที่เขาไม่ได้ตั้งใจ แค่เห็นคนตัวเล็กพยายามเอื้อมหยิบแจกันไม่ถึงเขาเลยจะช่วยแค่นั้นเอง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามาตรงอยู่ในท่าแนบชิดเกินจำเป็นแบบนี้ได้ยังไง
แจกันใบงามถูกวางลงตรงหน้า ก่อนไออุ่นจากกายหนาจะผละออกห่างนานิจึงหมุนตัวกลับมาเพื่อจะเอ่ยขอบคุณ
อุ้ย!
เธอคิดว่าไนท์ขยับตัวออกไปแล้ว ทว่าเขาแค่ขยับออกแค่เพียงนิดเดียว พอเธอหมุนตัวมาหน้าแทบชนเข้ากับแผงอกไนท์
“ขะ..ขอบคุณค่ะ” นานิเลื่อนสายตาขึ้นไปสบตาไนท์บอกขอบคุณไนท์เพียงแวบเดียวก่อนหลุบตาหนี และเพราะลมหายใจอุ่นร้อนที่ปัดเป่าบนหน้าผากเนียนทำให้เสียงที่เปล่งออกไปติดตะกุกตะกัก
“..”
ไนท์ไม่ได้ตอบกลับและไม่ได้ขยับออก เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมทั้งที่รู้ว่าเขากำลังยืนเบียดคนตรงหน้าอยู่ แต่ระบบร่างกายเขากำลังรวนทั้งที่ควรขยับออก ทว่าเขากลับขยับเข้าหาเธอยิ่งกว่าเดิม
แขนแกร่งสองข้างทาบลงที่ไอร์แลนห้องครัว เท่ากับว่าตอนนี้ไนท์กักนานิอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อคมโน้มลงต่ำ กลิ่นหอมนุ่นละมุนเหมือนกลิ่นคาราเมลมันดึงดูดจนอยากเข้าไปดมใกล้ๆ
ความใสของใบหน้าเนียมใสไร้เครื่องสำอางมันเชิญชวนอยากเขาอยากสัมผัส กลีบปากนิ่มสีแดงระเรื่อมันทำให้อยากลิ้มลอง
นานิมีแรงดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก ใจมันล่ำๆ อยากเข้าใกล้ จนไม่สามารถหยุดรั้งตัวเองได้
Rrr~
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงไนท์ก็ดังขึ้น ทำให้นานิกับไนท์ผละออกจากกัน
นานิรีบเดินไปที่ไอร์แลนข้างหลังที่วางช่อดอกไม้ทิ้งไว้ด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ มือชื้นเหงื่อ หน้าร้อนผ่าว ก่อนหยิบดอกไม้ขึ้นมาตัดเพื่อแก้อาการเขินอาย
“อือ” ไนท์ตอบรับปลายสายสั้นๆ
(สรุปเอาไง)
“เข้า แต่สายหน่อย ฝากบอกอาจารย์ด้วย”
(มึงอยู่ไหน)
“มาดูรอยสัก แค่นี้นะ”
ตื้ด!
ไนท์โกหกเรนจิแล้วก็รีบตัดสายเพราะกลัวเรนจิจะซักต่อ แล้วจะตอบไม่ได้
“พี่ต้องไปเรียนแล้ว”
“อะ..อ่อ..ค่ะ” ยังไม่เลิกเขินอีก วันนั้นเธอจูบเขาก่อนด้วยซ้ำ นี้แค่จมูกเฉียดแก้มเขินจนติดอ่าง
เดินมาถึงหน้าตึกก็ต้องตกใจเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไอญดา เดย์ ชิน เรนจิ เอิงเอย คิม และลูกพีช อยู่กันครบขนาดนี้คงเตี๊ยมกันมาแล้ว“โว้ มีเดินมาส่งด้วย” “ให้เกียร์ให้ใจ”“อุ๊ย! สร้อยข้อมือสวย”“ประกาศตัวผ่านโซเซียลฉ่ำ”“รูปคู่ก็มา”“เปลี่ยนรูปโปรไฟล์คู่”“My night”ชินเป็นคนแรกที่เปิดแซว จากนั้นคนอื่นก็แซวตามๆ กันมา ไนท์โคลงหัวอมยิ้มขำ มันก็เขินนิดๆ ที่เพื่อนแซว ต่างจากนานิที่โดนแซวจนเขินไม่ไหวหนีมาหลบข้างหลังไนท์ทุกคนลุ้นคู่ไนท์กับนานิมาพักใหญ่แล้ว ว่าเมื่อไหร่ทั้งสองจะเปิดตัวสักที แล้วในวันนี้ก็มาถึงเลยขอแซวหน่อย อีกอย่างไนท์สร้างซีนไว้เสียใหญ่โตเมื่อวาน“เมื่อวาน เล่นไว้ซะใหญ่เลยนะมึง” เหตุการณ์เมื่อวานเป็นที่กล่าวถึงกันมากในโซเซียล มีทั้งรูปและวิดีโอของไนท์กับนานิและก็มิลล์ เพจดังของมหาลัยก็เอาไปใส่สีตีไข่ว่าเกิดศึกแย่งหญิงระหว่างหนุ่มฮอตวิศวะกับหนุ่มตีว่าที่คุณหมอ มีคนมาคอมเมนต์มากมาย บ้างก็บอกว่ากินกันไม่ลงเพราะหล่อกันคนละแบบ จนเกิด #ทีมหมอมิลล์ #ทีมไนท์ แต่หลังจากที่ไนท์กับนานิแชร์สถานะใหม่บนโซเซียล พร้อมกับเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปคู่ของทั้งสองพร้อมกันและเป็นรูป
กริ๊งๆ เสียงนาฬิกาปลุกยามเช้าตรู่ นานิคว้าโทรศัพท์มาปิดนาฬิกาปลุก ในช่วงที่เธอขยับตัวไปเอื้อมโทรศัพท์ก็ทำให้ร่างหนาที่กอดรัดอยู่ด้านหลังขยับตัวตื่นตามไนท์ส่งเสียงอู้อี้ในคออย่างขัดใจนิดหน่อย เนื่องจากเขายังอยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนี้ต่อ ปกติเขาไม่ใช่คนขี้เซาหรือตื่นสาย แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่มีนานิมานอนด้วยเขาก็ไม่อยากลุกจากที่นอนเลย บวกกับไม่ได้กอดเธอตั้งหลายคืนแล้ว วันนี้เขาเลยไม่อยากลุกจากที่นอนเลย“ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้เรามีเรียนเช้ากันนะ”“อืม” ไนท์ตอบกลับเสียงอืมเบาๆ ในลำคอ แล้วซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอด้านหลังนานิ จมูกโด่งกดหอมไปทั่วจนถึงลาดไหล่ กดริมฝีปากขบเม้มตามผิวเนื้อเนียนในขณะที่ตาสองข้างยังปิดสนิทอยู่“พี่ ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวไปเรียนสาย” นานิย่นคอหนีจมูกปากและลิ้นที่เริ่มไล้เลียไปยังใบหู เมื่อคืนหลังจากให้เกียร์ให้ใจไนท์ก็ให้ตัวเขามาแบบรัวๆ จนเธอแทบจะสลบเหมือดคาเตียง ตื่นเช้ามายังหื่นใส่อีก“พอแล้วค่ะ” เอ่ยเตือนอีกครั้งเพราะเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่มันเริ่มขยายตัวถูไถอยู่ตรงก้นของเธอ ไนท์เป็นคนเครื่องติดง่ายเธอรู้ดี ถ้าห้ามได้ให้รีบห้ามไม่งั้นยาว ปกติเธอก็ไม่ใช่คนเล่นตัวอะไรแต่ตอ
“ยกเลิกตั้งนานแล้วทำไมยังเก็บเอกสารไว้อีกล่ะคะ”“ลืม ลืมจริงๆ เพราะพอยกเลิกก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีก”“โห แบบนี้เราก็ร้องไห้ฟรีสิ” เสียน้ำตาไปเป็นปี๊บ แต่จะว่าร้องไห้ฟรีก็ไม่ใช่เพราะพอเกิดเรื่องนี้เธอกับเขาเลยได้เคลียร์ใจกันเหมือนตอนนั้น ไม่งั้นไม่รู้ว่าเธอจะได้มีโอกาสคุยกันตรงไปตรงมาแบบนี้ไหม“แล้วเราไปรู้ได้ยังไง รู้ตอนไหน” เมื่อกี้ถามไปแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ“ตอนที่เราหาเอกสารที่ฝากพี่ปรินต์ไง เราหาบนโต๊ะไม่เจอเลยลองค้นในลิ้นชักที่โต๊ะทำงานดู”“งั้นก็วันเดียวกับที่เดย์เจอ” “พี่เดย์ก็พึ่งรู้เหรอคะ?”“อืม เรื่องเรียนตอนพี่ไม่ได้บอกใครเลย พ่อกับแม่ก็ไม่ได้บอก”“โห ใจร้าย ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าคนรอบข้างจะเสียใจตอนรู้ว่าพี่จะไปเรียนต่อ”“คิดสิ แต่ไม่คิดว่าทุกคนจะเสียใจขนาดนี้” เพราะเขาแค่จะไปเรียน เรียนจบก็กลับมาแล้ว ไม่ได้ไปแล้วไปลับเสียหน่อย“ที่พี่ตัดสินใจไปเรียนต่อเพราะไอใช่ไหม”“อืม มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ตอนนั้นคิดแค่ว่าคงอยู่เห็นเดย์กับไอรักกันไม่ได้ เลยอยากหนีไปไกลๆ “ “พี่คงรักไอมาก” “เคย..แค่เคยรัก” ตอนนี้แค่เคยรักเท่านั้นและไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นต่อไอญดาอีกต่อไป ไม่มีเลย เพราะ
ไนท์พานานิขึ้นมาคุยต่อบนห้องเนื่องจากมีอีกหลายเรื่องเลยที่เขาอยากอธิบาย“คุยกันบนเตียงได้ไหม อยากนอนกอดเรา คิดถึง” พอบอกไปแบบนั้นนานิก็มองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ “แค่นอนคุยกันจริงๆ “ พอไนท์ยืนยันแบบนั้นนานิก็ยอมนอนลงในอ้อมแขนแกร่งแล้วหนุนศีรษะไว้ที่อกแข็งๆ ของไนท์ไนท์กดจมูกบนเรือนผมยาวสลวยสูดดมกลิ่นแชมพู กลิ่นครีมอาบน้ำ กลิ่นน้ำหอมกลิ่นคาราเมล เขาโคตรคิดถึงเธอเลย ตอนนี้เหมือนหัวใจเขากลับมาเต้นอีกครั้ง เขาเหมือนต้นไม้ที่ใกล้ตาย ใบแห้งเหี่ยวเฉ่า ทว่าอยู่ๆ ก็มีคนมารดน้ำช่วยชีวิตมันไว้“คิดถึง” ตั้งแต่วันที่เธอขอยุติความสัมพันธ์ เขาก็นอนไม่หลับ อาลัยอาวรณ์ถึงแต่เธอ ร่างนุ่มนิ่ม กลิ่นหอมละมุนที่คุ้นจมูกที่ได้สูดดมแล้วรู้สึกสบายใจ เธอเป็นเซฟโซนของเขา “เราก็คิดถึงพี่” นานิว่าแล้วกระชับเรียวแขนที่กอดรัดร่างหนาเอาไว้“แล้วรักพี่ไหมครับ?”“รักค่ะ” นานิตอบเสียงเบาและก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาไนท์ตอนพูด ก่อนหน้านี้เธอตะโกนคำว่ารักใส่เขาด้วยความโกรธแต่พอตอนนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นอีกแล้ว แล้วเขาก็มาถามกันตรงๆ มันก็เกิดขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไนท์ยกยิ้มบางทอดสายตามองคนตัวเล็กในอ้อมกอดด้วยความร
ไนท์ขับมอเตอร์ไซค์พานานิกลับและเพื่อความปลอดภัยของผู้หญิงที่เขารัก ไนท์ก็เสียสละหมวกกันน็อกให้นานิ ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นครั้งคราวจากข้างหลัง บ่งบอกว่าคนตัวเล็กกำลังร้องไห้ จะหยุดรถกลางรถปลอบก็ไม่ได้ จะขับเร็วขึ้นก็ห่วงความปลอดภัยของเธอ ตลอดทางไนท์ขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความวุ่นวายใจ โชคดีที่คอนโดตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ และในที่สุดเขาก็พาเธอมาก็ถึงจุดหมายพอมอเตอร์ไซค์หยุดนิ่งนานิก็รีบลงทันที เธอซ้อนคันนี้มาหลายครั้งแล้วเลยรู้วิธีลงอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ปลดล็อกถอดหมวกกันน็อกยื่นคืนให้ไนท์แล้วทำท่าจะไป เห็นแบบนั้นไนท์ก็รีบคว้าตัวนานิไว้แล้วใช้อ้อมแขนแกร่งกอดรัดเธอไว้ในอ้อมกอด “จะไปไหน ไม่ให้ไป”ตุ้บ!กำปั้นเล็กทุบเข้าที่หน้าอกแกร่งในขณะที่สองแก้มยังอาบไปด้วยน้ำตา เธอร้องไห้ด้วยดวงตาแดงก่ำ ใต้ตาบวมแป่ง ใบหน้าเลอะเทอะไปด้วยคราบน้ำตา ร้องไห้จนหยุดสะอื้นไม่ได้ตุ้บๆๆๆ!!เสียงทุบจากกำปั้นเล็กดังต่อเนื่อง ซึ่งไนท์ก็นิ่งให้คนในอ้อมกอดระบายจนพอใจ เขาไม่แน่ใจว่าเธอโกรธเรื่องอะไร แต่รู้ว่าโกรธมากเพราะกำปั้นน้อยทั้งสองข้างทุบมาอย่างไม่ออมแรง“อย่ามาทำเหมือนรัก ถ้าไม่คิดจะรั
แววตาเจ็บปวดแสนเศร้าของนานิเมื่อครู่นี้ทำให้ไนท์สับสนบวกกับคำพูดหลายอย่างทีคุยกับเพื่อนเมื่อเช้าด้วย ‘อย่ามาทำเป็นพระรองแสนดีอีก มึงก็รู้ว่าเป็นพระรองมันเจ็บ เป็นพระเอกกับเขาบ้างสิวะ’‘เขาเป็นของมึงท่องไว้ ถ้ามันอยากได้ก็สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย’ถ้าเราหัวใจตรงกันแล้วทำไมเขาต้องยอมเสียเธอไปให้คนอื่นด้วยวะ รักแรกแล้วไง ใครกลัว รอบนี้เขาจะสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้เธอเป็นนางเอกเขาก็จะเป็นพระเอกไนท์วนรถกลับเข้ามาอีกครั้งทั้งที่ขับออกไปเกือบถึงทางออกหน้ามหาลัยแล้ว แต่พอขับเข้ามาก็เห็นนานิกำลังขึ้นรถเบนซ์คันสีดำที่เขารู้ดีว่ามันคือรถของใครมึงอีกแล้วเหรอ?ไนท์ดับเครื่องมอเตอร์ไซค์ถอดหมวกกันน็อกออกด้วยความรีบร้อน ในใจเดือดปุดๆ ที่เห็นมิลล์มารับนานิ ก้าวตรงไปที่รถของมิลล์แล้วพอเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วเห็นมิลล์โน้มตัวมาหานานิ ท่าทางเหมือนทั้งสองกำลังจูบกัน วินาทีนั้นความโกรธก็พุ่งปรี๊ด ไนท์โกรธเลือดขึ้นหน้ากระชากประตูฝั่งข้างคนขับออกด้วยความโมโห“ทำบ้าอะไรกัน” กระชากประตูเปิดออกก็ลากร่างบางออกมาแล้วตะโกนถามโดยไม่สนนักศึกษาหลายคนที่อยู่แถวนั้นทุกคนต่างพากันมาเมียงมองอย่างให้ความสน







