วันนั้นอิสริยาไม่ได้ไปส่งลูกเพราะว่าสกนธีเสนอตัวไปส่งเอง เธอเห็นว่าน้องเพียงมีความสุขดีจึงไม่อยากขวางสองพ่อลูก หญิงสาวถือโอกาสเคลียร์งานที่ร้านหลังจากที่วานนี้ออกไปดูที่กับพุฒิเมธ และมีการปะทะเล็กๆ กับสกนธีในรถยนต์จนเธอไม่มีสมาธิทั้งวัน
นอกจากดูแลร้านตัวเองแล้ว หญิงสาวยังมีหน้าที่หลักช่วยเรื่องระบบหลังบ้านของห้างค้าส่งของที่บ้านอีกด้วย ในเรื่องของการดูแลด้านการเงินการบัญชีและระบบเงินเดือน
ตอนบ่ายเธอเข้าไปที่สำนักงานของห้างค้าส่งเพราะเป็นวันเซ็นสัญญาจ้างก่อสร้างห้างใหม่ ซึ่งตัวอิสริยาเองต้องเข้าไปในฐานะกรรมการบริหารและหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้าง จึงได้พบกับสกนธีที่มากับ ชานนท์และทีมกฎหมายของทั้งสองฝ่าย
“ดีนะ ที่อาเอ๋กับผัวไม่ได้จดทะเบียนกัน ไม่งั้นใครรู้จะหาว่าฮั้วกันเองอีก” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังเสร็จสิ้นการลงนามในสัญญา
“เอาราคาที่เซ็นไปเช็กก็ได้ ว่าฮั้วกันยังไงบริษัทเขาลดให้เราจนแทบไม่มีกำไร จะพอจ่ายค่าแรงคนงานหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
เสี่ยกวงว่าใส่หน้าญาติคนหนึ่งที่เป็นผู้ถือหุ้นของห้างอย่างไม่เกรงใจ ชายสูงวัยพูดต่อ
“แล้วลูกสาวลูกเขยอั๊วจะจดทะเบียนกันไหม ก็เป็นเรื่องของอีสองคนมันคงไม่เกี่ยวกับคนนอกครอบครัวอย่างลื้อหรอกจริงไหม”
อิสริยามองไปที่ญาติคนนั้นนิ่งไม่พูดอะไรเพราะถือว่าบิดาออกหน้าแทนแล้ว หญิงสาวกวาดสายตาไปสบตากับสกนธีที่กำลังมองเธออยู่พอดี เขาเดินมาหาเธอหลังจากที่สั่งงานทีมงานแล้ว
“เดี๋ยวพี่ไปรับลูกเองก็ได้ เอ๋จะกลับเลยไหม”
“ค่ะ กลับเลยดีกว่า”
ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าจะอยู่คุยกับครอบครัวต่อ แต่เมื่อเจอคำพูดของญาติๆ ทำให้เธอเซ็งและเลือกจะกลับออกมาเลยพร้อมกับสกนธี เนื่องจากเรื่องความระหองระแหงกับสามีจนเธอต้องย้ายมาอยู่ที่ร้าน ไม่มีญาติคนอื่นทราบนอกจากพี่น้องและบิดามารดา
“งั้นเอ๋ไปกับเก่งเลยนะ พี่จะอยู่เคลียร์งานต่อ” อังกูรบอกน้องสาวเพราะว่าวันนี้ตอนที่น้องสาวมาเขาเป็นคนไปรับอิสริยามาจากร้าน
หญิงสาวยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเห็นว่าใกล้เวลาที่ลูกจะเลิกเรียนแล้วจึงจะเลยไปรับน้องเพียงกลับบ้านด้วยกัน
“ฉันไปเองได้ คุณไปทำงานเถอะ” เธอบอกเมื่อเดินออกมากับสกนธีถึงลานจอดรถ
“เมื่อเช้าพี่รับปากลูกว่าจะมารับหลังเลิกเรียน พี่ไม่อยากผิดสัญญากับลูก” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อนพลางเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้แม่ของลูก ทำเป็นไม่เห็นอาการที่เธอถอนใจแรงๆ ก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถยนต์
“เย้... วันนี้พ่อแม่มาด้วยกัน”
น้องเพียงรีบวิ่งมาหาพ่อแม่ที่รอรับหน้าโรงเรียน เด็กหญิงมีท่าทางดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นว่าทั้งสกนธีและอิสริยามาด้วยกัน
ทั้งสองไปรับลูกกลับจากโรงเรียนด้วยกัน สกนธีอยู่รับประทานมื้อเย็นกับลูกตามที่น้องเพียงร้องขอก่อนที่เขาจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ
“พ่อกลับก่อนนะคะลูก ช่วงนี้พ่อต้องทำงานเยอะ” สกนธีย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้าคุยกับเด็กหญิง
“พ่อทำงานที่นี่ไม่ได้เหรอคะ เมื่อวานยังนอนที่นี่ได้เลย” เด็กหญิงอ้อน
“ที่นี่ไม่มีโต๊ะทำงานของพ่อค่ะลูก” อิสริยาตอบแทน เธอรู้จาก ชานนท์ว่าสกนธีต้องทำงานเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ เพราะเขารับงานของครอบครัวเธอไปดูแลให้เองในตำแหน่ง Architect Director แล้วยังมีงานอื่นๆ ที่เขาต้องทำตามปกติ
“งั้นก็ซื้อโต๊ะทำงานใหม่สิคะพ่อ”
“ไม่ได้ค่ะลูก พ่อต้องใช้สมาธิทำงานค่ะ ที่นี่มีแต่เสียงลูกแจ้วๆ เสียงการ์ตูนก็ด้วย พ่อเขาทำงานไม่ได้หรอกค่ะ”
“ได้ๆ พี่ทำได้ ถ้าเอ๋อนุญาต” สกนธีรีบพูด เขานึกไปถึงอดีตที่เคยดุเวลาน้องเพียงพูดหรือเล่นเสียงดังเวลาเขาทำงานที่บ้าน
“พี่ขอโทษนะที่เมื่อก่อนเคยว่า เคยบ่นเวลาลูกเล่น” เขาพูดเสียงเบาลงให้ได้ยินเพียงสองคน มองท่าทางของอิสริยาก็รู้ว่าเธอกำลังคิดเรื่องเดียวกัน ชายหนุ่มเริ่มท้อเมื่อมองกลับไปในอดีตก็เห็นแต่ความผิดพลาดของตัวเองเต็มไปหมด
“นะคะแม่... ให้พ่อมาทำงานที่นี่นะคะ” น้องเพียงกระตุกมือมารดา หญิงสาวเม้มปากอดทนไม่อยากหลุดคำพูดร้ายๆ ออกมา
“น้องเพียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่ะ แม่ขอคุยกับพ่อแป๊บนะคะลูก”
เด็กหญิงลังเล แต่ด้วยความที่เธอไม่เคยขัดคำพูดของมารดาจึงทำได้เพียงว่า “พ่ออย่าเพิ่งไปนะคะ รอหนูออกมาก่อน” เด็กหญิงหันไปมองสกนธีที่รีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
“ค่ะ พ่อจะรอหนูออกมาก่อน” ได้ยินดังนั้นน้องเพียงจึงยอมเดินตามพี่เลี้ยงเข้าไปในห้องแต่งตัว
“ฉันว่าคุณควรรักษาระยะห่างระหว่างเราให้มากกว่านี้สักหน่อย ฉันอึดอัด” อิสริยาพูดขึ้นทันทีที่คล้อยหลังลูกสาว
“พี่ไม่ได้อยากทำให้ลูกอึดอัด แต่พี่อยากขอโทษ อยากไถ่โทษ เอ๋เป็นคนบอกเองว่าถ้าพี่ไม่สม่ำเสมอลูกจะเสียใจไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มถอนใจยาว ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าเธอไม่เต็มใจกับการที่มีเขาวนเวียนทั้งในเรื่องงานและเรื่องในบ้าน
“แต่พี่ก็ไม่อยากไปๆ มาๆ มาแล้ว เอ๋ก็รู้ว่าช่วงนี้พี่ทำงานหนักแต่ก็ไม่อยากให้น้องเพียงรู้สึกไม่ดีอีกถ้าพี่หายไป”
“คุณหมายความว่ายังไง จะมาอยู่ที่นี่เหรอ” เธอเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
“พี่อยากดูแลลูก ถ้าเอ๋ไม่อยากให้พี่ดูแลเอ๋ก็ไม่เป็นไร ตึกนี้มีสามชั้นห้องข้างบนก็ว่างไม่ใช่เหรอ” สกนธีรู้แปลนตึกนี้ดีเพราะตอนซื้อเขาเองก็มีส่วนด้วยครึ่งนึง
“มันว่างแต่ฉันไม่ได้ตกแต่ง ไม่ได้ทำอะไรเลย” ปกติชั้นสามอิสริยาใช้เป็นที่เก็บของจุกจิก จิปาถะทั่วไปโดยใช้พื้นที่บริเวณห้องโถง ส่วนภายในห้องสองห้องที่กั้นไว้เดิมยังคงสภาพแรกเริ่มอยู่
“พี่ทำเองได้ แต่ถ้าเอ๋ยังอึดอัดที่พี่มาอยู่ชั้นสามงั้นพี่จะไล่ร้านกาแฟข้างๆ ออกแล้วไปอยู่แทน” ชายหนุ่มเพิ่งนึกได้ว่าเขามีสิทธิ์ที่ตึกนี้ครึ่งหนึ่ง และต่อให้มันดูไม่เป็นวิธีของสุภาพบุรุษแค่ไหน หากถึงตาจนและไม่มีทางอื่นแล้วเขาก็ต้องทำ
“คุณจะบ้าเหรอ เขาทำสัญญาเช่าถูกต้อง ไม่ได้ทำอะไรผิดสัญญาด้วยแล้วอยู่ๆ จะไปไล่เขาออกได้ไง”
ชายหนุ่มหรี่ตามองคนที่กำลังโวยวายแทนลูกบ้าน
“เอาเป็นว่าถ้าเอ๋ไม่อยากพี่ให้ไล่ไอ้หมอนั่นออกไปหาร้านอื่น พี่จะมาตกแต่งชั้นสามเป็นห้องทำงานกับห้องพักในระหว่างที่เรายังไม่อยากย้ายกลับบ้านละกัน แล้วระหว่างที่ยังตกแต่งไม่เสร็จพี่ก็คงต้องขอรบกวนพื้นที่ชั้นสองไปก่อนนะครับ”
วันต่อมาสกนธีทำตามที่พูดจริงๆ ชายหนุ่มขนเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว โต๊ะและอุปกรณ์การทำงานจากบ้านมาที่ร้าน โดยมีลูกสาวตัวน้อยคอยช่วยพ่อหยิบจับของด้วยสีหน้าที่บอกว่าดีใจอย่างมากพื้นที่ชั้นสองของอาคารสามคูหานั้นกว้างพอที่เขาจะจัดมุมทำงานและวางเครื่องนอนได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตของอิสริยา“ไหนคุณว่าจะขึ้นไปนอนชั้นสาม” อิสริยาออกจากห้องมาเห็นที่นอนแบบพับปูที่พื้นจึงถามด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ“ตอนนี้ชั้นสามยังไม่ได้ตกแต่ง พี่ขอเวลาแป๊บนะเดี๋ยวให้ช่างเข้ามาติดแอร์ ตกแต่งเพิ่มทาสีใหม่เปลี่ยนอะไรที่เสียชำรุดด้วย” พื้นที่ชั้นสามประกอบด้วยห้องนอนสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ และมีส่วนของพื้นที่เปิดเป็นลานกว้าง ที่สกนธีมีแผนจะทำเป็นสวนขนาดเล็กปลูกต้นไม้และดอกไม้เพื่อให้บรรยากาศสดชื่นน่าอยู่ขึ้น“แล้วก็นี่...” สกนธีหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรอยู่สองสามนาที จากนั้นมีสัญญาณข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินถูกโอนเข้าบัญชีที่โทรศัพท์ของอิสริยา เธอยกขึ้นดูอย่างงงๆ มองตัวเลขจำนวนห้าหลักที่ถูกโอนเข้ามา“พี่โอนค่าใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่ค่าน้ำไฟให้ ต่อไปนี้จะให้ทุกเดือน” อิสริยาถอนใจ จะไม่ให้เขาอยู่ก็ไม่อ
วันนั้นอิสริยาไม่ได้ไปส่งลูกเพราะว่าสกนธีเสนอตัวไปส่งเอง เธอเห็นว่าน้องเพียงมีความสุขดีจึงไม่อยากขวางสองพ่อลูก หญิงสาวถือโอกาสเคลียร์งานที่ร้านหลังจากที่วานนี้ออกไปดูที่กับพุฒิเมธ และมีการปะทะเล็กๆ กับสกนธีในรถยนต์จนเธอไม่มีสมาธิทั้งวันนอกจากดูแลร้านตัวเองแล้ว หญิงสาวยังมีหน้าที่หลักช่วยเรื่องระบบหลังบ้านของห้างค้าส่งของที่บ้านอีกด้วย ในเรื่องของการดูแลด้านการเงินการบัญชีและระบบเงินเดือน ตอนบ่ายเธอเข้าไปที่สำนักงานของห้างค้าส่งเพราะเป็นวันเซ็นสัญญาจ้างก่อสร้างห้างใหม่ ซึ่งตัวอิสริยาเองต้องเข้าไปในฐานะกรรมการบริหารและหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้าง จึงได้พบกับสกนธีที่มากับ ชานนท์และทีมกฎหมายของทั้งสองฝ่าย “ดีนะ ที่อาเอ๋กับผัวไม่ได้จดทะเบียนกัน ไม่งั้นใครรู้จะหาว่าฮั้วกันเองอีก” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังเสร็จสิ้นการลงนามในสัญญา “เอาราคาที่เซ็นไปเช็กก็ได้ ว่าฮั้วกันยังไงบริษัทเขาลดให้เราจนแทบไม่มีกำไร จะพอจ่ายค่าแรงคนงานหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” เสี่ยกวงว่าใส่หน้าญาติคนหนึ่งที่เป็นผู้ถือหุ้นของห้างอย่างไม่เกรงใจ ชายสูงวัยพูดต่อ“แล้วลูกสาวลูกเขยอั๊วจะจดทะเบียน
เช้าวันรุ่งขึ้นสกนธีตื่นจากเสียงดังก๊อกแก๊กของแม่บ้านที่มาทำความสะอาด ชายหนุ่มลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ลงไปเอามาจากในรถ เขาจึงได้เห็นว่าบริเวณชั้นสองจะมีแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด ในโซนห้องครัวแม่บ้านจะช่วยเตรียมอาหารสดไว้ให้อิสริยามาปรุงเองสำหรับอาหารมื้อเช้า เธอไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมอาหารสำหรับครอบครัว ทำงานบ้าน แต่งตัวให้ลูก ดูแลให้รับประทานมื้อเช้าและไปส่งลูก ทำทุกอย่างเองแบบในตอนที่ยังอยู่กับเขาอีกแล้ว‘นอกจากช่วยแบ่งเบาภาระไม่ได้ เรายังทำให้เอ๋เหนื่อยขึ้นด้วยการไม่ยอมให้มีแม่บ้าน มึงคิดอะไรอยู่วะตอนนั้น’ เขานึกด่าตัวเองที่เคยหลุดปากตำหนิว่าเธอไม่ดูแลตัวเอง ตอนนี้เมื่อมีโอกาสทบทวนจึงรู้ว่าอิสริยาจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลความสวยความงามแบบตอนก่อนแต่งงาน ในเมื่อเธอต้องดูแลทุกอย่างในบ้านคนเดียวเขาเดินเข้าไปในครัว เห็นอิสริยายืนหันหลังให้เธอกำลังทำอะไรที่หน้าเตา “มีอะไรให้พี่ช่วยไหมเอ๋” หญิงสาวเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะมองเตาที่หม้อข้าวต้มกำลังเดือด “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” เธอได้ยินเสียงเขาเดินมาหาจึงไม่ตกใจ “คุณจะกลับเลยก็ได้ค่ะ ถ้าลูกตื่นเดี๋ยวฉ
สองพ่อลูกหายไปกันประมาณสี่สิบนาทีเมื่ออิสริยาได้ยินเสียงแจ้วๆ ของลูกเธอจึงออกจากห้องทันได้เห็นว่าสกนธีอุ้มลูกเดินขึ้นบันไดมาเพราะเด็กหญิงอ้อนไม่อยากเดินเอง เธอฟังเสียงชายหนุ่มคุยเล่นกับลูกอย่างสะท้อนใจ ภาพความสุขของเด็กหญิงทำให้เธอไล่เขาออกไปจากบ้านไม่ลง จนกระทั่ง“โอ๊ย...” เสียงสกนธีดังขึ้นเพราะลูกที่กอดคอเขาอยู่เผลอกดมือลงบนแผลที่อิสริยากัดเขาเมื่อตอนกลางวัน“พ่อร้องทำไมคะ เจ็บเหรอ” น้องเพียงทำหน้าตกใจจนอิสริยาต้องรีบไปรับตัวลูกมา“น้องเพียงมาหาแม่ก่อนค่ะ”“ไม่มีอะไรค่ะลูก พ่อลืมว่าเดินชนประตูเลยเจ็บ” ชายหนุ่มปล่อยเด็กหญิงลงนั่งบนเก้าอี้ เขารีบพูดให้เธอสบายใจ“น้องเพียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับพี่จี๊ดก่อนค่ะลูก จะได้มากินขนม” เมื่อลูกไปกับพี่เลี้ยงแล้วหญิงสาวหันมามองเขาเขม็ง“เลือดออกขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมคุณไม่ไปทำแผล” เธอย่อมจำได้ดีว่าตัวเองเป็นเจ้าของรอยแผลนั้น แต่เขาจะโทษเธอไม่ได้เพราะถ้าเขาไม่ทำรุ่มร่ามมันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสกนธีหันมามองรอยเลือดบนบ่าที่ซึมผ่านเสื้ออย่างไม่สนใจนัก “ไม่เป็นไรหรอกเอ๋ เอาไว้เตือนตัวเองก็ดีเหมือนกัน”
อิสริยาหันมากระชากแขนออกจากมือเขาแต่กลับถูกดึงเข้าไปกอดทั้งตัว ชายหนุ่มยกร่างบอบบางลอยหวือจากเบาะที่นั่งอยู่ไปนั่งบนตักเขา เขารวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้ด้วยกันด้วยมือเดียวไพล่หลัง อิสริยาดิ้นขลุกขลักด้านหลังเธอชนกับพวงมาลัยรถยนต์ด้านหน้าก็ถูกกอดรัดจนขยับไม่ได้“ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” เธอก้มลงกัดบ่าเขาเต็มแรงเมื่อถูกพันธนาการไว้แน่นหนาสกนธีปล่อยให้เธอกัด เขากอดเธอนิ่งจนหญิงสาวได้กลิ่นเลือดเธอเงยหน้าขึ้นเห็นเลือดที่ซึมจากแผลที่เธอกัดผ่านเนื้อผ้าของเสื้อเชิ้ตเนื้อดีที่เขาสวมอยู่ “กัดอีกก็ได้ เอ๋จะทำอะไรพี่อีกก็ได้ถ้าทำให้ความรู้สึกดีขึ้น”ชายหนุ่มเจ็บหนึบที่แผลแต่เขารู้ว่านั่นยังไม่เท่ากับที่เขาเคยทำไว้กับเธอ เขาคลายมือที่รวบข้อมือเธอไว้แต่ยังกอดเธอนิ่งรอจนเธอสงบลงเอง “ปล่อยเดี๋ยวนี้” อิสริยาขบฟันด้วยความโมโห“สัญญาก่อนว่าจะไม่วิ่งหนี เดี๋ยวพี่ไปส่งเอ๋ที่ร้านเอง”สกนธีไปส่งอิสริยาที่ร้านแล้วจึงย้อนกลับมาเอาเอกสารที่บ้าน ชายหนุ่มเข้าบริษัทในตอนบ่ายเจอกลุ่มเพื่อนที่มาหาพอดี“มึงไปโดนอะไรมาวะ” อัศราทักขึ้นมา เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมเปลี่ยนเสื้อ ฝ่ายนั้นลุกมาดูใกล้ๆ ที่ไหล่
หลังจากที่พุฒิเมธและมิลินกลับไปแล้ว อิสริยาก็ขยับตัวแต่สกนธีรีบเรียกเธอไว้“เอ๋จะไปไหนครับ ช่วยมาดูอะไรตรงนี้ก่อนได้ไหม” อิสริยาชะงักเธอกำลังจะออกไปมองหารถแท็กซี่ เมื่อครู่ดูเหมือนว่าพุฒิเมธจะลืมว่าเธอยังไม่ได้ตอบคำถาม เขารีบร้อนกลับไปโดยที่ไม่รอเธอตอบสักคำว่าจะกลับอย่างไร แต่อีกใจเธอก็เข้าใจเขาว่าคงต้องการเวลาในการปรับอารมณ์พอสมควร หญิงสาวจึงสะดวกใจที่จะหา รถกลับเองมากกว่า“มีอะไรคะ” หญิงสาวถามแต่ไม่เดินไปหาสกนธีที่กำลังกางกระดาษออกมาดูอะไรสักอย่างในนั้น“พี่อยากให้เอ๋มาดูตรงนี้ทีครับ ว่าพี่เขียนแบบมาอย่างนี้การใช้งานจริงจะโอเคไหม” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเดินมาหาเธอเอง เขาส่งกระดาษแบบโครงสร้างคร่าวๆ ให้เธอดู อิสริยารับไปถือดูเองเขาจึงหันไปขอร่มจากลูกน้องมากางให้ทั้งภรรยาและตนเองเนื่องจากตอนนี้แดดเริ่มแรงมาก“เฮียเขาว่าอย่างไงคะ เห็นแบบนี้หรือยัง” อิสริยาขมวดคิ้วเมื่อการออกแบบห้างใหม่ ดูต่างจากของเดิมค่อนข้างมาก“เมื่อคืนพี่ส่งไฟล์คร่าวๆ ให้ดูยังไม่ได้ลงดีเทล เฮียเขาว่าให้เอ๋ดูวันนี้ก็ได้ว่ามันเหมาะกับที่จริงไหม” “ก็น่าจะดีนะคะ แต่จริงๆ ก็คือยังไม่เห็นภาพค่ะ” เธอตอบตามตรง