วันต่อมาสกนธีทำตามที่พูดจริงๆ ชายหนุ่มขนเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว โต๊ะและอุปกรณ์การทำงานจากบ้านมาที่ร้าน โดยมีลูกสาวตัวน้อยคอยช่วยพ่อหยิบจับของด้วยสีหน้าที่บอกว่าดีใจอย่างมาก
พื้นที่ชั้นสองของอาคารสามคูหานั้นกว้างพอที่เขาจะจัดมุมทำงานและวางเครื่องนอนได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตของอิสริยา
“ไหนคุณว่าจะขึ้นไปนอนชั้นสาม” อิสริยาออกจากห้องมาเห็นที่นอนแบบพับปูที่พื้นจึงถามด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ
“ตอนนี้ชั้นสามยังไม่ได้ตกแต่ง พี่ขอเวลาแป๊บนะเดี๋ยวให้ช่างเข้ามาติดแอร์ ตกแต่งเพิ่มทาสีใหม่เปลี่ยนอะไรที่เสียชำรุดด้วย”
พื้นที่ชั้นสามประกอบด้วยห้องนอนสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ และมีส่วนของพื้นที่เปิดเป็นลานกว้าง ที่สกนธีมีแผนจะทำเป็นสวนขนาดเล็กปลูกต้นไม้และดอกไม้เพื่อให้บรรยากาศสดชื่นน่าอยู่ขึ้น
“แล้วก็นี่...” สกนธีหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรอยู่สองสามนาที จากนั้นมีสัญญาณข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินถูกโอนเข้าบัญชีที่โทรศัพท์ของอิสริยา เธอยกขึ้นดูอย่างงงๆ มองตัวเลขจำนวนห้าหลักที่ถูกโอนเข้ามา
“พี่โอนค่าใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่ค่าน้ำไฟให้ ต่อไปนี้จะให้ทุกเดือน”
อิสริยาถอนใจ จะไม่ให้เขาอยู่ก็ไม่อยากทำลายความสุขของลูก แต่ถึงอย่างไรสกนธีต้องรู้ว่าทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
“ฉันจะไม่ซักผ้ารีดผ้าให้คุณนะ ส่วนเรื่องกินแม่บ้านทำเผื่อคุณได้ ของใช้ส่วนตัวคุณต้องซื้อมาเอง ฉันจะไม่หาไม่ทำอะไรให้คุณแล้ว”
“ได้เลย เรื่องซักรีดผมส่งร้านก็ได้ เรื่องอาหารผมจะกลับมาให้ทันมื้อเย็นทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ทันจะบอกล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องทำทิ้ง” สกนธีโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ อย่างน้อยอิสริยาก็ไม่ไล่เขาออกจากตึก ซึ่งเขารู้ว่าไม่ใช่เพราะว่ามีสิทธิ์กันคนละครึ่ง แต่เธอเห็นแก่ลูกต่างหากนั่นคือเหตุผลที่เธอยอม
“พี่เก่งวอร์มเตาเลยค่ะ เปิดเตาที่ร้อยแปดสิบองศานะคะกว่าเราจะทำฐานชีสเค้กเสร็จเตาก็ร้อนพอดี”
ชมพูนุทบอกลูกศิษย์คนล่าสุด สกนธีที่ตอนนี้สวมผ้ากันเปื้อนมองเตาอบที่เจ้าของร้านชี้แล้วปรับไฟตามที่เธอบอก
“แล้วตัดกระดาษไขให้ได้ขนาดเท่าก้นพิมพ์ค่ะ วันนี้เราจะใช้พิมพ์ขนาดแปดนิ้วนะคะ พอได้แล้วทาเนยจืดละลายที่ก้นพิมพ์กับขอบด้านข้างให้ทั่ว” ชมพูนุทส่งคลิปวิธีทำให้ชายหนุ่มดูล่วงหน้าแล้ว เธอจึงไปอย่างค่อนข้างเร็ว โดยที่ให้สกนธีทำอีกชุดไปพร้อมกับเธอ
“บิสกิตเราจะบดก่อนค่ะแบบนี้ แล้วเอามาผสมกับเนยละลายที่เราเตรียมไว้” สกนธีทำตามอย่างเก้ๆ กังๆ เครื่องครัวปกติเขาก็ไม่คุ้นชินเท่าใดอยู่แล้ว ยิ่งมาเจออุปกรณ์ครัวเบเกอรียิ่งงงไปกันใหญ่
“เข้ากันดีแล้วเทใส่พิมพ์ค่ะ พิมพ์วันนี้จะเป็นแบบถอดก้นได้เลยต้องห่อฟอยล์ด้านนอกไม่ให้น้ำเข้าแบบนี้ค่ะ เทบิสกิตลงไปเกลี่ยให้หนาเสมอกันแล้วกดให้แน่นค่ะพี่เก่ง ขั้นตอนนี้ต้องทำให้เนี้ยบนะคะเพราะว่าตอนที่เราอบเสร็จแล้วตัดเป็นชิ้นมันจะเห็นได้เลยว่าเราอัดฐานดีแค่ไหน”
ชมพูนุทลงมือทำอย่างคล่องแคล่วเพราะนี่เป็นเมนูที่ร้านเธอมีขายประจำ เรียกได้ว่าหลับตาทำก็ยังได้ ขายดีและทำไม่ยากถือว่าเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับมือใหม่หัดทำ
“เรียบร้อยแล้วเอาพิมพ์ใส่เตาอบที่เราวอร์มไฟรอค่ะ ตั้งเวลาสิบนาทีพอ”
ชายหนุ่มคอยสังเกตว่าชมพูนุททำอะไรแบบไหนแล้วทำตาม เขาเทครีมชีสที่อ่อนตัวและตัดเป็นชิ้นลูกเต๋าลงในอ่างผสม เปิดเครื่องตีแบบมือจับแต่ทันทีที่เริ่มครีมชีสก็กระเด็นออกนอกอ่างไปหลายชิ้น
“ค่อยๆ ก่อนค่ะพี่เก่ง เปิดความเร็วระดับหนึ่งก่อนหมุนหัวตีวนรอบอ่างผสมช้าๆ ค่ะ” ชมพูนุทรีบบอกก่อนที่ครัวเธอจะเลอะมากกว่านี้
“ครับ” คนเป็นนักเรียนขมวดคิ้ว จับเครื่องตีแป้งมันยากกว่าจับดินสอเขียนแบบเยอะกว่าที่คิดไว้มาก
จนดูว่าครีมชีสเนียนดีแล้ว ชมพูนุทจึงเริ่มขั้นตอนต่อไป “เทน้ำตาลที่ตวงไว้กับแป้งใส่ลงไปในอ่างค่ะพี่เก่ง แล้วตีให้เข้ากันแบบนี้นะคะ” หญิงสาวทำให้ดูไปพร้อมๆ กัน สกนธีที่เริ่มจับทางได้ก็ทำตามแบบไม่ผิดเพี้ยน
“ต่อไปก็เป็น sour cream ค่ะพี่เก่ง” sour cream คือครีมเปรี้ยวซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม ได้จากการหมักครีมกับแบคทีเรียกรดแลคติกบางชนิด ทำให้ครีมมีรสเปรี้ยวและข้นขึ้น ซึ่งมักจะถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในวัตถุดิบการทำอาหารทั้งคาวและหวานเพื่อตัดรสเลี่ยน หรือเพื่อให้มีรสชาติเข้มข้นขึ้น
สกนธีตัก Sour Cream หรือครีมเปรี้ยวลงไปในอ่างผสมแล้วตีต่อ จากนั้นเขาตอกไข่ไก่สดจำนวนตามสูตรลงในถ้วยอีกใบ จากนั้นเติมลงไปในอ่างผสมทีละฟองตามด้วยวนิลา ใช้เครื่องผสมอาหารทำให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันในเวลาไม่นานนัก
“เทใส่พิมพ์แล้วใช้ไม้จิ้มฟันวนให้ทั่วค่ะ ไล่ฟองอากาศ เสร็จแล้วเอาใส่เตาอบวางในถาด เติมน้ำร้อนลงไปในถาดให้สูงประมาณหนึ่งเซน อันนี้เรียกว่าการแบบอบรองน้ำค่ะ ไอน้ำในเตาจะทำให้ขนมเนื้อไม่แห้งและหน้าไม่แตก นิวยอร์คชีสเค้กที่เราทำวันนี้จะใช้ไฟไม่แรงมากตั้งไว้ที่หนึ่งร้อยห้าสิบองศาไฟบนล่างเวลาห้าสิบนาทีค่ะ”
ครบเวลาชมพูนุทเปิดเตาดึงถาดขนมออกมาดู
“วิธีเช็กสุกของขนมตัวนี้คือเราต้องลองเขย่าถาดเบาๆ ค่ะ ถ้าขอบขนมไม่นิ่งแปลว่ายังไม่สุกให้ต่อเวลาอีกสามถึงห้านาที ถ้าเด้งแค่ตรงกลางคือสุกแล้วให้ปิดเตาเอาขนมใส่เตาไว้อย่างเดิมจนเค้กคลายความร้อนลงมาอยู่ที่อุณหภูมิห้องก็เอาจากเตาได้ค่ะ”
“ทำไมต้องทิ้งไว้ด้วยละครับน้องนุท” สกนธีไม่เข้าใจ
“ถ้าเอาออกจากเตาทันที อุณหภูมิที่ต่างกันมากระหว่างในกับนอกเตาอบจะทำให้ขนมเย็นลงเร็วเกินไปค่ะ หน้าจะแตกและยุบได้ แต่ถ้าเราปล่อยให้เขาเย็นลงอย่างช้าๆ ขนมจะไม่ยุบตัวและหน้าสวย”
เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “พี่เพิ่งรู้ว่าจริงๆ การทำขนมมันก็เป็นวิทยาศาสตร์นะเนี่ย”
“ใช่ค่ะ โดยเฉพาะเบเกอรีทุกอย่างมีคำตอบทางวิทยาศาสตร์ได้ทุกข้อเลย ว่าทำไมต้องใส่วัตถุดิบตัวนี้ ทำไมต้องใส่อะไรก่อนหลัง มันมีเหตุผลหมดค่ะ”
“แบบนี้ก็ไม่ต้องไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องมูอะไรเลยสิเนี่ย” สกนธีถามต่อ
“ใครว่าล่ะ” ภากรมาทันได้ยินจึงแทรกขึ้นมาพลางหัวเราะไปด้วย “เมียฉันไหว้เตา ไหว้เครื่องตีทุกสงกรานต์ แขวนพวงมาลัยครัวหอมรึ่มทุกปีไม่เคยขาด”
ชมพูนุทค้อนสามีแบบไม่จริงจังนัก “แหมพี่กรคะ ฝีมือก็เรื่องนึงแต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องมูกันเหนียวค่ะ ใช่ไหมคะพี่เก่ง พี่เก่งออกแบบบ้านก็มีเรื่องฮวงจุ้ยที่ต้องเข้ามาเสริมเหมือนกัน” ท้ายประโยคเธอหันมาถามสกนธี
“ออ ครับใช่” สกนธีไม่ได้พูดต่อว่าอาชีพเขากับซินแสนั้นเรียกได้ว่าไม้เบื่อไม้เมากันก็ว่าได้ แต่ถึงที่สุดยังไงก็ต้องให้เจ้าของงานเป็นคนตัดสินใจอีกครั้งอยู่ดี
วันต่อมาสกนธีทำตามที่พูดจริงๆ ชายหนุ่มขนเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว โต๊ะและอุปกรณ์การทำงานจากบ้านมาที่ร้าน โดยมีลูกสาวตัวน้อยคอยช่วยพ่อหยิบจับของด้วยสีหน้าที่บอกว่าดีใจอย่างมากพื้นที่ชั้นสองของอาคารสามคูหานั้นกว้างพอที่เขาจะจัดมุมทำงานและวางเครื่องนอนได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตของอิสริยา“ไหนคุณว่าจะขึ้นไปนอนชั้นสาม” อิสริยาออกจากห้องมาเห็นที่นอนแบบพับปูที่พื้นจึงถามด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ“ตอนนี้ชั้นสามยังไม่ได้ตกแต่ง พี่ขอเวลาแป๊บนะเดี๋ยวให้ช่างเข้ามาติดแอร์ ตกแต่งเพิ่มทาสีใหม่เปลี่ยนอะไรที่เสียชำรุดด้วย” พื้นที่ชั้นสามประกอบด้วยห้องนอนสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ และมีส่วนของพื้นที่เปิดเป็นลานกว้าง ที่สกนธีมีแผนจะทำเป็นสวนขนาดเล็กปลูกต้นไม้และดอกไม้เพื่อให้บรรยากาศสดชื่นน่าอยู่ขึ้น“แล้วก็นี่...” สกนธีหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรอยู่สองสามนาที จากนั้นมีสัญญาณข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินถูกโอนเข้าบัญชีที่โทรศัพท์ของอิสริยา เธอยกขึ้นดูอย่างงงๆ มองตัวเลขจำนวนห้าหลักที่ถูกโอนเข้ามา“พี่โอนค่าใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่ค่าน้ำไฟให้ ต่อไปนี้จะให้ทุกเดือน” อิสริยาถอนใจ จะไม่ให้เขาอยู่ก็ไม่อ
วันนั้นอิสริยาไม่ได้ไปส่งลูกเพราะว่าสกนธีเสนอตัวไปส่งเอง เธอเห็นว่าน้องเพียงมีความสุขดีจึงไม่อยากขวางสองพ่อลูก หญิงสาวถือโอกาสเคลียร์งานที่ร้านหลังจากที่วานนี้ออกไปดูที่กับพุฒิเมธ และมีการปะทะเล็กๆ กับสกนธีในรถยนต์จนเธอไม่มีสมาธิทั้งวันนอกจากดูแลร้านตัวเองแล้ว หญิงสาวยังมีหน้าที่หลักช่วยเรื่องระบบหลังบ้านของห้างค้าส่งของที่บ้านอีกด้วย ในเรื่องของการดูแลด้านการเงินการบัญชีและระบบเงินเดือน ตอนบ่ายเธอเข้าไปที่สำนักงานของห้างค้าส่งเพราะเป็นวันเซ็นสัญญาจ้างก่อสร้างห้างใหม่ ซึ่งตัวอิสริยาเองต้องเข้าไปในฐานะกรรมการบริหารและหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้าง จึงได้พบกับสกนธีที่มากับ ชานนท์และทีมกฎหมายของทั้งสองฝ่าย “ดีนะ ที่อาเอ๋กับผัวไม่ได้จดทะเบียนกัน ไม่งั้นใครรู้จะหาว่าฮั้วกันเองอีก” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังเสร็จสิ้นการลงนามในสัญญา “เอาราคาที่เซ็นไปเช็กก็ได้ ว่าฮั้วกันยังไงบริษัทเขาลดให้เราจนแทบไม่มีกำไร จะพอจ่ายค่าแรงคนงานหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” เสี่ยกวงว่าใส่หน้าญาติคนหนึ่งที่เป็นผู้ถือหุ้นของห้างอย่างไม่เกรงใจ ชายสูงวัยพูดต่อ“แล้วลูกสาวลูกเขยอั๊วจะจดทะเบียน
เช้าวันรุ่งขึ้นสกนธีตื่นจากเสียงดังก๊อกแก๊กของแม่บ้านที่มาทำความสะอาด ชายหนุ่มลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ลงไปเอามาจากในรถ เขาจึงได้เห็นว่าบริเวณชั้นสองจะมีแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด ในโซนห้องครัวแม่บ้านจะช่วยเตรียมอาหารสดไว้ให้อิสริยามาปรุงเองสำหรับอาหารมื้อเช้า เธอไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมอาหารสำหรับครอบครัว ทำงานบ้าน แต่งตัวให้ลูก ดูแลให้รับประทานมื้อเช้าและไปส่งลูก ทำทุกอย่างเองแบบในตอนที่ยังอยู่กับเขาอีกแล้ว‘นอกจากช่วยแบ่งเบาภาระไม่ได้ เรายังทำให้เอ๋เหนื่อยขึ้นด้วยการไม่ยอมให้มีแม่บ้าน มึงคิดอะไรอยู่วะตอนนั้น’ เขานึกด่าตัวเองที่เคยหลุดปากตำหนิว่าเธอไม่ดูแลตัวเอง ตอนนี้เมื่อมีโอกาสทบทวนจึงรู้ว่าอิสริยาจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลความสวยความงามแบบตอนก่อนแต่งงาน ในเมื่อเธอต้องดูแลทุกอย่างในบ้านคนเดียวเขาเดินเข้าไปในครัว เห็นอิสริยายืนหันหลังให้เธอกำลังทำอะไรที่หน้าเตา “มีอะไรให้พี่ช่วยไหมเอ๋” หญิงสาวเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะมองเตาที่หม้อข้าวต้มกำลังเดือด “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” เธอได้ยินเสียงเขาเดินมาหาจึงไม่ตกใจ “คุณจะกลับเลยก็ได้ค่ะ ถ้าลูกตื่นเดี๋ยวฉ
สองพ่อลูกหายไปกันประมาณสี่สิบนาทีเมื่ออิสริยาได้ยินเสียงแจ้วๆ ของลูกเธอจึงออกจากห้องทันได้เห็นว่าสกนธีอุ้มลูกเดินขึ้นบันไดมาเพราะเด็กหญิงอ้อนไม่อยากเดินเอง เธอฟังเสียงชายหนุ่มคุยเล่นกับลูกอย่างสะท้อนใจ ภาพความสุขของเด็กหญิงทำให้เธอไล่เขาออกไปจากบ้านไม่ลง จนกระทั่ง“โอ๊ย...” เสียงสกนธีดังขึ้นเพราะลูกที่กอดคอเขาอยู่เผลอกดมือลงบนแผลที่อิสริยากัดเขาเมื่อตอนกลางวัน“พ่อร้องทำไมคะ เจ็บเหรอ” น้องเพียงทำหน้าตกใจจนอิสริยาต้องรีบไปรับตัวลูกมา“น้องเพียงมาหาแม่ก่อนค่ะ”“ไม่มีอะไรค่ะลูก พ่อลืมว่าเดินชนประตูเลยเจ็บ” ชายหนุ่มปล่อยเด็กหญิงลงนั่งบนเก้าอี้ เขารีบพูดให้เธอสบายใจ“น้องเพียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับพี่จี๊ดก่อนค่ะลูก จะได้มากินขนม” เมื่อลูกไปกับพี่เลี้ยงแล้วหญิงสาวหันมามองเขาเขม็ง“เลือดออกขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมคุณไม่ไปทำแผล” เธอย่อมจำได้ดีว่าตัวเองเป็นเจ้าของรอยแผลนั้น แต่เขาจะโทษเธอไม่ได้เพราะถ้าเขาไม่ทำรุ่มร่ามมันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสกนธีหันมามองรอยเลือดบนบ่าที่ซึมผ่านเสื้ออย่างไม่สนใจนัก “ไม่เป็นไรหรอกเอ๋ เอาไว้เตือนตัวเองก็ดีเหมือนกัน”
อิสริยาหันมากระชากแขนออกจากมือเขาแต่กลับถูกดึงเข้าไปกอดทั้งตัว ชายหนุ่มยกร่างบอบบางลอยหวือจากเบาะที่นั่งอยู่ไปนั่งบนตักเขา เขารวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้ด้วยกันด้วยมือเดียวไพล่หลัง อิสริยาดิ้นขลุกขลักด้านหลังเธอชนกับพวงมาลัยรถยนต์ด้านหน้าก็ถูกกอดรัดจนขยับไม่ได้“ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” เธอก้มลงกัดบ่าเขาเต็มแรงเมื่อถูกพันธนาการไว้แน่นหนาสกนธีปล่อยให้เธอกัด เขากอดเธอนิ่งจนหญิงสาวได้กลิ่นเลือดเธอเงยหน้าขึ้นเห็นเลือดที่ซึมจากแผลที่เธอกัดผ่านเนื้อผ้าของเสื้อเชิ้ตเนื้อดีที่เขาสวมอยู่ “กัดอีกก็ได้ เอ๋จะทำอะไรพี่อีกก็ได้ถ้าทำให้ความรู้สึกดีขึ้น”ชายหนุ่มเจ็บหนึบที่แผลแต่เขารู้ว่านั่นยังไม่เท่ากับที่เขาเคยทำไว้กับเธอ เขาคลายมือที่รวบข้อมือเธอไว้แต่ยังกอดเธอนิ่งรอจนเธอสงบลงเอง “ปล่อยเดี๋ยวนี้” อิสริยาขบฟันด้วยความโมโห“สัญญาก่อนว่าจะไม่วิ่งหนี เดี๋ยวพี่ไปส่งเอ๋ที่ร้านเอง”สกนธีไปส่งอิสริยาที่ร้านแล้วจึงย้อนกลับมาเอาเอกสารที่บ้าน ชายหนุ่มเข้าบริษัทในตอนบ่ายเจอกลุ่มเพื่อนที่มาหาพอดี“มึงไปโดนอะไรมาวะ” อัศราทักขึ้นมา เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมเปลี่ยนเสื้อ ฝ่ายนั้นลุกมาดูใกล้ๆ ที่ไหล่
หลังจากที่พุฒิเมธและมิลินกลับไปแล้ว อิสริยาก็ขยับตัวแต่สกนธีรีบเรียกเธอไว้“เอ๋จะไปไหนครับ ช่วยมาดูอะไรตรงนี้ก่อนได้ไหม” อิสริยาชะงักเธอกำลังจะออกไปมองหารถแท็กซี่ เมื่อครู่ดูเหมือนว่าพุฒิเมธจะลืมว่าเธอยังไม่ได้ตอบคำถาม เขารีบร้อนกลับไปโดยที่ไม่รอเธอตอบสักคำว่าจะกลับอย่างไร แต่อีกใจเธอก็เข้าใจเขาว่าคงต้องการเวลาในการปรับอารมณ์พอสมควร หญิงสาวจึงสะดวกใจที่จะหา รถกลับเองมากกว่า“มีอะไรคะ” หญิงสาวถามแต่ไม่เดินไปหาสกนธีที่กำลังกางกระดาษออกมาดูอะไรสักอย่างในนั้น“พี่อยากให้เอ๋มาดูตรงนี้ทีครับ ว่าพี่เขียนแบบมาอย่างนี้การใช้งานจริงจะโอเคไหม” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเดินมาหาเธอเอง เขาส่งกระดาษแบบโครงสร้างคร่าวๆ ให้เธอดู อิสริยารับไปถือดูเองเขาจึงหันไปขอร่มจากลูกน้องมากางให้ทั้งภรรยาและตนเองเนื่องจากตอนนี้แดดเริ่มแรงมาก“เฮียเขาว่าอย่างไงคะ เห็นแบบนี้หรือยัง” อิสริยาขมวดคิ้วเมื่อการออกแบบห้างใหม่ ดูต่างจากของเดิมค่อนข้างมาก“เมื่อคืนพี่ส่งไฟล์คร่าวๆ ให้ดูยังไม่ได้ลงดีเทล เฮียเขาว่าให้เอ๋ดูวันนี้ก็ได้ว่ามันเหมาะกับที่จริงไหม” “ก็น่าจะดีนะคะ แต่จริงๆ ก็คือยังไม่เห็นภาพค่ะ” เธอตอบตามตรง