เช้าวันรุ่งขึ้นสกนธีตื่นจากเสียงดังก๊อกแก๊กของแม่บ้านที่มาทำความสะอาด ชายหนุ่มลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ลงไปเอามาจากในรถ เขาจึงได้เห็นว่าบริเวณชั้นสองจะมีแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด ในโซนห้องครัวแม่บ้านจะช่วยเตรียมอาหารสดไว้ให้อิสริยามาปรุงเองสำหรับอาหารมื้อเช้า
เธอไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมอาหารสำหรับครอบครัว ทำงานบ้าน แต่งตัวให้ลูก ดูแลให้รับประทานมื้อเช้าและไปส่งลูก ทำทุกอย่างเองแบบในตอนที่ยังอยู่กับเขาอีกแล้ว
‘นอกจากช่วยแบ่งเบาภาระไม่ได้ เรายังทำให้เอ๋เหนื่อยขึ้นด้วยการไม่ยอมให้มีแม่บ้าน มึงคิดอะไรอยู่วะตอนนั้น’ เขานึกด่าตัวเองที่เคยหลุดปากตำหนิว่าเธอไม่ดูแลตัวเอง ตอนนี้เมื่อมีโอกาสทบทวนจึงรู้ว่าอิสริยาจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลความสวยความงามแบบตอนก่อนแต่งงาน ในเมื่อเธอต้องดูแลทุกอย่างในบ้านคนเดียว
เขาเดินเข้าไปในครัว เห็นอิสริยายืนหันหลังให้เธอกำลังทำอะไรที่หน้าเตา
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหมเอ๋”
หญิงสาวเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะมองเตาที่หม้อข้าวต้มกำลังเดือด
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” เธอได้ยินเสียงเขาเดินมาหาจึงไม่ตกใจ “คุณจะกลับเลยก็ได้ค่ะ ถ้าลูกตื่นเดี๋ยวฉันบอกเองว่าคุณกลับไปแล้ว”
“วันนี้ให้ลูกไปกับพี่ก็ได้ พี่ไปส่งเองจะได้เลยไปทำงานต่อเลย” เขาต่อรอง
“เรื่องลูก... ฉันว่าเรามาตกลงเรื่องแบ่งกันดูแลให้เป็นเรื่องเป็นราวน่าจะดีกว่า" และถ้าเขาทำไม่ได้เธอจะได้ถือเป็นข้ออ้างในการกันเขาออกไปจากชีวิตของเธอและน้องเพียง หญิงสาวคิดในใจ
“แล้วเอ๋คิดไว้ว่ายังไง จะให้พี่มาช่วยเลี้ยงลูกที่นี่ก็ได้ถ้ายังไม่อยากกลับบ้าน” เขาไม่แน่ใจว่าบ้านเรือนหอหลังนั้นจะมีความทรงจำที่ดีสำหรับเธอมากน้อยแค่ไหน หากว่าอิสริยาไม่อยากกลับไปอีกแล้วเขาก็เข้าใจเหตุผลดี
“ไม่ต้องถึงขนาดมาช่วยเลี้ยงหรอกค่ะ เอาเป็นว่าฉันจะให้คุณไปรับลูกสัปดาห์ละสองวันให้คุณเลือกมาว่าวันไหนสะดวก ไปรับแล้วมาส่งที่นี่กับวันเสาร์มารับลูกไปเรียนดนตรี”
“พี่อยากให้ลูกไปนอนค้างด้วยบ้าง” สกนธีต่อรองซึ่งเขาแน่ใจว่าเธอไม่มีวันยอม
“ไม่ได้ค่ะ”
เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขามารับลูกไปนอนค้างด้วยแล้วจะดูแลได้ทุกเรื่อง
“คุณขออย่างอื่นเถอะค่ะ”
“งั้นพี่ขอมาค้างที่นี่กับลูกด้วยอาทิตย์ละสองวันได้ไหม จะให้ลูกไปกับพี่หรือให้พี่มาที่นี่ก็แล้วแต่เอ๋ตัดสินใจ หรือว่าถ้าเอ๋ไม่ไว้ใจให้พี่พาลูกไปนอนบ้านเอ๋จะไปด้วยก็ได้”
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดหรือตอบอะไรก็มีเสียงแทรกดังขึ้นมาระหว่างเขาและเธอ
“พ่อจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่เหรอคะ เย้... ดีใจจัง”
เสียงร้องอย่างดีใจของน้องเพียงทำให้สกนธีลอบถอนใจอย่าง โล่งอก รู้ดีว่าอิสริยารักลูกเกินกว่าที่จะยอมให้น้องเพียงผิดหวัง
“มากินข้าวค่ะน้องเพียง เดี๋ยวแม่ไปส่งที่โรงเรียนนะคะ” เธอวางมือจากหน้าเตา ปิดแก๊สและเรียกลูกให้รับประทานมื้อเช้า
“คุณเก่งรับกาแฟไหมคะ” แม่บ้านของอิสริยาถามทำให้ชายหนุ่มขยับตัว
“ผมชงเองดีกว่าครับ ขอบคุณ”
ชายหนุ่มมองไปรอบๆ พื้นที่ครัวขนาดกลางนั้น นี่เป็นอีกเรื่องที่ย้ำให้เขารู้สึกว่าตนเองบกพร่องอย่างยิ่ง ตัวเขาเองถือว่าเป็นสถาปนิกมือทองคนหนึ่ง ได้ทั้งรางวัลและชื่อเสียงการันตีผลงานแต่ภรรยาจะรีโนเวตตึกเป็นที่พักเขากลับไม่รู้เรื่อง
“พี่ขอกาแฟกินแก้วนะเอ๋ เดี๋ยวค่าใช้จ่ายในบ้านเมื่อก่อนที่ไม่ได้จ่าย พี่จะชดเชยให้แล้วก็ต่อไปพี่จะให้ทุกเดือน”
เขาพูดเมื่อวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ รู้สึกหนักใจเมื่ออิสริยาทำเหมือนไม่ได้ยินและเขาก็รู้ว่าแค่เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้เธอคิดจะรักหรือเลิกกับตัวเอง
แต่เขาทำเพราะเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่ไม่ได้ทำมานาน ไม่ว่าเธอจะอยากได้หรือไม่ เขานึกย้อนไปถึงวันหนึ่งในอดีต วันนั้นเราก็กำลังกินมื้อเช้าแบบนี้ ต่างกันแค่ว่าน้องเพียงยังเป็นเด็กเล็กๆ วัยสองขวบเศษเท่านั้น
สี่ปีก่อน
‘เดี๋ยววันนี้พี่โอนเงินเดือนให้นะเอ๋ เงินน่าจะเข้าบัญชีตอนบ่ายวันนี้’
‘ยังไม่ต้องให้เอ๋หรอกค่ะ พี่เก็บไว้ก่อนเดี๋ยวงานจะขาดสภาพคล่อง’
‘ไม่ๆ อันนี้ไม่เกี่ยวกัน พี่มีเงินเดือนพี่เอาส่วนของเงินเดือนมาให้เอ๋ไง ค่าใช้จ่ายในบ้านเราน่ะ ไหนจะลูกอีก’
‘นั่นล่ะค่ะ ถึงพี่จะมีเงินเดือนแต่บริษัทช่วงนี้การเงินยังไม่ปกตินี่คะ เก็บไว้เผื่อสำรองดีกว่าค่ะ ของเอ๋ยังมีเงินจากร้านกับเงินก้อนที่พี่ให้ตอนแต่งงานมันยังอยู่อีกเยอะค่ะ’
ตอนนั้นบริษัทที่เขาและชานนท์ลงหุ้นกัน มีการทำงานผิดพลาดจนถูกปรับเพราะผิดสัญญา ส่งงานไม่ทันเป็นจำนวนหลายสิบล้าน ทำให้ทั้งเขาและชานนท์ต้องรับผิดชอบในฐานะเจ้าของ อิสริยานำเงินส่วนตัวส่วนหนึ่งที่เธอเคยได้ตอนแต่งงานกันมาช่วยเขาจ่าย หลังจากที่ฟื้นตัวเขาทยอยนำเงินปันผลมาคืนเธอจนเธอบอกว่าไม่ต้องให้แล้ว และไปๆ มาๆ เขาก็ไม่เคยได้โอนเงินเดือนให้เธออีกเลย
และอีกเหตุการณ์ที่พ่วงมาคือจากที่มีแผนว่าจะไปจดทะเบียนสมรสต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะบิดาของหญิงสาวเกรงว่าธุรกิจของลูกเขยที่ยังไม่มั่นคงอยู่ตัวจะทำให้ลูกสาวเดือดร้อนไปด้วย ในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เสี่ยกวงจะยอมให้ทั้งสองจดทะเบียนกันได้หากชายหนุ่มพิสูจน์ตัวเองแล้วเหมาะสมมากพอ
“วันนี้พ่อจะไปส่งหนูไหมคะ” เสียงของน้องเพียงทำให้ชายหนุ่มดึงความสนใจมาอยู่กับปัจจุบัน
“ไปสิคะ แล้วน้องเพียงอยากให้พ่อไปรึเปล่า” เขาพูดยิ้มๆ
“อยากค่ะ คุณครูบอกว่าจะถึงวันพ่อแล้วให้หนูมาถามว่าคุณพ่อจะไปงานโรงเรียนไหมคะ”
สกนธีกะพริบตาถี่ๆ งานวันพ่อปีที่แล้วที่โรงเรียนลูกเขาได้ไป และน่าจะเป็นงานเดียวที่ได้ไปกับอิสริยาและลูกแบบเป็นทางการ
“ไปสิคะ หนูบอกคุณครูได้เลยค่ะ”
วันต่อมาสกนธีทำตามที่พูดจริงๆ ชายหนุ่มขนเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว โต๊ะและอุปกรณ์การทำงานจากบ้านมาที่ร้าน โดยมีลูกสาวตัวน้อยคอยช่วยพ่อหยิบจับของด้วยสีหน้าที่บอกว่าดีใจอย่างมากพื้นที่ชั้นสองของอาคารสามคูหานั้นกว้างพอที่เขาจะจัดมุมทำงานและวางเครื่องนอนได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่รบกวนการใช้ชีวิตของอิสริยา“ไหนคุณว่าจะขึ้นไปนอนชั้นสาม” อิสริยาออกจากห้องมาเห็นที่นอนแบบพับปูที่พื้นจึงถามด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ“ตอนนี้ชั้นสามยังไม่ได้ตกแต่ง พี่ขอเวลาแป๊บนะเดี๋ยวให้ช่างเข้ามาติดแอร์ ตกแต่งเพิ่มทาสีใหม่เปลี่ยนอะไรที่เสียชำรุดด้วย” พื้นที่ชั้นสามประกอบด้วยห้องนอนสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ และมีส่วนของพื้นที่เปิดเป็นลานกว้าง ที่สกนธีมีแผนจะทำเป็นสวนขนาดเล็กปลูกต้นไม้และดอกไม้เพื่อให้บรรยากาศสดชื่นน่าอยู่ขึ้น“แล้วก็นี่...” สกนธีหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรอยู่สองสามนาที จากนั้นมีสัญญาณข้อความแจ้งเตือนว่ามีเงินถูกโอนเข้าบัญชีที่โทรศัพท์ของอิสริยา เธอยกขึ้นดูอย่างงงๆ มองตัวเลขจำนวนห้าหลักที่ถูกโอนเข้ามา“พี่โอนค่าใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่ค่าน้ำไฟให้ ต่อไปนี้จะให้ทุกเดือน” อิสริยาถอนใจ จะไม่ให้เขาอยู่ก็ไม่อ
วันนั้นอิสริยาไม่ได้ไปส่งลูกเพราะว่าสกนธีเสนอตัวไปส่งเอง เธอเห็นว่าน้องเพียงมีความสุขดีจึงไม่อยากขวางสองพ่อลูก หญิงสาวถือโอกาสเคลียร์งานที่ร้านหลังจากที่วานนี้ออกไปดูที่กับพุฒิเมธ และมีการปะทะเล็กๆ กับสกนธีในรถยนต์จนเธอไม่มีสมาธิทั้งวันนอกจากดูแลร้านตัวเองแล้ว หญิงสาวยังมีหน้าที่หลักช่วยเรื่องระบบหลังบ้านของห้างค้าส่งของที่บ้านอีกด้วย ในเรื่องของการดูแลด้านการเงินการบัญชีและระบบเงินเดือน ตอนบ่ายเธอเข้าไปที่สำนักงานของห้างค้าส่งเพราะเป็นวันเซ็นสัญญาจ้างก่อสร้างห้างใหม่ ซึ่งตัวอิสริยาเองต้องเข้าไปในฐานะกรรมการบริหารและหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้าง จึงได้พบกับสกนธีที่มากับ ชานนท์และทีมกฎหมายของทั้งสองฝ่าย “ดีนะ ที่อาเอ๋กับผัวไม่ได้จดทะเบียนกัน ไม่งั้นใครรู้จะหาว่าฮั้วกันเองอีก” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังเสร็จสิ้นการลงนามในสัญญา “เอาราคาที่เซ็นไปเช็กก็ได้ ว่าฮั้วกันยังไงบริษัทเขาลดให้เราจนแทบไม่มีกำไร จะพอจ่ายค่าแรงคนงานหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” เสี่ยกวงว่าใส่หน้าญาติคนหนึ่งที่เป็นผู้ถือหุ้นของห้างอย่างไม่เกรงใจ ชายสูงวัยพูดต่อ“แล้วลูกสาวลูกเขยอั๊วจะจดทะเบียน
เช้าวันรุ่งขึ้นสกนธีตื่นจากเสียงดังก๊อกแก๊กของแม่บ้านที่มาทำความสะอาด ชายหนุ่มลุกไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ลงไปเอามาจากในรถ เขาจึงได้เห็นว่าบริเวณชั้นสองจะมีแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาด ในโซนห้องครัวแม่บ้านจะช่วยเตรียมอาหารสดไว้ให้อิสริยามาปรุงเองสำหรับอาหารมื้อเช้า เธอไม่ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาเตรียมอาหารสำหรับครอบครัว ทำงานบ้าน แต่งตัวให้ลูก ดูแลให้รับประทานมื้อเช้าและไปส่งลูก ทำทุกอย่างเองแบบในตอนที่ยังอยู่กับเขาอีกแล้ว‘นอกจากช่วยแบ่งเบาภาระไม่ได้ เรายังทำให้เอ๋เหนื่อยขึ้นด้วยการไม่ยอมให้มีแม่บ้าน มึงคิดอะไรอยู่วะตอนนั้น’ เขานึกด่าตัวเองที่เคยหลุดปากตำหนิว่าเธอไม่ดูแลตัวเอง ตอนนี้เมื่อมีโอกาสทบทวนจึงรู้ว่าอิสริยาจะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลความสวยความงามแบบตอนก่อนแต่งงาน ในเมื่อเธอต้องดูแลทุกอย่างในบ้านคนเดียวเขาเดินเข้าไปในครัว เห็นอิสริยายืนหันหลังให้เธอกำลังทำอะไรที่หน้าเตา “มีอะไรให้พี่ช่วยไหมเอ๋” หญิงสาวเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะมองเตาที่หม้อข้าวต้มกำลังเดือด “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” เธอได้ยินเสียงเขาเดินมาหาจึงไม่ตกใจ “คุณจะกลับเลยก็ได้ค่ะ ถ้าลูกตื่นเดี๋ยวฉ
สองพ่อลูกหายไปกันประมาณสี่สิบนาทีเมื่ออิสริยาได้ยินเสียงแจ้วๆ ของลูกเธอจึงออกจากห้องทันได้เห็นว่าสกนธีอุ้มลูกเดินขึ้นบันไดมาเพราะเด็กหญิงอ้อนไม่อยากเดินเอง เธอฟังเสียงชายหนุ่มคุยเล่นกับลูกอย่างสะท้อนใจ ภาพความสุขของเด็กหญิงทำให้เธอไล่เขาออกไปจากบ้านไม่ลง จนกระทั่ง“โอ๊ย...” เสียงสกนธีดังขึ้นเพราะลูกที่กอดคอเขาอยู่เผลอกดมือลงบนแผลที่อิสริยากัดเขาเมื่อตอนกลางวัน“พ่อร้องทำไมคะ เจ็บเหรอ” น้องเพียงทำหน้าตกใจจนอิสริยาต้องรีบไปรับตัวลูกมา“น้องเพียงมาหาแม่ก่อนค่ะ”“ไม่มีอะไรค่ะลูก พ่อลืมว่าเดินชนประตูเลยเจ็บ” ชายหนุ่มปล่อยเด็กหญิงลงนั่งบนเก้าอี้ เขารีบพูดให้เธอสบายใจ“น้องเพียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับพี่จี๊ดก่อนค่ะลูก จะได้มากินขนม” เมื่อลูกไปกับพี่เลี้ยงแล้วหญิงสาวหันมามองเขาเขม็ง“เลือดออกขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมคุณไม่ไปทำแผล” เธอย่อมจำได้ดีว่าตัวเองเป็นเจ้าของรอยแผลนั้น แต่เขาจะโทษเธอไม่ได้เพราะถ้าเขาไม่ทำรุ่มร่ามมันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสกนธีหันมามองรอยเลือดบนบ่าที่ซึมผ่านเสื้ออย่างไม่สนใจนัก “ไม่เป็นไรหรอกเอ๋ เอาไว้เตือนตัวเองก็ดีเหมือนกัน”
อิสริยาหันมากระชากแขนออกจากมือเขาแต่กลับถูกดึงเข้าไปกอดทั้งตัว ชายหนุ่มยกร่างบอบบางลอยหวือจากเบาะที่นั่งอยู่ไปนั่งบนตักเขา เขารวบข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้ด้วยกันด้วยมือเดียวไพล่หลัง อิสริยาดิ้นขลุกขลักด้านหลังเธอชนกับพวงมาลัยรถยนต์ด้านหน้าก็ถูกกอดรัดจนขยับไม่ได้“ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” เธอก้มลงกัดบ่าเขาเต็มแรงเมื่อถูกพันธนาการไว้แน่นหนาสกนธีปล่อยให้เธอกัด เขากอดเธอนิ่งจนหญิงสาวได้กลิ่นเลือดเธอเงยหน้าขึ้นเห็นเลือดที่ซึมจากแผลที่เธอกัดผ่านเนื้อผ้าของเสื้อเชิ้ตเนื้อดีที่เขาสวมอยู่ “กัดอีกก็ได้ เอ๋จะทำอะไรพี่อีกก็ได้ถ้าทำให้ความรู้สึกดีขึ้น”ชายหนุ่มเจ็บหนึบที่แผลแต่เขารู้ว่านั่นยังไม่เท่ากับที่เขาเคยทำไว้กับเธอ เขาคลายมือที่รวบข้อมือเธอไว้แต่ยังกอดเธอนิ่งรอจนเธอสงบลงเอง “ปล่อยเดี๋ยวนี้” อิสริยาขบฟันด้วยความโมโห“สัญญาก่อนว่าจะไม่วิ่งหนี เดี๋ยวพี่ไปส่งเอ๋ที่ร้านเอง”สกนธีไปส่งอิสริยาที่ร้านแล้วจึงย้อนกลับมาเอาเอกสารที่บ้าน ชายหนุ่มเข้าบริษัทในตอนบ่ายเจอกลุ่มเพื่อนที่มาหาพอดี“มึงไปโดนอะไรมาวะ” อัศราทักขึ้นมา เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมเปลี่ยนเสื้อ ฝ่ายนั้นลุกมาดูใกล้ๆ ที่ไหล่
หลังจากที่พุฒิเมธและมิลินกลับไปแล้ว อิสริยาก็ขยับตัวแต่สกนธีรีบเรียกเธอไว้“เอ๋จะไปไหนครับ ช่วยมาดูอะไรตรงนี้ก่อนได้ไหม” อิสริยาชะงักเธอกำลังจะออกไปมองหารถแท็กซี่ เมื่อครู่ดูเหมือนว่าพุฒิเมธจะลืมว่าเธอยังไม่ได้ตอบคำถาม เขารีบร้อนกลับไปโดยที่ไม่รอเธอตอบสักคำว่าจะกลับอย่างไร แต่อีกใจเธอก็เข้าใจเขาว่าคงต้องการเวลาในการปรับอารมณ์พอสมควร หญิงสาวจึงสะดวกใจที่จะหา รถกลับเองมากกว่า“มีอะไรคะ” หญิงสาวถามแต่ไม่เดินไปหาสกนธีที่กำลังกางกระดาษออกมาดูอะไรสักอย่างในนั้น“พี่อยากให้เอ๋มาดูตรงนี้ทีครับ ว่าพี่เขียนแบบมาอย่างนี้การใช้งานจริงจะโอเคไหม” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเดินมาหาเธอเอง เขาส่งกระดาษแบบโครงสร้างคร่าวๆ ให้เธอดู อิสริยารับไปถือดูเองเขาจึงหันไปขอร่มจากลูกน้องมากางให้ทั้งภรรยาและตนเองเนื่องจากตอนนี้แดดเริ่มแรงมาก“เฮียเขาว่าอย่างไงคะ เห็นแบบนี้หรือยัง” อิสริยาขมวดคิ้วเมื่อการออกแบบห้างใหม่ ดูต่างจากของเดิมค่อนข้างมาก“เมื่อคืนพี่ส่งไฟล์คร่าวๆ ให้ดูยังไม่ได้ลงดีเทล เฮียเขาว่าให้เอ๋ดูวันนี้ก็ได้ว่ามันเหมาะกับที่จริงไหม” “ก็น่าจะดีนะคะ แต่จริงๆ ก็คือยังไม่เห็นภาพค่ะ” เธอตอบตามตรง