Home / โรแมนติก / My wife เมื่อหมดรัก / บทที่ 8 ที่ดินสินสอด

Share

บทที่ 8 ที่ดินสินสอด

Author: Sitha
last update Last Updated: 2025-08-16 13:55:01

สามชั่วโมงต่อมา พวกเขาทั้งหมดมาถึงสวนสัตว์เปิดเขาเขียวจนได้  อิสริยานั่งเบาะหลังปล่อยให้เด็กหญิงสุพิชชานั่งคู่บิดา เธอฟังเสียงพ่อลูกคุยกันด้วยความรู้สึกไม่คุ้นชิน  ไม่ชินทั้งการที่สกนธีมีเวลามาใส่ใจลูกสาว หรือไม่ชินกับการที่เธอได้ขึ้นมานั่งในรถยนต์ของเขาอีกครั้ง  ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอกับสกนธีใช้ชีวิตต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่  ช่องว่างที่มีในครอบครัวกลายเป็นเรื่องปกติจนเธอชินชา

หลังจากที่สกนธีจัดการเรื่องตั๋วเข้าชมสวนสัตว์แล้ว  พวกเธอก็ได้ขึ้นรถรางนำชมส่วนการแสดงต่างๆ  ตลอดระยะเวลานั้นอิสริยาแทบจะไม่ได้พูดอะไร  นอกจากเออออเวลาที่ลูกสาวหันมาคุยด้วย  นอกนั้นเธอเป็นฝ่ายเงียบปล่อยให้หน้าที่การดูแลเด็กหญิงสุพิชชาเป็นของพ่อเต็มที่

“เอ๋ดูอะไรเหรอ  พี่เห็นก้มหน้าก้มตามองดูแต่มือถือมาตลอดทั้งวันเลยนะ”  

สกนธีอดรนทนไม่ไหวจนต้องถามในขณะที่รอเด็กหญิงสุพิชชาเลือกไอศกรีม  เขาเห็นอิสริยาสนใจแต่อุปกรณ์สื่อสารในมือแทบจะตลอดเวลา

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” 

เธอเงยหน้าตอบมองเขาด้วยดวงตาว่างเปล่า  เธอกำลังคุยกับครอบครัวผ่านโปรแกรมแชตเรื่องที่ดินที่พุฒิเมธเสนอมา  แต่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาจุกจิกทั้งสองผืน  คงจะต้องดูของนายหน้ารายอื่นๆ  เธอคิดในใจ

สกนธีเม้มปาก  เขารู้จักเธอมากพอที่จะแน่ใจว่าคำว่าไม่มีอะไรแปลว่ามี  แต่เธอเลือกที่จะไม่บอกเขาหรือเล่าให้เขาฟัง  ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อรู้ว่าความผิดของตนเองยังมีมาก

“กลับกันเลยไหมคะ”  อิสริยามองเวลาตอนนี้บ่ายแก่แล้ว  เธอชวนกลับเมื่อเห็นว่าลูกสาวได้ไอศกรีมตามที่สั่งและกำลังรอเงินทอนจากพนักงานขาย

“พี่อยากพาลูกกับเอ๋ไปทานข้าวก่อนได้ไหม”   สกนธีต่อรอง 

“คุณว่างเหรอคะ  ปกติเสาร์อาทิตย์ฉันไม่เคยเห็นคุณมีเวลาเลยนะ”  อิสริยาย้อนถาม  เมื่อก่อนตอนที่ยังอยู่ด้วยกันเสาร์อาทิตย์เขาไม่เคยว่าง  อย่าว่าแต่จะพาลูกกับเธอไปไหนมาไหน  แค่อยู่บ้านรับประทานอาหารด้วยกันยังยากมาก

สกนธีนิ่งอึ้งกับคำถามนั้น  เมื่อก่อนเสาร์อาทิตย์มีบ้างที่เขาทำงาน แต่ไปสังสรรค์กับลูกค้ากับเพื่อนร่วมงานกับลูกน้องก็บ่อย  บางทีก็ไปเพราะอยากไปถ้าจะพูดกันตามตรงคือเขาหาเรื่องให้ตัวเองออกนอกบ้านได้ทุกวัน  เรื่องที่รับปากลูกสาวไว้ว่าจะพาไปเที่ยวเขาไม่ได้ลืม  แต่คิดเอาเองง่ายๆ ว่าเมื่อไหร่ก็ได้  ครอบครัวรอเขาได้เสมอ

“เอ๋  พี่ขอโทษ พี่ไม่แก้ตัวกับเรื่องเก่าๆ แต่...” 

เขาพูดค้างเมื่อเธอผละไปหาลูกสาว ไม่อยู่ฟังเขาพูดจนจบเห็นสีหน้าติดรำคาญของหญิงสาวเขาก็ต้องเงียบทันทีแล้วเดินตามไป

“กลับบ้านกันนะคะลูก  เย็นนี้แม่มีงานต้องเคลียร์”  หญิงสาวพูดกับเด็กหญิงที่พยักหน้าทันที

“ค่ะแม่” 

เด็กน้อยทานไอศกรีมแบบโคน  เด็กหญิงนั่งลงกับม้านั่งในสวนสัตว์หน้าร้านไอศกรีมข้างๆ มารดา  สกนธีตามมานั่งขนาบข้าง

“หนูทำการบ้านเสร็จรึยังคะ”

เขาถามลูกสาว  เด็กหญิงพยักหน้ารับเพราะปากไม่ว่าง  รออีกครึ่งนาทีจึงมีเสียงเล็กตอบกลับมา

“เสร็จแล้วค่ะ” 

ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งหมดจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ  ในขากลับขึ้นรถเพียงไม่นานเด็กหญิงสุพิชชาก็เริ่มหลับ  อิสริยาจับให้เด็กน้อยนอนหนุนตักเธอที่เบาะหลัง

“พี่ได้ข่าวว่าร้านของที่บ้านเอ๋จะถูกเวนคืน”  สกนธีทำลายความเงียบขึ้นมาในที่สุด  หลังจากที่เขาแน่ใจว่าลูกหลับสนิทแล้ว

“ค่ะ”  อิสริยาตอบแค่นั้น ไม่คิดจะขยายความใดใด

“แล้วจะทำยังไง  สร้างใหม่ไหม” 

ถามแล้วสกนธีก็รู้สึกว่าตัวเองโง่ขึ้นมาถนัดใจ  เพราะทางบ้านเธอคงไม่ล้มเลิกกิจการด้วยเหตุนี้แน่

“ค่ะ กำลังหาอยู่”  อิสริยาพูดยาวขึ้นอีกนิดนึง  ยาวขึ้นอีกสี่พยางค์

“พี่จะช่วยดูให้  เรื่องก่อสร้างไม่ต้องกังวลนะพี่ช่วยได้”  เขาเสนอตัว

“ขอบคุณค่ะ แต่คงขึ้นอยู่กับคนอื่นๆ ในบ้านด้วย”  อิสริยาไม่ปฏิเสธแต่ไม่ตอบรับ  เพราะการที่สกนธีจะเข้าไปคุยกับเฮียหรือพี่น้องคนอื่นๆ ของเธอรวมถึงบิดามารดา   น่าจะยากกว่าคุยกับน้องเพียงหลายเท่า 

สองชั่วโมงต่อมาเมื่อชายหนุ่มจอดรถที่หลังร้าน  เพราะอิสริยาบอกเขาว่าจะอุ้มลูกสาวขึ้นบ้านทางประตูเล็กด้านหลัง 

“พี่อุ้มลูกขึ้นไปให้”  เขาอาสา เธอจึงเปิดประตูและเดินนำเข้าไป

“คุณวางลูกบนโซฟาข้างบนแล้วกลับได้เลยค่ะ”   เธอบอกในขณะที่เขากำลังก้าวขึ้นบันได   หูของสกนธีก็ได้ยินเสียงที่พนักงานในร้านรีบมาบอกเธอทันที

“พี่เอ๋คะ  คุณพุฒิเมธมารอสักพักแล้วค่ะ” 

เช้าวันจันทร์ต่อมาอิสริยาไปส่งลูกที่โรงเรียนตามปกติ   จากนั้นเธอเข้าไปที่บ้านของครอบครัวเดิม

“เอ๋มาแล้วเหรอลูก  กินข้าวไหม”  มารดาถาม

“หนูกินมาแล้วค่ะม้า  วันนี้ป๊าจะคุยอะไรคะ”  เธอทานอาหารเช้ากับน้องเพียงทุกวัน  หญิงสาวอยากฝึกลูกให้ทานอาหารเช้าตามเวลาให้เคยชิน

“เรื่องเดิมน่ะลูก เรื่องที่มีคนเอาที่มาเสนอให้ป๊าเขาดูเมื่อวาน  ป๊าชอบเลยเรียกพวกเรามาคุยกัน” 

“อ๋อค่ะ  ป๊าอยู่ในห้องทำงานแล้วใช่ไหมคะ” 

“จ้ะ เข้าไปได้เลย” 

หญิงสาวเปิดประตูห้องทำงานซึ่งใช้เป็นที่ประชุมเรื่องงานของครอบครัวด้วย  เสี่ยกวงผู้เป็นบิดานั่งคุยกับอันธิกาลูกสาวคนเล็กอยู่แล้ว  เมื่อเธอเข้าไปทั้งสองจึงเงยหน้าทักทาย

“อาเอ๋มาแล้ว  มาดูนี่สิ” 

เสี่ยกวงส่งภาพถ่ายของที่ดินและสำเนาโฉนดมาให้เธอดู  อิสริยารับมาอ่านคร่าวๆ เห็นว่าเป็นที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดยี่สิบห้าไร่อยู่ในย่านธุรกิจของเมือง  ไม่ห่างจากห้างเดิมของครอบครัวมากนักรูปทรงของตัวที่ถือว่าสวยมาก  และนอกจากนั้นยังเป็นโฉนดที่พร้อมโอน

“ที่สวยมากค่ะ”  เธอพึมพำและแน่นอนว่าราคามันต้องสูงกว่าที่ทุกผืนที่ดูมา  ขณะนั้นมารดาและอังกูรเข้ามาสมทบ  เมื่อทุกคนนั่งประจำที่แล้วเสี่ยกวงจึงเริ่มคุยเป็นการเป็นงาน

“เมื่อวานมีคนเอาที่ผืนนี้มาเสนอให้ป๊า  ป๊าว่ามันสวยดีแล้วทุกคนว่ายังไง” 

“ก็สวยค่ะแต่มันน่าจะแพง ราคาน่าจะเป็นหลายร้อยล้านเลยนะคะป๊า  แต่เอ๊ะ...”  อิสริยาชะงักเมื่อดูรายละเอียดอื่นๆ แล้วเธอคิดขึ้นมาได้

“นี่มัน” เธอเงยหน้าขึ้นมองทุกคนในห้องและเห็นว่าทุกคนมองมาอยู่แล้ว

“พี่เก่งเขาเอามาขายให้ป๊าเหรอคะ”  หญิงสาวจำได้ว่านี่เป็นที่ดินที่สกนธีเคยให้ในวันแต่งงาน  เป็นสินสอดที่เขาได้มาจากปู่ย่าที่เป็นข้าราชการแต่ดั้งเดิมเป็นที่ดินของตระกูลเขาที่ตกทอดมาเป็นมรดก

“เปล่า  อาเก่งเอามาให้ อีบอกว่ามันเป็นที่ของอาเอ๋ที่เขาเคยยกให้แล้ว ลูกไม่เอามาด้วยเขาเลยมาให้ไว้ที่ป๊า”  เสี่ยกวงส่ายหน้าปฏิเสธ

“เจ้จะเอายังไง  แต่นี่มันสิทธิ์ของเจ้นะสินสอดถือเป็นสินเดิมของเรา” 

“ก็ยังไม่ได้โอนยังไงก็ถือว่าเป็นของเขา”  อิสริยาพูดเรียบๆ เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าสกนธีเคยเอาโฉนดที่ผืนนี้มาให้ดูในวันที่แต่งงานกัน

“เขาบอกว่ายินดีโอนให้เป็นชื่อเอ๋ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ไปที่ดินได้เลย”  มารดาพูดขึ้นบ้างเมื่อเห็นท่าทีครุ่นคิดของลูกสาว

อิสริยามองหน้าสมาชิกทุกคน  “แล้วป๊ากับทุกคนคิดว่ายังไงดีคะ” 

“ป๊าบอกเขาไปแล้วว่าถ้ามันเป็นสินสอดจริง  เอ๋ต้องตัดสินใจเองว่าจะทำยังไงกับมัน  แต่ถ้าถามป๊าก็อยากให้เขาขายให้เรามากกว่า” 

อังกูรพยักหน้าเห็นด้วย  ธุรกิจของที่บ้านยังเป็นระบบครอบครัว เป็นระบบกงสีที่คนแบบน้องเขยไม่น่าจะเข้าใจ  ถึงอย่างไรเรื่องเงินก็เป็นเรื่องบาดใจได้เสมอ  ชายหนุ่มอยากให้ที่ผืนใหม่เป็นของครอบครัวเขาเอง หรือไม่ก็ต้องทำเรื่องเช่าอย่างเป็นเรื่องเป็นราว  กันปัญหาจุกจิกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

“เฮียเห็นด้วยกับป๊า  ถ้าเอ๋คุยกับเขาให้เขาขายให้เราได้จะดีกว่า"

“แต่ถ้าเราซื้อตอนนี้เราอาจจะขาดสภาพคล่อง  ไหนจะค่าก่อสร้างอีกนะคะ”  อันธิกาแย้งขึ้นมาซึ่งก็เป็นความจริงอีกด้านเช่นกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 10 ที่ดินเจ้าปัญหา

    “เรื่องที่ผืนนั้นตกลงเจ้าของเขาจะขายเท่าไหร่ครับคุณมิ” พุฒิเมธถามเพื่อนร่วมอาชีพสาวสวยคนหนึ่งที่ทำงานร่วมกันกับเขามาหลายครั้งแล้ว“เขายังไม่ให้ราคาแน่นอนมาเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะถามเขาใหม่อีกที คุณรออีกสักวันสองวันนะไม่อยากไปตามง้อมาก” มิลินตอบ“เขาขายแน่ใช่ไหม ผมเปิดขายไปแล้วลูกค้าก็ทำท่าสนใจด้วย ถ้าคุณเจรจากับเจ้าของที่ไม่ได้ลองให้ผมไปคุยเองไหม”มิลินปรายตามองพุฒิเมธแล้วเมิน“ฉันจัดการเอง เชื่อมือสิ” หญิงสาวคิดไปถึงชายหนุ่มเจ้าของที่รูปหล่อที่พบจากการแนะนำของชานนท์ เนื่องจากว่าสกนธีเป็นหุ้นส่วนของญาติเธอเอง‘สงสัยเราจะต้องไปดื่มที่ร้านคุณสมิติอีกครั้งแล้ว’ เธอนิ่วหน้าเมื่อคิดถึงตรงนี้ เพราะว่าเธอไม่เคยเจอสกนธีที่อื่นเลยนอกจากที่นั่น หญิงสาวรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้นเพราะว่าชานนท์เป็นคนบอก ในฐานะนายหน้าตามนิสัยเธอจึงมองหาที่ผืนใหม่ๆ เพื่อบอกขายเสมอ และเธอได้รู้ว่าที่ดินเปล่าในทำเลดีที่หมายตามานานเป็นของเพื่อนชานนท์โดยบังเอิญ จึงพยายามเลียบๆ เคียงๆ ถามมาตลอด แน่ใจว่าเจ้าของไม่มีโครงการจะทำอะไรจึงพยายามหาคอนแท็กต์ของสกนธีจนญาติหนุ่มยอมให้ในที่สุดค่ำวันนั้นเธอไปที่โรง

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 9 น้ำหยดลงหิน หินบอกว่ารำคาญ

    อิสริยากลับบ้านด้วยความหนักใจ และมีความตึงเครียดมากขึ้นเมื่อรู้ว่าพุฒิเมธมารอที่ร้าน“พี่เมธมานานหรือยังคะ เอ๋ไม่รู้ว่าพี่จะมาเลยเข้าร้านช้า” เธอออกตัวเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่ได้นัดไว้“ครับ ไม่เป็นไรพี่รู้ว่าพี่ไม่ได้นัดเอ๋ไว้ วันนี้พี่มีที่อีกผืนอยากให้เอ๋ไปดูนะครับ รับรองว่าจะต้องชอบ” “ที่ไหนคะ” อิสริยาสนใจเผื่อว่าที่ผืนใหม่ที่นายหน้าหนุ่มแนะนำจะดีกว่าที่ดินของสกนธี “นี่ครับ ที่สวยเนื้อที่ประมาณยี่สิบห้าหรือสามสิบไร่อยู่ในย่านเศรษฐกิจด้วยตรงตามเงื่อนไขน้องเอ๋ทุกอย่าง” ชายหนุ่มส่งภาพของที่ดินผืนที่ว่าให้เจ้าของร้านสาวดูอิสริยารับมาแล้วต้องขมวดคิ้ว นี่มันที่ของสกนธีนี่นา “ที่ผืนนี้เจ้าของเขาขายเหรอคะ” “ครับ ถ้าน้องเอ๋สนใจพี่ดำเนินการให้ได้เลย” “แน่ใจนะคะพี่เมธ จริงๆ เอ๋ไม่คิดว่าเจ้าของที่เขาจะขายเลยนะคะ” เธอย้ำ“ขายครับ ซื้อได้แน่นอนถ้างบไปถึงถ้าน้องเอ๋กับที่บ้านยอมทุ่มสักห้าหกร้อยล้าน” พุฒิเมธยิ้มพุฒิเมธขอตัวกลับไปแล้วแต่อิสริยายังนั่งนิ่งที่เดิม หญิงสาวพยายามคิดว่าเพื่อนรุ่นพี่ไปเอาเรื่องที่ดินผืนนี้มาได้อย่างไรว่าสกนธีจะขายเที่ยงวันนั้นสกนธีมาหาที่ร้านหญิงสาวจึงถ

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 8 ที่ดินสินสอด

    สามชั่วโมงต่อมา พวกเขาทั้งหมดมาถึงสวนสัตว์เปิดเขาเขียวจนได้ อิสริยานั่งเบาะหลังปล่อยให้เด็กหญิงสุพิชชานั่งคู่บิดา เธอฟังเสียงพ่อลูกคุยกันด้วยความรู้สึกไม่คุ้นชิน ไม่ชินทั้งการที่สกนธีมีเวลามาใส่ใจลูกสาว หรือไม่ชินกับการที่เธอได้ขึ้นมานั่งในรถยนต์ของเขาอีกครั้ง ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอกับสกนธีใช้ชีวิตต่างคนต่างไป ต่างคนต่างอยู่ ช่องว่างที่มีในครอบครัวกลายเป็นเรื่องปกติจนเธอชินชาหลังจากที่สกนธีจัดการเรื่องตั๋วเข้าชมสวนสัตว์แล้ว พวกเธอก็ได้ขึ้นรถรางนำชมส่วนการแสดงต่างๆ ตลอดระยะเวลานั้นอิสริยาแทบจะไม่ได้พูดอะไร นอกจากเออออเวลาที่ลูกสาวหันมาคุยด้วย นอกนั้นเธอเป็นฝ่ายเงียบปล่อยให้หน้าที่การดูแลเด็กหญิงสุพิชชาเป็นของพ่อเต็มที่“เอ๋ดูอะไรเหรอ พี่เห็นก้มหน้าก้มตามองดูแต่มือถือมาตลอดทั้งวันเลยนะ” สกนธีอดรนทนไม่ไหวจนต้องถามในขณะที่รอเด็กหญิงสุพิชชาเลือกไอศกรีม เขาเห็นอิสริยาสนใจแต่อุปกรณ์สื่อสารในมือแทบจะตลอดเวลา“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เธอเงยหน้าตอบมองเขาด้วยดวงตาว่างเปล่า เธอกำลังคุยกับครอบครัวผ่านโปรแกรมแชตเรื่องที่ดินที่พุฒิเมธเสนอมา แต่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาจุกจิกทั้งสองผืน คง

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 7 เรียนดนตรี

    ไปเรียนดนตรีสกนธีพาน้องเพียงมาถึงโรงเรียนสอนดนตรีก่อนเวลาเข้าเรียนเล็กน้อย พอมีเวลาได้คุยกับครูเรื่องรายละเอียดจนเป็นที่พอใจ ในคอร์สนั้นมีนักเรียนวัยเดียวกันกับน้องเพียงสองถึงสามคนความจริงแล้วทางโรงเรียนแนะนำว่าเด็กหญิงควรเรียนเปียโนก่อนเพื่อให้มีพื้นฐานดนตรี และครูเกรงว่าน้องเพียงที่อายุห้าขวบนิ้วอาจจะไม่มีแรงพอที่จะกดคอร์ดได้ แต่สกนธีไม่อยากให้ลูกผิดหวัง เขาจึงตั้งใจพามาเรียนก่อนสักครั้งสองครั้งแล้วถ้าเด็กหญิงอยากเรียนต่อเขาจะตามใจ แต่ถ้ายังเรียนไม่ได้จริงเขาจะคุยกับน้องเพียงว่าครูขอให้เปลี่ยนไปเรียนเปียโนก่อนชายหนุ่มมาส่งลูกที่หน้าห้องเรียน“พ่อจะรอหนูที่หน้าห้องนะคะลูก” “ค่ะคุณพ่อ หนูไปแล้วนะคะ” เด็กหญิงยกมือขึ้นบ๊ายบายกับคุณพ่อ หน้าห้องเรียนมีชุดโต๊ะเก้าอี้ว่างๆ สกนธีจึงใช้เวลาในตอนนั้นดูงานเอกสารที่ค้างอยู่ ประชุมออนไลน์กับทีมงานและสั่งงานลูกน้องที่บริษัท เวลาผ่านไปสองชั่วโมงอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงสุพิชชาวิ่งมาหาคุณพ่ออย่างร่าเริง“คุณพ่อขา หนูมาแล้ว” “เป็นไงคะลูก เรียนสนุกไหม หนูชอบไหม” สกนธีปิดแล็ปท็อป เขาเงยหน้ายิ้มให้เด็กหญิงที่กำลังอารมณ์ดี“สนุกมากค่ะคุณพ่อ

  • My wife เมื่อหมดรัก   บทที่ 6 เมื่อไหร่จะกลับบ้าน

    อิสริยาเดินนำเขาไปที่ห้องทำงาน ชายหนุ่มรีบตามเธอเข้าไปในนั้น เธอนั่งที่หลังโต๊ะทำงานเหมือนกำลังจะเจรจาธุรกิจไม่ใช่คุยกับสามี“เชิญนั่งค่ะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรคะ” “เอ๋ ทำไมทำเหมือนเราไม่ใช่ผัวเมียกันล่ะ” “เหรอคะ คุณเพิ่งรู้สึกเหรอฉันรู้สึกมาตั้งนานแล้ว รู้สึกมาเป็นปีแล้วทำไมคุณความรู้สึกช้าจัง” เธอตอบตามที่คิดทำให้สกนธีหน้าสลดลง“เอ๋พี่ขอโทษ ขอโทษที่ละเลยเอ๋กับน้องเพียง ขอโทษที่ไม่ทำตามสัญญาแต่ให้โอกาสพี่อีกครั้งได้ไหม กลับบ้านเรากันเถอะนะ” “คุณพูดว่านั่นเป็นบ้านคุณ จะมาบ้านเราอะไรตอนนี้” อิสริยากระชากเสียงนั่นเป็นเธอในมุมที่สกนธีแทบไม่เคยเห็น “ฉันยอมให้คุณทำหน้าที่พ่อให้น้องเพียงได้แค่นั้น แล้วถ้าวันไหนลูกรู้สึกแย่ๆ เพราะคุณอีกความเป็นพ่อก็จะไม่มีเหลือเหมือนกัน” “งั้น..พี่ขอพาลูกไปเรียนดนตรีได้ไหมวันเสาร์ ลูกอยากไป” สกนธีต่อรองแต่อิสริยายิ้มมุมปาก“คุณถามตัวเองก่อนเถอะว่าจะมีเวลาให้ลูกได้ทุกวันเสาร์ไหม ไม่ใช่มาแค่ไม่กี่วันแล้วคุณก็หายไปเท่าที่จำได้เมื่อก่อนจะวันไหนๆ คุณก็ไม่เคยมีเวลาให้น้องเพียงเลยนะ ลูกชวนคุณไปสวนสัตว์แล้วคุณก็รับปากส่งๆ จนตอนนี้เขาดินปิดไปแล้วเคยจ

  • My wife เมื่อหมดรัก   คุณพ่อน้องเพียงมาค่ะ

    “พี่เอ๋คะคุณพ่อน้องเพียงมาค่ะ” อิสริยาเงยหน้าจากกองเอกสารบัญชีเมื่อลูกน้องเดินมาบอกในห้องทำงาน เธอยังไม่ทันตอบอะไรสกนธีก็เข้ามาในห้อง หญิงสาวจึงโบกมือให้พนักงานออกไปเธอมองเขานิ่งเมื่อชายหนุ่มมานั่งตรงหน้าโต๊ะทำงาน “เมื่อไหร่เอ๋จะพาลูกกลับบ้าน” สกนธีไม่อารัมภบทนาน“บ้านฉันอยู่ที่นี่ค่ะ” อิสริยาตอบเสียงเรียบ เธอทำงานตรงหน้าต่อเหมือนว่าเขาเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่น่าสนใจ“เอ๋.. พี่ขอโทษ ยกโทษให้พี่ได้ไหม” เขายอมเอ่ยคำว่าขอโทษเมื่อรู้ว่าถูกเมินจริงๆอิสริยาเงยหน้ามองเขา “ขอโทษเรื่องอะไรคะ เรื่องที่คุณไล่ฉันกับลูกออกจากบ้าน เรื่องที่ไม่สนใจลูกเมีย เรื่องที่ไปเที่ยวแล้วไปไหนต่อไหนกับใคร หรือว่าเรื่องที่..เราหมดรักกันแล้ว” “ไม่ใช่นะเอ๋ พี่รักเอ๋กับลูกส่วนเรื่องคืนนั้นพี่อธิบายได้” สกนธีรีบพูด“แต่ฉันไม่อยากรู้แล้วค่ะว่าคืนนั้นคุณไปไหนมา ไปกับใคร ส่วนเรื่องหมดรัก คุณจะคิดยังไงฉันไม่รู้แต่ฉันหมดแล้ว ฉันเหนื่อย เหนื่อยมากกับการเป็นเมียเป็นคนใช้เป็นสารพัดอย่างแต่ไม่เคยมีความหมาย ไม่มีตัวตน” อิสริยาระเบิดออกมาอย่างเหลืออด เธอเห็นแววตาตื่นตะลึงของสกนธีมันยิ่งทำให้คำพูดหลั่งไหลไม่หย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status