หลังเลิกเรียน ร่างเล็กนั่งรถประจำทางกลับมายังคฤหาสน์ทรัพย์หิรัญสกุล เพื่อเตรียมของขวัญไปเซอร์ไพรส์วันเกิดเพื่อนสนิท
“แม่ ลี่กลับดึกนะคะ วันนี้วันเกิดซาน” “ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะลูก กลางค่ำกลางคืนนั่งรถกลับคนเดียวอันตราย” “โมจะมาส่งค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะ ห้ามรอลี่ด้วย” เธอย้ำ เพราะทุกครั้งที่กลับดึกคนเป็นแม่มักจะนั่งรอ ระหว่างที่เรียวขาเล็กก้าวเดิน ในมือก็ถือของพะรุงพะรังเต็มไปหมด หมวยลี่ออกมาทางด้านหน้าบ้าน ทว่าจู่ๆ เธอกลับชะงัก เมื่อเจอกับค่ายโดยบังเอิญ ดวงตาคู่สวยที่มองตรงอย่างไม่คิดอะไรพลันหลุบต่ำลงทันที ไม่กล้าสบสายตาคนตรงหน้า “ไปพร้อมกันสิ ฉันกำลังจะไปบ้านคุณอา” สายตาคมเหลือบมองของที่ร่างเล็กถืออยู่ในมืออย่างรู้ทัน ว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน “ไม่เป็นไรค่ะ ลี่เรียกรถแล้ว” “ไปขึ้นรถ” “…เฮีย” ใบหน้าหวานเงยขึ้นส่งสายตาวิงวอน แต่อีกฝ่ายกลับตอบเพียงประโยคสั้นๆ แล้วหันหลังให้ “ตามมา” เมื่อขัดอะไรไม่ได้ หมวยลี่ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เรียวขาเล็กเดินไปข้างหน้าพร้อมหัวใจที่กำลังว้าวุ่นปั่นป่วน บรรยากาศภายในรถอบอวลไปด้วยความอึดอัด จนได้ยินเสียงลมหายใจผสานกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ปะทะลงบนผิว หมวยลี่ทอดสายตามองไปตรงหน้า แม้ไม่ได้หันมองคนข้างกาย แต่หัวใจดวงน้อยกลับเอาแต่สั่นไหวไม่ยอมหยุด ตลอดเส้นทางคนที่อยู่หลังพวงมาลัยไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ทั้งสองคนต่างเงียบ กระทั่งปอร์เช่คันหรูแล่นเข้ามาภายในโรงจอดรถ “จะกลับกี่โมง?” เมื่อล้อรถหยุดนิ่งคนที่นั่งหลังพวง มาลัยก็หันมาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เพราะหมวยลี่พอจะคาดเดาได้ เธอจึงรีบขัดความต้องการของเขา “โมจะไปส่งค่ะ” “หนีทำไมนัก” น้ำเสียงแบบนั้นชวนให้คนฟังเย็นวาบไปทั้งตัวได้ทุกครั้ง “ลี่…ไม่ได้หนี” หมวยลี่ตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถ โดยไม่เอ่ยคำพูดใดออกมาอีก การกระทำของเธอมันชัดเจนกว่าคำพูด ว่ากำลังหนีเขาทุกทาง เธอถือของเอาไว้ในมือแน่น พร้อมขาที่ก้าวเดินไปยังประตูบ้าน ทว่า ในหัวคิดมากมายกับการที่เธอและค่ายเริ่มขยับเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้มันจะรู้สึกดีที่ได้รับความสนใจ….แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลยสักนิด “ลี่มาแล้ว” ซานที่เป็นตัวเด่นในวันนี้รีบเดินมาต้อนรับเพื่อนตัวเล็กทันที เขายิ้มมาแต่ไกล แสดงออกถึงความดีใจที่ได้เจอกันในรอบหลายอาทิตย์ “ไอ้ซาน! ควรรับของจากฉันก่อนสิ” ฝันหวานถอนหายใจอย่างเอือมละอา ใครก็ดูออกกันทั้งนั้น และเหมือนหมวยลี่จะไม่ได้คิดอะไรเลยซะมากกว่า “หวังว่าซานจะชอบนะ ลี่ตั้งใจทำให้” รอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้า ก่อนที่ถุงในมือจะถูกยื่นส่งให้เพื่อน “ชอบมาก” คนที่เพิ่งรับของขวัญไปยิ้มหวาน ทั้งที่ยังไม่ได้เปิดดูของข้างในถุงเลยด้วยซ้ำ “หือ ยังไม่แกะดูเลย” “ลี่ให้อะไรซานชอบหมดนั่นแหละน่า” ไม่ผิดไปจากที่โมมายด์บอกเอาไว้เมื่อตอนเช้า สิ้นสุดคำพูดลูกชายเจ้าของบ้าน ร่างสูงของค่ายก็ก้าวเดินมา ทำเอาซานอดขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจไม่ได้ที่เขาปรากฏตัวขึ้นในวันนี้ “มาหาป๊าหรอเฮีย” “อืม จะคุยเรื่องบริษัท” “อ๋อ ป๊าอยู่เรือนกลางครับ” “ซันเซบบ์มันเป็นยังไงบ้าง” “หนักว่ะเฮีย ยิ่งจับแยกแม่งยิ่งคลั่ง กลัวมันจะหนีกลับไทยชิบหาย” “สมควร รักแบบไหน ถึงไปล่ามโซ่จับคนอื่นขังเอาไว้แบบนั้น” ค่ายกำลังเอ่ยถึงลูกพี่ลูกน้องอีกคนที่มีอาการ Limerence คลั่งคนคนหนึ่งมากซะจนขาดสติ “ก็รักแบบมันนี่ไง รักมากจนทำร้ายเขา” ขณะที่พูดคุยอยู่ ค่ายเหลือบมองร่างเล็กที่ยืนอยู่ไม่ไกล สายตาที่แสนจะเย็นชานั้นทำให้หมวยลี่ต้องเปลี่ยนจุดโฟกัสในทันที แต่เหมือนเขาตั้งใจเดินมาใกล้เธอมากขึ้น “บอกเพื่อนด้วยล่ะ ว่าจะกลับพร้อมฉัน” ร่างสูงทิ้งคำพูดเอาไว้ ก่อนจะเดินหายไปยังเรือนกลางที่อาของเขากำลังรออยู่ หมวยลี่ได้แต่ยืนนิ่งตัวแข็ง หลังได้ยินประโยคจงใจเหมือนคำประกาศกร้าวออกคำสั่งให้ไร้หนทางขัด โชคดีที่ไม่มีใครสนใจคำพูดของค่ายมากนัก คงมองว่าเป็นเพียงบทสนทนาระหว่างเจ้านายกับลูกสาวแม่บ้าน เว้นแต่โมมายด์ที่หันมองด้วยแววตางุนงง ราวกับจับสังเกตถึงความผิดปกติได้ บรรยากาศในงานวันเกิดถูกจัดขึ้นเล็กๆ ริมสระ มีเพียงเพื่อนสนิทที่ร่วมนั่งล้อมวงดื่มด้วยกัน“บอกมานะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเฮียถึงดูสนใจแก ทั้งที่เมื่อก่อนเมินแกออกจะเก่ง” พอได้จังหวะอยู่สองคน โมมายด์ก็รีบถามสิ่งที่ติดค้างในความสงสัยทันที เธอรู้ดี ว่าเพื่อนของตัวเองคิดไม่ซื่อกับลูกชายของผู้มีพระคุณมาตั้งนานแล้ว
มือที่กำลังเอื้อมหยิบของถึงกับต้องหยุดนิ่ง คล้ายโดนรั้งเอาไว้ ดวงตากลมสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากบางจะเม้มเข้าหากันแน่น ด้วยความลังเลและตัดสินใจยาก หลังเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงจากร่างเล็กก็เอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆ “มายด์จำวันที่ลี่ไปเลี้ยงสายรหัสได้ไหม” “อื้อจำได้ แกคุยแชตกับฉัน แต่จู่ๆ ก็หายไป เป็นห่วงแทบแย่” “วันนั้น…ลี่กับเฮียเกือบมีอะไรกัน” “กรี๊ดดด!!! ยัยลี่ นี่แก!! อื้ออ~” หมวยลี่รีบยกมือขึ้นปิดปากโมมายด์แทบไม่ทัน ที่จู่ๆ ก็ตะเบ็งเสียงกรี๊ดขึ้นมา โชคดีที่มีเสียงเพลงดังกลบ เพื่อนอีกสองคนที่กำลังนั่งดื่มกันตรงริมสระจึงไม่ได้หันมาสนใจ “มายด์อย่าเสียงดังได้ไหม ลี่ไม่อยากให้ใครรู้” แววตาของเธอกำลังปรามเพื่อนอย่างจริงจัง พอเห็นโมมายด์กระพริบตาถี่พร้อมพยักหน้าแทนคำตกลง มือเล็กที่ปิดปากเอาไว้ก็ค่อยๆ เลื่อนออก “โทษที ฉันตกใจจนเผลอตัว” “อย่ากรี๊ดอีกนะ” “สะดวกใจเล่าหรือเปล่า? ถ้าไม่ฉันไม่บังคับ” ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวในคืนนั้น มีเพียงโมมายด์คนเดียวที่รู้ว่าเธอแอบรักลูกชายของผู้มีพระคุณมานานแค่ไหน และบ่อยครั้งที่เธอมักจะปรึกษาต่างๆ แม้กระทั่งในตอนที่ค่ายมีคนรัก “ตายแล้วยัยลี่ แกพลาดได้ยังไง” หลังได้ฟังที่หมวยลี่เล่า โมมายด์ก็เบิกตากว้างพร้อมหลุดคำอุทานออกมา “ลี่ไม่ได้ตั้งใจ” “แต่เฮียดูสนใจแกมากเป็นพิเศษจริงๆ แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรกัน” “พอเฮียบอกว่าจะให้เงิน ลี่ก็มีสติ รีบผลักออก” “เฮ้อ!! หรือเพราะยังไม่ได้ ถึงสนใจ” “………” หมวยลี่ไม่อยากจะคิด แต่พอได้ยินคำคาดเดาของเพื่อน ทำให้เธอเริ่มนึกตามอย่างห้ามไม่ได้ มันคงเป็นเพียงความสนใจที่ฉาบฉวย “แต่เพิ่งเลิกกับยับนั่นนี่ ไหนว่ารักมากแล้วทำไมลืมง่ายจัง” “ไม่หรอก เฮียไม่ได้ลืมเธอเลย คงไม่มีวันนั้น” ริมฝีปากบางเปล่งเสียงเบาหวิวออกมา แม้จะเป็นเพียงคำพูด และถึงจะเอ่ยมันออกมาเองแท้ๆ แต่เธอกลับรู้สึกเจ็บกับถ้อยคำนั้นของตัวเองจนจุกแน่น “คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” ซานที่โผล่มาแทรกกลางสนทนา ทำให้หมวยลี่ที่กำลังเหม่อสะดุ้งตกใจเล็กน้อย “นินทานายอยู่ไงซาน” โมมายด์เป็นฝ่ายตอบแทนให้ “โห! ปากร้าย คนสวยนินทาซานหรอครับ” คนพูดเอนใบหน้าลงมาซบบนไหล่มน เพียงเท่านี้หมวยลี่ก็พอจะเดาอาการออก ว่าเพื่อนตัวสูงคนนี้เริ่มเมาจนใกล้จะไม่มีสติแล้ว “เมาแล้วแน่เลยถึงพูดอย่างนี้” “ขนลุกนะ เมาทีไรซานมันอ้อนแกเหมือนลูกหมาทุกทีเลย” โมมายด์ส่ายหน้า ภาพที่เห็นเธอไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร ฝันหวานเองก็อีกคน เพราะเห็นจนชินตากันไปแล้ว “กลับไปนั่งกัน” “แกตามใจ จนซานมันได้ใจแล้วลี่” โมมายด์ได้แต่ถอนหายใจ หมวยลี่และซานรู้จักกันมาก่อนที่จะเจอเธอ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะสนิทกันมาก แต่มันผิดตรงที่มีอีกคนกำลังคิดไม่ซื่อ “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็เพื่อนกัน” หมวยลี่รีบตอบ เป็นคำที่เธอยืนยันมาตั้งแต่แรก แต่ซานรีบเอ่ยแทรกเพื่อกลบฝังประโยคนั้น “ซานชอบของที่ลี่ให้มากเลย” “เห็นซานชอบลี่ก็ดีใจแล้ว” “อยู่ให้ของขวัญกันแบบนี้ตลอดไปเลยนะ” “พูดแปลกจัง ต้องให้ตลอดไปอยู่แล้วสิ” “อ่า ใช่” ซ่านหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะเมาหรือเขินจากคำตอบเมื่อครู่กันแน่ ทั้งสามคนกลับมานั่งที่เดิมตรงริมสระ พูดคุยกันตามประสาเพื่อน ปกติหมวยลี่ไม่ใช่คนดื่มเยอะมากมาย แต่เพราะซานขอเอาไว้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของเขา เธอจึงยอมดื่มมากกว่าที่เคย ขณะกำลังหัวเราะเฮฮากับเหล่าเพื่อนฝูง เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่วางคว่ำหน้าจออยู่ก็พลันดังขึ้น ร่างเล็กเอื้อมมือไปหยิบมันตามสัญญาณ แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจ คิ้วเล็กขมวดชนกัน ก่อนจะเกิดคำถาม ว่าเธอเมาจนตาลายอย่างนั้นใช่ไหม —ค่าย เพิ่มเพื่อน— และคำตอบที่ได้คือข้อความที่แจ้งเตือนบนหน้าจออีกครั้ง เป็นตัวช่วยยืนยัน แชต: ค่าย ค่าย: เมาหรือยัง ลี่: เฮียมีคอนแทคลี่ได้ยังไง ค่าย: อย่าลืมว่าเธอคือคนของทรัพย์หิรัญสกุล ค่าย: มันผิดปกติตรงไหน? ลี่: ขอโทษค่ะ จู่ๆ ร่างเล็กก็หวนนึกถึงเรื่องราวที่ไม่ควร ทั้งที่ปกติเธอไม่ได้ตั้งใจจะดื่มให้เมา แต่ตอนนี้กลับยกเอายกเอาเพราะอยากจะลืมภาพต่างๆ ที่แล่นวาบเข้ามาในหัว “ลี่ใจเย็นสิ” ฝันหวานเห็นว่าเพื่อนยกดื่มหมดแก้วรวดหลายครั้ง เธอจึงรีบเอ่ยเตือน “วันเกิดซานทั้งที หยวนๆ หน่อยหวาน” ซานที่นั่งใกล้กันรีบช่วยพูดให้ “ก็ได้ แต่ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหวก็พักก่อนนะ” “อื้อ” หมวยลี่พยักหน้า ก่อนจะยกแก้วดื่มรวดเดียวอีกครั้ง ความร้อนของแอลกอฮอล์เริ่มวูบวาบในร่างกายเวลาผ่านไปจนถึงช่วงตีหนึ่ง
ร่างเล็กเดินโอนเอนไปมา แอลกอฮอล์ในร่างกายทำให้ดวงตาพร่ามัว ทั้งที่ยืนหันหน้าเข้าหาต้นไม้แต่เธอกลับพูดคุยราวกับมีเสียงตอบกลับ แถมยังเอ่ยออกมาเป็นเรื่องเป็นราว ทำเอาคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับต้องพ่นหายใจออกมาหนักๆ พร้อมออกคำสั่งเสียงเข้ม “ไปขึ้นรถ” “อ่ะ” เสียงหวานแผ่วยานอุทานออกมาเมื่อถูกดึงกระชากเข้าที่แขน “ม้าย” “เดินตรงๆ เธอเป็นบ้าหรือไงถึงมายืนคุยกับต้นไม้แบบนี้” “โต้นไม้มีชีวิตนะ” ค่ายถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนออกแรงดึงร่างเล็กให้เดินตามไปยังรถ จากนั้นก็กดไหล่เธอให้นั่งลงบนเบาะข้างคนขับ แล้วปิดประตูกระแทกเสียงดังด้วยอารมณ์หงุดหงิด “ลี่ม้ายกาบ ม้ายปายกาบเฮีย” เสียงยานคางเอ่ยคำพูดประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมคลำหาที่จับตรงประตูหวังจะเปิดมันออก แต่ไม่สามารถเปิดได้ “ถ้ายังไม่หยุดพล่าม ฉันจะพาเธอกลับเพนท์เฮ้าส์แทน” สิ้นสุดคำตวาดของของที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามานั่งหลังพวงมาลัย ร่างเล็กก็รีบหันขวับมาตอบกลับในทันที “ถ้ายังม้ายหยุด ลี่จะลงโทษเฮีย” “ลงโทษยังไง?” จู่ๆ ก็เกิดความเงียบแทรกผ่านเข้ามาระหว่างทั้งคู่ หมวยลี่ค่อยๆ ขยับตัว ปีนข้ามไปยังเบาะคนขับ โดยที่ค่ายไม่ได้พูดอะไร เขาหยัดยิ้มมุมปากมองเธอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ปนพึงพอใจ ก่อนจะปรับเบาะให้เลื่อนไปทางด้านหลังเพื่อเปิดทางให้สะดวกมากขึ้น “ครั้งที่สองแล้ว” ปลายนิ้วแกร่งค่อยๆ เกี่ยวม้วนเส้นผมนุ่มอย่างเชื่องช้า สายตาคมกริบบอกชัดถึงความต้องการ “เธอจะให้ฉันทนอีกกี่ครั้ง” “หยุดแกล้งลี่ด้ายไหม” “หืม?” “เฮียม้ายชอบลี่” “ทำไมคิดแบบนั้น” ฝ่ามือหนาฉวยโอกาสบีบขย้ำสะโพกบาง มันอาจดูเลวร้ายไปสักหน่อยที่เขายับยั้งห้ามใจตัวเองไม่ได้ สนใจเธอจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งที่ในหัวใจยังมีอีกคนที่ครอบครองอยู่ แต่ว่า… ความสนใจของค่ายที่มีต่อร่างเล็กบนตักนี้ มันเกิดขึ้นมายาวนานเช่นเดียวกัน เขาสนใจเธอ ก่อนจะเจอกับอดีตคนรักซะด้วยซ้ำ ทว่าความรู้สึกนั้นไม่เคยลึกซึ้งเกินเลยไปกว่าความอยากครอบครอง เขาจึงไม่สนใจนัก แต่เหมือนความพยายามนั้นจะค่อยๆ ถูกกัดกินไปทีละนิด ราวกับว่ายิ่งได้ใกล้ก็ยิ่งต้านทานไม่ไหว เพราะเธอ ทำให้ความตั้งใจที่จะเมินเฉย หวนกลับมาอีกครั้ง “แค่ยอมนอนกับฉัน อยากได้อะไรพูดมาสิ” ใบหน้าคมคายขยับเข้าไปใกล้ จนปลายจมูกแตะลงบนซอกคอขาว เป็นอีกครั้งที่ค่ายได้สูดดมกลิ่นหอมของเธอ “ฉันจะให้เธอทุกอย่าง ที่สามารถหามาได้” “….เฮีย” ภายใต้สติที่หลงเหลือเพียงน้อยนิด ถ้อยคำที่อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นดังก้องอยู่ในหูชวนให้ใจสั่นไหว “ไม่รู้สึกหรือไง ว่าเราสองคนอาจจะเข้ากันได้ดี” สะโพกสอบดันสวนขึ้นเล็กน้อย ให้ช่วงล่างแนบชิดยิ่งกว่าเดิม เขาจงใจ “ใจร้าย…อย่าเล่น…กับจายลี่” มือเล็กทุบรัวบนแผงอกแกร่ง โดยที่เจ้าของตักปล่อยให้เธอทำอยู่อย่างนั้นไม่คิดจะห้าม ไม่มีแม้แต่อารมณ์หงุดหงิด มีเพียงรอยยิ้มที่ยังคงยกโค้งบนมุมปาก “ลงไป ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน” ค่ายกำลังต่อต้าน ทุกครั้งที่ร่างเล็กเคลื่อนไหวช่วงล่างจะเสียดสี ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ ถึงเธอจะทำไปเพราะขาดสติ แต่เขากำลังกลัวใจตัวเอง ว่าจะเผลอทำอะไรที่อยากทำมันซะตอนนี้ “ลงโทษเฮีย” เธอเอ่ยคำเดิมออกมา ก่อนเจ้าของตักจะย้ำอีกครั้ง “ลงไปหมวยลี่” “ม้าย” ใบหน้าหวานจิ้มลิ้มส่ายไปมาอย่างดื้อรั้น ก่อนจะสะดุ้งเฮือก “อื้อ” ร่างเล็กส่งเสียงอื้ออึงเบาๆ เพราะรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณลำคอ เมื่อถูกริมฝีปากหนากดทับลง ค่ายดูดดึงดูงผิวขาวจนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำเด่นชัด เพื่อสั่งสอนว่าเธอไม่ควรเล่นกับไฟที่พร้อมจะโหมกระหน่ำได้ทุกเมื่อ หลังพอใจแล้วเขาก็ค่อยๆ ผละออก มองดูผลงานของตัวเองพร้อมรอยยิ้ม ชื่นชมตราประทับที่ฝากเอาไว้ พออยู่บนผิวขาวๆ ของเธอ มันช่างสวยงาม “คนแรกของเธอ….เป็นฉันได้หรือเปล่า” ดวงตาคู่สวยที่พร่าเบลอคล้ายจะกลับมามองเห็นชัดเจนอีกครั้ง หลังได้ยินประโยคนั้น “ลี่ไม่ชอบ” “หัวใจเต้นแรงขนาดนี้แล้วยังจะปฏิเสธอีกหรือไง” ยิ่งคาดเดาความรู้สึกของเธอได้ ค่ายยิ่งได้ใจ เหมือนเป็นฝ่ายชนะตั้งแต่เริ่มต้น และเขารู้ดีว่าต่อให้ปฏิเสธแทบตาย สุดท้ายแล้ว เธอไม่มีทางหนีพ้น “ถ้าคิดว่าหนีความต้องการของตัวเองได้ ก็มารอดูกัน” เขาขยับหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิม ใช้เขี้ยวคมงับบนกลีบปากอิ่มเบาๆ พอให้เธอสะดุ้ง “อึก! อื้อ~” ความรู้สึกพึงพอใจฉายชัดในแววตาคู่คม เมื่อเห็นว่าร่างเล็กที่เมาจนแทบไร้สติ ตอนนี้กลับตัวแข็งทื่อ เหมือนถูกดึงให้จมดิ่งลงไปกองไฟที่กำลังหลอมรวมทั้งสองร่าง “อีกไม่นาน….เธอจะกลายเป็นของฉัน”หมวยลี่มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ที่กำลังเรียกร้องขอให้ลงโทษด้วยแววตาเจ้าเล่ห์อย่างนั้น ในขณะที่เธอไร้หนทางหนี เขากลับโน้มลงมาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ “รู้สึกยังไงตอนนั่งบดตักของฉัน” ค่ายกำลังตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าตอนนี้เขาไล่ต้อนกระต่ายตัวน้อยไปถึงไหนแล้ว “เมื่อคืนลี่เมา” ฝ่ามือใหญ่วางแนบบนสะโพกบาง ลูบไล้อย่างเชื่องช้า ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ฉันชอบเธอในตอนนั้น” “เราไม่ควรใกล้กันขนาดนี้” มือเล็กยกขึ้นดันแผงอกแกร่งเอาไว้ ต้องการให้เขาหยุดการกระทำที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น“ทำไม” “เฮียคือลูกชายของคุณท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ควรห้ามความรู้สึกของเธอ…ให้รู้จักเจียมตัวบ้างสิ” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้น หลังเขาเอ่ยถ้อยคำนั้น “กี่ปีแล้ว? ทำไมถึงยังไม่ยอมตัดใจ” “มันเรื่องของลี่” คำตอบนั้นอาจฟังดูเหมือนรำคาญ แต่เปล่าเลย ตอนนี้หมวยลี่แทบจะกลั้นหายใจอยู่แล้ว“ไม่อยากเป็นผู้หญิงของฉันหรือไง” ใบหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนลมหายใจปะทะกัน แต่แล้วค่ายกลับชะงักกลางคัน เมื่อได้ยินคำพูดของร่างเล็กที่ดังขึ้นมา ในจังหวะที่ริมฝีปากเกือบสัมผัส“ลี่จะไม่ร้องขอความรักจากใคร เหมือนที่เฮียทำอยู่ตอนนี้” ไม่ต่างอะ
แสงแดดยามเช้ารบกวนเวลานอนของร่างเล็กที่กำลังหลับอยู่บนเตียง เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆ เปิดขึ้นรับกับแดดอุ่นๆ ที่สาดส่องเข้ามาภายในห้อง หมวยลี่รีบดีดตัวขึ้นนั่ง พลางกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนใบหน้าสวยจะเริ่มขึ้นสีแดงเถือกทีละนิด เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในรถเมื่อคืน‘ลงโทษเฮีย’‘คนแรกของเธอ….เป็นฉันได้หรือเปล่า’เธอเมา แต่กลับจำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งตอนที่เขาเข้ามาส่งในห้อง วางลงบนเตียง ภาพเหล่านั้นฉายวนเข้ามาเป็นฉากๆ มือเล็กยกขึ้นมาสัมผัสบนลำคอของตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบลนลานลุกขึ้นจากเตียงไปส่องกระจก ร่องรอยสีแดงช้ำที่ชัดในสายตา ย้ำเตือนว่าทุกอย่างคือความจริง เธอกำลังต่อว่าตัวเองในใจว่าทำบ้าอะไรลงไป ถึงยอมให้เขาฝากรอยไว้บนร่างกายแบบนี้ ทั้งที่ความจริงรู้คำตอบลึกๆ ในหัวใจดีอยู่แล้ว แค่เป็นเขา แค่ผู้ชายที่ชื่อค่าย ก็สามารถทำให้เธอยอมได้ทุกอย่างก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของผู้เป็นแม่ “ลี่ตื่นหรือยังลูก” ดวงตากลมกวาดมองไปรอบห้องหาบางอย่าง ก่อนจะรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาคลุมต้นคอเอาไว้ เพื่อปิดบังร่องรอย“ลี่ได้ยินแม่หรือเปล่าลูก”“ค่า ลี่กำลังจะไปเปิดประตู” มือเล็กเอื้อ
มหาวิทยาลัยหมวยลี่กำลังเดินไปเรียนพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่างโมมายด์และฝันหวาน ซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยที่เธอเรียนมอต้น และอีกคนชื่อว่า ซาน แม้ซานจะเรียนอยู่ต่างมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังติดต่อกันเสมอ “อย่าลืมนะ ต้องไปวันเกิดซาน” ฝันหวานเอ่ยเตือน นิสัยของเธอออกไปทางห้าวหาญสวนทางกับชื่อ และที่สำคัญเธอชอบผู้หญิง ไม่เคยเหลียวมองผู้ชายเลย“เตรียมของขวัญแล้วจ้า” โมมายด์สาวแซ่บประจำกลุ่มรีบขานรับ มีเพียงหมวยลี่ที่กำลังเหม่อลอย เหมือนไม่ได้ฟังที่เพื่อนกำลังพูดคุยกันอยู่“ลี่แกเตรียมของให้ซานหรือยัง ถ้าไม่ได้จากแกมันงอนแน่” ฝันหวานสะกิดแขนเล็กเบาๆ เรียกสติเจ้าของใบหน้าสวยให้หันกลับมามอง“เมื่อกี้หวานพูดอะไรนะ ลี่ไม่ได้ฟัง” “รู้ไหมแกเหม่อมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ยอมเล่า ฉันกับมายด์เป็นห่วง” “ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง แต่มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ” “วันเกิดซานแกเตรียมของขวัญแล้วใช่ไหม?”“อื้อ เตรียมแล้วๆ ซานน่ะชอบแน่นอน”“โหยยัยลี่ จะบอกให้นะ แกให้อะไรไอ้ซานมันก็ชอบทั้งนั้น” โมมายด์ยิ้มกริ่มอย่างรู้ดี เพราะเป็นหมวยลี่ ต่อให้หยิบยื่นอะไรไปให้ซานก็เต็มใจรับไว้ แม้ของชิ้นนั้นจะไม่ได้มีราคาเลยก
หมวยลี่เร่งทำความสะอาดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเวลาผ่านไปกระทั่งค่ำมืดแล้ว ด้วยความที่ห้องขนาดกว้างจึงใช้เวลานาน ไม่ต่างอะไรกับการทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่เลยเธอพยายามไม่นึกถึงเรื่องที่ผ่านมา แม้ภาพเหล่านั้นจะวกวนกลับมาฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า แถมตลอดเวลาที่ปัดกวาดเช็ดถูภายในห้อง ยังรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา เมื่อทำส่วนภายนอกเรียบร้อย ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะหยิบอุปกรณ์ขึ้นมาแล้วตรงไปยังห้องนอน โดยไม่รู้เลยว่ามีอีกคนเดินตามเข้ามาด้วย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนหยุดนิ่งแล้วรู้สึกเหมือนมีใครบางคนซ้อนอยู่ด้านหลัง หัวใจดวงน้อยชาวาบ พยายามควบคุมตัวเองไม่หันไปมอง “ทำสิ” เสียงที่พูดใกล้ๆ ทำให้คนฟังลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ด้วยลำคอที่แห้งผาก หมวยลี่รีบก้าวขาเดินไปตรงหน้าเพื่อเว้นระยะห่างที่เหมาะสม “ลืมเรื่องนั้นไปหรือยัง” คำถามจากค่าย ทำให้ร่างเล็กทนไม่ไหว หมุนตัวหันมาประจันหน้า ก่อนจะตะเบ็งเสียงถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ“พูด…ขึ้นมาอีกทำไมคะ” “ทั้งที่ดูเหมือนกำลังสนใจฉันอยู่แท้ๆ ทำไมถึงไม่ยอมรับข้อเสนอ” “ไม่ ลี่ไม่ได้สนใจเฮีย”“แล้วใครกันที่ชอบแอบมองฉันบ่อยๆ ต
“….เรียกเฮียได้ไหมคะ” เด็กหญิงวัยแปดปีเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขณะเงยหน้ามองลูกชายของผู้มีพระคุณ“ได้สิ” ค่ายในวัยสิบแปดตอบรับอย่างเรียบเฉย แม้น้ำเสียงจะฟังดูเย็นชา ทว่ากลับแฝงความใจดีไว้ลึกๆ‘อ่ะ’ ‘เจ็บตรงไหน มาขี่หลัง เดี๋ยวจะพาไปทำแผล’‘มะ ไม่เป็นไรค่ะ ลี่ไม่เจ็บ’‘เลือดออกเยอะขนาดนี้ไม่เจ็บได้ยังไง มาขึ้นหลังเร็วๆ’‘อื้อ’เด็กน้อยนั่งมองหนุ่มรุ่นพี่ทำแผลให้ ฝ่ามืออุ่นที่จับบนข้อเท้าเล็กของเธออย่างไม่นึกรังเกียจ สายตาใสซื่อที่จ้องเขาไม่กะพริบ ในเวลานั้น เหมือนว่าเขาคือฮีโร่ในโลกใบเล็กของเธอความทรงจำในวัยเด็ก…ไม่เคยถูกลืมเลือน ความรู้สึกในวันนั้นที่เริ่มต้นจากเพียงแค่ความชื่นชม ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวั่นไหวที่ควบคุมไม่ได้ จนสุดท้ายหัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงทุกครั้งที่ได้สบตาใจเต้นแรงจนไม่กล้าเผชิญหน้าหมวยลี่ในวัยยี่สิบปีกำลังนึกถึงเรื่องราวในอดีต ที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเธอมายาวนาน@คฤหาสน์ทรัพย์หิรัญสกุลแม้จะได้อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่โต แต่หมวยลี่เป็นเพียงลูกสาวของแม่บ้านที่ทำงานให้กับครอบครัวนี้มานาน และเพราะคุณท่านไกวิญช์เอ็นดูเธอเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง จึงส่งเสียให้ได้เรียนหนังส
ดอกไม้จะสวยงามก็ต่อเมื่ออยู่บนต้น หากถูกเด็ดออกมา ไม่นานก็จะเหี่ยวเฉา ร่วงโรย เหลือไว้เพียงเศษซากที่ไร้ความดึงดูด ———ท่ามกลางลานกว้างด้านหน้าคลับ เจ้าของใบหน้าสวยจิ้มลิ้มพยายามฝืนยืนรอรถ ทั้งที่สองขาแทบรั้งร่างไว้ไม่ไหว เพราะถูกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ครอบงำ“ทำไมมายืนอยู่คนเดียว เพื่อนหายไปไหนกันหมด” ตึกตัก! ตึกตัก! เสียงหัวใจแปรปรวนเป็นจังหวะถี่รัวขึ้น เมื่อหันมาสบตากับเจ้าของเสียงที่เอ่ยทักท้วง“รู้ไหมว่ามันอันตราย”“เฮีย…หล่อจัง” เสียงหวานแผ่วยาน ใบหน้าสวยเงยขึ้นสบตากับคนที่ตัวสูงกว่า ด้วยความไร้สติทำให้เธอไม่อาจสั่งห้ามตัวเองได้ จนเผลอยกมือขึ้นไปสัมผัส“หืม?” “…ลี่ชอบ” หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว ราวทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน และในฝันนั้น เธอกำลังสารภาพรักกับคนที่แอบชอบมาเนิ่นนาน “อื้อ~ หัวใจลี่เต้นแรง” มือเล็กยกขึ้นมาทาบตรงอกข้างซ้ายของตัวเอง ใบหน้าขึ้นสีแดงจัด ร้อนผ่าวจนลามไปถึงใบหูสายตาคู่คมจับจ้องการกระทำของเด็กน้อยที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมองว่าไร้เดียงสา ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างพอใจ ที่ จู่ๆ ก็มีเหยื่อเข้ามาป้อนถึงปาก โดยไม่ต้องเสียแรงออกล่าให้เหนื่อย“อยากกลับหรือยัง” ปลายนิ้วแกร่งยกขึ้นม