@คฤหาสน์ทรัพย์หิรัญสกุล
ด้านหลังคฤหาสน์มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา มีโต๊ะนั่งตัวหนึ่งตั้งอยู่
ตรงมุมที่ลมพัดผ่านเย็นสบาย หมวยลี่ชอบมานั่งตรงนี้เป็นประจำ
บางครั้งก็เอางานจากมหาวิทยาลัยมาทำที่นี่ เพราะรู้สึกผ่อนคลาย
และมีสมาธิดี
ดวงตากลมทอดมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย เธอกำลังทบทวน
เรื่องที่ติดอยู่ในความคิด
“ลี่จะไปตลาดกับแม่ไหมลูก”
“…”
“แม่จะไปซื้อของเข้าครัวสักหน่อย ให้คนอื่นไปเลือกก็ไม่ถูกใจ”
“…”
“ลี่ ได้ยินที่แม่พูดไหมลูก”
เสียงที่ดังสะท้อนเข้ามาในห้วงความคิดทำให้ร่างเล็กสะดุ้ง
ใบหน้าหวานรีบหันมองข้างตัวก่อนจะพบว่าแม่กำลังยืนอยู่
“อ่ะ ค่ะ แม่พูดว่าอะไรนะคะ”
“ทำไมช่วงนี้ลูกถึงเอาแต่เหม่อ มีความรักหรือเปล่า”
ทั้งที่เป็นเพียงการคาดเดาธรรมดาที่แม่ไม่ได้มีทีท่าจะเค้น
เอาคำตอบ แต่หมวยลี่กลับรีบปฏิเสธอย่างร้อนใจ
“ไม่ค่ะ ไม่มีจริง ๆ นะแม่”
“ถึงมีแม่ก็ไม่ว่า ลูกโตพอที่จะมีคนรักได้แล้ว ดีซะอีกแม่จะได้
หมดห่วง”
“…” หมวยลี่ได้แต่ยิ้มแห้ง เธอไม่ได้ตอบคำที่แม่มักจะพูดให้ได้ยิน
บ่อยครั้ง
“หรือเพราะเรียนหนัก เฮ้อ แม่บอกแล้วไงลี่ ถ้าเรียนหนักเกินไป
ก็ย้ายไปอยู่คอนโดอย่างที่คุณท่านว่า”
“ลี่ไหวค่ะ อยู่ที่นี่ก็ได้ช่วยงานแม่ไงคะ”
“ดื้อจริง ๆ เลยนะลูกคนนี้”
“…”
“จริงสิ วันนี้หนูเจียร์จะมาทานมื้อค่ำ ลูกอยู่ต้อนรับนะ
เดี๋ยวแม่จะไปตลาดเอง”
หลังจากที่แม่เดินไป หมวยลี่ก็สะบัดความคิดฟุ้งซ่านที่ทำให้เธอ
เหม่อลอยก่อนหน้าออกจากหัว แล้วเดินเข้าไปช่วยจูนล้างจานในครัว
ทั้งสองคนพูดคุยอย่างเป็นกันเอง แม่บ้านทุกคนสนิทสนมกัน
เหมือนพี่น้อง เพราะต่างก็ทำงานกับครอบครัวนี้มานาน จนกลายเป็น
เหมือนคนในบ้านไปแล้ว
“น้องเจียร์จะมาใช่ไหมลี่” จูนที่กำลังหยิบจานที่ล้างแล้วใส่ชั้นวาง
หันมาถาม
“ใช่ค่ะ”
“พี่รอขนม คนอะไรทั้งสวยแถมยังใจดี ชอบซื้อของมาฝาก
ตลอดเลย”
“ลี่จะอ้วนแล้ว พี่เจียร์ชอบซื้อเค้กส้มมาให้”
“ถ้าลี่อ้วน พี่ไม่เป็นหมูเลยหรือไง”
หมวยลี่เผลอลืมเรื่องราวที่วนเวียนอยู่ในหัวไปชั่วขณะ รอยยิ้ม
ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาได้ในที่สุด แต่นั่นก็เป็น
เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ
เมื่ออยู่คนเดียวก็วกกลับมาคิดมากอีกครั้ง
ช่วงกลางดึก
ความคิดฟุ้งซ่านทำให้นอนไม่หลับ ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยขึ้นมอง
ดวงจันทร์ที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน ความสับสนตีกันอยู่ในหัว
จนใจรู้สึกวูบหวิว เธออยากจะสลัดความหนักอึ้งที่กดทับออกไปให้หมด
ทุกครั้งที่ภาพแววตาเย็นชาของค่ายในวันนี้ผุดขึ้นมาในความคิด
หัวใจดวงน้อยก็พลันเจ็บแปลบ ราวกับถูกกรีดซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่ว่าเธอจะพยายามลืมแค่ไหนก็ยังรู้สึก
… ไร้ตัวตน
เสียงถอนหายใจดังขึ้นติดกันหลายครั้ง ดวงตากลมค่อย ๆ ละจาก
ท้องฟ้า แล้วก้มลงมองโทรศัพท์ในมืออย่างชั่งใจ ก่อนที่ปลายนิ้วจะ
เริ่มพิมพ์ข้อความส่งไปในแชตกลุ่มที่รวมเพื่อนทุกคนเอาไว้
แชตกลุ่ม
หมวยลี่: ไปดื่มกันไหม
Read
เพียงไม่ถึงสามวินาทีข้อความก็ขึ้นว่าอ่านครบทุกคน แต่ยังไม่มี
ทีท่าว่าใครคนใดคนหนึ่งจะตอบกลับมา เธอจึงตัดสินใจพิมพ์ซ้ำอีกรอบ
หมวยลี่: ไม่ไปกันเหรอ?
ซาน: แปลกแฮะ
ซาน: ทำไมจู่ ๆ ถึงชวนไปคลับ
ฝันหวาน: คนที่แทบจะไม่นับญาติกับแอลกอฮอล์อย่างแกเนี่ยนะ
เอ่ยปากชวน ช็อกไปเลยสิฉัน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ข้อความจากเธอจะทำให้เพื่อน ๆ พากันตกใจ
หมวยลี่ไม่เคยเป็นฝ่ายชวนใครก่อนเลยสักครั้ง ตั้งแต่รู้จักกันมา
แทบจะนับครั้งได้ที่เพื่อนตัวเล็กคนนี้ยอมออกไปดื่มที่คลับ
โมมายด์: ฉันกำลังแต่งตัวอยู่
ฝันหวาน: ดูไม่รีบเท่าไรเลยนะ
หมวยลี่: สรุปใครจะไปบ้าง
ซาน: รายงานตัวครับ
ซานตอบมาคนแรก จากนั้นก็ตามมาด้วยการส่งสติกเกอร์
รูปยกมือ แล้วคนต่อไปก็คือฝันหวาน
ฝันหวาน: จะพลาดได้ยังไง
หมวยลี่: โอเค เจอกันที่คลับเลยนะ
หลังจากปิดหน้าจอโทรศัพท์ หมวยลี่ได้แต่นั่งถอนหายใจ
อยู่พักใหญ่ เธอตั้งใจว่าจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์หากไม่จำเป็น แต่เพราะ
อยากปลดปล่อยความรู้สึกที่มันเอาแต่ปะทุในใจจนอัดอั้น ในเวลานี้
การได้ปลดปล่อยตัวเองคงเป็นสิ่งที่ดีกว่าการอยู่เฉย ๆ แล้วจมกับ
ความคิดมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด
เวลา 22:20 น. @คลับ
ถกเถียงกันอยู่นานว่าจะไปที่ไหน สุดท้ายก็ลงเอยที่คลับในเครือ
ทรัพย์หิรัญสกุลเหมือนทุกครั้ง เพราะมีครบทุกอย่าง อีกทั้งยังเป็นที่นิยม
ในกลุ่มหนุ่มสาววัยรุ่น
มุมวีไอพีแยกออกมาอย่างเป็นสัดส่วน โซนที่ใครต่างก็แย่งชิงกัน
ทุกค่ำคืน แม้ค่าเปิดบิลต่อโต๊ะจะสูงลิ่วถึงหลักแสนบาท หากไม่ใช่ซาน
ที่เป็นทายาทของตระกูลคงไม่สามารถจองได้
“ขอบคุณนะคะที่เลี้ยงโซนวีไอพี” ฝันหวานแทบจะกราบตรง
กลางอกของซาน ทว่าเจอดันหัวออกซะก่อน
“อย่าทำแบบนี้ ขนลุก”
“จิ๊! ขนลุกเหมือนกันนั่นแหละ”
เพราะฝันหวานไม่มีความเป็นผู้หญิงอยู่ในตัวสักเท่าไร บางเรื่อง
เธอก็แมนยิ่งกว่าซานที่เป็นผู้ชายด้วยซ้ำ เวลาทั้งคู่พูดจาเพราะ ๆ ใส่กัน
ทีไร เลยพากันขนลุกซู่
“ตอบได้หรือยังว่าทำไมจู่ ๆ ถึงอยากมาคลับ?” ซานหันมาถาม
เพื่อนตัวเล็กในสิ่งที่เขายังค้างคาใจ
“ก็ไม่ทำไม ลี่แค่อยากเที่ยวบ้างแค่นั้นเอง”
“มันแปลกจริง ๆ นะลี่ ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้คิดมากใช่ไหม”
“นี่! ยัยลี่ชวนดื่มทั้งทีนะ มาสนุกกันดีกว่าไหม ไม่เห็นต้องสงสัย
อะไรมากเลย” โมมายด์เอ่ยแทรก ก่อนจะหันมาขยิบตาให้หมวยลี่
เสียงหัวเราะพูดคุยผสานกับเสียงแก้วกระทบกัน กลืนเข้ากับ
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม บรรยากาศมีเพียงแสงสลัวและไฟหลากสีวิบวับ
ที่สาดส่องไปทั่ว
“พี่เซบบ์จะกลับไทยเมื่อไรเหรอ เฮ้อ สุดหล่อของฉันหนีไปไกลจัง”
โมมายด์ถามกับซานที่นั่งอยู่ใกล้กัน
“ไม่มีกำหนด พ่อก็ยังไม่อยากให้กลับด้วย เป็นไปได้ก็ให้
อยู่ลอนดอนไปเลยยาว ๆ”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“จิตตก ต้องพบแพทย์ พ่อดูแลเรื่องค่ารักษาอยู่” ซานพูดถึงผู้หญิง
ที่ถูกพี่ชายของเขาขังเอาไว้นานเกือบสองเดือน
“น่าสงสารจัง ทำไมจู่ ๆ ถึงทำแบบนั้น”
“พูดยาก”
เขารู้ว่าพี่ชายรักผู้หญิงคนนั้นมาก เฝ้ามองเธอตั้งแต่เด็กจนโต
ราวกับโรคจิต แทบจะเทิดทูนให้อยู่เหนือทุกสิ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าพี่ชาย
จะทำกับผู้หญิงที่ตัวเองรักแบบนั้น ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
“เซบบ์มันหมกมุ่น ถึงขั้นสั่งคนคอยตาม ติดกล้องเอาไว้ในห้อง
ติดไมค์ไว้คอยฟังทุกอย่างที่เธอพูด มันโคตรจะบ้า”
“แต่ผู้หญิงคนนั้น ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้วไม่ใช่เหรอ”
หมวยลี่เป็นคนเอ่ยแทรก เรื่องที่หยิบมาพูดคุยกันค่อนข้าง
จะซีเรียส เธอพอจะรับรู้เรื่องนี้มาบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้ลึกหมดทุกอย่าง
เพราะแทบไม่เคยคุยกับซันเซบบ์เลย รายนั้นชอบเก็บตัวเงียบไม่สุงสิง
กับใคร ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ มีหน้าเดียวตลอดเวลา คือเงียบขรึมจนดูน่ากลัว
ระหว่างที่หมวยลี่กำลังยกแก้วดื่ม ไม่ได้สังเกตเลยว่า บนชั้นสอง
ตรงริมระเบียง มีสายตาของใครบางคนกำลังมองอยู่เงียบ ๆ แววตาคู่คม
เอาแต่จับจ้องมาที่เธอ
“นั่นเฮียค่ายหรือเปล่า” โมมายด์ที่กำลังมองไปรอบ ๆ เผลอเหลือบ
ไปเห็นชายร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงมุมมืดของชั้นบน เขาไม่ได้หันมา
มองเธอเลยสักนิด เพราะสายตากำลังจับจ้องไปยังใครอีกคนที่นั่ง
ร่วมโต๊ะเดียวกับเธอ และมันก็ไม่ยากเกินจะคาดเดาว่าเป็นใคร
พอได้ยินคำพูดของเพื่อน หมวยลี่รีบเงยหน้าขึ้นไปมองชั้นบน
และในวินาทีนั้นสายตาของเธอก็ผสานกับอีกคนที่กำลังจับจ้อง
อย่างไม่ยอมละไปไหน ราวกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มดับเงียบไปครู่หนึ่ง
แต่เมื่อรู้ตัวเธอก็รีบเบือนหน้าหนี
“ปกติเฮียจะอยู่ในห้องทำงานตลอด ไม่ค่อยออกมาเช็กข้างนอก
วันนี้แปลกแฮะ” ซานนึกแปลกใจ เพราะถ้าให้พูดตามจริง ทุกครั้งที่ค่าย
เข้าตรวจคลับจะอยู่แค่ในห้องทำงาน และให้ลูกน้องคนสนิท
คอยสอดส่องแทนซะมากกว่าออกมาดูด้วยตัวเอง
“คงอยากออกมาตรวจด้วยตัวเองละมั้ง” โมมายด์พูดพลาง
เหลือบสายตามองเพื่อน เธอรู้สึกได้ว่าหมวยลี่แปลกไปจากเดิม แววตา
คู่สวยหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัดหลังเจอกับค่าย
“นั่น ยัยโบว์นี่” ฝันหวานชี้นิ้วไปทางผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดิน
ตรงเข้ามาทางโซนวีไอพี ซานเหลือบมองตาม ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
ราวกับเดาเรื่องราวคร่าว ๆ ออก พร้อมพูดขึ้น
“ถึงว่า ทำไมออกมาจากห้องทำงานได้ แอบมาดูคนรักเก่านี่เอง”
หลังได้ยินที่ซานว่า หมวยลี่ก็ยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียว พลาง
ปรายสายตามองผู้คนที่คับแน่นภายในคลับ แสงไฟหลากสีสาดกระทบ
ลงมาทำให้สายตาเริ่มพร่ามัว
แค่ได้เห็นทั้งสองคน ความคิดที่พยายามกดเอาไว้ก็ปะทุขึ้นมา
อีกครั้ง หมวยลี่อดไม่ได้ที่จะคาดเดา ว่าทำไมคนรักเก่าของค่ายถึง
โผล่มาอีก ทั้งที่วันนี้เธอไปเพนท์เฮ้าส์ของเขามาแล้ว
เรื่องราวหลายอย่างถาโถมเข้ามาพร้อมกัน จนความคิดวกวน
แต่เรื่องราวเดิม ๆ ความไม่เข้าใจกัดกินไปทั่วอก มือที่ถือแก้วเหล้า
ถูกยกขึ้นถี่กว่าปกติ เธอกำลังใช้แอลกอฮอล์กลบความปั่นป่วนทั้งหมด
ภายใจหัวใจ
อุตส่าห์ตั้งใจมาเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความคิดฟุ้งซ่าน
แต่กลับกลายเป็นว่าทุกอย่างยิ่งตอกย้ำให้เธอคิดมากกว่าเดิม อาการ
นิ่งขรึมของค่ายทำให้อดกังวลไม่ได้ กลัวว่าเขาจะกลับไปหาผู้หญิงคนนั้น
ทั้งที่พ่อไม่เห็นด้วย แต่หมวยลี่ก็ยังกลัว เพราะถ้าค่ายคิดจะทำ
ขึ้นมาจริง ๆ เขาก็คงไม่แคร์ใครทั้งนั้น
“ลี่ไปห้องน้ำก่อนนะ”
“ให้ไปเป็นเพื่อนไหม?”
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง”
ร่างเล็กลุกขึ้นจากโซฟา เดินแยกจากกลุ่มเพื่อนไปทางห้องน้ำ
ซึ่งไม่ไกลจากตรงที่นั่งอยู่ โซนวีไอพีมีห้องน้ำส่วนตัว จึงไม่ต้องคอยต่อคิว
กับใคร
หลังจากจัดการธุระเรียบร้อย นิ้วเรียวเอื้อมไปแตะที่กลอนประตู
แต่ยังไม่ทันได้ปลดล็อก เสียงจากห้องข้าง ๆ ก็ดังลอดออกมา ทำให้
ร่างเล็กชะงักค้างอยู่กับที่
‘วันนี้ค่ายไม่ยอมคุย โบว์ถึงต้องมาที่คลับ’
‘เรามาคุยกันนะคะ ฟังเหตุผลกันสักครั้ง แค่ครั้งเดียว ถ้าค่าย
ยืนยันว่าอยากจบ โบว์จะไม่รั้งเอาไว้อีกแล้ว’
หมวยลี่รับรู้ได้โดยไม่ต้องเห็นหน้าว่าเธอคือใคร ชื่อที่พูดอยู่นั้น
ชัดเจนเต็มสองหู มือเล็กพลันกำแน่น รู้สึกวาบหวิวตรงกลางอก
ผู้หญิงคนนั้นพยายามฉุดรั้งเขาด้วยเชือก และตอนนี้ในมือ
ของหมวยลี่กำลังถือกรรไกรเอาไว้ เธอลังเลว่าจะตัดเชือกเส้นนั้นทิ้ง
หรือยอมปล่อยให้เขากลับไป
ร่างเล็กไม่ยอมออกจากห้องน้ำ เธอกำลังคิดมากมาย การที่
ถูกค่ายพยายามเข้าหาและหวาดล้อมด้วยวิธีต่าง ๆ ทำให้ความรู้สึก
ที่พยายามหักห้ามถลำลึก ที่ผ่านมาเธอเอาแต่เฝ้ามองยามเขามีความสุข
กับผู้หญิงที่รัก แต่ตอนนี้หมวยลี่กำลังถามตัวเองว่าจะรู้สึกยังไง
หากเขากลับไปอีกครั้ง
ความรู้สึกหวงมันแล่นวาบขึ้นมาตรงกลางอก ไม่อยากให้ทุกอย่าง
ลงเอยแบบนั้น คนที่คอยเฝ้ามองแค่จากทางด้านหลังอย่างเธอ กำลังคิด
เรื่องที่โง่เขลา
ตอนนี้… เธออยากขยับเข้าไปยืนข้าง ๆ เขา
แชต: ค่าย
หมวยลี่: ยังต้องการให้ลี่รักษาแผลอยู่ไหมคะ
มันอาจเป็นการตัดสินใจที่งี่เง่าและโง่ที่สุด แต่ในตอนนี้หมวยลี่
รู้สึกมากขึ้นกว่าเดิม เธอไม่อยากปล่อยให้เขากลับไปเป็นของผู้หญิง
คนนั้นอีกแล้ว
บาดแผลที่ผู้หญิงคนนั้นฝากเอาไว้ เธอจะรักษามันให้เขาเอง
ร่างเล็กได้แต่เฝ้ารอให้ข้อความถูกเปิดอ่าน จิตใจของเธอไม่อยู่
กับเนื้อกับตัว พร้อมทั้งหัวเราะเยาะตัวเอง ต่อให้พยายามหนีเท่าไร
สุดท้ายก็ก้าวขาไม่พ้นกับดักที่ค่ายวางเอาไว้
ขณะรอเจ้าของช่องแชตอ่านข้อความ เสียงของคนที่อยู่ด้านนอก
ห้องน้ำก็ดังแว่วขึ้นมาอีกครั้ง และประโยคนั้นทำให้หัวใจดวงน้อย
เกือบจะหยุดเต้น
‘ค่าย ไม่โกหกใช่ไหม’
‘โบว์จะรีบไปหาที่รถตอนนี้เลย ขอบคุณที่ยอมคุยกันนะคะ’
โทรศัพท์ในมือถูกกำแน่นขึ้นทันที มันเจ็บลึกตรงกลางใจ
เมื่อรู้เหตุผลว่าทำไมค่ายถึงไม่ยอมอ่านข้อความ
นิ้วเรียวแตะลงบนหน้าจอมือถือ ก่อนจะกดโทรออกไปหาเจ้าของ
แชตที่เอาแต่เงียบ ไม่แม้แต่จะตอบข้อความของเธอ เสียงสัญญาณ
รอสายดังขึ้นในความเงียบ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ราวกับ
จะหลุดออกมาจากอก
ทั้งที่เป็นฝ่ายหนีมาตลอด ครั้งนี้กลายเป็นเธอที่วิ่งไล่ตาม
(มีอะไร)
เสียงทุ้มที่เอ่ยถามผ่านปลายสาย ทำให้หมวยลี่เกือบลืมเรื่องราว
ที่อยากจะพูดทั้งหมด
“… เฮีย”
(ตั้งใจหรือโทรผิด)
“ไม่… ไม่ผิด”
(รีบพูดมา ฉันมีเวลาไม่มาก)
น้ำเสียงเย็นชาชวนให้หัวใจกระตุกไหว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน
แน่น พร้อมมือที่กำเข้าหากันจนเปียกชื้น
“รอเธออยู่เหรอคะ คนรักของเฮีย”
(รู้ได้ยังไง)
“แล้วใช่หรือเปล่าคะ”
เสียงพ่นลมหายใจหนัก ๆ ดังแว่วให้ได้ยิน ก่อนคนในสายจะ
ตวาดสวนกลับมาทันที
(ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรถาม)
ทั้งที่เขาพูดขนาดนี้แล้วแท้ ๆ แต่ร่างเล็กก็ยังไม่ยอมละ
ความพยายาม เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในช่วงสุดท้าย
ที่ตัดสินใจอีกครั้ง
“อย่าไปกับเธอได้ไหม” คำขอที่เอื้อนเอ่ยออกมาเบาจนแทบกลืน
ไปกับลมหายใจ ริมฝีปากของเธอสั่นเทาเล็กน้อย “… อยู่กับลี่นะคะ”
(เป็นอะไรไปหมวยลี่)
“เฮียอยากได้อะไร… ลี่จะยอม”
(อ่า ถึงกับต้องลงทุนใช้ร่างกายรั้งฉันเอาไว้เลยหรือไง)
“อยากไปหาเธอหรืออยู่กับลี่ เลือกมาสิคะ”
ไร้การตอบกลับจากปลายสายหลังคำถามที่บีบให้เขาเลือก
ความเงียบที่ยืดยาวนั้นเจ็บยิ่งกว่าคำตอบ เธอไม่รู้เหมือนกันว่า
ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้กล้าหวังว่าผู้ชายอย่างค่ายจะทิ้ง
ผู้หญิงที่เขารัก เพื่อมาหาเธอ
(มั่นใจแค่ไหน ว่าฉันจะเลือกเธอ)
คำถามนั้นฟาดเข้ามาตรงกลางอก ทำเอาเธอชะงักนิ่ง หัวใจพลัน
เจ็บหน่วงขึ้นมา หมวยลี่เริ่มตระหนักได้แล้ว ว่าเธอสำคัญตัวเองมาก
เกินไป
“ละ… ลืมสิ่งที่ลี่พูดไปเถอะค่ะ”
(หมวยลี่)
“หลังจากวันนี้ เฮียอย่ายุ่งกับลี่อีกเลยนะคะ”
(มาขึ้นรถ)
“… ทำไมลี่ต้องไป”
(เฮียเลือกหนูไงครับ… เด็กดี)
เสียงหัวเราะเบา ๆ ที่เล็ดลอดผ่านปลายสาย ทำให้หมวยลี่
เริ่มสับสน แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลย คือคำพูดของเขา มันทำให้เธอรู้สึก
วูบวาบ รุ่มร้อนไปทั่วทั้งร่างกาย