@ ZTUDIO
และแล้วช่วงเวลาแห่งการทวงคืนของรักก็มาถึง.. ในที่สุดฉันก็พาตัวเองมายืนอยู่ใน Ztudio จนได้ บอกตามตรงว่าที่นี่หรูกว่าที่คิด แบ่งโซนต่างๆ ได้อย่างลงตัวจริงๆ ระดับของลูกค้าก็แยกกันชัดเจน ซึ่งแต่ละโซนก็ดูมีสไตล์ไม่แพ้กันเลย
อ้อ.. เห็นว่าชั้นบนมีห้องพักให้ Member กระเป๋าหนักเปิดห้องได้ตามใจ แถมชั้นดาดฟ้ายังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแบบ Exclusive สุดๆ อีกด้วยนะ มิน่าล่ะใครๆ ถึงได้แห่กันมาเดินยั้วเยี้ยเต็มไปหมด เหอะๆ นี่คนหรือหนอนเนี่ย -.- แล้วยิ่งคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ด้วยก็เลยดูจะคึกคักกันเป็นพิเศษเชียวล่ะ
“เอ่อ โทษนะคะ VIP#9 ไปทางไหนคะ?”
ฉันมองหาคนที่คิดว่าน่าจะพอบอกทางได้แล้วเดินเข้าไปถาม ถ้าให้เดานะ.. Zone VIP ที่ว่านี่ต้องเดินผ่านประตูที่มีบอดี้การ์ดชุดดำ 3-4 คนเฝ้าอยู่ ประตูนี้แน่นอนเลยเชื่อสิ
“Ztudio Nightshade ตรงไปสุดทางเลี้ยวขวาห้องสุดท้ายครับ ขอ Night Card ด้วยครับ”
ฉันหันไปตามเสียงที่ได้ยิน แล้วพบว่าคนที่ตอบฉันไม่ใช่ชายชุดดำหน้าตาดุๆ อย่างที่คิดหรอก แต่เป็นผู้ชายผิวขาว ผิวพรรณดี และที่สำคัญหน้าตาหล่อโฮกในยูนิฟอร์มเชิ้ตเทาตัดขอบดำกับกางเกงสแล็คที่ดูกึ่งทางการนิดๆ แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาส่งยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
“Night Card?”
ฉันทวนคำพูดผู้ชายยิ้มเก่งตรงหน้า แล้วนึกตำหนิตัวเองขึ้นมาทันที ทำไมฉันคิดไม่ถึงนะว่าสถานที่ระดับนี้ ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวต้องรัดกุมสุดๆ อยู่แล้ว อยู่ๆ จะยอมให้ใครก็ไม่รู้เข้าไปเดินเพ่นพ่านได้ยังไง แล้วนี่จะไปเอามาจากไหนล่ะไอ้ Night Card อะไรเนี่ย -_-?
“ครับ Night Card เพราะชอบมีคนเนียนมาวุ่นวายกับพวกเฮียๆ อยู่เรื่อย เธอคงไม่ใช่หนึ่งในนั้นหรอก...ใช่มั้ย?”
“เอ่อคือฉัน...”
เอิ่ม! อุตส่าห์ชมว่าหล่อนะเมื่อกี๊ แต่ถ้ารู้ทันกันแบบนี้ถอนคำพูดนี่ทันมั้ย -_-? แต่จริงๆ ไม่ได้มาวุ่นวายสักหน่อย แค่ทำของหายแล้วอยากได้คืนเท่านั้นเองอ่ะ
“ถ้าไม่มี Night Card ก็ให้เข้าไม่ได้จริงๆ ครับ น่าเสียดายจังเลยเน่อะ ^_^” แล้วผู้ชายตรงหน้าก็เอาแต่ยิ้มทั้งที่ปากก็เพิ่งจะปฏิเสธฉันไปหมาดๆ
“เอ่อ...พายุ”
“ครับ?”
“คือฉัน...มาหาพายุ” ฉันบอกความต้องการของตัวเองออกไป และแอบหวังว่าเขาจะเข้าใจว่าฉันไม่ได้เนียนมาเหมือนพวกผู้หญิงที่เขาพูดจริงๆ
“มาหาเฮียพาย?”
ผู้ชายตรงหน้าถามซ้ำออกมาอีกครั้ง ฉันเลยพยักหน้าตอบแบบมึนๆ ไป ...น่าจะใช่แหละมั้ง พายุ พายๆ อะไรเทือกนั้นแหละ
“ใช่ หมอนั่นแหละ คือเฮียนายขโมยของบางอย่างของฉันไป ฉันแค่จะมาเอาคืน” ฉันชี้แจงเจตนาของตัวเองออกไป แต่สิ่งที่ได้กลับรับมาคือคนตรงหน้าเลิกคิ้วมาให้แบบไม่อยากจะเชื่อ
“ขโมย -.-?” เหอะๆ ดูจากสีหน้าก็พอจะรู้แหละว่าเขาไม่เชื่อฉันเลยสักนิด แถมยังพยายามแก้ตัวให้รุ่นพี่พายุที่ตัวเองเทิดทูนอีก
“จำผิดรึเปล่า? อย่างเฮียพายเนี่ยนะจะขโมยของ”
หึหึ.. เข้ายากเข้าเย็นจังเลยแฮะ เริ่มเซ็งละนะ
“เอางี้ถ้าฉันเข้าไปไม่ได้ งั้นช่วยเรียกเฮียนายออกมาทีได้มั้ย”
ฉันยังพยายามเจรจาอย่างใจเย็นเพื่อเข้าไปเอาสร้อยคืนให้ได้ แต่ดูเหมือนมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะหมอนี่ยืนดักอยู่ไม่ยอมปล่อยเลย
“ไม่ได้เนียนจริงๆ สาบานได้ ”
ฉันย้ำออกไปอีกครั้งพร้อมกับชูสามนิ้วแบบลูกเสือเนตรนารีด้วย แต่ก็ได้รับแค่รอยยิ้มแห้งๆ ตอบกลับมา แถมคนตรงหน้าก็ไม่ยอมหลีกทางให้ฉันแม้แต่ก้าวเดียว
“นิลลา?”
ระหว่างที่ฉันกำลังยืนเจรจากับผู้ชายตรงหน้า อยู่ๆ ก็มีใครบางคนเรียกชื่อฉันดังมาจากข้างหลัง ฉันเลยหันไปตามเสียงเรียกนั้นแล้วก็เจอผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งในชุดนักศึกษา หืม? เขาเรียน ม. เดียวกับฉันเลยนี่นา สังเกตจากเนคไทอ่ะ
“อ้าวเฮียโย วันนี้มาเร็วจังนะครับ ^_^”
ผู้ชายที่ยืนขวางทางเข้าฉันหันไปทักทายคนที่เดินเข้ามา โยหรอ.. ชื่อไม่คุ้นเลยแฮะ แล้วทำไมเขาถึงเรียกชื่อฉันอย่างกับรู้จักกันงั้นแหละ
“อืม มีไรกัน?”
“ไม่มีไรเฮีย ผู้หญิงคนนี้มาหาเฮียพายแต่ไม่มี Night Card”
พอนายโยอะไรนั่นหันมาถาม ผู้ชายที่ดักทางฉันไว้ก็อธิบายอย่างละเอียด ย้ำจังเลยนะไม่มี Night Card เนี่ย -_-!
“อืม เดี๋ยวกูพาเข้าไปเอง”
แล้วอยู่ๆ ผู้ชายชื่อโยก็หันมาคว้าแขนฉันพาเดินเข้าประตู Zone VIP มาหน้าตาเฉย ส่วนหมอนั่นที่ยิ้มกว้างๆ น่ะ ก็ยืนเฝ้าหน้าประตูต่อไปแบบงงๆ ..เดี๋ยวๆ แล้วทำไมนายโยอะไรนี่ต้องมาถูกเนื้อต้องตัวกันด้วยเนี่ย =_=?
“ไม่เจอกันนานเลยนะยัยตัวแสบ”
“นาย...หมายถึงฉันหรอ?” ฉันมองแขนตัวเองที่ถูกมือหนาจับไว้สลับกับแผ่นหลังของผู้ชายที่กำลังก้าวขาไปเรื่อยๆ อย่างสงสัย
“แล้วมีคนอื่นมั้ยล่ะ”
“เอ่อ...โทษนะ เรารู้จักกันด้วยหรอ -.-?”
ที่ถามไปแบบนั้นเพราะฉันจำไม่ได้จริงๆ ว่ารู้จักผู้ชายคนนี้ จะว่าเป็นเพื่อนตอน ม.ปลายก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะตอนนั้นฉันสนิทกับไอ้ด้าคนเดียวจริงๆ อ่ะ
“ที่พูดนี่หมายความว่าไง?”
ผู้ชายชื่อโยใช้มืออีกข้างผลักประตูห้องๆ หนึ่งเข้าไป แต่ในนี้ก็ไม่มีใคร ก่อนจะปล่อยแขนฉันเป็นอิสระและกดไหล่ฉันให้นั่งลงบนโซฟา ส่วนเขาก็ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับฉันอีกที
“ก็ฉันกับนาย เรา...”
“เธอจำฉันไม่ได้?” คนตรงหน้าชิงถามขึ้นมาได้ถูกจังหวะเป๊ะๆ ฉันเลยพยักหน้าตอบไปแบบมึนๆ
“ก็...ประมาณนั้น”
“ตลก ทำกันไว้แสบมากนะยัยบ้า เธอควรจำฉันให้ขึ้นใจสิ!”
พรึ่บ!
คนตรงหน้าไม่พูดเปล่า เขาถกแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวเลยข้อศอกขึ้นไปจนเห็นรอยแผลเป็นตรงช่วงต้นแขนด้านใน
“รอยนั่นไปโดนอะไรมา?”
ฉันมองรอยแผลเป็นนั้นแล้วถามออกไปอย่างสงสัย มันดูคล้ายรอยกัดอยู่นะ แต่หมาที่ไหนจะกัดต้นแขนด้านในแบบนั้น นี่คือต้องอุ้มท่าไหนกัน นึกไม่ออกเลยจริงๆ
“ยังจะถามอีก”
ผู้ชายชื่อโยอะไรนี่ส่งเสียงดุออกมา แล้วจ้องหน้าฉันอย่างกับว่าฉันเป็นคนทำอย่างงั้นแหละ ส่วนมือก็คว้าแก้วเหล้ากับถังน้ำแข็งที่ถูกจัดไว้มาชงช้าๆ แถมจากคำพูดแต่ละคำของเขามันดูเหมือนเรารู้จักกันจริงๆ จนอดสงสัยไม่ได้
“นี่นาย...รู้จักฉันจริงๆน่ะหรอ?”
“พูดบ้าไรของเธอ ก็ต้องรู้ดิ”
พอฉันถามปุ๊บ เขาก็ตอบกลับมาปั๊บ แต่ยิ่งเขายืนยันแบบนั้นฉันก็ยิ่งไม่แน่ใจ เพราะสิ่งที่ฉันรู้สึกตอนมองหน้าผู้ชายคนนี้ มัน..มีแต่ความว่างเปล่า
“แน่ใจนะว่านายไม่ได้ทักคนผิด” ฉันย้ำออกไปอีกครั้ง แล้วหมอนี่ก็แอบถอนหายใจออกมานิดหน่อย
“เธอชื่อนิลลา ยัยหมาบ้าห้อง 3/2 ส่วนฉันวาโย 3/1 คู่แข่งว่ายน้ำตัวฉกาจของเธอไงเล่ายัยโง่!”
วาโยหรอ...?
จากที่ฟังก็ดูเหมือนวาโยจะรู้จักแค่ชื่อฉันนั่นแหละนะ เพราะข้อมูลบางอย่างมันไม่ตรงกับตัวฉันเลย
“นายจำคนผิดแล้วล่ะวาโย ฉันว่ายน้ำไม่เป็นสักหน่อย”
“สรุปจะไม่หยุด?”
แล้วใบหน้าของวาโยก็ดูเอาจริงขึ้นมาจนฉันเองก็ไม่เข้าใจ เหมือนเขาจะเริ่มไม่ค่อยพอใจที่ฉันยืนยันว่าไม่รู้จักเขา และคิดว่าเขาจำคนผิดอย่างแน่นอน
“ฉันว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยหัดว่ายเลยด้วยซ้ำ” ฉันบอกออกไปแบบแน่ใจ 100% แต่วาโยก็ดูจะไม่ยอม
“นิลลา เป็นไรของเธอวะ มันเริ่มจะไม่ตลกละ”
คิ้วที่ขมวดกันบวกกับใบหน้านิ่งๆ เป็นทุนเดิมทำให้รู้สึกว่าวาโยดูจริงจังกับการรู้จักฉันมากจริงๆ หรือจริงๆ แล้วเขาอาจเป็นที่เพื่อนที่โรงเรียนประจำของฉันก็ได้ล่ะมั้ง เพราะถึงแม้การทดสอบความจำฉันจะจำอะไรๆ ได้แค่เลือนราง แต่ถ้าตอนนั้นที่โรงพยาบาลเราเคยเจอกันแล้ว ยังไงก็ต้องจำได้แน่นอนแหละ
“วาโย นายเคยอยู่โรงเรียนประจำกับฉันรึเปล่า?”
ฉันจ้องหน้าวาโยอย่างคาดหวังในคำตอบ เพราะถ้าเขาเคยอยู่แปลว่าเราอาจเคยเป็นเพื่อนกันจริงๆ ก็ได้ ถ้าเป็นงั้นคงดีเพราะดูเขาก็ไม่ค่อยถือตัวกับฉันเท่าไหร่ แถมวาโยก็ดูเหมือนจะรู้จักกับพายุ นั่นอาจทำให้ฉันได้สร้อยคืนมาไม่ยาก
“เปล่า”
“งั้นหรอ...ถ้างั้นโทษทีนะฉันว่าฉันไม่รู้จักนายจริงๆ”
พอได้ฟังคำตอบของเขา ฉันเลยตอบกลับไปทั้งที่ในใจก็ยังรู้สึกขัดๆ คงเพราะแอบคาดหวังไว้นิดนึงแล้วล่ะมั้งว่าจะมีเพื่อนเพิ่มอีกคน แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก..
“ต้องรู้สิ เธอรู้จักฉันดีกว่าที่ฉันรู้จักตัวเองซะอีก”
ยิ่งเขาพูดออกมา ฉันก็ยิ่งมองหน้าวาโยแบบอยากรู้เข้าไปอีก เขาเองก็ไม่พูดอะไรต่อนอกจากยกแก้วเหล้ากระดกอึกๆ อย่างไม่กลัวสำลัก
“นายมั่นใจว่าแค่ไหนว่าไม่ได้จำคนผิด”
ฉันถามออกไปอย่างสงสัย ทำไมเขาดูมั่นใจขนาดนั้นกันนะ ทั้งที่ฉันพยายามนึกดูแล้ว ก็ไม่เห็นรู้สึกว่าตัวเองรู้จักเขาเลยสักนิด
“99%” วาโยยังคงตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
“แล้วอีก 1% ล่ะ?”
ฉันสวนกลับไปทันทีเพราะอย่างน้อยหนึ่งเปอร์เซ็นต์นั้นมันอาจจะเป็นจุดสำคัญที่บอกได้ว่าวาโยเข้าใจผิด
“รายละเอียดเล็กน้อย ช่างมันเถอะ” แล้วเขาก็ตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจนัก ฉันเลยพยักหน้าเออออออกไป
“อืม แล้วไหนล่ะพายุ ฉันมีธุระกับหมอนั่น”
เพราะคิดว่าตัวเองน่าจะต้องกลับได้แล้วล่ะฉันเลยลองถามดู ถึงจะยังไม่ดึกมากแต่ฉันก็ไม่ชอบเที่ยวที่แบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันเสี่ยงที่จะมีควันบุหรี่ศัตรูตัวร้ายของฉันไงล่ะ
“หึ.. เธอจำมันได้แต่จำฉันไม่ได้เนี่ยนะ”
น้ำเสียงของวาโยดูแปลกไป แต่บอกตามตรงฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันเท่าไหร่หรอก และดูเหมือนเขาจะเข้าใจผิดอีกแล้วนะเพราะฉันก็ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยจำอะไรเกี่ยวกับพายุได้ด้วยเหมือนกัน นอกจากไอ้บ้านั่นขี้ขโมย
“ฉันแค่บังเอิญทำของหายแล้วหมอนั่นเก็บไว้แต่ไม่ยอมคืนก็เท่านั้น มันไปเกี่ยวกับเรื่องจำได้จำไม่ได้ตรงไหน ทั้งนาย ทั้งพายุฉันไม่รู้จักใครทั้งนั้นแหละ”
ฉันพูดออกไปตามที่คิดเล่นเอาวาโยชะงักไปจนเห็นได้ชัด เห้อออ.. ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ฉันรู้สึกว่าวันนี้มันเป็นวันที่ยุ่งเหยิงมากถึงมากที่สุดเลย -.-
หลายวันต่อมา..“ไม่เป็นไรแน่หรอนี่มันที่ทำงานนะ”ฉันพูดกับเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เดินดุ่มๆ จูงมือฉันเข้ามาในบริษัทซอฟต์แวร์ของพ่อเขาอย่างไม่สนใจสายตาของใครที่จ้องมาทั้งนั้น ก่อนที่พายจะกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุดด้วยท่าทางรีบร้อนจะว่าไปวันนี้เขาดูเท่ห์ชะมัดเลยแหะ แต่งตัวเป็นทางการสุดๆ ในขณะที่ฉันยังอยู่ในชุดนักศึกษาเพราะเพิ่งจะเลิกเรียนได้สักพักแล้วพายก็ไปรับพามาที่นี่“เรา..มาทำอะไรที่นี่หรอ” ฉันถามออกไปอย่างสงสัย ก็ไหนตอนแรกเห็นเขาบอกว่าจะชวนไปกินข้าวไม่ใช่?แถมตอนอยู่โรงเรียนประจำ.. ฉันจำได้ว่าพายไม่ค่อยสนิทกับพ่อเขาเท่าไหร่ แล้วเร็วๆ นี้เขาก็เคยบอกว่าจะเข้ามาที่บริษัทพ่อเขาบ้างเฉพาะวันหยุดเท่านั้นนี่นา..แต่นี่มันวันปกตินะ?“มีงานด่วน”พายพูดออกมาก่อนจะพาฉันเดินผลักประตูเข้ามาในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นห้องเขานะ เพราะโทนสีมันดูคล้ายกับห้องที่คอนโด แล้วเขาก็ดันตัวฉันนั่งลงที่โซฟา“รอก่อนนะ เดี๋ยวไปกินข้าวกัน” พายุพูดพร้อมกับยื่นมือมาลูบหัวฉันเบาๆ พอเขาบอกมาแบบนั้น ฉันก็พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเห็นเขาเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน แล้วเปิดโน๊ตบุ๊คตรงหน้าก่อนจะพิมพ์อะไรยุกยิกอย่า
“อยากกินกาแฟ”เอี๊ยดดดดพอขับรถพ้นประตู ม. ออกมาได้สักพัก พายุก็พูดออกมาแล้วเหยียบเบรกทันทีจนหน้าฉันเกือบทิ่ม แบบนี้ก็ได้หรอ?! อยากกินแล้วแวะเลย? รถคันหลังไม่ต้องสนใจ? ถนนเส้นนี้ของที่บ้านหรอออ -_-?“ขับรถแย่ขึ้นทุกวัน” ฉันหันไปตำหนิพายแบบไม่จริงจังอะไร ก่อนจะโดนมือหนายื่นมาบีบจมูกเบาๆ สองสามทีแล้วเขาก็ปล่อย“นี่ก็ขี้บ่นขึ้นทุกวัน”ตึงงง!พูดจบพายก็เปิดประตูลงจากรถไปยืนรอฉัน ส่วนฉันก็เดินลงรถตามหลังเขาไป พอเราไปนั่งที่โต๊ะพนักงานก็รีบหยิบเมนูมาให้และยืนรอรับเมนูทันที“กินไร?” พายุเอ่ยปากถามฉันทั้งที่ตายังดูเมนูอยู่แบบนั้น ฉันเลยหันไปสั่งและยิ้มให้พนักงานในร้านตามมารยาท“เอาชาเขียวแก้วหนึ่งค่ะ”"ครับ (- -) (_ _)"แล้วพนักงานก็พยักหน้าและส่งยิ้มตอบกลับมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร แอบเห็นพายเหลือบตามามองนิดหน่อยแล้วเขาก็พูดออกมาพร้อมกับส่งเมนูคืนให้พนักงานทันที ไม่สิ.. ที่จริงออกแนวยัดใส่มือพนักงานแบบลวกๆ ซะมากกว่า“ชามะนาวแก้ว”“หืม..ชามะนาว? แล้วเมื่อกี๊ร้องจะกินกาแฟ :(” ฉันเบะปากใส่พายุไปอย่างกวนๆ แล้วพายก็หันไปจ้องหน้าพนักงานคนนั้นนิ่งๆ ก่อนจะตอบกลับมา“เปลี่ยนใจ..”“อืม (- -) (_ _)” ฉันพยั
ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเพราะวันนี้มีเรียนตอนเที่ยง แล้วโผล่หน้าไปมองพายุในเสื้อยืดแขนยาวสีขาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกในห้องของเขา ก่อนจะเลิกคิ้วถามออกไปอย่างสงสัย“ไม่มีเรียนทำไมตื่นเช้าจัง”ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่พายก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพราะเขากำลังนั่งเล่นกีต้าร์ตัวโปรดด้วยปิ๊กกีต้าร์ Limited Edition ที่เลโอซื้อมาให้เมื่อคราวนู้นอยู่ คือมันแพงแล้วมันจะดีดเพราะขึ้นหรืออะไรอ่ะ -_-? ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เห็นตอนนั้นไปป์ดูฮือฮาพอสมควรเลย แถมยังบอกว่าที่เลโอยอมซื้อปิ๊กกีต้าร์อันนี้มาเซ่นพายุเพราะจะโดดซ้อมไปหาสาวด้วยนะ ฮ่ะๆ“พายยยย..” ฉันลากเสียงยาวๆ ออกไปอีกครั้ง แต่พายก็ยังไม่สนใจ อะไรของเขากันเนี่ย พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย -_-แต่จนแล้วจนเล่าพายก็ไม่ยอมตอบอะไร ฉันเลยเดิมดุ่มๆ ออกจากห้องนอนมานั่งข้างๆ เขาทันที แต่พายก็ก้มๆ เงยๆ อยู่กับกีต้าร์ตัวนั้นทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนเหมือนเดิมอยู่ดี ...What?!“พายยยย ถ้าไม่ตอบนิลจะกลับห้องละนะ!”ฉันทำหน้ามุ่ยออกไปแล้วลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีเรียกร้องความสนใจซะหน่อย แล้วก็เป็นไปตามแผนเป๊ะ..พายคว้าแขนฉันเอาไว้ทันทีตั้งแต่ฉันยังไม่ทันได้ก้าวขาซะอีก
@ มูลนิธิเด็กไร้ญาติ“หยุดนะเจ้าหมียักกกกกกษ์! จะเอาๆๆๆ~”เสียงเด็กๆ ร้องตะโกนแล้ววิ่งไล่เลโอในชุดมาสคอตหมีสีน้ำตาลจนเจ้าตัววิ่งหนีอย่างอุ้ยอ้าย ก่อนที่ฉันกับพายที่นั่งเล่นกับเด็กๆ อยู่จะขำออกมา เชื่อแล้วล่ะว่าพายุใจดีจริงๆ อย่างที่เจด้าเคยบอก เพราะวันนี้ฉันเห็นเขาทำกิจกรรมอะไรตั้งมากมายโดยไม่บ่นสักคำ ทั้งร้องเพลง เล่านิทาน วาดรูประบายสี เล่นของเล่น หัวเราะกับเด็กๆ อย่างดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ^^“ไอ้เลย์ แล้วมึงจะวิ่งเพื่อ?!” พายตะโกนบอกเลโอที่วิ่งวนไปวนมาไม่ยอมหยุด ยิ่งเขาวิ่งหนี เด็กๆ ก็ยิ่งวิ่งตามอยู่แบบนั้น“กูกลัวโดนกอดคนมันเสน่ห์แรง อย่าทำเค้านะ อย่าทำเค้า >_”เลโอถอดหัวหมีออกแล้วตะโกนกลับมาก่อนจะวิ่งเล่นกับเด็กๆ อยู่อย่างนั้นจนแฟนคลับของเขาที่มาด้วยพากันกรี๊ดกร๊าดแชะภาพกันยกใหญ่“น่ารักดีเน่อะ ^_^”ฉันพูดออกไปก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พายที่ลูบหัวเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเบาๆ ด้วยรอยยิ้มและสายตาที่เอ็นดูมากๆ อยู่“ใคร..ไอ้เลโอ?” แล้วพายก็หุบยิ้มลงทันทีก่อนฉันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่ฉัน“หมายถึงเด็กๆ ต่างหากเล่า” พูดจบฉันก็ทำหน้ามุ่ยใส่เขาบ้าง หูหาเรื่องจริงๆ เลยนะ -_-“อยากมีเองเลยมั้ยล่ะ?”แล้วพา
@ โกดังร้างแห่งหนึ่ง“มันสลบไปแล้วครับนาย”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของเตโชพูดขึ้น พร้อมกับยื่นมือถือของคนที่โดนจับมาให้พายุ เขาเองก็รับมันมาดูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ก็ต้องเขวี้ยงทิ้งจนแตกกระจายเพราะในนั้นมีแต่รูปนิลลาในหลายๆ อิริยาบถที่ถูกแอบถ่ายไว้เต็มเครื่องไปหมด รวมถึงรูปโปรไฟล์ Know more ด้วย เหมือนมันจะถูกใจเธอและวางแผนมานานพอสมควรพรึ่บ! แกร๊ก! แกร๊ก!พายุออกแรงกระทืบมือถือเครื่องนั่นซ้ำๆ อย่างหัวเสีย แล้วหันไปหาลูกน้องเตโชด้วยสีหน้าโกรธจัดจนทุกคนต้องหลบตา ท่ามกลางสายตาของสมาชิกใน Nightshade ทุกคนที่ดูดุดันไม่ต่างกัน มันกล้าทำกับผู้หญิงของเพื่อนเขา กล้ามีเรื่องกับเพื่อนเขาก็เท่ากับประกาศตัวมีเรื่องกับพวกเขาทั้งหมดเช่นกันพายุก้าวขาช้าๆ แต่เป็นความเย็นชาที่ดูรุ่มร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเดินเข้าไปคว้าถังน้ำเกลือที่ลูกน้องเตโชเตรียมเอาไว้ให้อย่างรู้งาน และสาดมันใส่ไอ้สวะที่ถูกมัดให้นั่งอยู่กับเก้าอี้และกำลังหลับไปอย่างสบายใจพรึ่บบบบ! ซ่าาาาา!“อ๊ากกกกกก”เสียงร้องอย่างเจ็บแสบดังขึ้นลั่นโกดัง ก่อนที่พายุจะใช้มือข้างหนึ่งกระชากไรผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเกลือและคราบเลือดที่เริ่มแห้
ย้อนกลับไปหลายชั่วโมงก่อน..“มีธุระอะไรกับผม”พายุเอ่ยปากถามคนที่นั่งไขว่ห้างเซ็นต์เอกสารอยู่บนเก้าอี้ประธานบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของประเทศอย่างสงสัย ก่อนที่ชายสูงวัยคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยท่าทางเรียบเฉย“ดุเหมือนแม่แกไม่มีผิด นั่งก่อน” ชายสูงวัยเบนหน้าไปทางโซฟาที่เยื้องออกไป แล้วก้มหน้าเซ็นต์เอกสารต่ออย่างบอกเป็นนัยๆ ให้เขารอ“ผมมีธุระต่อ”พายุพูดขึ้นแล้วก้มมองนาฬิกานี่มันใกล้เวลาที่ยัยตัวแสบของเขาจะเลิกเรียนคาบสุดท้าย ซึ่งมันดึกและอันตรายถ้าเธอต้องขับรถกลับคอนโดคนเดียว แต่คนตรงหน้ากลับให้เลขาเรียกตัวเขาเข้ามาพบด่วนตอนนี้ ซึ่งเป็นเวลาเลิกงาน และปกตินี่ก็ไม่ใช่วันทำงานของเขาด้วยซ้ำ“ห่างกันสักวันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”“เป็น” พายุพูดสวนขึ้นมาและเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายสูงวัยที่มีศักดิ์เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร แต่คนตรงหน้าก็ยังทำเฉยไม่สนใจ“ว่าธุระของท่านมาสักที”เพราะเดินเลยจุดที่จะสนิทชิดเชื้อกับพ่อแท้ๆ ของตัวเองมาไกลมาก พายุเลยปฏิบัติต่อคนตรงหน้าเสมือนว่าตนเองเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งในบริษัทด้วยการเรียกเขาว่า ‘ท่านประธาน’ เท่านั้น“ชื่ออะไรนะ ห