“ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อยไง! ปล่อย!!!”
พลั่กกกกกก ตึง!
หลังจากโดนลากออกมาจากห้องพยาบาล ฉันก็ผลักพายุออกเต็มแรง แต่น่าจะเพราะหมอนั่นปล่อยฉันพอดีด้วยแหละมั้ง เขาเลยเสียหลักเซถอยไปกระแทกกับผนังซะเอง
“สมน้ำหน้า! ไอ้บ้ากาม! ไอ้หื่น! ไอ้คนไม่รู้กาลเทศะ! ไอ้คนไม่มีหัวคิด! นี่มันสถานศึกษานะเว้ย นายกล้ามีเซ็กส์ใน ม. ได้ไง แถมนายเกือบจะฆ่าฉันแล้วไอ้โรคจิ...”
“จิ๊! จะหยุดได้ยัง?!”
พายุสบถออกมาก่อนที่จะถามฉันกลับอย่างอารมณ์เสีย จะว่าไปฉันเองก็แอบงงตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงด่าหมอนั่นด้วยประโยคที่โคตรยาวแบบนั้นออกไปได้ แต่ก็ช่างเหอะ =_=^
“ยัง! ขอโทษมารอฟังอยู่” ฉันเงยหน้าท้าทายไอ้หน้าดุนี่อย่างไม่กลัวตาย คนทำผิดก็ต้องขอโทษดิ มีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างรึเปล่าเนี่ยฮะ?!
“ไร้สาระ”
พูดจบเขาก็หันหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจ แถมยังหมุนตัวจะเดินออกไปซะงั้น ให้ตาย! ไม่ขอโทษแล้วยังเดินหนีเนี่ยนะ มารยาทดีใช้ได้ เหอะ!
“เดี๋ยว! ไม่ขอโทษก็ช่าง นายเห็นสร้อยฉันรึปละ...”
“แค่สร้อยมันสำคัญอะไรนักหนา?!”
ฉันยังพูดไม่ทันจบพายุก็ตะคอกสวนกลับมา นี่เขาเป็นอะไรกับสร้อยฉันนักเนี่ยถามหาแต่ความสำคัญอะไรนั่นอยู่ได้ ถ้าฉันบอกว่าไม่รู้นี่ได้รึเปล่าล่ะ ก็ความรู้สึกของฉันมันไม่รู้จริงๆ นี่นา
“ฉัน...”
“ตอบได้ค่อยมาเอา”
พายุตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แล้วเขาก็เริ่มก้าวขาเดินหนีฉันไปจริงๆ แผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไปนั่นชวนให้หงุดหงิดมากถึงมากที่สุด เพราะคำตอบนั้นมันชัดเจนแล้วว่าสร้อยฉันอยู่กับหมอนั่นยังไงล่ะ แต่กว่าฉันจะได้สติพายุก็เดินทิ้งระยะออกไปไกลพอสมควร ฉันเลยรีบก้าวขาวิ่งตามหลังเขาไป แต่หมอนี่ขายาวชะมัดกว่าจะตามให้ทันเล่นเอาเหนื่อย
“หยุดนะพายุ เอาคืนมา! นี่นาย..กลับมาก่อน!”
“เงียบ! รำคาญ! ตอบไม่ได้ก็รอไป”
กึก!
รอ..รองั้นหรอ?
พอได้ยินคำพูดนั้นอยู่ๆ ขาก็ฉันก็หมดแรงเอาดื้อๆ แล้วเสียงเดิมๆ ก็วนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ไอ้ประโยคพวกนั้นที่ฉันจำมันไม่ได้สักที
‘รอฉันนะ..นิลลา
นายจะกลับมาใช่ไหม...’
ฉันยืนนิ่งประมวลผลเสียงในความทรงจำที่แล่นเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว อีกแล้วหรอเนี่ย อะไรนักหนา -_-?! พอหันไปอีกทีพายุก็เดินหายไปไหนแล้วไม่รู้ แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาโฟกัสว่าเขาจะไปไหนไง ที่มันสำคัญคือตอนนี้..สิ่งที่ไหลเวียนอยู่ในหัวฉันมันดังขึ้นมาซ้ำๆ และเริ่มหนักกว่าเมื่อก่อนแล้วน่ะสิ
“ไอ้นิล นิลลา นิลโว้ยยย!”
“หะ..ห๊ะ ห๊ะว่าไง?” แล้วเสียงเรียกจากเจด้าก็ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ รู้สึกตัวอีกทีคือเจด้ากำลังเขย่าตัวฉันอยู่ ยัยนี่มาตอนไหนกันล่ะเนี่ย
“เจอมั้ยสรุป? กูไปห้องพยาบาลมาไม่เห็นมีใคร”
“ก็เจอ..เจอมั้ง” ฉันตอบออกไปแบบงงๆ คือมันก็เจอไง ก็เจอแต่ไม่ได้คืนอะไรทำนองนั้นแหละ
“เจอมั้งอะไรของมึงวะ”
“ไอ้ด้า…” พอนึกอะไรขึ้นมาได้ ฉันก็ตัดบทเจด้าแล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากมันทันที เรื่องนี้ถ้าจะมีใครพอช่วยได้ก็ยัยนี่นี่แหละ
“ว่า?”
“กูอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพายุ เอ่อหมายถึง..รุ่นพี่พายุ”
ไม่รู้ทำไมฉันถึงพูดออกไปแบบนั้น แต่ตอนนี้หมอนั่นเอาของรักของหวงของฉันไปยังไงก็ต้องทวงคืน เพราะงั้น..รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง เฮ้! เดี๋ยวนะว่าแต่ นี่ฉันจริงจังเกินไปรึเปล่า -.-?
“หืม? สรุปที่ยืนอึ้งคือปิ๊งผู้ว่างั้น” เจด้าเลิกคิ้วใส่ฉันอย่างงงๆ ฉันเลยใช้จังหวะนี้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้มันฟังซะเลย
“เปล่า คือ..... #%฿!&?@$€¥^>!”
เราเดินคุยกันมาเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนไอ้ด้ามันจะชิลมาก ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรกับฉันสักนิด ทั้งที่สำหรับฉันตอนนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่า อุ้ม พัชรากาขี่ไม้กวาดบินอยู่บนฟ้าซะอีก
“ไม่เห็นยาก มึงก็หาคำตอบให้ได้เดี๋ยวรุ่นพี่เขาก็คืนให้”
“นั่นแหละที่ยาก” ฉันตอบไอ้ด้ากลับไปแบบไม่หยุดคิดเลยสักนิด ก็เพราะไม่รู้จะเอาคำตอบที่ไหนไปบอกหมอนั่นไงเล่า รู้แค่เคยชินที่ใส่มันทุกวัน..ก็แค่นั้น
“งั้นก็แต่งเรื่องเอา” เจด้าเสนอไอเดียออกมา แต่แค่ได้ฟังฉันก็ส่ายหัวรัวๆ ตอบกลับไปอีก
“มึงก็รู้กูไม่ชอบคนโกหก ให้ทำเองยิ่งไม่มีทางอ่ะ”
ก็นะ...คนเราถ้าโกหกก็ต้องจำเรื่องที่ตัวเองโกหกเอาไว้ให้ได้ตลอดเพื่อความเนียน ซึ่งมันยากกว่าพูดความจริงซะอีกแถมเปลืองแรมในสมองด้วย
“งั้นมึงก็ไปซื้อสร้อยใหม่”
“ไม่ได้! ต้องเป็นเส้นนี้เท่านั้นเว้ย!” ฉันค้านเสียงดังพอไอ้ด้าพูดเหมือนจะให้ฉันยอมทิ้งสร้อยเส้นนั้นให้คนแปลกหน้า
“ทำไมวะ นี่กูเริ่มคิดจริงละนะว่าสร้อยนี่มันมีเงื่อนงำเนี่ย”
“ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ” โว้ยยย! ในหัวมีแต่คำว่าไม่รู้ๆ ไม่ว่ายัยนี่จะถามอะไรฉันก็ตอบได้แค่ไม่รู้อ่ะตอนนี้
“แล้วมึงได้มันมายังไงล่ะ” ยัง -_- ไอ้ด้ายังไม่หยุดยิงคำถามใส่ฉันทั้งที่มันน่าจะรู้คำตอบดี
“นั่นก็ไม่รู้ รู้แค่ไม่เคยถอด” ฉันตอบออกไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก รู้สึกวันนี้โง่ๆ ยังไงบอกไม่ถูก -_-^
“เออไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้ขึ้นเรียนก่อนมั้ย สายไปครึ่งชั่วโมงละ” แล้วฉันก็เดินตามหลังเจด้าที่เดินนำขึ้นตึกไปแบบเซ็งๆ ไอ้บ้าพายุ เจอกันอีกทีฉันจะอัดนายให้น่วมเลย!
Line~ Line~ Line~
JEDA : ส่งรูปภาพถึงคุณ
JEDA : ส่งรูปภาพถึงคุณ
JEDA : ส่งรูปภาพถึงคุณ
“เอาไป โปรไฟล์รุ่นพี่พายุของมึงอ่ะ เท่าที่พอหาได้ก่อนนะ”
ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งหงุดหงิดเรื่องพายุและสงสัยกับเรื่องเสียงหลอนๆ ในหัวจนไม่เป็นอันเรียน เจด้ามันก็ใช้จังหวะนี้หาโปรไฟล์บางส่วนของหมอนั่นส่งมาให้
อืมมม..หนึ่งในหนุ่มสุดฮอตของมหาลัยเลยงั้นหรอ
หน้าดุอย่างกับโจรเนี่ยนะ o_O?
ภาสกร อัศวโภคิน (พายุ)
KING OF IST (Information Science and Technology)
กำลังศึกษา : คณะวิทยาการและเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปี 2)
เรียนดี กีฬาเด่น เน้นกิจกรรม เป็นมือวางอันดับ 1 ด้าน IT :
บ้านรวยระดับอภิมหาเศรษฐี ดีกรีทายาทบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของประเทศ ...โอ้โห พูดจริงพูดเล่น?
สีที่ชอบ : ดำ ขาว เทา น้ำตาล
บุคลิก : นิ่งๆ ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ไม่ชอบคนเยอะ ขี้รำคาญ เย็นชา เย็นยะเยือก ยิ่งกว่าเหยือกใส่น้ำแข็ง
What?! ลงโปรไฟล์แบบนี้ก็ได้หรอ =_=? ไหนดูรูปถัดไปดิ๊…
ถึงภายนอกจะนิ่งแค่ไหน แต่ภายในใจดีมากกกก ...ถามจริง?
รักเด็ก ชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่หาตัวจับยากหน่อยแล้วแต่อารมณ์ตอนนั้นว่าจะไปอยู่ที่ไหน ...เอ๋ -_-?
หงุดหงิดอยู่มั้ยสังเกตได้จากการสูบบุหรี่
สังสรรค์ไม่เว้นวันผับประจำคือ ZTUDIO
หุ่น Sexy ขยี้ใจ สาวใน ม. ฟินกระจาย จะครางดังเท่าไหร่ก็ได้แต่ครางชื่อพี่เขาไม่ได้! …อันนี้เชื่อ =_=
เจ้าของเรือนร่างนี้ที่ทุกคนใฝ่ฝัน (แนบรูป...)
8 คลิ๊ก link เข้ากลุ่มลับ บลาๆๆ
สรุปเด็ก IST ปี 2 แค่นั้นแหละที่อยากรู้ …จะอ่านให้ยืดยาวเพื่อ???
ว่าแต่..ผับประจำคือ ZTUDIO งั้นหรอ?
อ่าหะ งั้นรู้ละว่าจะเจอหมอนี่ได้ที่ไหน :)
“มึง คืนนี้ว่างป้ะ?”
ฉันหันไปถามเจด้าที่นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะเลคเชอร์ แล้วไอ้ด้ามันก็เงยหน้ามาตอบฉันอย่างงัวเงียแล้วนอนต่อ
“หึ.. บอกแล้วไม่ใช่ไงว่าจะบินไปสิงคโปร์วีคหนึ่ง’”
เออแฮะ ลืมไปว่ายัยนี่มีธุระที่สิงคโปร์ แต่นี่มันเพิ่งเปิดเทอมวันที่สองเองนะเฟ้ย ไอ้ด้ามันก็จะทิ้งให้ฉันโดดเดี่ยวแล้วหรอเนี่ย เยี่ยมมม!
“อยู่ได้แน่นะ?” เจด้ามันเงยหน้าขึ้นมาถามฉันซ้ำอีกครั้ง ถึงจะดูมึนๆ ง่วงๆ แต่มันก็เป็นห่วงนั่นแหละ
“ได้ดิ เดินทางปลอดภัย ของฝากด้วย”
“อืม”
เหอะๆ -_- อื้มมม! บอกว่าอยู่ได้ก็ต้องอยู่ได้! ไม่เป็นไรหรอกมั้งแค่ชีวิตที่ไม่มีเพื่อนเคียงข้างเอ๊งงง ปฏิบัติการทวงคืนของรักเริ่มขึ้นแล้วสินะ! ได้เจอกันแน่ ไอ้รุ่นพี่ หึ..
“อย่าคิดจะไป ZTUDIO คนเดียว”
เพล้งงงง~
เสียงเจด้าขัดขึ้นมาทำให้ฝันฉันดับสลาย แตกละเอียดไปในพริบตา
“แต่มึงก็รู้ว่ากูต้อง…”
“รู้ แต่มันไม่ปลอดภัย ที่นั่นยิ่งดึกยิ่งอันตราย” ฉันกำลังจะอธิบายแต่ไอ้ด้ามันก็ดูจะรู้ทันไปซะหมด
“กูไปแป๊บเดียวน่า แค่เอาของแล้วก็กลับ”
พอฉันตอบไปแบบนั้น ไอ้ด้ามันก็ทำหน้าเอือมๆ พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ แล้วบ่นอุบอิบออกมา
“มึงเนี่ยนะ -.-” แล้วมันก็คว้ามือถือตัวเองขึ้นมากดอะไรสองสามที ก่อนจะยื่นมาให้ฉันดู ซึ่งในหน้าจอมือถือตอนนี้ก็มีรูปสถานที่ที่หนึ่งที่ดูจะหรูหรามากกว่าผับทั่วๆ ไปเปิดค้างอยู่
“ไรอ่ะ?” ฉันรับมือถือมาดูแล้วถามออกไป
“VIP#9 รุ่นพี่พายุของมึงนั่งโซนนั้นกับแก๊งค์เพื่อนเขา”
“มึงรู้ได้ไง?” ได้ฟังเจด้าอธิบายฉันก็นึกสงสัยขึ้นมาเลยถามไปอีก แล้วมันก็ทำหน้าระรื่นตอบกลับมา แถมยังแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“กูเก่ง”
“เดี๋ยว แล้วทำไมทุกคำที่เรียกหมอนั่นต้องใช้คำว่า 'รุ่นพี่พายุของกู' ด้วย” เหอะๆ เอาตรงๆ ฟังแล้วขนลุกอย่างน่าประหลาดพูดจริง -.-
“ก็..ในโปรไฟล์ไม่เห็นมีบอก ว่าเขาเคยคุยกับใครเกินสามประโยคนอกจากมึง”
ไอ้ด้าทำหน้าเฉยๆ ตอบกลับมา แต่...ห๊ะ?! สามประโยคเนี่ยนะจะประหยัดคำไปไหน ฉันว่าฉันพูดน้อยแล้วนะกับคนที่ไม่สนิทอ่ะ
“โปรไฟล์มันเมคได้มั้ยล่ะ”
ฉันพูดออกไปตามที่คิดแล้วเจด้ามันก็สวนกลับมาทันที ก่อนจะพูดต่อ
“เอากันเสร็จไล่ออกจากห้อง เรียกชื่อยังห้าม ใครถามไม่อยากจะตอบ มึงว่าคนแบบนี้อยากทำความรู้จักกับใครบ้าง?”
ยิ่งฟังเจด้าพูดถึงพายุอย่างละเอียดยิบ ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่ายัยนี่รู้ลึกรู้จริงเรื่องหมอนั่นจนน่าสงสัย
“ทำไมมึงรู้จักเขาดีนักวะไอ้ด้า”
แล้วพอฉันถามออกไป เจด้ามันก็แอบมองบนเบาๆ ก่อนจะตอบกลับมาด้วยสีหน้าเอือมๆ
“กูไม่ได้รู้ดีแต่มึงอ่ะไม่เคยรู้เลย รุ่นพี่พายุที่มึงพูดถึงกับแก๊งค์เพื่อนเขาซึ่งก็คือ Nightshade! ที่มีรุ่นพี่รันเวย์ของกูอยู่ในนั้น มี content เป็นของตัวเองแทบจะทุกเพจใน ม. เหลือแค่เพจสิ่งแวดล้อมที่วันๆ ถ่ายแต่ต้นไม้ดอกไม้ลงเพจแหละมั้งที่ไม่ลงเรื่องร้อนฉ่าของแก๊งค์นี้อ่ะ”
“อ๋อหรอ โทษทีพอดีกูไม่ใช่ติ่งพวกนั้น”
พอฟังไอ้ด้าร่ายออกมายาวเหยียดจนจบ ฉันก็ตอบไปแบบเชิดๆ บางทีก็รู้สึกเหมือนตกข่าว แต่ไม่ใช่หรอกเชื่อดิ แค่ไม่มีรสนิยมตามกรี๊ดบุคคลสาธารณะเฉยๆ ก็ไม่น่าจะผิดอะไรมั้ง
“อืม ระวังตัวด้วยล่ะ”
แล้วเจด้ามันก็ส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใยแบบที่มีให้ฉันเสมอมาให้ ก่อนจะมุดหน้าหนี นอนต่อยาวไปจนหมดคาบ
หลายวันต่อมา..“ไม่เป็นไรแน่หรอนี่มันที่ทำงานนะ”ฉันพูดกับเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เดินดุ่มๆ จูงมือฉันเข้ามาในบริษัทซอฟต์แวร์ของพ่อเขาอย่างไม่สนใจสายตาของใครที่จ้องมาทั้งนั้น ก่อนที่พายจะกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุดด้วยท่าทางรีบร้อนจะว่าไปวันนี้เขาดูเท่ห์ชะมัดเลยแหะ แต่งตัวเป็นทางการสุดๆ ในขณะที่ฉันยังอยู่ในชุดนักศึกษาเพราะเพิ่งจะเลิกเรียนได้สักพักแล้วพายก็ไปรับพามาที่นี่“เรา..มาทำอะไรที่นี่หรอ” ฉันถามออกไปอย่างสงสัย ก็ไหนตอนแรกเห็นเขาบอกว่าจะชวนไปกินข้าวไม่ใช่?แถมตอนอยู่โรงเรียนประจำ.. ฉันจำได้ว่าพายไม่ค่อยสนิทกับพ่อเขาเท่าไหร่ แล้วเร็วๆ นี้เขาก็เคยบอกว่าจะเข้ามาที่บริษัทพ่อเขาบ้างเฉพาะวันหยุดเท่านั้นนี่นา..แต่นี่มันวันปกตินะ?“มีงานด่วน”พายพูดออกมาก่อนจะพาฉันเดินผลักประตูเข้ามาในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นห้องเขานะ เพราะโทนสีมันดูคล้ายกับห้องที่คอนโด แล้วเขาก็ดันตัวฉันนั่งลงที่โซฟา“รอก่อนนะ เดี๋ยวไปกินข้าวกัน” พายุพูดพร้อมกับยื่นมือมาลูบหัวฉันเบาๆ พอเขาบอกมาแบบนั้น ฉันก็พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเห็นเขาเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน แล้วเปิดโน๊ตบุ๊คตรงหน้าก่อนจะพิมพ์อะไรยุกยิกอย่า
“อยากกินกาแฟ”เอี๊ยดดดดพอขับรถพ้นประตู ม. ออกมาได้สักพัก พายุก็พูดออกมาแล้วเหยียบเบรกทันทีจนหน้าฉันเกือบทิ่ม แบบนี้ก็ได้หรอ?! อยากกินแล้วแวะเลย? รถคันหลังไม่ต้องสนใจ? ถนนเส้นนี้ของที่บ้านหรอออ -_-?“ขับรถแย่ขึ้นทุกวัน” ฉันหันไปตำหนิพายแบบไม่จริงจังอะไร ก่อนจะโดนมือหนายื่นมาบีบจมูกเบาๆ สองสามทีแล้วเขาก็ปล่อย“นี่ก็ขี้บ่นขึ้นทุกวัน”ตึงงง!พูดจบพายก็เปิดประตูลงจากรถไปยืนรอฉัน ส่วนฉันก็เดินลงรถตามหลังเขาไป พอเราไปนั่งที่โต๊ะพนักงานก็รีบหยิบเมนูมาให้และยืนรอรับเมนูทันที“กินไร?” พายุเอ่ยปากถามฉันทั้งที่ตายังดูเมนูอยู่แบบนั้น ฉันเลยหันไปสั่งและยิ้มให้พนักงานในร้านตามมารยาท“เอาชาเขียวแก้วหนึ่งค่ะ”"ครับ (- -) (_ _)"แล้วพนักงานก็พยักหน้าและส่งยิ้มตอบกลับมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร แอบเห็นพายเหลือบตามามองนิดหน่อยแล้วเขาก็พูดออกมาพร้อมกับส่งเมนูคืนให้พนักงานทันที ไม่สิ.. ที่จริงออกแนวยัดใส่มือพนักงานแบบลวกๆ ซะมากกว่า“ชามะนาวแก้ว”“หืม..ชามะนาว? แล้วเมื่อกี๊ร้องจะกินกาแฟ :(” ฉันเบะปากใส่พายุไปอย่างกวนๆ แล้วพายก็หันไปจ้องหน้าพนักงานคนนั้นนิ่งๆ ก่อนจะตอบกลับมา“เปลี่ยนใจ..”“อืม (- -) (_ _)” ฉันพยั
ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเพราะวันนี้มีเรียนตอนเที่ยง แล้วโผล่หน้าไปมองพายุในเสื้อยืดแขนยาวสีขาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกในห้องของเขา ก่อนจะเลิกคิ้วถามออกไปอย่างสงสัย“ไม่มีเรียนทำไมตื่นเช้าจัง”ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่พายก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพราะเขากำลังนั่งเล่นกีต้าร์ตัวโปรดด้วยปิ๊กกีต้าร์ Limited Edition ที่เลโอซื้อมาให้เมื่อคราวนู้นอยู่ คือมันแพงแล้วมันจะดีดเพราะขึ้นหรืออะไรอ่ะ -_-? ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เห็นตอนนั้นไปป์ดูฮือฮาพอสมควรเลย แถมยังบอกว่าที่เลโอยอมซื้อปิ๊กกีต้าร์อันนี้มาเซ่นพายุเพราะจะโดดซ้อมไปหาสาวด้วยนะ ฮ่ะๆ“พายยยย..” ฉันลากเสียงยาวๆ ออกไปอีกครั้ง แต่พายก็ยังไม่สนใจ อะไรของเขากันเนี่ย พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย -_-แต่จนแล้วจนเล่าพายก็ไม่ยอมตอบอะไร ฉันเลยเดิมดุ่มๆ ออกจากห้องนอนมานั่งข้างๆ เขาทันที แต่พายก็ก้มๆ เงยๆ อยู่กับกีต้าร์ตัวนั้นทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนเหมือนเดิมอยู่ดี ...What?!“พายยยย ถ้าไม่ตอบนิลจะกลับห้องละนะ!”ฉันทำหน้ามุ่ยออกไปแล้วลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีเรียกร้องความสนใจซะหน่อย แล้วก็เป็นไปตามแผนเป๊ะ..พายคว้าแขนฉันเอาไว้ทันทีตั้งแต่ฉันยังไม่ทันได้ก้าวขาซะอีก
@ มูลนิธิเด็กไร้ญาติ“หยุดนะเจ้าหมียักกกกกกษ์! จะเอาๆๆๆ~”เสียงเด็กๆ ร้องตะโกนแล้ววิ่งไล่เลโอในชุดมาสคอตหมีสีน้ำตาลจนเจ้าตัววิ่งหนีอย่างอุ้ยอ้าย ก่อนที่ฉันกับพายที่นั่งเล่นกับเด็กๆ อยู่จะขำออกมา เชื่อแล้วล่ะว่าพายุใจดีจริงๆ อย่างที่เจด้าเคยบอก เพราะวันนี้ฉันเห็นเขาทำกิจกรรมอะไรตั้งมากมายโดยไม่บ่นสักคำ ทั้งร้องเพลง เล่านิทาน วาดรูประบายสี เล่นของเล่น หัวเราะกับเด็กๆ อย่างดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ^^“ไอ้เลย์ แล้วมึงจะวิ่งเพื่อ?!” พายตะโกนบอกเลโอที่วิ่งวนไปวนมาไม่ยอมหยุด ยิ่งเขาวิ่งหนี เด็กๆ ก็ยิ่งวิ่งตามอยู่แบบนั้น“กูกลัวโดนกอดคนมันเสน่ห์แรง อย่าทำเค้านะ อย่าทำเค้า >_”เลโอถอดหัวหมีออกแล้วตะโกนกลับมาก่อนจะวิ่งเล่นกับเด็กๆ อยู่อย่างนั้นจนแฟนคลับของเขาที่มาด้วยพากันกรี๊ดกร๊าดแชะภาพกันยกใหญ่“น่ารักดีเน่อะ ^_^”ฉันพูดออกไปก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พายที่ลูบหัวเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเบาๆ ด้วยรอยยิ้มและสายตาที่เอ็นดูมากๆ อยู่“ใคร..ไอ้เลโอ?” แล้วพายก็หุบยิ้มลงทันทีก่อนฉันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่ฉัน“หมายถึงเด็กๆ ต่างหากเล่า” พูดจบฉันก็ทำหน้ามุ่ยใส่เขาบ้าง หูหาเรื่องจริงๆ เลยนะ -_-“อยากมีเองเลยมั้ยล่ะ?”แล้วพา
@ โกดังร้างแห่งหนึ่ง“มันสลบไปแล้วครับนาย”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของเตโชพูดขึ้น พร้อมกับยื่นมือถือของคนที่โดนจับมาให้พายุ เขาเองก็รับมันมาดูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ก็ต้องเขวี้ยงทิ้งจนแตกกระจายเพราะในนั้นมีแต่รูปนิลลาในหลายๆ อิริยาบถที่ถูกแอบถ่ายไว้เต็มเครื่องไปหมด รวมถึงรูปโปรไฟล์ Know more ด้วย เหมือนมันจะถูกใจเธอและวางแผนมานานพอสมควรพรึ่บ! แกร๊ก! แกร๊ก!พายุออกแรงกระทืบมือถือเครื่องนั่นซ้ำๆ อย่างหัวเสีย แล้วหันไปหาลูกน้องเตโชด้วยสีหน้าโกรธจัดจนทุกคนต้องหลบตา ท่ามกลางสายตาของสมาชิกใน Nightshade ทุกคนที่ดูดุดันไม่ต่างกัน มันกล้าทำกับผู้หญิงของเพื่อนเขา กล้ามีเรื่องกับเพื่อนเขาก็เท่ากับประกาศตัวมีเรื่องกับพวกเขาทั้งหมดเช่นกันพายุก้าวขาช้าๆ แต่เป็นความเย็นชาที่ดูรุ่มร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเดินเข้าไปคว้าถังน้ำเกลือที่ลูกน้องเตโชเตรียมเอาไว้ให้อย่างรู้งาน และสาดมันใส่ไอ้สวะที่ถูกมัดให้นั่งอยู่กับเก้าอี้และกำลังหลับไปอย่างสบายใจพรึ่บบบบ! ซ่าาาาา!“อ๊ากกกกกก”เสียงร้องอย่างเจ็บแสบดังขึ้นลั่นโกดัง ก่อนที่พายุจะใช้มือข้างหนึ่งกระชากไรผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเกลือและคราบเลือดที่เริ่มแห้
ย้อนกลับไปหลายชั่วโมงก่อน..“มีธุระอะไรกับผม”พายุเอ่ยปากถามคนที่นั่งไขว่ห้างเซ็นต์เอกสารอยู่บนเก้าอี้ประธานบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของประเทศอย่างสงสัย ก่อนที่ชายสูงวัยคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยท่าทางเรียบเฉย“ดุเหมือนแม่แกไม่มีผิด นั่งก่อน” ชายสูงวัยเบนหน้าไปทางโซฟาที่เยื้องออกไป แล้วก้มหน้าเซ็นต์เอกสารต่ออย่างบอกเป็นนัยๆ ให้เขารอ“ผมมีธุระต่อ”พายุพูดขึ้นแล้วก้มมองนาฬิกานี่มันใกล้เวลาที่ยัยตัวแสบของเขาจะเลิกเรียนคาบสุดท้าย ซึ่งมันดึกและอันตรายถ้าเธอต้องขับรถกลับคอนโดคนเดียว แต่คนตรงหน้ากลับให้เลขาเรียกตัวเขาเข้ามาพบด่วนตอนนี้ ซึ่งเป็นเวลาเลิกงาน และปกตินี่ก็ไม่ใช่วันทำงานของเขาด้วยซ้ำ“ห่างกันสักวันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”“เป็น” พายุพูดสวนขึ้นมาและเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายสูงวัยที่มีศักดิ์เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร แต่คนตรงหน้าก็ยังทำเฉยไม่สนใจ“ว่าธุระของท่านมาสักที”เพราะเดินเลยจุดที่จะสนิทชิดเชื้อกับพ่อแท้ๆ ของตัวเองมาไกลมาก พายุเลยปฏิบัติต่อคนตรงหน้าเสมือนว่าตนเองเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งในบริษัทด้วยการเรียกเขาว่า ‘ท่านประธาน’ เท่านั้น“ชื่ออะไรนะ ห