“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
view more‘รอฉันนะ..นิลลา’
เคร้งงง~
อีกแล้วสินะ.. ครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เสียงของใครบางคนดังขึ้นในหัวฉันซ้ำๆ และตามมาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจ น้ำเสียง..ที่แสนจะคุ้นเคย ความรู้สึกบางอย่าง..ที่ดูเลือนรางแต่ก็ชัดเจนจนอธิบายไม่ถูก
“นิล..นิลลา เป็นไรรึเปล่าลูก?”
ฉันสลัดความคิดในหัวออกทันทีที่ถูกแม่เขย่าแขนเรียกสติ พอหันไปเห็นคิ้วสวยที่เริ่มขมวดเข้าหากันของแม่ และช้อนที่กระจัดกระจายอยู่ในจานข้าวก็ทำให้ฉันรู้สึกตัวขึ้นมาว่าคงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเหม่อลอยไปอีกแล้ว
“ปะ..เปล่าค่ะแม่ นิลสายแล้วขอตัวก่อนนะคะ”
เพราะรู้ว่าถ้าบอกไปน่าจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ฉันเลยแกล้งทำท่าดูนาฬิกาแล้วเปลี่ยนเรื่องไปเฉยๆ แต่แม่ก็ยังมองมาด้วยสีหน้าแอบเป็นกังวลอยู่ดี
“เดี๋ยวสินิล วันนี้ลูกดู…”
“นิลรักแม่นะคะ”
ฟรืดดด~
ฉันตัดบทด้วยการลุกจากโต๊ะกินข้าวไปหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ แล้วรีบคว้ากระเป๋าเดินออกจากคอนโดทันที ขืนอยู่ต่อก็คงไม่วายทำให้แม่คิดมากอีกเพราะตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุในวันที่ออกจากโรงเรียนประจำตอนเรียนจบ ม.ต้น ชีวิตของฉันมันค่อนข้างสับสนจากเดิมไปหมด บางทีรู้สึกเหมือนติดค้างอะไรกับใครเอาไว้แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ฉันเองก็ไม่รู้ต้องทำยังไงเหมือนกัน แล้วถ้าแม่รู้ว่าผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้นมันยังไม่หายสนิทคงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ พนันได้เลย
ใช่.. ฉันเคยเกิดอุบัติเหตุ
รถตู้ของที่บ้านที่ไปรับฉันกลับจากโรงเรียนประจำเมื่อ 4 ปีก่อน ถูกชนเข้าอย่างแรงด้วยรถทัวร์คันใหญ่ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นคือหัวของฉันกระแทกเข้ากับตัวรถจนสติดับวูบไปในทันที พอฟื้นขึ้นมาอีกทีฉันก็พบว่าตัวเองหลับไปนานอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ
ช่วงที่ฉันฟื้นบอกตามตรงว่าความทรงจำในโรงเรียนประจำของฉันมันเลือนรางมากจริงๆ จำได้ว่าเคยไปอยู่แต่ก็จำใครไม่ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่พ่อกับแม่ขอความร่วมมือคุณครูที่ดูแลฉัน ให้ลองทดสอบความจำด้วยการชวนเพื่อนๆ แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ฉันก็ค่อยๆ จำทุกคนได้ตามลำดับแม้จะยังไม่สนิทใจเท่าไหร่ก็ตาม มันเหมือนรู้ว่าคนนี้เคยเป็นเพื่อน แต่รายละเอียดเชิงลึกไม่ชัดเจน ไม่รู้จะมีใครเข้าใจฉันไหม เหอะๆ =_=^
และหลังจากที่การทดสอบความจำนั่นจบลง หมอก็ได้ข้อสรุปว่าฉันปกติดี แต่แปลก..ที่ฉันก็กลับรู้สึกว่ามีเสียงนิรนามดังขึ้นในหัวอยู่เรื่อยๆ มันไม่ใช่ทุกวัน แต่ก็มีมาบ่อยครั้งตลอดช่วงเรียน ม.ปลาย โดยไม่รู้ว่ามันเป็นเสียงของใคร และนั่นมันชวนให้คิดได้ว่ามีบางอย่างที่อาจจะเลือนหายไปจากความทรงจำของฉัน ทั้งที่คิดว่าจำมันได้ทั้งหมดแล้วแท้ๆ
พอขับรถออกจากคอนโดมาได้ไม่นานฉันก็มาถึงมหาลัย ไม่รู้ทำไมถึงหยุดคิดเรื่องเสียงนั่นไม่ได้เลย ฉันเลยสะบัดหัวไปมาซ้ำๆ อยู่ในรถจนมึนไปหมด.. ตั้งสติหน่อยนิลลา! นี่เพิ่งเปิดเทอมวันแรกเองนะ ฟุ้งซ่านแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกันเล่า!
“นิลลาเพื่อนรักกกกกก~”
ทันทีที่ฉันก้าวขาลงจากรถ น้ำเสียงที่คุ้นเคยของเจด้าก็ดังขึ้นจนแสบแก้วหู แหงล่ะ..ก็ไอ้ด้ามันเล่นแหกปากลั่นจนคนแถวนี้หันมองเป็นตาเดียว
“คือถ้ามึงจะตะโกนขนาดนี้อ่ะนะ!”
ผลัวะ!
“ฮ่ะๆๆ เดี๋ยวดิ ยังใส่อยู่อีกหรอไอ้นี่อ่ะ”
ฉันหยิบกระเป๋าฟาดใส่มันเบาๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะขำออกมา แล้วไอ้ด้ามันก็ชี้มาที่สร้อยคอของฉันพร้อมกับถามออกมาอย่างสงสัย สร้อยที่ดีไซน์ธรรมดาๆ แต่โดดเด่นด้วยจี้เล็กๆ สีฟ้า รูปทรงค่อนข้างแปลก เงาวิบวับเหมือนเพชร แต่จิ๋วๆ แบบนี้ดูคล้ายเศษอัญมณีมากกว่าล่ะมั้ง
“ไม่รู้ดิ ก็ใส่แบบนี้ทุกวันไม่เคยถอด”
ฉันตอบกลับแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง ก็มันเป็นแบบนี้จริงๆ นี่นา เวลาเห็นตัวเองในกระจกทีไรก็มีสร้อยเส้นนี้อยู่ด้วยทุกที
“หรือว่าจริงๆ แล้วมึงเป็นทายาทธุรกิจเพชรพลอยเหมือนในซีรี่ย์ที่กูดู เผยตัวตนออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
อืมนะ.. เรื่องแอคติ้งเล่นใหญ่ตะกายดาวไว้ใจยัยนี่ได้เลย เจด้าชี้นิ้วมาที่ฉันแล้วส่งสายตาจับผิดแบบทีเล่นทีจริงออกมา ฉันเลยบ่นๆ กลับไป แต่ก็แอบขำในท่าทางของมันอยู่เหมือนกัน
“เลอะเทอะมึงอ่ะ ไม่เชื่อไปถามแม่ดิ อยู่ที่คอนโดนู่นอ่ะ”
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ แต่จะว่าไป..ฉันได้สร้อยเส้นนี้มายังไงก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันแฮะ -_-?
“อ้าว แม่มาเยี่ยมหรอ จะมาชวนไปงานประมูลเพชรรึเปล่าน้ารอบนี้~”
ป๊อก!
“งื้อออ >_< อย่าบอกนะว่าตัดชุดราตรีคอยแล้วอ่ะ!”
“เลิกเพ้อ! ไปเรียนได้แล้วไอ้บ้า”
ไอ้ด้ายังคงแซวฉันอยู่แบบนั้นไม่หยุด ฉันเลยเขกหัวมันเบาๆ ไปทีหนึ่งแล้วเดินหนี เรื่องติงต๊องขอให้บอกเถอะ ถึงบางเวลาบุคลิกมันจะดูนิ่งๆ ดุๆ แต่เบื้องหลังก็อย่างที่เห็นอ่ะนะ โคตรจะบ๊อง ฮ่ะๆ
อ้อ..ลืมบอกไปว่าเจด้ากับฉันสนิทกันตั้งแต่ช่วงเรียน ม.ปลาย เอาจริงๆ ทั้งชีวิต เพื่อนสนิทที่เหลืออยู่ก็มีแค่ยัยนี่คนเดียวแหละมั้ง ถึงจะรู้จักกันแค่ 3 ปีแต่เหมือนอยู่ด้วยกันมา 10 ปี รู้ไส้รู้พุงกันหมด เขาว่ากันว่าช่วงเรียน ม.ปลายเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดแล้วก็คงจะจริง
ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ ก็อย่างที่บอกว่าฉันเคยอยู่โรงเรียนประจำ ฉันใช้เวลาช่วงวัยเด็กตั้งแต่ประถมจนถึง ม.ต้น อยู่ที่นั่นก็จริง แต่ตอนนี้ความทรงจำมันก็เลือนรางมากพอๆ กับจำนวนเพื่อนที่ค่อยๆ แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง แต่มีไอ้ด้าคนเดียวก็เหมือนมีเพื่อนสิบคนอ่ะ ถึงจะพูดมากไปหน่อยก็เถอะนะ แต่โคตรสบายใจเวลาอยู่ด้วย หรือเพราะฉันเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วด้วยก็ไม่รู้สิ
“เออมึง กดไลค์เพจสุดฮอต กับ I* ร้อนฉ่าของเด็ก ม. เรายัง? ไหนเอามือถือมาดูดิ๊”
นั่นไงไม่ทันขาดคำ.. แล้วฉันก็ปลดล็อคมือถือตัวเองส่งให้เจด้าอย่างว่าง่าย ยัยนี่มีความสามารถพิเศษจริงๆ นะ ตาจ้องมือถือกดนั่นกดนี่ไปเรื่อย แต่เดินไม่สะดุดบันไดหัวทิ่มเลยสักขั้น แถมตั้งแต่มันได้มือถือฉันไป หน้าฉันมันยังแทบไม่เงยขึ้นมามองเลยด้วยซ้ำ ส่วนปากก็พูดอะไรงุ้งงิ้งคนเดียวไม่หยุด
“อันนี้เพจหลัก ม. นี่เพจคนหล่อบอกต่อยาวๆ แล้วก็นี่เพจสาว HOT ขวัญใจหนุ่มหล่อพ่อรวย แล้วก็...”
“มึง จองที่ให้หน่อยนะ กูไปห้องน้ำแป๊บ”
ฉันหันไปบอกไอ้ด้าก่อนจะเดินเลี่ยงตรงมาทางห้องน้ำเลย ไอ้ด้ามันก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง จริงๆ ก็ไม่ได้ปวดมากหรอกแต่ทำธุระให้เสร็จๆ ไป ก็ยังดีกว่าต้องเดินเข้าเดินออกตอนอาจารย์สอนแหละนะมันเสียสมาธิ
- ปิดปรับปรุงชั่วคราว –
เอิ่ม -_-? พอเดินมาถึงหน้าห้องน้ำ ฉันก็หยุดมองป้ายตั้งเตือนตรงหน้าแบบเอือมๆ ปิดปรับปรุงห้องน้ำเนี่ยนะเอาจริงดิ? ถามจริงใครคิดเนี่ย?! เขามีแต่ Facility ครบครันในวันเปิดเทอมแต่นี่ฉีกกฎด้วยประการทั้งปวง มหาลัยประหลาด!
‘อ๊ะ อ๊าาา อื้อ รุ่นพี่’
‘อืมมม’
พั่บ พั่บ พั่บ~
‘อ๊าาา อื้อ รุ่นพี่ รุ่นพี่พะ พายุคะ อ๊าาา’
พลั่กกก ตึงงง!
‘หุบปาก! กล้าดียังไงมาเรียกชื่อฉัน!’
‘คะ..คือฉัน คือ..’
‘ไสหัวไปซะ!’
‘ตะ..แต่’
‘บอกให้ออกไป!!!’
What?! อย่าบอกนะ O_O?!
แล้วจังหวะที่ฉันกำลังจะเดินกลับ ก็มีน้ำเสียงวาบหวามดังออกมาจากในห้องน้ำหญิงทำให้ฉันเลือกจะหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำนี้แทนที่จะหมุนตัวกลับไปเข้าเรียน ก็ไม่ได้อยากจะเผือกเรื่องของคนอื่นนักหรอกนะแต่การใช้ห้องน้ำมหาลัยทำเรื่องอย่างว่าแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้มันใช้ได้ซะที่ไหนกัน ถ้ามันไม่ไหวทำไมไม่ไปทำกันที่อื่นจะมาเรียนหาสวรรค์วิมานอะไรกันวะเนี่ย?!
แกร๊ก แอ๊ดดด~
ฉันกำลังจะพุ่งตัวเข้าไปฉะพวกคนไม่มีหัวคิดในห้องน้ำ แต่คนข้างในดันเปิดประตูออกมาซะก่อน ผู้หญิงหน้าตาจัดว่าดีแต่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหัวกระเซิงคนหนึ่งกำลังหัวเสียและดูตกใจพอสมควรที่เจอฉัน ฟังจากเมื่อกี๊ก็พอจะเดาออกว่ายัยนี่คงอายไม่น้อยเลยแหละที่โดนไล่ออกมา
“ธะ..เธอ บ้าเอ๊ย!”
พอผู้หญิงคนนั้นเห็นฉันก็ทำหน้าเลิ่กลั่ก รีบจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เข้าทางแล้ววิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามองฉันสักนิด เรียกว่าใส่ตีนผีวิ่งหนีไปเลยก็ว่าได้ ฉันเลยละสายตาจากผู้หญิงคนนั้นและไม่ลังเลที่จะผลักประตูเข้าไปเพื่อฉะคนไม่รู้กาลเทศะอีกคนที่ยังอยู่ในห้องน้ำทันที
แล้วพอประตูเปิดออกก็เจอผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งยืนหันหน้าเข้ากับผนังด้วยท่าทีนิ่งเฉย แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้อ้าปากพูดอะไรออกไป ก็มีควันบุหรี่จางๆ ลอยขึ้นมาต่อหน้าต่อตา ฉันเลยได้แต่ยืนอึ้งอย่างทำตัวไม่ถูก O[]O!
ควันบุหรี่ลอยขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า.. หมอนี่สูบบุหรี่ในห้องน้ำที่ยังไม่เปิดหน้าต่างระบายอากาศงั้นหรอ?! พอคิดได้แบบนั้นสัญชาตญาณของฉันก็สั่งให้ถอยหลังหนีทันทีแบบไม่ต้องคิด แต่ไม่ทันที่ฉันจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ อาการแพ้ควันบุหรี่อย่างรุนแรงก็ทำให้ฉันสำลักออกมาทันที
“แค่กๆ ๆ ๆ ฮึก...”
ทั้งที่มือฉันคว้าลูกบิดประตูได้แล้วแท้ๆ แต่ร่างกายฉันดันหมดแรงไปดื้อๆ มึนหัว อยากจะอาเจียนขึ้นมาแบบฉับพลัน ยิ่งเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ฉันยิ่งรู้ดีว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก
“จิ๊ อะไรนักหนาวะ บอกให้ออกไป!”
ผู้ชายคนนั้นตวาดออกมาดังลั่นเพราะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งมีซัมติงด้วยเมื่อกี๊ แค่กๆ โธ่เอ๊ย! ขืนเป็นแบบนี้ฉันได้ตายกันพอดี ถ้าจะมีใครช่วยได้คงมีแต่หมอนี่คนเดียว แต่เขาไม่หันมาชายตามองฉันสักนิดเลยไง
“แค่กๆ ๆ นะ..นาย ช่วย..ด้วย”
พรึ่บบบ!
สิ้นสุดประโยคของฉัน เหมือนแอบเห็นรางๆ ว่าผู้ชายคนนั้นหันกลับมาซึ่งเป็นจังหวะที่ร่างของฉันทรุดฮวบลงกับพื้นพอดี แล้วสติของฉันก็ดับวูบไปทันตาโดยไม่ทันได้เห็นหน้าเขาชัดๆ เลยด้วยซ้ำ...
หลายวันต่อมา..“ไม่เป็นไรแน่หรอนี่มันที่ทำงานนะ”ฉันพูดกับเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เดินดุ่มๆ จูงมือฉันเข้ามาในบริษัทซอฟต์แวร์ของพ่อเขาอย่างไม่สนใจสายตาของใครที่จ้องมาทั้งนั้น ก่อนที่พายจะกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุดด้วยท่าทางรีบร้อนจะว่าไปวันนี้เขาดูเท่ห์ชะมัดเลยแหะ แต่งตัวเป็นทางการสุดๆ ในขณะที่ฉันยังอยู่ในชุดนักศึกษาเพราะเพิ่งจะเลิกเรียนได้สักพักแล้วพายก็ไปรับพามาที่นี่“เรา..มาทำอะไรที่นี่หรอ” ฉันถามออกไปอย่างสงสัย ก็ไหนตอนแรกเห็นเขาบอกว่าจะชวนไปกินข้าวไม่ใช่?แถมตอนอยู่โรงเรียนประจำ.. ฉันจำได้ว่าพายไม่ค่อยสนิทกับพ่อเขาเท่าไหร่ แล้วเร็วๆ นี้เขาก็เคยบอกว่าจะเข้ามาที่บริษัทพ่อเขาบ้างเฉพาะวันหยุดเท่านั้นนี่นา..แต่นี่มันวันปกตินะ?“มีงานด่วน”พายพูดออกมาก่อนจะพาฉันเดินผลักประตูเข้ามาในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นห้องเขานะ เพราะโทนสีมันดูคล้ายกับห้องที่คอนโด แล้วเขาก็ดันตัวฉันนั่งลงที่โซฟา“รอก่อนนะ เดี๋ยวไปกินข้าวกัน” พายุพูดพร้อมกับยื่นมือมาลูบหัวฉันเบาๆ พอเขาบอกมาแบบนั้น ฉันก็พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเห็นเขาเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน แล้วเปิดโน๊ตบุ๊คตรงหน้าก่อนจะพิมพ์อะไรยุกยิกอย่า
“อยากกินกาแฟ”เอี๊ยดดดดพอขับรถพ้นประตู ม. ออกมาได้สักพัก พายุก็พูดออกมาแล้วเหยียบเบรกทันทีจนหน้าฉันเกือบทิ่ม แบบนี้ก็ได้หรอ?! อยากกินแล้วแวะเลย? รถคันหลังไม่ต้องสนใจ? ถนนเส้นนี้ของที่บ้านหรอออ -_-?“ขับรถแย่ขึ้นทุกวัน” ฉันหันไปตำหนิพายแบบไม่จริงจังอะไร ก่อนจะโดนมือหนายื่นมาบีบจมูกเบาๆ สองสามทีแล้วเขาก็ปล่อย“นี่ก็ขี้บ่นขึ้นทุกวัน”ตึงงง!พูดจบพายก็เปิดประตูลงจากรถไปยืนรอฉัน ส่วนฉันก็เดินลงรถตามหลังเขาไป พอเราไปนั่งที่โต๊ะพนักงานก็รีบหยิบเมนูมาให้และยืนรอรับเมนูทันที“กินไร?” พายุเอ่ยปากถามฉันทั้งที่ตายังดูเมนูอยู่แบบนั้น ฉันเลยหันไปสั่งและยิ้มให้พนักงานในร้านตามมารยาท“เอาชาเขียวแก้วหนึ่งค่ะ”"ครับ (- -) (_ _)"แล้วพนักงานก็พยักหน้าและส่งยิ้มตอบกลับมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร แอบเห็นพายเหลือบตามามองนิดหน่อยแล้วเขาก็พูดออกมาพร้อมกับส่งเมนูคืนให้พนักงานทันที ไม่สิ.. ที่จริงออกแนวยัดใส่มือพนักงานแบบลวกๆ ซะมากกว่า“ชามะนาวแก้ว”“หืม..ชามะนาว? แล้วเมื่อกี๊ร้องจะกินกาแฟ :(” ฉันเบะปากใส่พายุไปอย่างกวนๆ แล้วพายก็หันไปจ้องหน้าพนักงานคนนั้นนิ่งๆ ก่อนจะตอบกลับมา“เปลี่ยนใจ..”“อืม (- -) (_ _)” ฉันพยั
ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเพราะวันนี้มีเรียนตอนเที่ยง แล้วโผล่หน้าไปมองพายุในเสื้อยืดแขนยาวสีขาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกในห้องของเขา ก่อนจะเลิกคิ้วถามออกไปอย่างสงสัย“ไม่มีเรียนทำไมตื่นเช้าจัง”ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่พายก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพราะเขากำลังนั่งเล่นกีต้าร์ตัวโปรดด้วยปิ๊กกีต้าร์ Limited Edition ที่เลโอซื้อมาให้เมื่อคราวนู้นอยู่ คือมันแพงแล้วมันจะดีดเพราะขึ้นหรืออะไรอ่ะ -_-? ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เห็นตอนนั้นไปป์ดูฮือฮาพอสมควรเลย แถมยังบอกว่าที่เลโอยอมซื้อปิ๊กกีต้าร์อันนี้มาเซ่นพายุเพราะจะโดดซ้อมไปหาสาวด้วยนะ ฮ่ะๆ“พายยยย..” ฉันลากเสียงยาวๆ ออกไปอีกครั้ง แต่พายก็ยังไม่สนใจ อะไรของเขากันเนี่ย พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย -_-แต่จนแล้วจนเล่าพายก็ไม่ยอมตอบอะไร ฉันเลยเดิมดุ่มๆ ออกจากห้องนอนมานั่งข้างๆ เขาทันที แต่พายก็ก้มๆ เงยๆ อยู่กับกีต้าร์ตัวนั้นทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนเหมือนเดิมอยู่ดี ...What?!“พายยยย ถ้าไม่ตอบนิลจะกลับห้องละนะ!”ฉันทำหน้ามุ่ยออกไปแล้วลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีเรียกร้องความสนใจซะหน่อย แล้วก็เป็นไปตามแผนเป๊ะ..พายคว้าแขนฉันเอาไว้ทันทีตั้งแต่ฉันยังไม่ทันได้ก้าวขาซะอีก
@ มูลนิธิเด็กไร้ญาติ“หยุดนะเจ้าหมียักกกกกกษ์! จะเอาๆๆๆ~”เสียงเด็กๆ ร้องตะโกนแล้ววิ่งไล่เลโอในชุดมาสคอตหมีสีน้ำตาลจนเจ้าตัววิ่งหนีอย่างอุ้ยอ้าย ก่อนที่ฉันกับพายที่นั่งเล่นกับเด็กๆ อยู่จะขำออกมา เชื่อแล้วล่ะว่าพายุใจดีจริงๆ อย่างที่เจด้าเคยบอก เพราะวันนี้ฉันเห็นเขาทำกิจกรรมอะไรตั้งมากมายโดยไม่บ่นสักคำ ทั้งร้องเพลง เล่านิทาน วาดรูประบายสี เล่นของเล่น หัวเราะกับเด็กๆ อย่างดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ^^“ไอ้เลย์ แล้วมึงจะวิ่งเพื่อ?!” พายตะโกนบอกเลโอที่วิ่งวนไปวนมาไม่ยอมหยุด ยิ่งเขาวิ่งหนี เด็กๆ ก็ยิ่งวิ่งตามอยู่แบบนั้น“กูกลัวโดนกอดคนมันเสน่ห์แรง อย่าทำเค้านะ อย่าทำเค้า >_”เลโอถอดหัวหมีออกแล้วตะโกนกลับมาก่อนจะวิ่งเล่นกับเด็กๆ อยู่อย่างนั้นจนแฟนคลับของเขาที่มาด้วยพากันกรี๊ดกร๊าดแชะภาพกันยกใหญ่“น่ารักดีเน่อะ ^_^”ฉันพูดออกไปก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พายที่ลูบหัวเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเบาๆ ด้วยรอยยิ้มและสายตาที่เอ็นดูมากๆ อยู่“ใคร..ไอ้เลโอ?” แล้วพายก็หุบยิ้มลงทันทีก่อนฉันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่ฉัน“หมายถึงเด็กๆ ต่างหากเล่า” พูดจบฉันก็ทำหน้ามุ่ยใส่เขาบ้าง หูหาเรื่องจริงๆ เลยนะ -_-“อยากมีเองเลยมั้ยล่ะ?”แล้วพา
@ โกดังร้างแห่งหนึ่ง“มันสลบไปแล้วครับนาย”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของเตโชพูดขึ้น พร้อมกับยื่นมือถือของคนที่โดนจับมาให้พายุ เขาเองก็รับมันมาดูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ก็ต้องเขวี้ยงทิ้งจนแตกกระจายเพราะในนั้นมีแต่รูปนิลลาในหลายๆ อิริยาบถที่ถูกแอบถ่ายไว้เต็มเครื่องไปหมด รวมถึงรูปโปรไฟล์ Know more ด้วย เหมือนมันจะถูกใจเธอและวางแผนมานานพอสมควรพรึ่บ! แกร๊ก! แกร๊ก!พายุออกแรงกระทืบมือถือเครื่องนั่นซ้ำๆ อย่างหัวเสีย แล้วหันไปหาลูกน้องเตโชด้วยสีหน้าโกรธจัดจนทุกคนต้องหลบตา ท่ามกลางสายตาของสมาชิกใน Nightshade ทุกคนที่ดูดุดันไม่ต่างกัน มันกล้าทำกับผู้หญิงของเพื่อนเขา กล้ามีเรื่องกับเพื่อนเขาก็เท่ากับประกาศตัวมีเรื่องกับพวกเขาทั้งหมดเช่นกันพายุก้าวขาช้าๆ แต่เป็นความเย็นชาที่ดูรุ่มร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเดินเข้าไปคว้าถังน้ำเกลือที่ลูกน้องเตโชเตรียมเอาไว้ให้อย่างรู้งาน และสาดมันใส่ไอ้สวะที่ถูกมัดให้นั่งอยู่กับเก้าอี้และกำลังหลับไปอย่างสบายใจพรึ่บบบบ! ซ่าาาาา!“อ๊ากกกกกก”เสียงร้องอย่างเจ็บแสบดังขึ้นลั่นโกดัง ก่อนที่พายุจะใช้มือข้างหนึ่งกระชากไรผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเกลือและคราบเลือดที่เริ่มแห้
ย้อนกลับไปหลายชั่วโมงก่อน..“มีธุระอะไรกับผม”พายุเอ่ยปากถามคนที่นั่งไขว่ห้างเซ็นต์เอกสารอยู่บนเก้าอี้ประธานบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของประเทศอย่างสงสัย ก่อนที่ชายสูงวัยคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยท่าทางเรียบเฉย“ดุเหมือนแม่แกไม่มีผิด นั่งก่อน” ชายสูงวัยเบนหน้าไปทางโซฟาที่เยื้องออกไป แล้วก้มหน้าเซ็นต์เอกสารต่ออย่างบอกเป็นนัยๆ ให้เขารอ“ผมมีธุระต่อ”พายุพูดขึ้นแล้วก้มมองนาฬิกานี่มันใกล้เวลาที่ยัยตัวแสบของเขาจะเลิกเรียนคาบสุดท้าย ซึ่งมันดึกและอันตรายถ้าเธอต้องขับรถกลับคอนโดคนเดียว แต่คนตรงหน้ากลับให้เลขาเรียกตัวเขาเข้ามาพบด่วนตอนนี้ ซึ่งเป็นเวลาเลิกงาน และปกตินี่ก็ไม่ใช่วันทำงานของเขาด้วยซ้ำ“ห่างกันสักวันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”“เป็น” พายุพูดสวนขึ้นมาและเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายสูงวัยที่มีศักดิ์เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร แต่คนตรงหน้าก็ยังทำเฉยไม่สนใจ“ว่าธุระของท่านมาสักที”เพราะเดินเลยจุดที่จะสนิทชิดเชื้อกับพ่อแท้ๆ ของตัวเองมาไกลมาก พายุเลยปฏิบัติต่อคนตรงหน้าเสมือนว่าตนเองเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งในบริษัทด้วยการเรียกเขาว่า ‘ท่านประธาน’ เท่านั้น“ชื่ออะไรนะ ห
Mga Comments