แอ๊ดดดดด~ แกร๊ก
พอพายุพูดจบอยู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูห้องซ้อมดนตรีเข้ามาแล้วกดเปิดไฟจนห้องสว่างโล่ง แล้วก็มีเสียงใครอีกหลายๆ คนที่ทางเดินกำลังเดินตามเข้ามา
“เอ้าซ้อมครับซ้อม คืนนี้กูนัดเด็กไว้ให้ไวเลย” ใครคนหนึ่งพูดขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะไปตรงเข้าไปในห้องซ้อมที่ถูกกั้นไว้ถัดออกไป แล้วไปนั่งประจำที่กลองชุด ถ้าให้เดาคนนี้คงเป็นมือกลองสินะ
“เด็กที่ว่าใช่น้องมะนาวปี 1 ที่ชอบมาอ้อนไอ้พายุป้ะวะไอ้บีท”
ผู้ชายคนที่สองที่เดินตามเข้ามาตะโกนแซวคนที่อยู่ข้างในห้องซ้อม แล้วเดินตามเข้าไปหยิบกีต้าร์ อืม.. คนนี้มือกีต้าร์
“ไอ้ทีมึงก็ไปแซวมันแค่ของเหลือไอ้พายุเอง อย่าคิดมากเว้ยเพื่อน ฮ่าๆๆ”
แล้วผู้ชายอีกคนที่ตามหลังสองคนนั้นมาติดๆ ก็เดินหัวเราะร่าเข้าไปคว้าเบสที่ดูแล้วก็เหมือนจะครบวงพอดี
แต่ของเหลือของพายุนี่หมายความว่าไงกันนะ -.-?
“ฮ้าววว โคตรง่วงเลยเว้ยยย”
ตึงงงงง!
สุดท้ายก็ตามมาด้วยผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินหาวเข้ามาในห้อง แล้วก็บ่นเสียงดังพร้อมกับโยนชีทเรียนที่ถือมาด้วยในมือลงบนโต๊ะตรงหน้าฉันที่ยืนอยู่ เอ๊ะ..ฉันรู้จักเขานี่นาผู้ชายคนนี้น่ะ
“อ้าวนิลมาไงเนี่ย เป็นไงมั่ง โอเคขึ้นยัง?” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยทักฉันด้วยสีหน้าแปลกใจนิดหน่อย แล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาตรงข้ามกับฉัน
“นาย...”
เอ้า.. เอาอีกละ นี่บาสหรือไปป์นะ? หมอนี่เคยไปเยี่ยมฉันอ่ะแต่จำชื่อสลับกับอีกคนทุกที =_=
“ไปป์ ไหนวันนั้นบอกจำได้แล้ว”
เขารีบพูดชื่อตัวเองออกมาทันที แถมพูดเรื่องอดีตด้วยก็คงจำเหตุการณ์วันนั้นได้เหมือนกันสินะ
“โทษที ก็หลังจากนั้นไม่เคยเจอนายไงก็เลย...”
“เข้าใจๆ ฉันมันไม่สำคัญเท่าไอ้พา...”
“ไม่ไปวอร์มเสียง?” ไปป์ยังพูดกับฉันไม่ทันจบพายุที่นั่งอยู่ก็พูดสวนขึ้นมาเฉยๆ อ๋อไปป์เป็นนักร้องนำสินะ
“ยัง มึงวอร์มแล้วหรอมาถามกูอ่ะ เห้ยเดี๋ยว! นี่ของเซ่นจากไอ้เลโอใช่ป้ะวะ?”
พอไปป์หันมาเห็นถุงบางอย่างบนโต๊ะก็รีบเอื้อมมือมาคว้าไปดูอย่างรวดเร็วและลืมเรื่องที่คุยค้างไว้ไปชั่วขณะ
“อืม”
พายุตอบเขาไปสั้นๆ ส่วนไปป์ก็ทำท่าเหมือนเด็กดีใจ แววตานี่แพรวพราวขึ้นมาซะอย่างงั้น แล้วหมอนั่นก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตารื้อกล่องอะไรไม่รู้ที่เดาว่าคงแพงเอาเรื่องอยู่เพราะมันถูกห่อมาอย่างหรูหราและดูแกะยากมากถึงมากที่สุด
“เชี่ยยย ปิ๊กกีต้าร์ Limited Edition! เพื่อไปหาน้องคนนั้นมันยอมเสียตังค์ซื้อมาเซ่นมึงจริงหรอวะ?!” ไปป์พูดขึ้นมาแล้วทำหน้าเหลือเชื่อกับของที่อยู่ในมือ ดีใจอะไรเบอร์นั้นเนี่ย
“เซ่นห่าไร กูคนไม่ใช่ผี”
พายุตอบกลับไปเสียงเรียบ ก่อนจะลุกจากโซฟาไปคว้าปิ๊กกีต้าร์ในมือไปป์ไปพลิกดูนิดหน่อยแล้วส่งมันคืนให้เขา
“เก็บด้วย”
“ครับ อย่าดุนะครับ กูกลัวแล้ว ฮ่ะๆ”
เห็นไปป์แอบขำในคำพูดตัวเอง ฉันก็หลุดยิ้มออกมาเหมือนกัน ก็จริงนะ.. เห็นด้วยเลย หมอนี่น่ากลัวชะมัด ดุจริงดุจัง ฮ่ะๆ
“หุบปาก ไปวอร์มเสียง”
พอเห็นพวกฉันขำ พายุก็พูดออกมาเสียงเรียบตามเคยแล้วเดินนำไปป์ออกไปในขณะเดียวกับที่วาโยก็เปิดประตูเดินสวนเข้ามาพอดี
แอ๊ดดดด~
“ไง มาไวดีนี่”
วาโยเดินเข้ามาทักฉันที่ยืนอยู่ ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะหนีกลับไปตั้งหลักก่อนแล้วจะไลน์บอกเขาทีหลัง แต่คงไม่ทันแล้วสินะ
“วาโยคือฉัน...”
กึก!
“กำลังจะกลับ”
อยู่ๆ พายุก็หยุดเดินแล้วหันมาพูดขึ้น ก่อนจะจ้องมาทางฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ส่วนวาโยก็หันมองพายุกับฉันสลับกันไปมา
“ไปสิ”
พายุหันมาไล่ฉันอีกครั้ง ดูจะอยากให้ไปจังนะกลัววาโยจะบอกอะไรฉันเพิ่มรึไง แต่จะว่าไป.. ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว แถมยังมีอีกหลายเรื่องให้ถามเลยนะ ถ้ารีบกลับตอนนี้ก็น่าเสียดายแย่
“เปลี่ยนใจละไม่กลับดีกว่า”
ฟุ้บ!
ไวเท่าความคิด ฉันพูดออกไปพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม แล้วพายุที่กำลังจ้องฉันอยู่ก็หันหน้าหนีไปและถอนหายใจออกมานิดหน่อย ก่อนจะหันกลับมามองด้วยสายตาที่เหมือนจะฆ่าฉันทางอ้อม
“ก็ข้างล่างมันมืด เดินคนเดียวน่ากลัวจะตาย” ฉันส่งยิ้มแหยๆออกไปแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“มีไฟ” แล้วพายุก็พูดขัดขึ้นมาทันทีแม้ว่าฉันจะพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเองอยู่ต่อ
“ไม่มี เมื่อกี๊เดินขึ้นมาไม่เห็นมีสักดวง”
ใช่.. มันไม่มีไฟ มันน่ากลัว ต้องเล่นให้เนียน มันน่ากลัวจริงๆ นะ ฉันแกล้งทำหน้าตาน่าสงสารใส่พายุมากขึ้นไปอีก ในขณะที่วาโยเองก็เริ่มมองฉันด้วยสีหน้าอมยิ้มเหมือนรู้ทัน อะไร?! อย่าทำเสียแผนนะเฟ้ย
“เดี๋ยวไปส่ง”
พายุพูดกลับมาสั้นๆ ยิ่งทำให้วาโยหลุดขำออกมาแบบกลั้นเสียง แต่ฉันเนี่ยสิแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง
“อย่างนายเนี่ยนะจะไปส่ง?”
เหอะๆ นี่เขาไม่อยากให้ฉันรู้อะไรจริงๆ เลยสินะ ถึงบอกให้ฟังแค่เขาคนเดียว แถมยังจะยอมเดินไปส่ง ยังไงก็ไม่ยอมให้อยู่ต่อทั้งที่พวกฉันนัดกันเนี่ย
“ลุก” พายุพูดขึ้นเสียงเข้มแล้วทำหน้าดุๆออกมา
“แต่ฉัน...”
“ให้นิลอยู่กับไอ้โยนั่นแหละ ส่วนมึงอ่ะมาวอร์มเสียง เร็วดิ๊เหลือคนเดียวแล้วเนี่ย!”
ระหว่างที่เรายังตกลงกันไม่ได้ ไปป์ที่ไม่รู้เดินเข้าห้องซ้อมไปตอนไหนก็ตะโกนออกมาได้อย่างพอดิบพอดี แถมยังมีเสียงมือกลองที่รู้สึกจะชื่อบีทตะโกนตามมาอีกที
“เห้ย ไอ้ห่าพายมึงยังไง?! นี่กูต้องจุดธูปเชิญมั้ย ไม่มากูจะร้องเองละช้าฉิบหาย”
อ๋อ.. นี่พายุก็เป็นนักร้องเหมือนกันสินะ อืม..จำได้ละวาโยเคยบอกตอนอยู่ Ztudio นี่นาว่าเขามีซ้อมดนตรี
“อ้าว เพื่อนเรียกแล้วอ่ะ นาย..ตั้งใจซ้อมนะ ^_^”
ฉันอาศัยจังหวะนี้หันไปส่งยิ้มให้เขาแล้วเอนตัวพิงโซฟาทันทีอย่างสบายใจจนพายุมองมาด้วยสีหน้าเซ็งขึ้นอีกเท่าตัว ก่อนจะเดินเข้าห้องซ้อมไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ดูดีขึ้นแล้วนี่”
พอพายุเดินพ้นไปปุ๊บ วาโยที่ยืนอยู่ก็หลุดยิ้มกว้างออกมาทันที ก็นะ.. เห็นกลั้นยิ้มมาสักพักแล้วนี่ ไม่รู้ถูกใจอะไรนักหนา แล้วเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างฉันอย่างไม่ถือตัว
ฟุ้บ!
“อะไรหรอ?” ฉันเลิกคิ้วถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจในคำพูดนั้น แล้ววาโยก็ตอบกลับมา
“ก็เธอกับมัน”
“อืม เพิ่งรู้ว่าพายุเคยอยู่โรงเรียนประจำกับฉันน่ะ”
ฉันตอบกลับไปตามความจริงที่เพิ่งรู้จากปากพายุ วาโยก็พยักหน้รับแบบอมยิ้มนิดๆ แบบเดิม
“แต่...หมอนั่นบอกว่าฉันไม่ใช่เพื่อนเขา”
คราวนี้ฉันพูดออกไปแล้วจ้องหน้าวาโยอย่างสงสัย แต่วาโยก็ยังนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาเฉยๆ ทั้งที่วันนั้นที่ Ztudio เขาเป็นคนบอกเองว่าพายุกับฉันเป็นเพื่อนสนิทกัน
“ก็ถูกของมัน” วาโยบอกออกมาเสียงเรียบยิ่งทำให้ฉันงงเข้าไปใหญ่
“แต่วันนั้นนายบอกว่า...”
“โอเคฉันผิดเอง พวกเธอไม่ใช่เพื่อนกัน”
ฉันกำลังจะพูดต่อ แล้วอยู่ๆ วาโยก็ตัดบทสารภาพความจริงออกมาซะอย่างงั้น แต่ก็ช่างเหอะไม่ใช่ก็ไม่ใช่
“มิน่าล่ะ หมอนั่นถึงดูไม่อยากจะรู้จักฉันเลย”
ฉันพูดออกไปตามที่คิด เพราะถ้าเป็นคนรู้จักกันคงไม่บึ้งตึงใส่กันตลอดเวลาแบบนี้หรอกมั้ง ดูวาโยสิยังไม่เห็นทำกับฉันแบบนั้นเลย ขนาดเพิ่งเจอกันได้ไม่เท่าไหร่ แล้วก็ไม่บ่อยเท่าที่ฉันเจอหมอนั่นด้วยซ้ำ
“เมื่อก่อนไม่ซื่อบื้อขนาดนี้…” วาโยพูดออกมา ตาก็มองไปทางพวกนั้นที่เริ่มซ้อม
“หมอนั่นอ่ะหรอ?” ฉันมองตามวาโยไปและเห็นพายุกำลังตั้งใจฟังทำนองเพลงที่คนอื่นๆ กำลังเล่นอยู่ และเขาก็เริ่มร้องมันออกมา
“เปล่า เธอนั่นแหละ”
“เอ้า เกี่ยวไรกับฉันอ่ะ o_O?”
ฉันละสายตาจากพายุหันมาทำหน้างงใส่วาโยแทน หมอนี่หลอกด่าฉันซื่อบื้อใช่ป้ะเมื่อกี๊ -_-?
“ผู้หญิงกับผู้ชาย ถ้าไม่ใช่เพื่อนกันเป็นไรกันได้บ้าง?” เขาถามออกมาทั้งที่ตายังจ้องวงดนตรีที่เล่นอยู่ไปเรื่อยๆ
“ก็...พ่อแม่ลูก”
ขวับ!
คำตอบของฉันทำเอาวาโยหันขวับมาหาฉันด้วยสีหน้าเอือมๆ
“เธอคลอดมันออกมาเองสินะ -_-?”
“ก็ไม่นะ ถ้างั้น...พี่น้องกันป้ะ” ฉันตอบออกไปตามที่คิด ก็โลกนี้มันมีความสัมพันธ์อะไรตั้งหลายอย่าง ตอนนี้คิดไรได้ก็ตอบๆ ไปอ่ะ
“มันคลานตามเธอออกมารึไงวะ”
“หึ ก็ไม่ใช่อยู่ดี” เออนะ ฉันนี่ก็ตอบอะไรไปแบบไม่ผ่านการพิจารณาเลยแหะ ถ้าเป็นงั้นจริงพ่อกับแม่คงตกใจแย่ ฮ่ะๆ
“อืม งั้นไรอีก?”
“คุณหมอ..กับพยาบาล” บอกเลยอันนี้ตอบเอาฮา55555 ก็มันนึกไรไม่ออกไงเลยต้องตบมุกคั่นเวลานิดนึง
“นิลลาไปเล่นตรงนู้น” คราวนี้วาโยทำหน้าเอือมหนักถึงขั้นชี้นิ้วไล่ฉันเลยทีเดียว โอเคๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ ชิ!
“ฮ่ะๆ ล้อเล่น คิดก่อนนะ ถ้าไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่พี่น้อง...”
“และไม่ใช่อาชีพบ้าบอที่เธอเอามาเล่นมุก” วาโยรีบพูดดักคอฉันขึ้นมาทันที ฉันเลยหลุดขำอีกแล้วค่อยๆ ประมวลผลช้าๆ
อืม.. รู้จักกัน
แต่ไม่ใช่เพื่อน.. ไม่ใช่คนในครอบครัว..
แล้วก็เป็นความสัมพันธ์ของผู้หญิงกับผู้ชายงั้นหรอ..
ถ้างั้นก็...
“นะ..นี่นายจะบอกว่าฉันกับพายุ... O_O?!”
แล้วช่องว่างระหว่างความคิดตรงนั้นก็ทำให้ฉันตาโตหันไปหาวาโยแล้วโพล่งขึ้นมาเสียงดังอย่างลืมตัวทันทีที่คิดได้
พรึ่บบบ!
“ชู่ววว”
พอเป็นแบบนั้นวาโยก็รีบเอามือมาปิดปากฉันทันทีเหมือนกัน แล้วเขาก็ชี้เข้าไปในห้องซ้อมที่เพิ่งผ่านท่อนร้องของไปป์ไปเมื่อกี๊ ก่อนที่พายุจะเริ่มร้องมันออกมา...
“ท่อนนี้ของเธอ”
‘ก็ไม่รู้ต้องทำยังไง…
คงต้องปล่อยเธอไว้ที่ตรงนั้น
ในส่วนที่ลึกที่สุดของฉัน ในความทรงจำ
ในลมหายใจ อยู่อย่างนี้ตลอดไป..
อยากจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันไป
ตื่นขึ้นมาอีกวันก็คงจะเลือนหาย
แต่ความจริงก็คือว่าฉันยังคิดถึงเธอเสมอ
ก็เพราะคิดว่าคิดว่าวันเวลาที่เนิ่นนาน
จะเปลี่ยนความทรงจำที่มีให้เลือนลาง
แต่กลับยังชัดเจน ทุกช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน’
(Credit Song: เลือนลางแต่ชัดเจน – Vwilz)
เสียงร้องของพายุทุกคำที่เพิ่งจบไปทำให้ในหัวของฉันขาวโพลนไปหมด มันทั้งอึ้งและทึ่งกับสิ่งที่วาโยพยายามจะบอก แล้วมือหนาของวาโยที่ปิดปากฉันไว้ค่อยๆ คลายออก แต่ตาของฉันยังจ้องไปที่พายุอยู่แบบนั้น ฉันจ้องมองแผ่นหลังของเขาด้วยความสงสัยจนเรียบเรียงเป็นคำพูดที่อธิบายออกไปไม่ถูก
พายุกับฉัน..เคยคบกันงั้นหรอ?
หลายวันต่อมา..“ไม่เป็นไรแน่หรอนี่มันที่ทำงานนะ”ฉันพูดกับเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่เดินดุ่มๆ จูงมือฉันเข้ามาในบริษัทซอฟต์แวร์ของพ่อเขาอย่างไม่สนใจสายตาของใครที่จ้องมาทั้งนั้น ก่อนที่พายจะกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นบนสุดด้วยท่าทางรีบร้อนจะว่าไปวันนี้เขาดูเท่ห์ชะมัดเลยแหะ แต่งตัวเป็นทางการสุดๆ ในขณะที่ฉันยังอยู่ในชุดนักศึกษาเพราะเพิ่งจะเลิกเรียนได้สักพักแล้วพายก็ไปรับพามาที่นี่“เรา..มาทำอะไรที่นี่หรอ” ฉันถามออกไปอย่างสงสัย ก็ไหนตอนแรกเห็นเขาบอกว่าจะชวนไปกินข้าวไม่ใช่?แถมตอนอยู่โรงเรียนประจำ.. ฉันจำได้ว่าพายไม่ค่อยสนิทกับพ่อเขาเท่าไหร่ แล้วเร็วๆ นี้เขาก็เคยบอกว่าจะเข้ามาที่บริษัทพ่อเขาบ้างเฉพาะวันหยุดเท่านั้นนี่นา..แต่นี่มันวันปกตินะ?“มีงานด่วน”พายพูดออกมาก่อนจะพาฉันเดินผลักประตูเข้ามาในห้องๆ หนึ่ง ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นห้องเขานะ เพราะโทนสีมันดูคล้ายกับห้องที่คอนโด แล้วเขาก็ดันตัวฉันนั่งลงที่โซฟา“รอก่อนนะ เดี๋ยวไปกินข้าวกัน” พายุพูดพร้อมกับยื่นมือมาลูบหัวฉันเบาๆ พอเขาบอกมาแบบนั้น ฉันก็พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเห็นเขาเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน แล้วเปิดโน๊ตบุ๊คตรงหน้าก่อนจะพิมพ์อะไรยุกยิกอย่า
“อยากกินกาแฟ”เอี๊ยดดดดพอขับรถพ้นประตู ม. ออกมาได้สักพัก พายุก็พูดออกมาแล้วเหยียบเบรกทันทีจนหน้าฉันเกือบทิ่ม แบบนี้ก็ได้หรอ?! อยากกินแล้วแวะเลย? รถคันหลังไม่ต้องสนใจ? ถนนเส้นนี้ของที่บ้านหรอออ -_-?“ขับรถแย่ขึ้นทุกวัน” ฉันหันไปตำหนิพายแบบไม่จริงจังอะไร ก่อนจะโดนมือหนายื่นมาบีบจมูกเบาๆ สองสามทีแล้วเขาก็ปล่อย“นี่ก็ขี้บ่นขึ้นทุกวัน”ตึงงง!พูดจบพายก็เปิดประตูลงจากรถไปยืนรอฉัน ส่วนฉันก็เดินลงรถตามหลังเขาไป พอเราไปนั่งที่โต๊ะพนักงานก็รีบหยิบเมนูมาให้และยืนรอรับเมนูทันที“กินไร?” พายุเอ่ยปากถามฉันทั้งที่ตายังดูเมนูอยู่แบบนั้น ฉันเลยหันไปสั่งและยิ้มให้พนักงานในร้านตามมารยาท“เอาชาเขียวแก้วหนึ่งค่ะ”"ครับ (- -) (_ _)"แล้วพนักงานก็พยักหน้าและส่งยิ้มตอบกลับมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร แอบเห็นพายเหลือบตามามองนิดหน่อยแล้วเขาก็พูดออกมาพร้อมกับส่งเมนูคืนให้พนักงานทันที ไม่สิ.. ที่จริงออกแนวยัดใส่มือพนักงานแบบลวกๆ ซะมากกว่า“ชามะนาวแก้ว”“หืม..ชามะนาว? แล้วเมื่อกี๊ร้องจะกินกาแฟ :(” ฉันเบะปากใส่พายุไปอย่างกวนๆ แล้วพายก็หันไปจ้องหน้าพนักงานคนนั้นนิ่งๆ ก่อนจะตอบกลับมา“เปลี่ยนใจ..”“อืม (- -) (_ _)” ฉันพยั
ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเพราะวันนี้มีเรียนตอนเที่ยง แล้วโผล่หน้าไปมองพายุในเสื้อยืดแขนยาวสีขาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกในห้องของเขา ก่อนจะเลิกคิ้วถามออกไปอย่างสงสัย“ไม่มีเรียนทำไมตื่นเช้าจัง”ถึงจะถามไปแบบนั้นแต่พายก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพราะเขากำลังนั่งเล่นกีต้าร์ตัวโปรดด้วยปิ๊กกีต้าร์ Limited Edition ที่เลโอซื้อมาให้เมื่อคราวนู้นอยู่ คือมันแพงแล้วมันจะดีดเพราะขึ้นหรืออะไรอ่ะ -_-? ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เห็นตอนนั้นไปป์ดูฮือฮาพอสมควรเลย แถมยังบอกว่าที่เลโอยอมซื้อปิ๊กกีต้าร์อันนี้มาเซ่นพายุเพราะจะโดดซ้อมไปหาสาวด้วยนะ ฮ่ะๆ“พายยยย..” ฉันลากเสียงยาวๆ ออกไปอีกครั้ง แต่พายก็ยังไม่สนใจ อะไรของเขากันเนี่ย พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย -_-แต่จนแล้วจนเล่าพายก็ไม่ยอมตอบอะไร ฉันเลยเดิมดุ่มๆ ออกจากห้องนอนมานั่งข้างๆ เขาทันที แต่พายก็ก้มๆ เงยๆ อยู่กับกีต้าร์ตัวนั้นทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนเหมือนเดิมอยู่ดี ...What?!“พายยยย ถ้าไม่ตอบนิลจะกลับห้องละนะ!”ฉันทำหน้ามุ่ยออกไปแล้วลุกขึ้นทำท่าจะเดินหนีเรียกร้องความสนใจซะหน่อย แล้วก็เป็นไปตามแผนเป๊ะ..พายคว้าแขนฉันเอาไว้ทันทีตั้งแต่ฉันยังไม่ทันได้ก้าวขาซะอีก
@ มูลนิธิเด็กไร้ญาติ“หยุดนะเจ้าหมียักกกกกกษ์! จะเอาๆๆๆ~”เสียงเด็กๆ ร้องตะโกนแล้ววิ่งไล่เลโอในชุดมาสคอตหมีสีน้ำตาลจนเจ้าตัววิ่งหนีอย่างอุ้ยอ้าย ก่อนที่ฉันกับพายที่นั่งเล่นกับเด็กๆ อยู่จะขำออกมา เชื่อแล้วล่ะว่าพายุใจดีจริงๆ อย่างที่เจด้าเคยบอก เพราะวันนี้ฉันเห็นเขาทำกิจกรรมอะไรตั้งมากมายโดยไม่บ่นสักคำ ทั้งร้องเพลง เล่านิทาน วาดรูประบายสี เล่นของเล่น หัวเราะกับเด็กๆ อย่างดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ^^“ไอ้เลย์ แล้วมึงจะวิ่งเพื่อ?!” พายตะโกนบอกเลโอที่วิ่งวนไปวนมาไม่ยอมหยุด ยิ่งเขาวิ่งหนี เด็กๆ ก็ยิ่งวิ่งตามอยู่แบบนั้น“กูกลัวโดนกอดคนมันเสน่ห์แรง อย่าทำเค้านะ อย่าทำเค้า >_”เลโอถอดหัวหมีออกแล้วตะโกนกลับมาก่อนจะวิ่งเล่นกับเด็กๆ อยู่อย่างนั้นจนแฟนคลับของเขาที่มาด้วยพากันกรี๊ดกร๊าดแชะภาพกันยกใหญ่“น่ารักดีเน่อะ ^_^”ฉันพูดออกไปก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้พายที่ลูบหัวเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเบาๆ ด้วยรอยยิ้มและสายตาที่เอ็นดูมากๆ อยู่“ใคร..ไอ้เลโอ?” แล้วพายก็หุบยิ้มลงทันทีก่อนฉันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่ฉัน“หมายถึงเด็กๆ ต่างหากเล่า” พูดจบฉันก็ทำหน้ามุ่ยใส่เขาบ้าง หูหาเรื่องจริงๆ เลยนะ -_-“อยากมีเองเลยมั้ยล่ะ?”แล้วพา
@ โกดังร้างแห่งหนึ่ง“มันสลบไปแล้วครับนาย”เสียงลูกน้องคนหนึ่งของเตโชพูดขึ้น พร้อมกับยื่นมือถือของคนที่โดนจับมาให้พายุ เขาเองก็รับมันมาดูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ก็ต้องเขวี้ยงทิ้งจนแตกกระจายเพราะในนั้นมีแต่รูปนิลลาในหลายๆ อิริยาบถที่ถูกแอบถ่ายไว้เต็มเครื่องไปหมด รวมถึงรูปโปรไฟล์ Know more ด้วย เหมือนมันจะถูกใจเธอและวางแผนมานานพอสมควรพรึ่บ! แกร๊ก! แกร๊ก!พายุออกแรงกระทืบมือถือเครื่องนั่นซ้ำๆ อย่างหัวเสีย แล้วหันไปหาลูกน้องเตโชด้วยสีหน้าโกรธจัดจนทุกคนต้องหลบตา ท่ามกลางสายตาของสมาชิกใน Nightshade ทุกคนที่ดูดุดันไม่ต่างกัน มันกล้าทำกับผู้หญิงของเพื่อนเขา กล้ามีเรื่องกับเพื่อนเขาก็เท่ากับประกาศตัวมีเรื่องกับพวกเขาทั้งหมดเช่นกันพายุก้าวขาช้าๆ แต่เป็นความเย็นชาที่ดูรุ่มร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเดินเข้าไปคว้าถังน้ำเกลือที่ลูกน้องเตโชเตรียมเอาไว้ให้อย่างรู้งาน และสาดมันใส่ไอ้สวะที่ถูกมัดให้นั่งอยู่กับเก้าอี้และกำลังหลับไปอย่างสบายใจพรึ่บบบบ! ซ่าาาาา!“อ๊ากกกกกก”เสียงร้องอย่างเจ็บแสบดังขึ้นลั่นโกดัง ก่อนที่พายุจะใช้มือข้างหนึ่งกระชากไรผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเกลือและคราบเลือดที่เริ่มแห้
ย้อนกลับไปหลายชั่วโมงก่อน..“มีธุระอะไรกับผม”พายุเอ่ยปากถามคนที่นั่งไขว่ห้างเซ็นต์เอกสารอยู่บนเก้าอี้ประธานบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำของประเทศอย่างสงสัย ก่อนที่ชายสูงวัยคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยท่าทางเรียบเฉย“ดุเหมือนแม่แกไม่มีผิด นั่งก่อน” ชายสูงวัยเบนหน้าไปทางโซฟาที่เยื้องออกไป แล้วก้มหน้าเซ็นต์เอกสารต่ออย่างบอกเป็นนัยๆ ให้เขารอ“ผมมีธุระต่อ”พายุพูดขึ้นแล้วก้มมองนาฬิกานี่มันใกล้เวลาที่ยัยตัวแสบของเขาจะเลิกเรียนคาบสุดท้าย ซึ่งมันดึกและอันตรายถ้าเธอต้องขับรถกลับคอนโดคนเดียว แต่คนตรงหน้ากลับให้เลขาเรียกตัวเขาเข้ามาพบด่วนตอนนี้ ซึ่งเป็นเวลาเลิกงาน และปกตินี่ก็ไม่ใช่วันทำงานของเขาด้วยซ้ำ“ห่างกันสักวันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”“เป็น” พายุพูดสวนขึ้นมาและเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงหน้าชายสูงวัยที่มีศักดิ์เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร แต่คนตรงหน้าก็ยังทำเฉยไม่สนใจ“ว่าธุระของท่านมาสักที”เพราะเดินเลยจุดที่จะสนิทชิดเชื้อกับพ่อแท้ๆ ของตัวเองมาไกลมาก พายุเลยปฏิบัติต่อคนตรงหน้าเสมือนว่าตนเองเป็นแค่พนักงานคนหนึ่งในบริษัทด้วยการเรียกเขาว่า ‘ท่านประธาน’ เท่านั้น“ชื่ออะไรนะ ห