หลังจากประทับตราเสร็จ ติณณ์ก็ให้ฉันเข้ามารอเขาในห้องๆ หนึ่ง ก่อนจะเดินแยกไปทำธุระแล้วตามเข้ามาทีหลัง พอติณณ์เดินมาทิ้งตัวลงทั้งข้างฉันปุ๊บ ฉันเลยถามถึงเรื่องวันนี้ออกไปอย่างสงสัยทันที
“ถามได้มั้ย? ติณณ์รู้ได้ยังไงว่าสภากฎ....” “ท่านปู่บอก” ฉันยังพูดไม่ทันจบติณณ์ก็ตอบกลับมาอย่างรู้ทัน คำถามนี้ฉันว่าใครๆ ก็สงสัยอ่ะ เพราะดูเหมือนเขาจะมารู้เรื่องนี้ทีหลังเหมือนกัน ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่เสียเวลาทะเลาะกับคิระตั้งนานหรอก จริงมั้ย… “แล้ว..ท่านปู่ได้บอกมั้ยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง” ฉันทำหน้าสงสัยออกไปเพราะลึกๆ ก็อยากรู้... มันจะด้วยเหตุผลอะไรกันนะ ถึงทำให้สภากฎที่ดูจะน่าเคารพนับถือทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่ Make sense เอาซะเลยแฮะ แล้วติณณ์ก็พยักหน้าและเริ่มเล่าเรื่องที่ได้รับฟังจากท่านปู่ออกมา “แม่ติณณ์ไปรู้มา..ว่าสภากฎจะยึดอำนาจ Dark Shadow เลยจำเป็นต้องกำจัดทายาททุกคนเพื่อให้ไม่มี Leader อีกต่อไป ซึ่งตอนนั้นว่าที่ Leader และ Leader’s Wife คือพ่อแม่ติณณ์และลุงกับป้า ...หรือพ่อแม่คิระ” พรึ่บบบ! พูดจบติณณ์ก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันอุ้มขึ้นไปนั่งตักเขาเบาๆ แล้วมุดหน้าของเขาลงมาใช้คางเกยไหล่ฉันเอาไว้ “ท่านปู่บอกว่าทั้ง 4 คนสนิทกัน เป็นพี่น้องที่รักกัน เพราะแบบนั้นแม่ติณณ์เลยขอเปิดใช้ Emergency Privilege ด้วยคำขอเดียวกับมิณคือล้มสภา เพื่อปกป้องอีก 3 ชีวิตคือพ่อติณณ์ และพ่อแม่คิระ แต่ด้วยเงื่อนไขที่ต้องแลกชีวิตท่านปู่เลยไม่ยอมเพราะตอนนั้นติณณ์ยังเด็ก ไม่อยากให้กำพร้า” ติณณ์พูดพร้อมกับกระชับอ้อมกอดที่กอดฉันไว้ แถมยังอมยิ้มออกมาตอนที่บอกว่าฉันกับแม่เขาใช้คำขอเดียวกัน ซึ่งฉันว่ามันก็..บังเอิญดีเหมือนกัน :) “หลังจากนั้นยังไม่ทันที่จะเตรียมรับมืออะไร เรื่องที่แม่รู้ก็เข้าหูสภาฯ เพราะคนใกล้ตัวท่านปู่ทรยศ แล้วพ่อแม่ติณณ์..ก็ถูกลอบทำร้าย” ถึงตรงนี้สีหน้าของติณณ์ดูนิ่งไป ฉันเลยเอื้อมมือของตัวเองไปจับมือเขาเอาไว้อย่างให้กำลังใจ แล้วติณณ์ก็เล่าต่อ... “ติณณ์รอด และรับไม่ได้กับสถาบันครอบครัวที่มัน..ต่ำตม เลยหนีไปอยู่ไทย แล้วหลังจากนั้นลุงกับป้าก็โดนลอบทำร้าย คิระมันก็รอดมาเหมือนกัน” อ่าหะ.. งั้นก็เหมือนกับที่คุณเท็ดดี้เคยบอกฉันไง ว่าตอนนั้นเขาหนีมาได้ เรื่องจริงมันเป็นแบบนี้นี่เอง “เพราะสุดท้ายยังหลงเหลือทายาทอยู่ดี สภาฯเลยปล่อยข่าวว่าพ่อแม่เราลอบทำร้ายกันเองเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง แต่ท่านปู่บอกว่าไม่ใช่.. ท่านปู่บอกว่าพ่อติณณ์สนับสนุนพ่อคิระด้วยซ้ำ แถมยังเห็นดีเห็นงาม..บอกว่าพ่อคิระเหมาะสม พ่อไม่ชอบอยู่ในกฎ ในระเบียบอะไรที่มันวุ่นวาย แม่ก็ด้วย เหมือนกับเมียจอมดื้อของติณณ์เลยนี่ไง” ป๊อก! พูดจบติณณ์ก็เอามือมาดีดหน้าผากฉันเบาๆ ฉันเลยทำหน้ามุ่ยตอบกลับไป แล้วรีบแก้ตัวใหญ่เลย “เดี๋ยวสิ -.- มิณไม่ได้ดื้อสักหน่อย” พอฉันพูดแบบนั้น ติณณ์ก็หันมาเบะปากและย่นจมูกใส่ฉันทันที แถมยังแอบขโมยหอมแก้มฉันตั้งหลายที แล้วบ่นๆ ออกมา ฟรืด~ ฟรืด~ ฟรืด~ “ที่เป็นมิณทั้งหมดเนี่ยแหละ เค้าเรียกว่าดื้อ..” “อะไรๆ มั่วจริงๆ เลย -/////-” ฉันแกล้งส่งเสียงเข้มออกไป แล้วติณณ์ก็เอามือมาลูบหัวฉันเบาๆ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ดื้อได้ แต่ถ้าติณณ์ดุต้องฟังด้วย รู้มั้ย” ฟรืดดด~ ก็คือถ้าเขาจะพูดไปหอมไป แล้วใช้น้ำเสียงแบบนี้เป็นใครก็ต้องยอมรึเปล่า พอเขาใช้ไม้ตายแบบนี้ฉันก็พยักหน้าออกไปทั้งที่เขินๆ ยังไงบอกไม่ถูก แล้วถามต่อ “อื้ม >.< นี่แปลว่าคิระเข้าใจผิดมาตลอดเลยงั้นหรอ?” “ที่จริงโทษมันคนเดียวไม่ได้ ติณณ์เองก็เข้าใจผิดด้วย คิระมันอยู่ที่นี่ตั้งแต่ลุงกับป้าเสีย มันถูกฝึกอย่างหนักท่ามกลางกลุ่มคนพวกนั้นที่เสี้ยมสอนแบบผิดๆ เพื่อวางตัวให้เป็น Leader ในวาระถัดไปที่สภากฎสามารถควบคุมได้ เพราะตอนนั้นติณณ์เฟดตัวเองออกจาก DS ก็ไม่ต่างจากการถอนตัว” แบบนี้นี่เอง.. แปลว่าถ้าติณณ์ไม่กลับเข้ามา คิระจะขึ้นเป็น Leader ได้แน่ แต่แค่จะโดนชักใยจากสภากฎที่อยู่เบื้องหลังในฐานะผู้คุมกฎและผู้ที่เลี้ยงดูมา มิน่า..ทำไมคิระถึงไม่มีปากมีเสียง ไม่แก้ตัวอะไร เพราะลึกๆ เขาก็เคารพสภากฎมากมายขนาดนี้นี่เอง “แล้วติณณ์กลับเข้ามาใน Dark Shadow ยังไง ในเมื่อตอนนั้นเฟดตัวเองออกไปแล้ว?” ฉันยังตั้งคำถามออกไป ติณณ์เองก็รับฟังและตอบมันอย่างเต็มใจ “ตามธรรมเนียม..คนที่จะประทับตราได้ต้องผ่านการฝึกและเข้าไปทดสอบว่าผ่านมั้ย พอติณณ์ย้ายไปไทย ท่านปู่ก็สร้างศูนย์บัญชาการขนาดย่อมเอาไว้ให้ ซึ่งก็คือบ้านหลังนั้น แล้วก็อย่างที่เห็นในนั้นมีทุกอย่างเหมือนเอา DS CASTLE ที่นี่ไปย่อส่วนไว้” เดี๋ยวนะ...หมายถึงไอ้ห้องซ้อมยิงปืน ห้องซ้อมต่อสู้ คลังอาวุธที่มีระเบิด ที่นี่ ณ ตอนนี้ก็มีของพวกนั้นอยู่ด้วยงั้นสินะ โอ้โห..แถมยังมีมากกว่าด้วย แล้วแบบนี้ระเบิดจะลั่นตู้มต้ามขึ้นมามั้ยอ่ะ อ๊ากกก ต้องรีบกลับบ้านแล้วนะ ไม่อยากตายนอกสถานที่ โน๊วววว =[]=!!! แต่ถามว่าติณณ์สนใจท่าทางของฉันมั้ย? ไม่เลย...เขายังคงเล่าต่อไป “แล้วท่านปู่ก็ใช้ช่องโหว่ของกฎ ที่ถึงแม้จะบอกว่าคนที่เฟดตัวเองออกไปจะไม่มีสิทธิ์เป็น Dark Shadow อีก แต่ด้วยสายเลือดโดยชอบธรรมยังไงติณณ์ก็มีสิทธิ์.. แล้วหลังจากการทดสอบ คุณสมบัติของติณณ์เทียบเท่าคิระ จนผลการตัดสินออกมาครึ่งๆ และมันจบที่ติณณ์ชนะด้วยเสียงที่มากกว่าคือเสียงสุดท้ายของท่านปู่” พอได้ฟังฉันก็คิดตาม จะว่าไป..ไอ้ท่าทางนิ่งๆ ของท่านปู่ก็ดูจะคล้ายกับติณณ์อยู่นะ นี่แปลว่า..ลึกๆ ท่านก็แอบเชื่อมั่นในตัวติณณ์มากเหมือนกัน “ท่านปู่ดูรักติณณ์จัง” “รักคิระด้วย” ฟังฉันพูดจบติณณ์พูดสวนกลับมาทันควัน แล้วพูดต่อ.. “อย่าพูดคำนี้ให้มันได้ยินเชียว ปกติเราไม่พูดเรื่องแบบนี้กันเท่าไหร่ คิระมันขี้งอนตั้งแต่เด็ก ท่านย่าต้องตามโอ๋ทุกที แล้วไม่รู้เป็นห่าไรเวลาติณณ์จะทำอะไรมันก็อยากทำด้วย แม่งเหมือนเด็กมีปัญหาอ่ะ -.- สุดท้ายจบที่ติณณ์ต้องเสียสละให้มันทุกที แล้วมันก็ได้ใจบอกว่าเพราะมันเป็นพี่ ติณณ์เลยยอมแพ้.. ไม่เห็นหรอพอมันจะเอาตำแหน่ง ก็ร้องจะเอาๆ อย่างเดียวไม่สนใจห่าอะไร ...งี่เง่าสัส -_-” คราวนี้ติณณ์พูดออกมายาวมาก ทุกคำที่พูดถึงคิระมันมีอมยิ้มเล็กๆ แฝงอยู่ตลอดเวลา จากที่ฟัง..เขาก็จดจำความทรงจำในวัยเด็กได้ดี ไม่ใช่อย่างที่คุณเท็ดดี้เคยบอกว่าลืมๆ ไปหมดแล้วเลยสักนิด “แล้วถ้าติณณ์ไม่ได้ต้องการตำแหน่ง ทำไมไม่ยอมให้คิระได้มันไปตั้งแต่แรก” ..อันนี้สงสัยจริงๆ เขาจะปล่อยมันให้คิระไปเลยก็ได้ทำไมถึงไม่ทำ? “ถ้าไม่นับท่านปู่ เสียงครึ่งหนึ่งอยู่ที่ติณณ์ อีกครึ่งอยู่ที่มัน ถ้าติณณ์ให้ตำแหน่งนี้กับมันง่ายๆ เหมือนที่ตามใจมันมาตั้งแต่เด็ก เหตุการณ์วันนี้จะกลับตาลปัตร คนที่อยู่กลางวงล้อมจะมีแค่มัน... ไม่ได้ดูถูกแต่มันคนเดียวรับไม่ไหว มิณเห็นเหตุการณ์ก็น่าจะรู้ วันนี้ที่รอดมาได้เพราะ Nightshade ยิงสกัดให้” ฉันฟังเขาเล่าแล้วคิดตาม มันก็จริงของติณณ์นะ เพราะตอนนั้นพายุดึงความสนใจออกมา แล้ว Nightshade ก็ยิงกราดเข้าไปโดยไม่มีใครได้ตั้งตัว ทำให้ทั้งติณณ์และคิระรอดมาได้แบบหวุดหวิด “แล้ว...ตั้งแต่ออกมาได้คุยกันบ้างรึยัง?” ฉันถามออกไปอีกครั้งแล้วติณณ์ก็ส่ายหัว.. “ไม่รู้จะคุยอะไร” เขาพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้เครียดอะไร “หึ.. คุณเท็ดดี้ นี่มันคำพูดคุณเท็ดดี้ที่ตอนนั้นเขียนใส่กระดาษยาวเหยียด แต่ไม่มีอะไรจะพูดชัดๆ” ฉันแซวติณณ์ออกไป ไม่มีไรจะคุยกับคิระทั้งที่พูดกับฉันยาวเหยียดเหมือนใช้โควต้าล่วงหน้าไปสามปีแล้วเนี่ยนะ “ก็บอกแล้วไงอยากคุยกับเมียคนเดียว” ติณณ์พูดแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ฉันเลยเบะปากแกล้งเขาไปที “คุยกับน้องบ้างก็ได้ ติณณ์รักน้อง รู้ตัวมั้ย…” “......” แล้วพอได้ฟังคำพูดของฉัน ติณณ์ก็เงียบกริบไปทันที ฉันเลยพูดต่อซ้ำๆ ให้เขายอมรับมัน ซึ่งติณณ์ก็รับฟังมันแบบเงียบๆ “ทุกคำที่ติณณ์พูดถึงน้องมันมีแต่ความเป็นห่วงนะ” “.....” ยิ่งฉันพูด ติณณ์ก็ยิ่งเงียบ แต่สีหน้าของเขาก็ดูเหมือนกำลังคิดตามอยู่ “ถ้าเป็นคนอื่น.. ไม่ได้อยากยุ่งกับ Dark Shadow แล้วจริงๆ ก็คงโยนมันให้น้องไปรับผิดชอบเองแล้ว แต่ติณณ์ไม่.. ติณณ์รับตำแหน่งนี้ไว้ เพราะติณณ์คิดแล้ว..ว่าถ้าตำแหน่งมันตกไปเป็นของน้อง น้องจะลำบาก” “ติณณ์ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น” ติณณ์ตอบกลับมาแล้วทำเป็นไม่สนใจ เขาตั้งใจหันหน้าหนีแบบโคตรมีพิรุธจนฉันหลุดยิ้มในท่าทางปากแข็งแบบนั้นและเอ่ยปากถามไป “งั้นถามหน่อย ทุกครั้งที่โกรธจนคุมสติไม่อยู่ ติณณ์มีโอกาสฆ่าน้อง..ทำไมไม่ทำ?” “ก็ติณณ์หล่อ และใจดีไง” เขาตอบกลับมาแบบทีเล่นทีจริง และแกล้งทำเป็นไม่สนใจจนน่าหมั่นไส้ “หรอออ ทั้งที่รู้ว่าถ้ารอด..น้องจะกลับมาฆ่าติณณ์แน่ ก็ยังใจดีอยู่อีก?” “.....” ก็มันจริงมั้ยล่ะ คิระตอนนั้นกำลังหน้ามืดตามัวกับความแค้นแบบไม่สนใจอะไรด้วยซ้ำ ติณณ์เองก็น่าจะรู้ดีว่าตัวเองตกเป็นเป้านิ่งตลอดเวลา “แล้วคำขอ Emergency Privilege ของติณณ์ ติณณ์สั่งฆ่าน้องเลยก็ได้ จะว่าไปมันเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วยซ้ำ และมันปกป้อง Nightshade’s Lady ได้เหมือนกัน แต่ติณณ์ก็ไม่ทำ.. ไม่ใช่เรื่องที่ต้องยอมแลกชีวิตตัวเองถึงไม่ทำตั้งแต่แรกหรอก แต่เป็นเพราะติณณ์ห่วงน้อง ติณณ์รีบไปที่เกาะนั่น ไม่ใช่แค่ห่วง Nightshade’s Lady แต่ลึกๆ ติณณ์ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับน้อง” “.....” ยิ่งฉันพูดแทงใจดำเข้าไป ติณณ์ก็ยิ่งนิ่งไป ซึ่งอาการแบบนั้นดูยังไงก็ใช่.. ฉันเลยเซ้าซี้ออกไปกะจะให้เขายอมรับออกมาให้ได้ “ยอมรับมาเหอะ นี่มิณนะ อยากได้ยินจริงๆ ว่าเข้าใจติณณ์ไม่ผิด” แล้วเขาก็มองมาที่ฉันด้วยแววตานิ่งเรียบ ก่อนจะเลื่อนมือมาปัดไรผมของฉันไปทัดหูเบาๆ แล้วพูดออกมา “อืม ไม่รักมันจะให้รักใคร ท่านย่าเคยบอกไว้..ก็เรามีกันแค่นี้” “อื้ม :) งั้นที่ผ่านมาถึงปากจะพูดว่าไม่มีใคร แต่ความจริงติณณ์ก็รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองยังมีทั้งท่านปู่ แล้วก็คิระ ถูกมั้ย?” “อืม” แล้วเขาก็พยักหน้าออกมาแล้วตอบสั้นๆ แต่ก็ยังทำหน้านิ่งอยู่แบบนั้น ทั้งที่แววตาเริ่มอ่อนโยนขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า ฉันเลยถามลองเชิงออกไป.. “ติณณ์ว่าคิระ..รักติณณ์มั้ย?” พอได้ฟังเขาก็นิ่งไปอย่างใช้ความคิด แล้วติณณ์ก็ตอบกลับมาเสียงเรียบด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับคำพูดของฉัน “เดายาก..อย่างมันคงไม่น่า” “หรอ…” ฉันเลิกคิ้วถามออกไป แล้วพูดต่อไปตามใจคิด “ก็ไม่แน่หรอกนะ ก็ไม่แน่หรอก..ใช่มั้ย?” “.....” ติณณ์มองหน้าฉันด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ฉันเลยเปลี่ยนเรื่องไป แล้วลุกพรวดจากตักเขาทันที “หิวจังไปหาไรกินดีกว่า” แล้วติณณ์ก็ทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ว่าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย เขาเลยลุกตามแล้วพูดออกมา “อืม ต้องกินยาบำรุงครรภ์ด้วย แม่ยิ่งตัวเล็กๆ อยู่” พูดจบติณณ์ก็เอามือมาบีบแก้มฉันเบาๆ ฉันเลยบ่นอุบอิบออกไป “รู้แล้วน่า พูดมาก.. ท้องแทนไปเลยไป” แล้วติณณ์ยอมกันซะที่ไหน เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วเอาแต่ทำตาปริบๆ ใส่ฉันอยู่ได้ “ได้หรอ? ถ้าทำได้ติณณ์จะทำให้” ฟรืดดด~ สุดท้ายก็จบที่ติณณ์มาขโมยหอมแก้มฉันอีกจนได้ ก่อนที่เขาจะเอื้อมแขนมากอดคอฉันไว้พาเดินออกมาที่หน้าประตู ส่วนฉันที่วันนี้โดนขโมยหอมไปหลายทีก็ถึงกับหลุดปากแซวเขาออกมา “เฮ่อ..ตกหลุมรักแฟนตัวเองซ้ำๆ อีกแล้วสินะ >.<” แต่คำพูดกลับทำให้ติณณ์หันมองมาที่ฉันแบบตาเขียวปั๊ด แถมยังส่งเสียงดุ ขู่ฟ่อๆ ออกมาด้วย “ไม่ใช่แฟน นี่ผัว!” “อ้าวหรอ จ้าๆ ฮ่ะๆ >_<” ตึงงงง! พูดจบเขาก็ดึงประตูห้องปิดลง แล้วเราก็ไปหาอะไรกินกัน...แต่อีกมุมหนึ่งของห้อง...
ร่างสูงของคิระที่ยืนนิ่งอยู่หลังม่านกำลังหลุดยิ้มออกมาอย่างพอใจ หลังจากได้ยินคำพูดทุกคำที่เปล่งออกมาจากปากของลูกผู้น้องอย่างเตโช คำพูด..ที่เขาไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะได้ยินเพราะอย่างที่เตโชบอก ไม่ว่าจะเป็นเขา เตโช หรือแม้แต่ท่านปู่ เราไม่ค่อยพูดเรื่องพวกนี้กันเท่าไหร่ และที่คิระต้องมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะพี่สะใภ้จอมวางแผน ที่บังเอิญเจอกันเมื่อกี๊ลากให้เขามาหลบอยู่หลังม่านอย่างตอนนี้นี่ไง…ย้อนกลับไปครึ่งชั่วโมงก่อน…
คิระที่หลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายเดินเข้ามาในห้องๆนี้และล้างเนื้อล้างตัวอย่างลวกๆ เพราะมันเต็มไปด้วยรอยเลือดใครต่อใครอย่างกับเพิ่งผ่านสงครามมาไม่มีผิด พอจัดการตัวเองเสร็จและกำลังจะเดินออกไป ร่างเล็กของโมเน่ต์ก็เปิดประตูเข้ามา เขาเองที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตาก็เลยเอ่ยปากทักไปและเธอก็ตอบกลับมาแบบไม่ถือตัวอะไร “ไง...” “อื้อ ไม่เจอกันนาน ปรุงก๋วยเตี๋ยวเป็นยัง?” โมเน่ต์หยุดอยู่ตรงหน้าคิระและถามออกไปแบบขำๆ เขาเลยหลุดยิ้มบางๆ และตอบกลับไปทันควัน “ถ้าบอกว่ายังจะปรุงให้?” แล้วร่างเล็กตรงหน้าก็ส่ายหัวพร้อมกับทำหน้ากวนๆ กลับมา.. “ก็ไม่อยู่ดี” “หึ..คิดว่าจะใจดี” พอพูดจบเขาก็เดินเลี่ยงออกมา แต่กลับถูกมือเล็กคว้าไว้จนต้องหันกลับไปมอง หมับ! “เดี๋ยวคิระ” “ว่า?” ท่าทางของโมเน่ต์ที่เขาเห็นในตอนนั้นกำลังหันซ้ายหันขวาและทำหน้าเหมือนใช้ความคิด ก่อนที่คนตัวเล็กจะทำเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก แล้วอยู่ๆ โมเน่ต์ก็ออกแรงลากเขาตรงมาที่ผ้าม่านผืนใหญ่ ก่อนจะดันตัวเขาเข้าไปหลบข้างใน แล้วทำหน้าตาจริงจังออกมา “ชู่ว.. เงียบไว้ ห้ามส่งเสียงนะ ห้ามออกมาด้วย!” นั่นแหละนะ พี่สะใภ้ตัวแสบ.. ถึงตอนนี้เขารู้แล้วแหละว่าทำไม.. ทำไมต้องเป็นพี่สะใภ้คนนี้..ที่พี่ชายเขาเลือก :) เพราะโมเน่ต์ไม่เหมือนใคร ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด และรู้ทันเตโชยิ่งกว่าใคร เข้าใจในความเป็นเตโชท่ามกลางความเงียบที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ไม่เกรงกลัวที่จะอยู่กลางวงล้อมของเรื่องวุ่นวาย เหมือนกับที่ท่านย่าเคยบอกเอาไว้... ถ้าเจอกับใครแล้วรู้สึกว่าใช่..จะเร็วจะช้ายังไง ให้รับรู้ด้วยหัวใจว่าคนนี้นี่แหละ คือ Leader’s Wife ♥ เพราะ Leader คือกำลัง Leader’s Wife คือหัวใจ และสมอง :) เมื่อหัวใจแข็งแกร่ง.. เมื่อสมองปราดเปรื่อง สามารถแก้ไขทุกปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้.. Leader จะวางใจ เชื่อใจ และผนึกกำลังกับ Leader’s Wife เป็นคู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ เป็นผู้นำที่ปกครอง Member ทั้งหลายให้มีความสุข..ภายใต้ความรักที่พวกเขามีให้กัน เหมือนกับเตโช โมเน่ต์ และเจ้าตัวเล็กในตอนนี้..ที่ร่วมกันเปลี่ยนแปลง Dark Shadow และบัญญัติสิ่งต่างๆ ขึ้นใหม่ ปรับเปลี่ยนสถาบันครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนที่หวังดีประสงค์ร้าย ให้กลายเป็นสถาบันครอบครัวใหม่..ที่จะมีแต่ความอบอุ่นไปตลอดกาล :)…END ♥
หลังจากประทับตราเสร็จ ติณณ์ก็ให้ฉันเข้ามารอเขาในห้องๆ หนึ่ง ก่อนจะเดินแยกไปทำธุระแล้วตามเข้ามาทีหลัง พอติณณ์เดินมาทิ้งตัวลงทั้งข้างฉันปุ๊บ ฉันเลยถามถึงเรื่องวันนี้ออกไปอย่างสงสัยทันที“ถามได้มั้ย? ติณณ์รู้ได้ยังไงว่าสภากฎ....”“ท่านปู่บอก”ฉันยังพูดไม่ทันจบติณณ์ก็ตอบกลับมาอย่างรู้ทัน คำถามนี้ฉันว่าใครๆ ก็สงสัยอ่ะ เพราะดูเหมือนเขาจะมารู้เรื่องนี้ทีหลังเหมือนกัน ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่เสียเวลาทะเลาะกับคิระตั้งนานหรอก จริงมั้ย…“แล้ว..ท่านปู่ได้บอกมั้ยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”ฉันทำหน้าสงสัยออกไปเพราะลึกๆ ก็อยากรู้... มันจะด้วยเหตุผลอะไรกันนะ ถึงทำให้สภากฎที่ดูจะน่าเคารพนับถือทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่ Make sense เอาซะเลยแฮะ แล้วติณณ์ก็พยักหน้าและเริ่มเล่าเรื่องที่ได้รับฟังจากท่านปู่ออกมา“แม่ติณณ์ไปรู้มา..ว่าสภากฎจะยึดอำนาจ Dark Shadow เลยจำเป็นต้องกำจัดทายาททุกคนเพื่อให้ไม่มี Leader อีกต่อไป ซึ่งตอนนั้นว่าที่ Leader และ Leader’s Wife คือพ่อแม่ติณณ์และลุงกับป้า ...หรือพ่อแม่คิระ”พรึ่บบบ!พูดจบติณณ์ก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันอุ้มขึ้นไปนั่งตักเขาเบาๆ แล้วมุดหน้าของเขาลงมาใช้คางเกยไหล่ฉันเอาไว้“ท่
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!“.....”เสียงปืนดังสนั่นอยู่นานกว่าจะหยุด ฉันเลยใช้จังหวะนี้คว้ามือเลโอออก ก่อนจะหันไปเห็นโศกนาฏกรรมที่ทั้งติณณ์และคิระที่น่าจะเพิ่งเข้าใจอะไร กราดกระสุนรัวใส่ตัวแทนสภาฯ จนไม่หลงเหลือลมหายใจ แถมเลือดสีแดงฉานยังเปื้อนไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้น แล้วเลโอก็รีบยื่นมือมาจะปิดตาฉันอีกแต่ยังคว้ามือเขาเอาไว้ และพูดออกไปเสียงเรียบหมับ!“นั่นติณณ์นะเลย์…”ฉันพูดออกไปพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของเลโออย่างต้องการให้เขาเข้าใจ คือภาพตรงหน้ามันน่ากลัวน่ะใช่ แต่นั่นติณณ์ไง! จะให้ฟังแต่เสียงโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไงก็ใช่เรื่อง!พอฉันพูดจบเลโอก็พยักหน้าแล้วยอมเอามือออกทั้งที่ยังส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ แถมยังไม่ยอมถอยออกห่างจากฉันแม้แต่ก้าวเดียวแล้วอยู่ๆ Member กว่าครึ่งหอประชุมที่ไม่เห็นด้วยกับการพิพากษาที่ดูจะป่าเถื่อนแบบนั้น ก็ถึงกับวิ่งวุ่นลงมาและคว้าปืนขึ้นมาจ่อไปที่ติณณ์และคิระแบบไม่เกรงกลัวอะไร เท่าที่ดูคนพวกนั้นน่าจะเคารพในอำนาจของสภาฯ กันมากมายแบบที่ยอมตายแทนได้เลยด้วยซ้ำ“ไอ้พวกสวะ!”เสียงผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวขึ้นเหมือนตั้งตัวเป็นอร
@ DARK SHADOW CASTLE (JAPAN)ผลัวะ!เสียงฝ่ามือของรันเวย์กระทบเข้าที่หัวของติณณ์อย่างแรงพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดหลังจากที่รู้ข่าวว่าฉันท้อง ตามมาด้วยเสียงบ่นอุบอิบอย่างเอาแต่ใจจน Nightshade คนอื่นๆ ถึงกับส่ายหน้าให้กับความพาลหาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปทั่วของพ่อลูกอ่อนขี้เหวี่ยงตรงหน้าฉัน“ไวนัก! ไม่ต้องเสือกคลอดก่อนล่ะ”พูดจบรันเวย์ก็ถลึงตาใส่ติณณ์ คือต้องใช้คำนี้จริงๆ อ่ะ เขาถลึงตาแบบจริงจังมาก! เดี๋ยวนี้หมอนี่อาการหนักน่าดู คือกลัวขั้นสุด กลัวว่าลูกตัวเองจะเป็นน้อง ซึ่งมันตลกชะมัด!“หึ..ก็ไม่แน่”แล้วติณณ์ก็ตอบกลับไปแบบกวนๆ จนรันเวย์ยิ่งหงุดหงิดหนัก เดินไปตบหัวบรรดาพ่อลูกอ่อน Nightshade ทั้งหมดแบบเรียงตัวอีกทีอย่างหมั่นเขี้ยวผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!“ไอ้พวกเวร!”เขาบ่นอุบอิบออกมาแบบพาลๆ แล้วเดินกลับมานั่งหน้าบูดต่อจนเจด้าถึงกับออกอาการเอือมๆแต่ก็แอบขำในท่าทางนั้น แล้วติณณ์ก็ยังไม่วาย..พูดออกมาแบบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกครั้ง แถมยังลอยหน้าลอยตาใส่รันเวย์อย่างอารมณ์ดีว่าใครในตอนนี้“เห็นแก่เพื่อนเหอะ ให้ลูกกูเป็นพี่”พอติณณ์พูดจบเท่านั้นแหละ รันเวย์ก็ชี้หน้าติณณ์กลับมาแบบเกรี้ยวกราดมาก แล้วโพล่งออกม
“อีกทีได้นะติณณ์..แต่มิณท้องเพิ่มไม่ได้แล้ว :)"พอฉันพูดจบติณณ์ก็ทำหน้าอึ้งออกมาแบบเห็นได้ชัด แล้วถอดท่อนเอ็นของเขาออกจากร่างกายของฉันแบบรีบร้อนและตกใจ“พูดใหม่มิณ.. พูดอีกที”ติณณ์จ้องหน้าฉันและพูดซ้ำๆ อย่างคาดหวังในคำตอบ แม้เขาจะดูตกใจมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ดูตื่นเต้นมากจนฉันหลุดยิ้มให้กับท่าทางนั้น และชี้นิ้วไปที่ติณณ์ช้าๆ“...นี่พ่อ”ก่อนจะย้อนกลับมาชี้ตัวฉัน…“...นี่แม่”และจบลงด้วยการชี้ไปที่หน้าท้องแบนราบของตัวเองที่ด้านในมีบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้น โดยที่ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ตัว ซึ่งเขาก็มองมาอย่างตั้งใจฟัง“นี่ลูก”“หึ...”พรึ่บบบ!พอฉันพูดจบติณณ์ก็ทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็วและกอดฉันไว้แน่นมาก แถมยังมุดหน้าหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างดีใจ จนฉันอดแซวทั้งที่ยังขำกับท่าทางแบบนั้นไม่ได้ >__มัวแต่ดีใจ คิ
พรึ่บบบ พลั่กกก “อื้อออ~”ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องน้ำ ติณณ์ก็วางร่างฉันลงแล้วดันตัวฉันให้ถอยไปติดกับผนังห้องน้ำอย่างรีบร้อน ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดน้ำฝักบัว และประกบริมฝีปากของเขาลงมาอย่างรวดเร็วและร้อนแรงผ่านม่านน้ำจากฝักบัวตรงหน้าติณณ์แทรกลิ้นของเขาเข้ามาไล่ต้อนลิ้นฉันอย่างช่ำชอง พร้อมกับกระชากเสื้อผ้าของฉันจนขาดวิ่นหลุดติดมือ แล้วโยนมันออกไปแบบสนใจทิศทางใดๆ สักพักเขาก็ผละจูบออกแล้วโน้มตัวลงมาทิ้งรอยมากมายบนตัวฉันในพริบตา“อื้อออ อ๊ะ!”ฉันร้องครางออกไปอย่างเสียวซ่านกับสัมผัสที่ติณณ์มอบให้ และเลื่อนมือไปขยำกลุ่มผมของติณณ์เอาไว้อย่างระบายอารมณ์ พร้อมกับเงยหน้ารับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ…แล้วติณณ์ก็เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากอบกุมหน้าอกของฉันเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ บีบเคล้นมันเบาๆ จนแรงขึ้น..แรงขึ้นตามลำดับ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายฉัน จนฉันเคลิบเคลิ้มล่องลอยตามรสสัมผัสของเขาไปอย่างกู่ไม่กลับ“อย่าอ่อยบ่อยได้มั้ย…”ติณณ์พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับหายใจถี่ขึ้นตามระดับความรุนแรงของการกระทำ และเลื่อนมือไปปลดกระดุมกางเกงตัวเองอย่างรีบร้อน แต่ฉันกลับปัดมือเขาออกแล้วเป็นฝ่ายปล
::: TECHO :::หลังจากเสร็จภารกิจทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน รวมถึงผมกับมิณที่กำลังขับรถกลับคอนโด ส่วนเรื่องคำพิพากษาไอ้คิระกับคำอธิบายเรื่องข้อตกลงของ Emergency Privilege ทั้งของผมและมิณ จะมีการเรียกประชุม Member ทั้งหมดที่ Dark Shadow Castle (JAPAN) ในอีกสองวัน ซึ่งก็จะตรงกับวันสถาปนาพอดี และ Nightshade ที่มีเอี่ยวด้วยวันนี้จะต้องไปฟังคำพิพากษาร่วมกันทั้งหมด“ยิ้มไรคนเดียว”พอหันไปเห็นใบหน้าเล็กกำลังนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีและดูจะแฮปปี้เกินเรื่องไปหน่อยทั้งที่วันนี้เจอเรื่องหนักหนาสาหัสขนาดนั้น ผมเลยถามออกไปแบบงงๆ ในท่าทางที่แปลกไป แล้วมิณก็ตอบกลับมา“เปล่าหนิ”ใบหน้าเล็กทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ดูจะปกปิดรอยยิ้มในแววตานั่นไม่มิด หน้าผมมีไรติดหรอวะ -.-? หรือมิณไปกินไรผิดมาตั้งแต่ที่เกาะละ วันนี้เมียแลอารมณ์ดีจัด“มีไรบอกมา”ผมส่งเสียงเข้มออกไป แล้วเอามือไปยีหัวมิณซ้ำๆ อยู่หลายที หึ..เกือบจะไม่ได้กลับมาเห็นรอยยิ้มแบบนี้แล้วมั้ยกู มีเมียเก่งแม่งโคตรน่าภูมิใจ เปิดใช้คำขอทีเล่นเอาตัวแทนสภากฎเหวอไปเลย บอกตามตรงใจผมตอนนั้นแม่งกระตุกวูบ เวลามิณทำอะไรแม่งเหนือความคาดหมายของผมตลอด แล้วมิณก