ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! “.....” เสียงปืนดังสนั่นอยู่นานกว่าจะหยุด ฉันเลยใช้จังหวะนี้คว้ามือเลโอออก ก่อนจะหันไปเห็นโศกนาฏกรรมที่ทั้งติณณ์และคิระที่น่าจะเพิ่งเข้าใจอะไร กราดกระสุนรัวใส่ตัวแทนสภาฯ จนไม่หลงเหลือลมหายใจ แถมเลือดสีแดงฉานยังเปื้อนไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้น แล้วเลโอก็รีบยื่นมือมาจะปิดตาฉันอีกแต่ยังคว้ามือเขาเอาไว้ และพูดออกไปเสียงเรียบ หมับ! “นั่นติณณ์นะเลย์…” ฉันพูดออกไปพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของเลโออย่างต้องการให้เขาเข้าใจ คือภาพตรงหน้ามันน่ากลัวน่ะใช่ แต่นั่นติณณ์ไง! จะให้ฟังแต่เสียงโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไงก็ใช่เรื่อง! พอฉันพูดจบเลโอก็พยักหน้าแล้วยอมเอามือออกทั้งที่ยังส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ แถมยังไม่ยอมถอยออกห่างจากฉันแม้แต่ก้าวเดียว แล้วอยู่ๆ Member กว่าครึ่งหอประชุมที่ไม่เห็นด้วยกับการพิพากษาที่ดูจะป่าเถื่อนแบบนั้น ก็ถึงกับวิ่งวุ่นลงมาและคว้าปืนขึ้นมาจ่อไปที่ติณณ์และคิระแบบไม่เกรงกลัวอะไร เท่าที่ดูคนพวกนั้นน่าจะเคารพในอำนาจของสภาฯ กันมากมายแบบที่ยอมตายแทนได้เลยด้วยซ้ำ “ไอ้พวกสวะ!” เสียงผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวขึ้นเหมือนตั้งตัวเป็นอริกับติณณ์และคิระทันที แล้วบรรดาลูกน้องของติณณ์ก็วิ่งเข้าไปล้อมกลุ่มคนที่จ่อปืนใส่ผู้เป็นนายของเขาอย่างรีบร้อนเพื่อปกป้อง แต่เมื่อนับจากจำนวนคนแล้ว คนของติณณ์ที่อยู่บริเวณพื้นที่พิพากษาก็มีน้อยกว่าจนเห็นได้ชัดเพราะบางส่วนกระจายตัวไปอยู่รอบบริเวณหอประชุมตอนปิดกั้นทางหนีของตัวแทนสภาฯ ภาพตรงหน้าในตอนนี้สำหรับฉันมันทำให้นึกเป็นห่วงติณณ์ยิ่งกว่าอะไร แต่กลับกัน.. ติณณ์ที่อยู่ในวงล้อมของกระบอกปืนพวกนั้นกลับยังทำเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรซะอย่างงั้น แล้วอยู่ๆ พายุก็โพล่งขึ้นไปเสียงดัง ขัดจังหวะกลุ่มคนในวงล้อมนั้นด้วยน้ำเสียงยียวนจนแม้แต่ฉันเองก็ต้องละสายตาหันไปมอง “Well Well… กับ Dark Shadow คนที่แหกกฎจะถูกตราหน้าว่าเป็นพวกสวะ...?!” พายุพูดมันออกมาแบบทีเล่นทีจริงด้วยคำพูดติดปากของติณณ์ แล้วทำท่าพยักหน้าเข้าใจแบบกวนๆ ออกไป.. ไอ้คำพูดแบบนั้นดูเหมือนเขากำลังจงใจตั้งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แถมยังจ้องหน้าผู้อาวุโสท่านนั้นด้วยแววตานิ่งเรียบท่ามกลางความเงียบในหอประชุมจนคนอื่นๆ ต้องหันไปมอง “หึ..” แล้วอยู่ๆ พายุก็กระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ ก่อนจะพูดต่อออกมาอีกครั้งด้วยระดับเสียงที่ดังและทรงพลังมากกว่านั้น “แต่กับ Nightshade! คนที่ไม่เห็นความสำคัญของครอบครัวน่ะ.. เลวยิ่งกว่าสวะซะอีก!!!” พรึ่บบบ! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! สิ้นสุดคำพูดของพายุ ทุกอย่างก็เกิดแบบรวดเร็วจนฉันมองตามแทบไม่ทัน... อยู่ๆ Nightshade ทุกคนก็ลุกพรวดแล้วคว้าปืนที่อยู่ใต้โต๊ะตรงที่นั่งของตัวเองขึ้นมา ทั้งที่ยังใช้แขนอีกข้างโอบและปิดหูปิดตาบรรดา Nightshade’s Lady เอาไว้ แล้วทั้งรันเวย์ เลโอ วาโย และพายุก็จ่อปลายกระบอกปืนไปตรงพื้นที่ตัดสินที่กำลังวุ่นวายแบบไม่ลังเลอะไร ก่อนที่พวกเขาจะกราดกระสุนยิงลงไปท่ามกลางความวุ่นวายนั้นทันที ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! จากการกระทำของ Nightshade ทำให้ Member ที่ละสายตามามองพายุพลาดท่าโดนยิงร่วงลงไปทันตา ส่วนติณณ์กับคิระที่เหมือนจะรู้ทันจังหวะนั้นก็กราดกระสุนใส่คนที่เหลือไปมาจนเหตุการณ์ข้างล่างวุ่นวายไปหมด มีทั้งคนบาดเจ็บและล้มตายกันเกลื่อนจนฉันเอามือปิดปากมองภาพติณณ์ที่กำลังเกรี้ยวกราดแบบเสียวสันหลังไปหมด ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนยังคงดังต่อเนื่องจนมาจบที่กระสุนนัดสุดท้ายของติณณ์ ที่ยิงเจาะเข้าไปตัดขั้วใจของผู้อาวุโสท่านนั้นจนร่วงลงกับพื้นไปอย่างช้าๆ พร้อมกับคำพูดที่ดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรตามเคยของเขา ซึ่งมันขัดกับสีหน้าและการกระทำที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปเมื่อกี๊จนฉันตามอารมณ์ไม่ทัน “เวรจริงๆ สั่งสอนน้องกูยังไง ให้เหี้ยได้ขนาดนี้” พรึ่บบบ!!! แล้วทั้งติณณ์และคิระก็หันมาเผชิญหน้ากัน แถมต่างฝ่ายต่างก็จ่อปืนในมือเข้าหากันด้วยสีหน้านิ่งเรียบจนคนรอบข้างออกอาการตกใจ “หึ...” คิระแสยะยิ้มออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไร เช่นเดียวกับติณณ์ที่มองไปด้วยสายตานิ่งเรียบและไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาเหมือนกัน แล้วคิระในท่าทางสุขุมแบบนั้นก็พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้าง จนท่านปู่ที่มองลงไปถึงกับหลุดยิ้มในประโยคที่เอาแต่ใจนั้น “สามนาทีแล้วไง กูจะเป็นพี่ใครจะทำไม?!” “หึ..ก็ไม่สำนึก” พรึ่บบบ! แล้วทั้งติณณ์และคิระก็ลดปืนในมือลงและหลุดขำออกมาเบาๆ ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรเกิดขึ้นมาก่อน จนฉันเองก็แอบสงสัยว่าในรอยยิ้มนั้นจะมีวันที่ลุกขึ้นมาฆ่าฟันกันได้อีกมั้ย ..แต่ก็ไม่ แม้จะไม่ได้หวานซึ้งอะไร แต่แววตาที่มองกันในตอนนี้มันดูเป็นมิตรไม่ใช่เป็นศัตรูเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว พอสถานการณ์วุ่นวายถูกเคลียร์จนจบ ท่านปู่ที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกช่วงจังหวะ ก็ลุกขึ้นประกาศกร้าวท่ามกลางพื้นที่พิพากษาที่นองเลือดอยู่ในตอนนี้ แล้วเหล่า Member ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันและก้มหน้ารับฟังอย่างพร้อมเพรียง “Dark Shadow Member ทุกคนจงฟัง! ในนามของ Dark Shadow’s Leader วาระปัจจุบัน ขอปรับเปลี่ยนอำนาจบังคับบัญชาให้ในวาระถัดไปนี้ Dark Shadow’s Leader คือ ติณณวัชร์ ภัทรเดชา!” “รับทราบ!” พอท่านปู่พูดจบบรรดา Member ก็ขานรับออกมาเสียงดังฟังชัด แล้วท่านปู่ก็มองมาที่ฉันและพูดต่อ… “Leader’s Wife.. คือ มิณรฎา ภัทรเดชา!” ได้ยินแบบนั้นฉันลุกพรวดขึ้นมาทันทีแม้จะไม่ค่อยเข้าใจธรรมเนียมอะไร แล้วเหล่า Member ก็ขานรับออกมาอีกโดยไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาฉันแม้แต่คนเดียว “รับทราบ!” “และเมื่อไม่มีสภากฎ ก็ไม่มีข้อกำหนดใดๆ...” “.....” สิ้นสุดเสียง Member ท่านปู่ก็พูดออกมาอีกด้วยประโยคที่ฟังดูแล้วยังไม่มีใครเข้าใจอะไร ทั้งหอประชุมเลยมีเพียงความเงียบเข้าครอบงำ แต่หลังจากนั้นไม่ถึงนาทีทั้งหอประชุมก็กึกก้องไปด้วยเสียงประกาศกร้าวของท่านปู่อีกครั้ง “ประกาศแต่งตั้งตำแหน่งใหม่! ให้อคิราห์ ภัทรเดชา รักษาการเป็น Sub Leader ในวาระถัดไป! โดยมีอำนาจควบคุมเทียบเท่า Leader และ Leader’s Wife แต่อำนาจการตัดสินใจให้ผ่านการพิจารณาจาก ติณณวัชร์ ภัทรเดชา ตามเงื่อนไข Emergency Privilege เพียงผู้เดียว...โดยไม่มีข้อแม้ใด!!!” หลังจบประโยคยาวเหยียดที่เต็มไปด้วยอำนาจการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการนั้น คิระที่ได้ฟังก็ถึงกับเงยหน้าขึ้นไปมองท่านปู่อย่างไม่เข้าใจ แต่ท่านปู่ก็จ้องไปที่เขาด้วยสีหน้าปกติ และไม่มีคำอธิบายใดๆ นอกจากตัดบทไปและทำเป็นไม่สนใจเหมือนเดิม “ทุกการเปลี่ยนแปลงที่กล่าวมานี้ให้มีผลบังคับใช้ทันที นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป!” “รับทราบ!!!” หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายผ่านไป ติณณ์ก็พาฉันเดินเข้ามาในห้องห้องหนึ่งที่มีบอดี้การ์ดหญิงมากมายที่ยืนก้มหน้าเรียงแถวกันเอาไว้ ซึ่งติณณ์บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วแหละว่านอกจากพิพากษาความผิดของคิระวันนี้ ฉันยังต้องเจอกับอะไรอีก การประทับตราของ Leader’s Wife ไงล่ะ.. ที่จริงการประทับตราก็คือ.. การมี ‘รอยสักเฉพาะ’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Dark Shadow อยู่บนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายและจากที่ฉันอ่านใน Commandment มา... ถ้าเป็น Member จะถูกประทับตรานี้ไว้ที่หัวไหล่ข้างขวา ถ้าเป็น Leader หรือว่าที่ Leader จะถูกประทับตรานี้ไว้ที่อกข้างซ้าย แต่ในกรณีของ Leader’s Wife จะให้สิทธิ์เลือกตำแหน่งประทับตราได้เองตามความเหมาะสม “อยากประทับตรงไหน?” ติณณ์หันมาถามฉันเสียงเรียบ ฉันเลยยืนนึกอยู่สักพักแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้.. “ติณณ์เลือกให้ได้มั้ย” ฉันพูดออกไปอย่างขอความเห็น แล้วเขาก็มองมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มข้อมูลที่เป็นประวัติการประทับตราของ Member คนอื่นๆ ออกมาเปิดดูช้าๆ และหยุดอยู่ที่หน้าๆ หนึ่งอย่างพิจารณา... สักพักติณณ์ก็วางแฟ้มในมือลงและเอื้อมแขนมาจับไหล่ฉันให้หมุนตัวกลับหลังหันช้าๆ ก่อนจะรวบผมที่ปรกต้นคอของฉันขึ้นแล้วใช้นิ้วมือของเขาลูบมาที่ต้นคอตรงท้ายทอยของฉันอย่างเบามือ “ตรงนี้มั้ย..ที่เดียวกับแม่ติณณ์” น้ำเสียงอบอุ่นถามออกมาอย่างแผ่วเบา พอได้ฟังแบบนั้นฉันก็พยักหน้าออกไปทันทีแบบไม่คิดอะไร หลังคอก็ดีเหมือนกันดูไม่เลอะดี แถมยังมีไอดอลคนที่ประทับตราตำแหน่งนี้เป็นแม่ของเขาเชียว :) “อื้ม..งั้นเอาตรงนี้เลย” แล้วการประทับตราก็เริ่มต้นขึ้น แม้จะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ติณณ์ก็อยู่เพื่อนฉันจนประทับตราเสร็จ แต่จะว่าไปแอบเจ็บเหมือนกันนะเนี่ยขนาดของฉันแค่รอยเล็กๆ เอง -_- พอไปนึกถึงตราประทับของติณณ์แล้วเจ็บแทนเลย แต่ก็ยังดีที่ติณณ์กอดฉันไว้ตลอดจนเหล่าบอดี้การ์ดสาวๆ แอบยิ้มกรุ้มกริ่มกันใหญ่ ส่วนเขาก็ทำหน้านิ่งๆ ไม่พูดอะไร เอาแต่ถามว่าเจ็บมั้ยคำเดียวซ้ำๆ ..น่ารักซะไม่มี :)หลังจากประทับตราเสร็จ ติณณ์ก็ให้ฉันเข้ามารอเขาในห้องๆ หนึ่ง ก่อนจะเดินแยกไปทำธุระแล้วตามเข้ามาทีหลัง พอติณณ์เดินมาทิ้งตัวลงทั้งข้างฉันปุ๊บ ฉันเลยถามถึงเรื่องวันนี้ออกไปอย่างสงสัยทันที“ถามได้มั้ย? ติณณ์รู้ได้ยังไงว่าสภากฎ....”“ท่านปู่บอก”ฉันยังพูดไม่ทันจบติณณ์ก็ตอบกลับมาอย่างรู้ทัน คำถามนี้ฉันว่าใครๆ ก็สงสัยอ่ะ เพราะดูเหมือนเขาจะมารู้เรื่องนี้ทีหลังเหมือนกัน ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่เสียเวลาทะเลาะกับคิระตั้งนานหรอก จริงมั้ย…“แล้ว..ท่านปู่ได้บอกมั้ยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”ฉันทำหน้าสงสัยออกไปเพราะลึกๆ ก็อยากรู้... มันจะด้วยเหตุผลอะไรกันนะ ถึงทำให้สภากฎที่ดูจะน่าเคารพนับถือทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่ Make sense เอาซะเลยแฮะ แล้วติณณ์ก็พยักหน้าและเริ่มเล่าเรื่องที่ได้รับฟังจากท่านปู่ออกมา“แม่ติณณ์ไปรู้มา..ว่าสภากฎจะยึดอำนาจ Dark Shadow เลยจำเป็นต้องกำจัดทายาททุกคนเพื่อให้ไม่มี Leader อีกต่อไป ซึ่งตอนนั้นว่าที่ Leader และ Leader’s Wife คือพ่อแม่ติณณ์และลุงกับป้า ...หรือพ่อแม่คิระ”พรึ่บบบ!พูดจบติณณ์ก็เอื้อมแขนมาคว้าเอวฉันอุ้มขึ้นไปนั่งตักเขาเบาๆ แล้วมุดหน้าของเขาลงมาใช้คางเกยไหล่ฉันเอาไว้“ท่
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!“.....”เสียงปืนดังสนั่นอยู่นานกว่าจะหยุด ฉันเลยใช้จังหวะนี้คว้ามือเลโอออก ก่อนจะหันไปเห็นโศกนาฏกรรมที่ทั้งติณณ์และคิระที่น่าจะเพิ่งเข้าใจอะไร กราดกระสุนรัวใส่ตัวแทนสภาฯ จนไม่หลงเหลือลมหายใจ แถมเลือดสีแดงฉานยังเปื้อนไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้น แล้วเลโอก็รีบยื่นมือมาจะปิดตาฉันอีกแต่ยังคว้ามือเขาเอาไว้ และพูดออกไปเสียงเรียบหมับ!“นั่นติณณ์นะเลย์…”ฉันพูดออกไปพร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของเลโออย่างต้องการให้เขาเข้าใจ คือภาพตรงหน้ามันน่ากลัวน่ะใช่ แต่นั่นติณณ์ไง! จะให้ฟังแต่เสียงโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไงก็ใช่เรื่อง!พอฉันพูดจบเลโอก็พยักหน้าแล้วยอมเอามือออกทั้งที่ยังส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ แถมยังไม่ยอมถอยออกห่างจากฉันแม้แต่ก้าวเดียวแล้วอยู่ๆ Member กว่าครึ่งหอประชุมที่ไม่เห็นด้วยกับการพิพากษาที่ดูจะป่าเถื่อนแบบนั้น ก็ถึงกับวิ่งวุ่นลงมาและคว้าปืนขึ้นมาจ่อไปที่ติณณ์และคิระแบบไม่เกรงกลัวอะไร เท่าที่ดูคนพวกนั้นน่าจะเคารพในอำนาจของสภาฯ กันมากมายแบบที่ยอมตายแทนได้เลยด้วยซ้ำ“ไอ้พวกสวะ!”เสียงผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวขึ้นเหมือนตั้งตัวเป็นอร
@ DARK SHADOW CASTLE (JAPAN)ผลัวะ!เสียงฝ่ามือของรันเวย์กระทบเข้าที่หัวของติณณ์อย่างแรงพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดหลังจากที่รู้ข่าวว่าฉันท้อง ตามมาด้วยเสียงบ่นอุบอิบอย่างเอาแต่ใจจน Nightshade คนอื่นๆ ถึงกับส่ายหน้าให้กับความพาลหาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปทั่วของพ่อลูกอ่อนขี้เหวี่ยงตรงหน้าฉัน“ไวนัก! ไม่ต้องเสือกคลอดก่อนล่ะ”พูดจบรันเวย์ก็ถลึงตาใส่ติณณ์ คือต้องใช้คำนี้จริงๆ อ่ะ เขาถลึงตาแบบจริงจังมาก! เดี๋ยวนี้หมอนี่อาการหนักน่าดู คือกลัวขั้นสุด กลัวว่าลูกตัวเองจะเป็นน้อง ซึ่งมันตลกชะมัด!“หึ..ก็ไม่แน่”แล้วติณณ์ก็ตอบกลับไปแบบกวนๆ จนรันเวย์ยิ่งหงุดหงิดหนัก เดินไปตบหัวบรรดาพ่อลูกอ่อน Nightshade ทั้งหมดแบบเรียงตัวอีกทีอย่างหมั่นเขี้ยวผลัวะ! ผลัวะ! ผลัวะ!“ไอ้พวกเวร!”เขาบ่นอุบอิบออกมาแบบพาลๆ แล้วเดินกลับมานั่งหน้าบูดต่อจนเจด้าถึงกับออกอาการเอือมๆแต่ก็แอบขำในท่าทางนั้น แล้วติณณ์ก็ยังไม่วาย..พูดออกมาแบบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกครั้ง แถมยังลอยหน้าลอยตาใส่รันเวย์อย่างอารมณ์ดีว่าใครในตอนนี้“เห็นแก่เพื่อนเหอะ ให้ลูกกูเป็นพี่”พอติณณ์พูดจบเท่านั้นแหละ รันเวย์ก็ชี้หน้าติณณ์กลับมาแบบเกรี้ยวกราดมาก แล้วโพล่งออกม
“อีกทีได้นะติณณ์..แต่มิณท้องเพิ่มไม่ได้แล้ว :)"พอฉันพูดจบติณณ์ก็ทำหน้าอึ้งออกมาแบบเห็นได้ชัด แล้วถอดท่อนเอ็นของเขาออกจากร่างกายของฉันแบบรีบร้อนและตกใจ“พูดใหม่มิณ.. พูดอีกที”ติณณ์จ้องหน้าฉันและพูดซ้ำๆ อย่างคาดหวังในคำตอบ แม้เขาจะดูตกใจมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ดูตื่นเต้นมากจนฉันหลุดยิ้มให้กับท่าทางนั้น และชี้นิ้วไปที่ติณณ์ช้าๆ“...นี่พ่อ”ก่อนจะย้อนกลับมาชี้ตัวฉัน…“...นี่แม่”และจบลงด้วยการชี้ไปที่หน้าท้องแบนราบของตัวเองที่ด้านในมีบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้น โดยที่ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ตัว ซึ่งเขาก็มองมาอย่างตั้งใจฟัง“นี่ลูก”“หึ...”พรึ่บบบ!พอฉันพูดจบติณณ์ก็ทิ้งตัวลงมาอย่างรวดเร็วและกอดฉันไว้แน่นมาก แถมยังมุดหน้าหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างดีใจ จนฉันอดแซวทั้งที่ยังขำกับท่าทางแบบนั้นไม่ได้ >__มัวแต่ดีใจ คิ
พรึ่บบบ พลั่กกก “อื้อออ~”ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องน้ำ ติณณ์ก็วางร่างฉันลงแล้วดันตัวฉันให้ถอยไปติดกับผนังห้องน้ำอย่างรีบร้อน ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดน้ำฝักบัว และประกบริมฝีปากของเขาลงมาอย่างรวดเร็วและร้อนแรงผ่านม่านน้ำจากฝักบัวตรงหน้าติณณ์แทรกลิ้นของเขาเข้ามาไล่ต้อนลิ้นฉันอย่างช่ำชอง พร้อมกับกระชากเสื้อผ้าของฉันจนขาดวิ่นหลุดติดมือ แล้วโยนมันออกไปแบบสนใจทิศทางใดๆ สักพักเขาก็ผละจูบออกแล้วโน้มตัวลงมาทิ้งรอยมากมายบนตัวฉันในพริบตา“อื้อออ อ๊ะ!”ฉันร้องครางออกไปอย่างเสียวซ่านกับสัมผัสที่ติณณ์มอบให้ และเลื่อนมือไปขยำกลุ่มผมของติณณ์เอาไว้อย่างระบายอารมณ์ พร้อมกับเงยหน้ารับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจ…แล้วติณณ์ก็เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากอบกุมหน้าอกของฉันเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ บีบเคล้นมันเบาๆ จนแรงขึ้น..แรงขึ้นตามลำดับ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายฉัน จนฉันเคลิบเคลิ้มล่องลอยตามรสสัมผัสของเขาไปอย่างกู่ไม่กลับ“อย่าอ่อยบ่อยได้มั้ย…”ติณณ์พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับหายใจถี่ขึ้นตามระดับความรุนแรงของการกระทำ และเลื่อนมือไปปลดกระดุมกางเกงตัวเองอย่างรีบร้อน แต่ฉันกลับปัดมือเขาออกแล้วเป็นฝ่ายปล
::: TECHO :::หลังจากเสร็จภารกิจทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน รวมถึงผมกับมิณที่กำลังขับรถกลับคอนโด ส่วนเรื่องคำพิพากษาไอ้คิระกับคำอธิบายเรื่องข้อตกลงของ Emergency Privilege ทั้งของผมและมิณ จะมีการเรียกประชุม Member ทั้งหมดที่ Dark Shadow Castle (JAPAN) ในอีกสองวัน ซึ่งก็จะตรงกับวันสถาปนาพอดี และ Nightshade ที่มีเอี่ยวด้วยวันนี้จะต้องไปฟังคำพิพากษาร่วมกันทั้งหมด“ยิ้มไรคนเดียว”พอหันไปเห็นใบหน้าเล็กกำลังนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีและดูจะแฮปปี้เกินเรื่องไปหน่อยทั้งที่วันนี้เจอเรื่องหนักหนาสาหัสขนาดนั้น ผมเลยถามออกไปแบบงงๆ ในท่าทางที่แปลกไป แล้วมิณก็ตอบกลับมา“เปล่าหนิ”ใบหน้าเล็กทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ดูจะปกปิดรอยยิ้มในแววตานั่นไม่มิด หน้าผมมีไรติดหรอวะ -.-? หรือมิณไปกินไรผิดมาตั้งแต่ที่เกาะละ วันนี้เมียแลอารมณ์ดีจัด“มีไรบอกมา”ผมส่งเสียงเข้มออกไป แล้วเอามือไปยีหัวมิณซ้ำๆ อยู่หลายที หึ..เกือบจะไม่ได้กลับมาเห็นรอยยิ้มแบบนี้แล้วมั้ยกู มีเมียเก่งแม่งโคตรน่าภูมิใจ เปิดใช้คำขอทีเล่นเอาตัวแทนสภากฎเหวอไปเลย บอกตามตรงใจผมตอนนั้นแม่งกระตุกวูบ เวลามิณทำอะไรแม่งเหนือความคาดหมายของผมตลอด แล้วมิณก