ปีเคออสที่ 520 ณ จุดรับงานหรือที่เรียกกันอีกอย่างว่าไข่แดง เพราะที่นี่อยู่ติดกับดินแดนมนุษย์แทบทุกที่ แต่กลับไม่มีใครเป็นเจ้าของเลย ทำให้กลายเป็นจุดแวะพักและรับงานของเหล่านักผจญภัย ซึ่งการเป็นนักผจญภัยนั้นเป็นอาชีพที่ดีสุดแล้วในยุคสมัยเคออส เพราะตั้งแต่เริ่มยุคสมัยก็เกิดความวุ่นวายทั้งจากเหล่ามนุษย์ ปีศาจ มอนเตอร์ขึ้นมา ทำให้ทางการของแต่ละประเทศควบคุมแทบจะไม่ได้ เลยทำให้อาชีพนักผจญภัยเกิดขึ้นมากมาย เพื่อรับงานเหล่านี้ คำว่านักผจญภัยเป็นการเรียกรวม ๆ จริง ๆ งานสายนี้มีหลายวิชาชีพมาก เช่น นักรบ จอมเวทย์ โดยแต่ละอารยธรรมจะต่างกัน
ที่นี่นี้เป็นแหล่งเศรษฐกิจ มีทั้งที่พัก ร้านอาหาร ขายอาวุธ ขายอุปกรณ์ต่าง ๆ และที่นี่นอกจากมนุษย์แล้วยังมีเอลฟ์ โดวาฟ อยู่ทั่วไปในดินแดน โดยรับงานนั้นจะมีเจ้าหน้าที่จากดินแดนต่าง ๆ เอาประกาศมาแปะไว้ที่ป้ายประกาศตามหน้าร้านอาหาร ที่พักต่าง ๆ ไม่ก็มีคนเข้าไปที่ในอาคารที่เรียกว่า แหล่งงานก็ได้เหมือนกัน ภายในจะมีเหมือนแหล่งพักผ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ และจะพบพวกนักผจญภัยอยู่กันเต็มไปหมด
วิธีการรับเงินนั้นมีสองวิธี คือ เดินไปหาเจ้าหน้าที่เอามือวางบนแผ่นศิลาและภาพเหตุการณ์จะปรากฏขึ้นมา ซึ่งจะโกหกไม่ได้เด็ดขาด อีกวิธีคือหาหลักฐานมาโชว์ให้ดู
เด็กสองคนเดินเข้ามาในแหล่งงานเป็นเด็กผู้ชายคนผู้หญิงคน ทั้งสองมีอายุประมาณ 12 ปี สวมเสื้อผ้าเก่า ๆ หน้าตามอมแมม แต่ถ้าล้างหน้าออกมาดี ๆ ทั้งสองคงจะดูน่ารัก ทั้งสองหน้าคล้ายกัน ปากนิด จมูกหน่อย มีดวงตาตี่ ผิวคล้ำแดด คนเด็กผู้ชายหัวโล้น แต่เธอผู้หญิงผมยาวถักเปีย จากเสื้อผ้าของเด็ก ๆ แม้มันจะเก่าและมีรอยแปะเต็มไปหมด แต่ก็บอกได้ทั้งสองเป็นชาวเทียน ทั้งสองเดินไปหาเจ้าหน้าที่
“มีอะไรเหรอหนู” เจ้าหน้าที่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“คือพวกเราอยากให้เขียนประกาศหาคนไปช่วยหมู่บ้านครับ” เด็กชายพูด เจ้าหน้าที่มองเด็กทั้งสองแล้วพูดว่า
“นี่ไม่ใช่ที่ที่เด็กจะมาเล่นนะ”
“ไม่ ๆ พวกเราพูดความจริงนะ” เด็กหญิงรีบพูด เจ้าหน้าเห็นสีหน้าและแววตาของเด็กหญิงก็เลยถอนใจแล้วถามต่อว่า
“งานแบบไหนแล้วมีค่าจ้างเท่าไหร่”
“จับพวกโจรป่าครับ แต่เราไม่มีค่าจ้างให้หรอกครับ” เด็กชายตอบ เจ้าหน้าที่ถอนใจแล้วบอกว่า
“นี่ไม่ใช่ที่จะมาล้อกันเล่น ถ้าไม่มีค่าจ้างก็ไปแจ้งทางการของอาณาจักรตัวเองสิ ! ”
“แต่พวกเราเดือดร้อนจริง ๆ นะคะ พวกเราเป็นแค่ชนกลุ่มน้อยแถมยังอยู่ไกลจากเมืองหลวงมาก กว่าทหารของอาณาจักรเทียนมาถึง พวกเราก็ตายหมดแล้ว” เด็กหญิงพูดด้วยน้ำตานองหน้า แต่เจ้าหน้าที่กลับมีสีหน้าเรียบเฉย
“โอย! ข้าฟังเรื่องแบบนี้มาบ่อยแล้ว เอางี้สิ ! ลองไปถาม ๆ พวกที่นั่งอยู่ที่นี่ว่ามีใครจะไปมั้ย” เจ้าหน้าที่บอกปัดไป
เด็กชาย เด็กหญิงพยายามไปขอความช่วยเหลือแต่ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี แน่ล่ะในยุคสมัยแบบนี้ใครจะมาอยากทำงานฟรี ๆ ล่ะ
เด็กหญิงเดินไปหาชายคนหนึ่ง เขาเป็นชายร่างอ้วน หัวล้านสวมเสื้อผ้าราคาแพงเขาน่าจะเป็นเชื้อสายกรีกซึ่งอาณาจักรเดียวที่เด็กหญิงรู้จักคือ อาณาจักอาเธน่า ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องนักรบที่มีเกียรติ จึงรีบไปขอความช่วยเหลือ แต่เธอพลาดแล้ว ชายคนนี้เป็นพ่อค้าทาสจากอาณาจักรเนปจูน อาณาจักรเนปจูนขึ้นเรื่องการค้าแทบทุกอย่างแม้แต่ทาส ซึ่งชายคนนี้มีนาม โดโนแวน กำลังเซ็ง ๆ กับสินค้างวดนี้ซึ่งได้เด็กมาน้อยเกินไป
“ขอโทษนะคะ ท่านเป็นนักผจญภัยหรือเปล่า” เด็กหญิงพยายามพูดอย่างสุภาพที่สุด โดโนแวนหันมาเขาเห็นว่าเด็กสองคนนี้ตั้งแต่เข้ามาแล้ว กำลังจะวางแผนหลอกพวกเด็ก ๆ อยู่เลย ไม่คิดเลยว่าสินค้าดี ๆ จะเดินมาเขาเอง
“ข้าไม่ใช่หรอก แม่หนู แต่ข้ามีพวกนักสู้ในสกัด เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรให้เหรอ”
“คือหมู่บ้านของเราโดนพวกโจรปล้นอยากได้คนไปช่วย ท่านช่วยเราได้มั้ย” เด็กหญิงพูด
“โธ่ ๆ น่าสงสารจริง ๆ มา ๆ ไปกับข้าสิ เดี๋ยวข้าจัดการให้” โดโนแวนพูดด้วยรอยยิ้ม เด็กน้อยก็ช่างซื่อเหลือเกิน เธอรีบร้องเรียกเด็กชาย
“พี่จาง มีคนยอมช่วยเราแล้ว” เด็กหญิงตะโกน เด็กชายวิ่งมาหาน้อง
“จริงเหรอ ตาพวกเรารอดแล้ว” จางพูดด้วยความดีใจ
โดโนแวนพาตากับจางเดินมาหากลุ่มลูกน้องของเขา อีกสามคนซึ่งแต่คนละมีรูปร่างสูงใหญ่ และท่าทางไม่ค่อยน่าไว้วางใจ และที่ที่พามาค่อนข้างลับตาคน และเห็นมีเด็กนั่งตัวสั่นอยู่ใกล้ ๆ นั่นทำให้จางรู้เลยว่าโดนหลอกแล้ว เขารีบพาน้องสาวหนี โดโนแวนให้จับตัวเอาไว้ เด็กน้อยพยายามวิ่งหนี ตาล้มลงพอดี พวกของโดโนแวนใกล้เข้ามาจางพยายามสู้แต่ก็ถูกตบกระเด็น
“จะหนีไปไหนหา อย่าทำให้ข้าเสียเวลานะโวย เด็ก ๆ แบบนี้ล่ะพวกอาณาบัดกรียะ ชอบนักล่ะ” โดโนแวนจับหน้าของตา และยิ้มอยากหื่นกระหาย แล้วพูดว่า
“ก็ใช้ได้นี่หว่า เดี๋วยต้องขอลองหน่อยแล้ว” ตากลัวจนตัวสั่น ส่วนจางนั้นพยายามจะดิ้นจากพวกนักเลงแต่สู้แรงไม่ได้
“ปล่อยเด็กไปซะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา เจ้าของเสียงเป็นผู้หญิงร่างสูงใหญ่เกือบเท่าลูกน้องของโดโนแวน กำยำล่ำสันร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้าม ผิวสีแทน ผมยาวสีแดงมัดเป็นหางม้าไว้ มีดวงตาสีดำเป็นประกาย จมูกสันเป็นคม ปากที่ค่อนข้างบางเป็นรูปกระจับ สะพายขวานเล่มหนึ่งซึ่งมันดูแล้วหนักมาก ถึงเธอจะเป็นหญิงแต่ด้วยรูปร่างแบบนี้จะใช้ขวานนี่ก็ไม่แปลกหรอก
เมื่อมาถึงหมู่บ้าน ก็พบว่าที่นี่ อาจเคยเป็นหมู่บ้านเกษตรที่ค่อนข้างใหญ่ น่าจะเป็นแหล่งส่งออกที่สำคัญ แต่ตอนนี้เห็นแต่ความเสียหายเต็มไปหมด มันทำให้รู้สึกถึงความสิ้นหวัง ทุกคนมองมาที่ซามูเอลเป็นสายตาเดียว ทุกสายตาส่องถึงความรังเกียจ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมัน เขารู้ดีเสมอว่าการเป็นนินจาต้องเจออะไรแบบนี้ตลอด ขนาดว่าคนมาจ้างงานแล้ว ทำงานสำเร็จ ก็ยังไม่วายส่งสายตาแบบนี้ “ตา จาง” เสียงผู้หญิงคนดังขึ้นมาเธอเป็นหญิงวัยสามสิบปลาย ๆ รูปร่างผอม เธอวิ่งมากอดเด็กทั้งสองเอาไว้ “พวกเจ้าหายไปไหนมา แม่เป็นห่วงแทบตาย” นางพูดเสียงสั่น ๆ ยังไม่ทันที่ตากับจางจะตอบอะไรก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา “กลับมาแล้วเหรอ ! ไปไหนไม่บอก อยากโดนตีใช่มั้ยหา !” ชายร่างอ้วนหัวล้านเดินมาด้วยความโกรธที่ ลูก ๆ ของเขาหนีไปเช่นนี้ เด็กทั้งสองแอบหลังแม่ ทำให้ผู้เป็นพ่อชะงักไป “ข้าขอโทษท่านพ่อ ข้าแค่ไปตามคนมาช่วย” ตาพูด พ่อของตาหันไปมองซามูเอลเขาก็ตกตะลึง “พวกเจ้าพานินจามางั้นเหรอ พวกเราจะซวยกันหมด” พวกชาวบ้านส่งเสียงฮือฮ่าขึ้นมา ส่วนมากจะพูดแย่ ๆ เกี่ยวกับนินจา จนซามูเอล อดที่จะคิดไม่ได้ว่า เขาควรกลับไปดีมั้ย แต่ก็พูด
ซามูเอลมองเด็ก ๆ ดวงตาสีฟ้าของเขาแม้มันจะดูเป็นประกายมีแววใจดี แต่เด็ก ๆ ก็อดที่เกรง ๆ ไม่ได้เพราะมันดูไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่“จะจ้องหน้าข้าอีกนานมั้ยเนี่ย บอกรายละเอียดของงานมาสิ” ซามูเอลถาม จางสะดุ้งแล้วพูดว่า“หมู่บ้านของเราโดนโจรปล้นครับ มาเรื่อย ๆ พวกเราจะไม่มีอะไรกินอยู่แล้ว” “เจ้าเป็นชาวเทียนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่แจ้งทางการ ทหารของเทียนน่าจัดการกับโจรได้นี่” ซามูเอลถาม จางเริ่มไม่พอใจ และพูดว่า “ก็พวกเราเป็นชนกลุ่มน้อย อีกอย่างหนึ่งพวกเราอยู่ห่างกับเมืองหลวงมาก กว่าจะมาถึงก็ตายหมดแล้ว ทำไมต้องถามแบบเดิมซ้ำด้วย” “นี่อย่ามาใช้อารมณ์กับข้า เรายังไม่ตกลงจ้างงานกัน อีกอย่างข้าจะไปรู้เหรอ เจ้าเจออะไรมาบ้าง” ซามูเอล พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อ ๆ จางเงียบ มิก้าเลยพูดว่า “ตกลงเจ้าจะช่วยมั้ย มันเสียเวลานะเนี่ย” “นี่ข้าต้องถามรายละเอียดงานก่อนสิ จะได้ตัดสินใจถูก เอาล่ะ ไอ้โจรที่ว่าเป็นมนุษย์หรือเปล่า” ซามูเอลถาม จางนิ่งไปเขาไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่ามิก้าจะเปลี่ยนใจไม่ช่วย แต่ตากลับรีบพูดว่า“มันเป็นพวกเอลฟ์ค่ะ และก็มีโทรลผัวเมียตามมาด้วย” มิก้ากับซามูเอลไม่ได้ตกใจมาก เพราะสำหรับคน
“อย่ามายุ่งนะเว้ย !” โดโนแวนตะโกนขู่ แม้ใจจะหวั่น ๆ เพราะเขาดูออกเลยว่านางเป็นนักผจญภัย แน่ ๆ แต่มาคิดอีกทีเขามีลูกน้องตั้งสามคนนะ จะกลัวทำไม“ปล่อยเด็กซะ ! อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ” หญิงสาวผมแดงพูด“เฮ้ย ! อีนี่พูดไม่รู้เรื่องเว้ย สั่งสอนมันหน่อยเว้ย !” โดโนแวนสั่ง พวกนักเลงสามคนเดินมาหานางพร้อมกับกระบองเหล็ก นางมองไปที่ขวานแล้วพูดว่า“คงไม่ต้องใช้หรอก” พูดจบนางก็เดินเขาไปโดยไม่ได้หวาดกลัวเลย วิ่งพุ่งไปกางแขนทั้งสองข้างกระแทกลูกน้องโดโนแวนลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว พวกมันเลือดกบปากและรีบลุกขึ้นมาเหวี่ยงกระบองมาแต่สาวผมแดงหลบได้ และจับแขนของมัน เสียงกระดูกหักพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แขนของมันหักไปแล้วอีกคนกำลังจะเล่นงานเธอ แต่ถูกเธอจับร่างอีกฝ่ายและทุ่มข้ามหัวไปกระแทกพื้นอย่างแรงจนมันสลบ แต่ยังมีอีกคนหนึ่งกำลังจะเล่นงานเธอจากด้านหลัง มีหินก้อนหนึ่งลอยโดนมันเข้าที่ดั้งจมูกทำให้เลือดไหลอาบหน้ามัน สาวผมแดงชกมันซ้ำทำให้สลบไป โดโนแวนหน้าซีดเผือดเขารีบวิ่งหนีไปดื้อ ๆ เพราะไม่กล้าสู้กับเธอ“ให้ตายสิ! นี่มันยังเป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย” เธอตัดเชือกให้เหล่าเด็ก ๆ และบอกให้ รีบหนีไป จางกับต
ปีเคออสที่ 520 ณ จุดรับงานหรือที่เรียกกันอีกอย่างว่าไข่แดง เพราะที่นี่อยู่ติดกับดินแดนมนุษย์แทบทุกที่ แต่กลับไม่มีใครเป็นเจ้าของเลย ทำให้กลายเป็นจุดแวะพักและรับงานของเหล่านักผจญภัย ซึ่งการเป็นนักผจญภัยนั้นเป็นอาชีพที่ดีสุดแล้วในยุคสมัยเคออส เพราะตั้งแต่เริ่มยุคสมัยก็เกิดความวุ่นวายทั้งจากเหล่ามนุษย์ ปีศาจ มอนเตอร์ขึ้นมา ทำให้ทางการของแต่ละประเทศควบคุมแทบจะไม่ได้ เลยทำให้อาชีพนักผจญภัยเกิดขึ้นมากมาย เพื่อรับงานเหล่านี้ คำว่านักผจญภัยเป็นการเรียกรวม ๆ จริง ๆ งานสายนี้มีหลายวิชาชีพมาก เช่น นักรบ จอมเวทย์ โดยแต่ละอารยธรรมจะต่างกันที่นี่นี้เป็นแหล่งเศรษฐกิจ มีทั้งที่พัก ร้านอาหาร ขายอาวุธ ขายอุปกรณ์ต่าง ๆ และที่นี่นอกจากมนุษย์แล้วยังมีเอลฟ์ โดวาฟ อยู่ทั่วไปในดินแดน โดยรับงานนั้นจะมีเจ้าหน้าที่จากดินแดนต่าง ๆ เอาประกาศมาแปะไว้ที่ป้ายประกาศตามหน้าร้านอาหาร ที่พักต่าง ๆ ไม่ก็มีคนเข้าไปที่ในอาคารที่เรียกว่า แหล่งงานก็ได้เหมือนกัน ภายในจะมีเหมือนแหล่งพักผ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ และจะพบพวกนักผจญภัยอยู่กันเต็มไปหมดวิธีการรับเงินนั้นมีสองวิธี คือ เดินไปหาเจ้าหน้าที่เอามือวางบนแผ่นศิลาและภาพ
ณ จักรวาลอันไกลโพ้น มีดวงดาวหนึ่ง เป็นดวงดาวเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ โดยสิ่งมีชีวิตแรก ๆ ที่อยู่ในดาวดวงนี้ ถูกเรียกว่าไดโนเสาร์ เมื่อกาลเวลาผ่านไปร้อยปี ได้มีไดโนเสาร์ชนิดหนึ่ง วิวัฒนาการขึ้นมากลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญา แต่ต้องเสียเล็บไปเหลือเพียงเขี้ยวเท่านั้น แต่ความเจริญของพวกนี้เทียบได้กับมนุษย์ในยุคหินคือใช้อาวุธจากหินและไฟเป็นเท่านั้น และเริ่มมีการสร้างอารยะธรรม พวกเขาเรียกตัวเองว่า ไดโนเมนเมื่อเวลาผ่านไป 200 ปี เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่พวก ไดโนเมน เรียกวันนี้ว่า แผ่นดินร่ายรำ ทำให้เกิดแผ่นดินใหม่ขึ้นมาอีก แต่กลับมาสิ่งหนึ่งที่ตามมาด้วยคือ มอนเตอร์ชนิดต่าง ๆ และ อมนุษย์ โดยมีเผ่าสามที่ทรงอำนาจที่สุดคือ เอลฟ์ ออร์ค โดวาฟโดวาฟหรือพวกคนแคระ แม้จะรูปร่างเตี้ยแต่กลับมีร่างกายที่กำยำและแข็งแรงเชี่ยวชาญเรื่องการทำเหมืองการสร้างอาวุธพวกเอลฟ์เป็นอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งที่ ข้ามมิติมาด้วย พวกนี้จะมีหน้าตางดงาม หูแหลมเชิด แววตาเหมือนพวกแมว เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และเวทย์มนตร์ โดยมีเผ่าย่อยอีกสามเผ่าคือเอลฟ์แสงหรือที่เรียกตัวเองว่า รูมิแย่ เป็นเอลฟ์ชำนาญเวทย์พลังธาตุ (ดิน น้ำ ลม ไ