LOGIN“อย่ามายุ่งนะเว้ย !” โดโนแวนตะโกนขู่ แม้ใจจะหวั่น ๆ เพราะเขาดูออกเลยว่านางเป็นนักผจญภัย แน่ ๆ แต่มาคิดอีกทีเขามีลูกน้องตั้งสามคนนะ จะกลัวทำไม
“ปล่อยเด็กซะ ! อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ” หญิงสาวผมแดงพูด
“เฮ้ย ! อีนี่พูดไม่รู้เรื่องเว้ย สั่งสอนมันหน่อยเว้ย !” โดโนแวนสั่ง พวกนักเลงสามคนเดินมาหานางพร้อมกับกระบองเหล็ก นางมองไปที่ขวานแล้วพูดว่า
“คงไม่ต้องใช้หรอก” พูดจบนางก็เดินเขาไปโดยไม่ได้หวาดกลัวเลย วิ่งพุ่งไปกางแขนทั้งสองข้างกระแทกลูกน้องโดโนแวนลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว พวกมันเลือดกบปากและรีบลุกขึ้นมาเหวี่ยงกระบองมาแต่สาวผมแดงหลบได้ และจับแขนของมัน เสียงกระดูกหักพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แขนของมันหักไปแล้ว
อีกคนกำลังจะเล่นงานเธอ แต่ถูกเธอจับร่างอีกฝ่ายและทุ่มข้ามหัวไปกระแทกพื้นอย่างแรงจนมันสลบ แต่ยังมีอีกคนหนึ่งกำลังจะเล่นงานเธอจากด้านหลัง มีหินก้อนหนึ่งลอยโดนมันเข้าที่ดั้งจมูกทำให้เลือดไหลอาบหน้ามัน สาวผมแดงชกมันซ้ำทำให้สลบไป โดโนแวนหน้าซีดเผือดเขารีบวิ่งหนีไปดื้อ ๆ เพราะไม่กล้าสู้กับเธอ
“ให้ตายสิ! นี่มันยังเป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย” เธอตัดเชือกให้เหล่าเด็ก ๆ และบอกให้ รีบหนีไป จางกับตาเดินมาหาเธอ
“เอ๊า!รีบไปสิ เดี๋ยวเกิดมันกลับมาอีกจะแย่เอานะ”
“พี่สาวไปช่วยหมู่บ้านของข้า ด้วยเถอะคะ” ตาพูดด้วยความหวังการที่เธอยอมมาช่วยนี่ล่ะคือความหวังที่แท้จริง หญิงสาวมองเด็กหญิงแล้วถามว่า
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“พวกเราถูกโจรป่าปล้น พวกมันจะกลับมาอีก พวกเราจะตายกันหมด” จางพูด หญิงสาวนิ่งคิดสักพักแล้วถามว่า
“พวกเจ้าชื่ออะไร”
“ข้าชื่อ จาง นี่น้องสาวข้าชื่อ ตา”
“โอเค! ข้าชื่อมิก้า จะรับงานนี้ แต่ขอข้าไปรับเงินจากงานที่ผ่านมาก่อนะ” เด็ก ๆ ดีใจมาก มิก้ามองไปที่หินก้อนหนึ่ง เธอรู้สึกแปลกใจว่าใครเป็นปามากันแน่ จะบอกว่าเด็ก ๆ แต่แรงที่ปะทะกับหน้าของเจ้านักเลงนี่แข็งแรงกว่าเด็กแน่ ๆ
มิก้าเข้าไปรับเงินรางวัล โดยวางมือไว้แผ่นศิลา งานของเธอคือ การฆ่าหนูยักษ์ ซึ่งก็ไม่ได้เงินมากมายเพราะมันเป็นแค่งานง่าย ๆ
“อะไรกันนี่ฆ่าหนูยักษ์ได้ มาแค่นี้เหรอเหรอ”
“อย่าบ่นเจ้ายังใหม่ได้แค่นี้ก็พอแล้ว อีกอย่างเจ้าไม่เอาซากมันมาด้วยล่ะ จะได้ขายเอาเงินเพิ่มได้” เจ้าหน้าที่บอก มิก้าเดินเซ็ง ๆ ออกไปพร้อมกับเด็ก ๆ เธอสวนกับภารโรงแก่ ๆ คนหนึ่ง เขาถามว่า
“นี่เจ้ารับงานของพวกเด็ก ๆ นี้เหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ! เห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ช่วยได้ไงกันเล่า!” มิก้าตอบ นักผจญภัยหลายคนได้ฟังแล้วก็ไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่อยากมีเรื่อง
“ไปคนเดียวมันอันตราย เอางี้ เจ้าไปที่ร้านบ่อฮุ้นนะ ไปถามหาคนที่ชื่อ ซามูเอล เขาคงจะช่วยเจ้าได้”
มิก้าพยักหน้า เจ้าหน้าที่เมื่อได้ยินก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“แนะนำ ซามูเอลไปนี้จะดีเหรอท่านลุง”
“ก็คงจะมีแต่มันเท่านั้นล่ะที่น่าจะบ้าพอรับงานแบบนี้” ภารโรงตอบเสียงเรียบ
มิก้าพาเด็ก ๆ มาที่ร้านบ่อฮุ้น ร้านนี้สร้างด้วยไม้ ตบแต่งแบบชาวเทียนมีกลิ่นอาหารลอยมาเตะจมูก เด็กสองคนท้องร้องขึ้นมาทันที เงินที่มิก้ามีวันนี้ก็คงจะซื้อได้แค่บะหมี่น้ำชามเดียวเท่านั้น เธอเลยพาเด็ก ๆ เข้าไป ชายวัย 60เศษ ร่างสูงผอม ผมเริ่มขาว ไว้ผมหางเปีย ไว้หนวด เดินเข้ามาหาเขามาทั้งสามคน
“สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อนจะสั่งอาหารเลยมั้ยครับ” เขาถาม มิก้าเลยพูดว่า
“ขอบะหมี่น้ำชามหนึ่ง” เถ้าแก่มองเด็กทั้งสองแล้วพยักหน้า
“ข้ามีเงินสั่งแค่นี้นะ แบ่ง ๆ กันกินก็แล้วกัน เดี๋ยวตอนเดินทางข้าจะล่าอะไรให้พวกเจ้ากินนะ” มิก้าพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขัดกับรูปร่างกำยำแบบนี้
“ไม่เป็นหรอกครับ ที่หมู่บ้านข้าก็ไม่ค่อยมีอาหารเท่าไหร่ให้ตากินเถอะ ข้าทนได้” จางพูดแม้ว่าจริง ๆ ท้องจะหิวก็ตาม
เถ้าแก่เดินมาพร้อม บะหมี่ชามใหญ่พิเศษ ใส่เครื่องเต็มที่ เด็ก ๆ ดีใจมาก รีบกินทันที มิก้าหันไปจะถามแต่เถ้าแก่บอกว่า
“นี่ก็ชามเดียว ให้เด็ก ๆ กินเถอะเจ้าก็กินด้วยสิ กองทัพเดินด้วยท้องนะ”
มิก้าเลยร่วมกินด้วย หลังกินอิ่ม เด็ก ๆ ชมไม่ขาดปาก สักพักมิก้าเลยพูดธุระขึ้นมา
“คือลุงภารโรงแนะนำให้เรามานี่ มาหาคนชื่อ ซามูเอล”
เถ้าแก่ขมวดคิ้วย่อ แล้วถามว่า
“มีอะไรหรือเปล่าถึงอยากพบเขา”
“คือ หมู่บ้านของเราโดนโจรโจมตี พวกเราเลยอยากขอให้ช่วย” จางรีบพูด เถ้าแก่พยักหน้า และตะโกนเสียงดัง
“เฮ้ย ! อาแซม มีคนอยากพบรีบลงมาเร็ว ๆ”
“รู้แล้วน่า” น้ำเสียงเบื่อ ๆ ตอบกลับมา เด็ก ๆ ลุ้นว่าคนที่ลงมาจะเป็นคนแบบไหนกันแน่ เมื่อเห็นเขาชัด ๆ มิก้าตะลึงร้องออกมาว่า
“เคราโอดิน ! นี่ต้องล้อกันเล่นแน่ ๆ”
ชายร่างสูงร่างโปร่ง รูปร่างสมส่วน เขาสวมชุดสีดำ ปิดหน้าไว้ด้วยหน้ากากแบบไอ้โม่ง เห็นเพียงดวงตาสีฟ้า และสันจมูกที่ค่อนข้างโด่งและผิวค่อนข้างขาว เท่านั้น ที่หลังมีเคียวติดโซ่สะพายอยู่ คนที่แต่งกายแบบนี้ ใช้อาวุธแบบนี้ มีประเภทเดียวเท่านั้น คือ นินจา ! ซึ่งอาชีพคลาสนี้จัดว่าสังคมรังเกียจขั้นรุนแรง เพราะว่า ทุกคนโทษว่านินจาเป็นคนเปิดประตูมิติให้เหล่าปีศาจเข้ามา แม้จะมีการพิสูทธิ์หลายครั้งแล้วว่าไม่ใช่ มันเป็นแค่จังหวะเดียวกันเท่านั้น แต่ผู้คนก็ยังตั้งข้อรังเกียจไม่เลิก อีกข้อนินจาถูกมองว่าพวกหน้าเงินมักรับงานไม่เลือก ไม่ว่าจะฆ่าคน ฆ่าปีศาจ ไม่เลือกวิธีการขอให้งานเสร็จก็พอ แถมค่าจ้างจะแพงชนิดเรียกได้ว่าปล้นกันดีกว่า
“มีอะไร เถ้าแก่” ซามูเอลพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนซะมากกว่า
“พวกนี้คงอยากจ้างงานแกล่ะมั้ง คุยกับเขาดี ๆ นะ” เถ้าแก่บอกกับเขา
“เอาจริงดิ”ซามูเอลพูด ยังไม่ทันทีจะได้ถามอะไร มิก้ารีบบอกว่า
“ไปเถอะ หมดธุระแล้ว”
“แต่เรายังไม่คุยกับเขาเลยนะคะ” ตาพูดเธอไม่เข้าใจว่า ทำไมมิก้าต้องหัวเสียขนาดนี้ด้วย
“อย่าไปคุยกับไอ้พวกนี้เลย เสียเวลา” มิก้าพูด
“ให้เด็ก ตัดสินใจดีกว่านะ แม่ผมแดง เจ้าไม่ใช่คนที่จ้างงานนี่” ซามูเอลพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จางเลยรีบบอกว่า
“ให้ข้าคุยกับเขาเถอะครับ”
มิก้าจนแต้มเลยต้องปล่อยเด็ก ๆ คุยกับซามูเอล
รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนไปซามูเอลมองวิวข้างทางโดยไม่ได้พูดอะไร เขานึกถึงเรื่องในวัยเด็ก ตอนอายุ 5 ขวบแม่ของเขาพามาอยู่กับลุงป้า เพราะบิดาของเขาเป็นนินจาได้เสียชีวิตตอนทำภารกิจหนึ่ง แม่ไม่มีที่ไปเลยต้องมาขออยู่กับพี่สาวและพี่เขย ป้าเขาชื่อ เฮเลน ส่วนลุงนี้ชื่อ โจเซฟ โดยลุงกับป้ามีลูกแล้วสองคน ลูกชายคนโตเชื่อ โจเอล และลูกสาวชื่อ เอลิน่า ตอนแรกโจเซฟไม่อยากให้อยู่ด้วยนัก เหตุเพราะซามูเอลเป็นลูกของนินจาซึ่งแน่นอน นินจาคือพวกสังคมถูกรังเกียจขั้นรุนแรง เพราะหลายคนยังมีความเชื่อว่า นินจาเป็นคนที่นำปีศาจและสัตว์ประหลาดเข้ามาในดาวดวงนี้ทำเกิดยุค เคออส ซึ่งโจเซฟก็เป็นหนึ่งในนั้น การมีลูกหลานนินจาอยู่ในบ้านไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่เพราะแม่ของซามูเอลมาพร้อมกับเงินทองที่ทำให้ทั้งสองมีไร่ข้าวโพดที่ใหญ่ขึ้นได้ แต่พอซามูเอลอายุได้ 7 ขวบแม่ของเขาก็เสียชีวิต ลุงกับป้าเลี้ยงดูเขาได้พอใช้เท่านั้น เพราะโจเซฟไม่ค่อยเต็มใจเลี้ยงเขาเท่าไหร่ ซามูเอลอยู่เหมือนเด็กรับใช้คนหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นชีวิตก็ไม่ได้เลวร้ายนัก เพราะเฮเลนเมตตาเขาอยู่บ้าง ความสัมพันธ์กับลูก ๆ ของโจเซฟนั้น กับเอลิน่านางเห็นเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ผิดกับโ
“ก็ได้ข้าจ้างเจ้า และเอานี่ไปด้วยพวกเราจะได้เห็นภาพด้วย” เถาะส่งกระจกให้ ซามูเอลพยักหน้า และรีบเข้าไป เถาะเสกกระจกบานใหญ่ขึ้นมา ก็เห็นว่าซามูเอลกำลังลอบเข้าไป ซึ่งไม่ได้ยากเลยสำหรับเขา หาจุดแอบซุ่มจนไปถึงท้องพระโรงที่องค์หญิงเข้าไปได้แล้ว โมลี่ฮัวเดินไปอย่างเป็นกังวล ทุกคนมองเธอเป็นตาเดียว เธอเห็นราชินีย์ออโรล่า นั่งอยู่บนบัลลังค์ตรงหน้า เธอเป็นหญิงวัย 50 เศษ ที่ดูแข็งแรง มีใบหน้างดงามหากแต่ไม่ใช่ความงามแบบผู้หญิงอ่อนโยนกลับดูแข็งแกร่งแบบหญิงเหล็ก เธอมีผมยาวสีทอง ดวงตาสีฟ้า ข้างกายของนางมีผู้หญิงรูปร่างผอม อยู่ข้าง ๆ นางพูดออกมาเป็นภาษากรีก ผู้หญิงข้าง ๆ แปลให้ทันที “ขอต้อนรับองค์หญิงโมลี่ฮัว สู่อาณาจักอาเธน่าของเรา”องค์หญิงรีบทำความเคารพในแบบของชาวเทียนคือคุกเข่าและถวายพระพร “หม่อนฉันองค์หญิงโมลี่ฮัว ขอถวายพระพร ขอให้ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” ออโรล่ายิ้มออกมาพูดล่ามรีบแปลให้ทันที “ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องให้ข้าอายุยืนขนาดนั้นก็ได้นะ” เหล่าขุนนางต่างขำกันหมด ทำให้องค์หญิงทำหน้าไม่ถูก ส่วนสามนักฆ่าและมิก้าที่ดูผ่านกระจก กัดฟันกรอด ๆ จนกา
“ก็ แค่อยากจะพานางไปจากที่นี้ เพื่อให้นางหนีจากการแต่งงานไปเริ่มชีวิตใหม่เท่านั้น” มิก้าพูด ซามูเอลเลยหันไปถามองค์หญิงโมลี่ฮัวต่อ“แล้วหลังจากหนีออกไป ท่านจะทำอะไรต่อเหรอขอรับองค์หญิง”องค์หญิงโมลี่ฮัวได้ยินก็พูดไม่ออก นางยังไม่คิดถึงข้อนั้นเลย “ตอบไม่ได้สินะ ท่านน่ะเหมือนนกน้อยในกรงทองที่หาทางหนีออกจากกรงแต่ดันไม่รู้วิธีบิน และไม่รู้เลยโลกนอกกรงเป็นยังไง อย่างท่านเนี่ย ข้าขอพูดตรง ๆ นะ จะเอาตัวรอดได้เกินสามวันหรือเปล่ายิ่งในยุค เคออสเนี่ย ที่ท่านเห็นถือว่าสบายแล้วนะ” โมลี่ฮัวพูดไม่ออก จริงของซามูเอล นางไม่เคยออกจากวังนี่เป็นครั้งแรกในชีวิต และถ้าหนีนางจะทำอะไรล่ะ ซามูเอลเห็นท่าทางนางเริ่มลังเลก็เลยพูดต่อว่า “แล้วอยู่ ๆ หนีไปเนี่ย ท่านรู้มั้ยจะเกิดอะไรขึ้น”องค์หญิโมลี่ฮัวทำหน้าไม่ถูก เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ซามูเอลเลยตอบสั้น ๆ “สงครามไง”โมลี่ฮัวตะลึงเธอคิดไม่ถึงเลยจะมีผลร้ายแรงขนาดนี้ “เจ้าพูดอะไร” นางรีบถาม “ก็ง่าย ๆ อาเธน่าเป็นอาณาจักรที่ถือเรื่องศักดิ์ศรีสูงมาก การที่องค์หญิงหนีไปแบบน
ซามูเอลหลบด้วยความเร็ว ทำให้อิบรามโจมตีพลาดและโดนซามูเอลสวนกลับด้วยค้อนของเขา โดนฟาดเข้าที่ท่อนแขน ทำให้อิมรามแขนหัก เขากำลังจะต่อสู้แต่ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวเลยหันไป ร่างของถังเล่ยกระเด็นออกมาจากรถม้า พร้อมกับอำมาตถัง สามนักฆ่าใช้โอกาสเล่นงานคนทั้งคู่ อิมรามแขนหักทำให้ช่วยไม่ได้ “อย่าข้าเป็นขุนนางรับใช้มานานแล้ว เจ้าจะฆ่าข้าส่งเดชไม่ได้” แต่สามนักฆ่าไม่ฟัง ระกาใช้พัดปาดคอของอำมาตถังตายคาที่ ถังเล่ยถึงกลัวจนฉี่ราด “ไอ้คางคกคิดจะกินเนื้อหงค์เจ้าก็ตายตามพ่อไปอีกคนก็แล้วกัน” เถาะพูดก็จะใช้ท้ายคถาแทงร่างฟาดไปที่หัวของถังเล่ยเขากลายเป็นน้ำแข็งและระเบิดทันที ทุกคนหันมามองอิมรามเป็นตาเดียว ซามูเอลเลยพูดขึ้นมาว่า “ปล่อยมันไป” “เจ้าว่าไงนะ” เถาะถามอย่างไม่พอใจนัก “ก็ปล่อยมันไปไง นายจ้างมันตายแล้ว งานจบแล้ว พวกนินจาไม่มีมาแก้แค้นให้ใครหรอก มันแค่งานต่อให้เพื่อนมันตายในงานมันก็ไม่แค้นเพราะว่าเป็นงาน แต่ถ้าเจ้าฆ่ามันตอนนี้ซึ่งนอกเหนือจากงาน ได้เจอพวกของมันมาแก้แค้นแน่ ซึ่งองค์หญิงจะเจอเรื่องเสี่ยงมากกว่านี้นะ”
อิมรามมองซามูเอล เขาทำการทักทายทันที“สวัสดีข้าชื่อ อิมราม และเจ้าขว้างงานข้า”“สวัสดีข้าชื่อ ซามูเอล และเจ้าคืองานข้า !”เมื่อได้ยินแบบนั้นอิมรามก็ตะโกนเสียงดังลั่น “กองกำลังตะขาบจงมา” เมื่อสิ้นเสียงตะโกน มีหุ่นตะขาบยักษ์ปรากฏตัวขึ้น มันเป็นหุ่นเชิดเหมือนกับมังกรเชิด ที่ต้องใช้คนหลายเป็นคนเชิด ขาตะขาบนั้นเป็นใบมีด ส่วนหัวก็มีใบมีดคู่“เอาจริงดิ !” ซามูเอลอุทาน มันเข้ามาโจมตีซามูเอลทันทีเขาหลบแทบไม่ทันใบมีดมากมายเฉียบสีข้างเขาไปนิดเดี๋ยว อิมรามให้ชิโมน่า ตามเขาไปคุ้มกันอำมาตถัง ส่วนสามนักฆ่า และมิก้าลังเล ซามูเอลเลยพูดว่า “ตามมันไป”ตะขาบเข้าโจมตีเขาอีกครั้ง ซามูเอลหลบและซัดชูริเคนออกไปแต่ กลายเป็นหุ่นตะขาบนั้นเกราะหนามาก อาวุธเจาะไม่เข้า เขาหลบคมมีดอีกครั้งหนึ่งคราวนี้เขาช้าไปเลยโดยไปแผลหนึ่ง ซึ่งถือว่าโชคดีแล้ว เพราะถ้าช้ากว่าเขาจะกลายเป็นชิ้น ๆ แน่ และเขาเจ้าตะขาบก็พ่นไฟออกมา ซามูเอลรีบหลบ ตะขาบยังคงโจมตีมาไม่หยุด ขืนปล่อยไว้แบบนี้เขาตายแน่ ซามูเอลมองไปที่ขาของคนเชิด ก็คิดบางอย่างออก ถอยห่างพวกมันไปหลายก้าวหยิบเคียวออกมา เจ้าหุ่นตะขาบวิ่งเข้ามาหมายจะเล่นงานเ
“ท่านพ่อเจ้าสาวของข้ามาแล้ว เจ้าสาวของข้ามาแล้ว” “พ่อเห็นแล้วล่ะ ทำงานได้ดีมากนี่เหล่านินจาทะเลทราย” อำมาตถังพูดขึ้นมา “คงต้องขอเพิ่มค่าจ้าง เพราะข้าเสียมือดีไปสองคน” อิมรามพูดขึ้นมา ถังเล่ยได้ยินก็พูดขึ้นมา “จะเอาอะไรอีก พวกเจ้าได้แค่นี้ก็บุญหัวแล้ว” “เงียบไปก่อนเลย พวกข้าจะเพิ่มให้แต่เจ้าต้องคุ้มกันพวกเราจนกว่างานแต่งจะจบนะ” อำมาตถังพูด “ตามนั้น” อิมรามพูดจบก็เดินออกไปทันทีองค์หญิงโมลี่ฮัวยังคงตกใจและงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อำมาตถังไม่ใช่ขุนนางที่เลวอะไรเลย ตรงกันข้าม เขาเป็นขุนนางน้ำดีที่รับใช้มาถึงสองแผ่นดินทำไมถึงจับตัวนางมา “ท่านทำแบบนี้ทำไมกัน” “ใจเย็นก่อนข้าไม่ได้คิดร้ายกับท่านหรอก คือลูกชายข้าหลงรักท่านมาก ข้าเลยต้องทำแบบนี้” “รัก ข้าเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียวตอนงานเลี้ยงวันเกิดเสด็จพี่หู่เองนะ แล้วจะรักข้าได้ยังไง” โมลี่ฮัวพูด ถังเล่ยรีบพูดขึ้นมาว่า “ข้าหลงรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ทุกวันข้าก็คิดถึงท่านตลอดเลย จนข้าแทบจะอกแตกตายเมื่อรู้ว่าท่านจะต้องไปแต่งกับคนเมืองอื่นแบบนั







