LOGINเมื่อมาถึงหมู่บ้าน ก็พบว่าที่นี่ อาจเคยเป็นหมู่บ้านเกษตรที่ค่อนข้างใหญ่ น่าจะเป็นแหล่งส่งออกที่สำคัญ แต่ตอนนี้เห็นแต่ความเสียหายเต็มไปหมด มันทำให้รู้สึกถึงความสิ้นหวัง ทุกคนมองมาที่ซามูเอลเป็นสายตาเดียว ทุกสายตาส่องถึงความรังเกียจ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมัน เขารู้ดีเสมอว่าการเป็นนินจาต้องเจออะไรแบบนี้ตลอด ขนาดว่าคนมาจ้างงานแล้ว ทำงานสำเร็จ ก็ยังไม่วายส่งสายตาแบบนี้
“ตา จาง” เสียงผู้หญิงคนดังขึ้นมาเธอเป็นหญิงวัยสามสิบปลาย ๆ รูปร่างผอม เธอวิ่งมากอดเด็กทั้งสองเอาไว้ “พวกเจ้าหายไปไหนมา แม่เป็นห่วงแทบตาย” นางพูดเสียงสั่น ๆ ยังไม่ทันที่ตากับจางจะตอบอะไรก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา “กลับมาแล้วเหรอ ! ไปไหนไม่บอก อยากโดนตีใช่มั้ยหา !” ชายร่างอ้วนหัวล้านเดินมาด้วยความโกรธที่ ลูก ๆ ของเขาหนีไปเช่นนี้ เด็กทั้งสองแอบหลังแม่ ทำให้ผู้เป็นพ่อชะงักไป “ข้าขอโทษท่านพ่อ ข้าแค่ไปตามคนมาช่วย” ตาพูด พ่อของตาหันไปมองซามูเอลเขาก็ตกตะลึง “พวกเจ้าพานินจามางั้นเหรอ พวกเราจะซวยกันหมด” พวกชาวบ้านส่งเสียงฮือฮ่าขึ้นมา ส่วนมากจะพูดแย่ ๆ เกี่ยวกับนินจา จนซามูเอล อดที่จะคิดไม่ได้ว่า เขาควรกลับไปดีมั้ย แต่ก็พูดออกมาว่า “แล้วคิดว่าจะรอดเหรอ ถ้าไม่มีข้า” “เจ้าพูดงี้หมายความว่าอะไร” ชายชราคนหนึ่งเดินมา เขามีผมขาว ไว้หนวดเครายาว เขามาพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ทางท่าเหมือนกับนักเลง หน้าเข้ม คิ้วหนา และยังมีลูกน้องตามมาอีกสามคนด้วย ซามูเอลพอจะดูออกว่าเขาเป็นใคร “ผู้ใหญ่บ้านสินะ” ชายชราพยักหน้า ไอ้คิ้วหนาพูดขึ้นมาทันที “ก็แค่นินจากับผู้หญิงของมัน จะมีน้ำยาอะไร”มิก้าได้ยิน ก็ไม่พอใจเดินเข้าไปหมายจะเอาเรื่อง เมื่อไอ้คิ้วหนาเห็นมิก้าชัด ๆ ก็ขาสั่นและวิ่งไปหลบหลังผู้ใหญ่บ้าน เพราะมิก้านั้นตัวใหญ่กว่าเขาซะอีก ทำเอาซามูเอลหัวเราะเขา คนอื่น ๆ ก็พลอยหัวเราะไปด้วย
“ขอโทษ แทน อาต๊ะ ลูกชายของข้าด้วย” ผู้ใหญ่บ้านรีบพูดทันที
มิก้าหันไปมองซามูเอล และพูดเสียงดังว่า
“ข้าไม่ใช่พวกของไอ้นินจา ข้ามาเพื่อช่วยพวกเจ้า โดยไม่คิดเงินเลย พวกเจ้าสบายใจได้” เมื่อพูดจบมิก้ากลายเป็นฮีโร่ในสายตาทุกคนทันที ต่างร้องเรียกชื่อเธอเสียงดังลั่น ส่วนซามูเอลน่ะเหรอ กลายเป็นหัวตอไปแล้ว แต่เขาไม่ได้สนใจ เลยหันไปกระซิบกับเด็ก ๆ ว่า
“อย่าได้คิดเบี้ยวค่าจ้างข้าเด็ดขาด ไม่งั้นเจ้าคิดไม่ถึงแน่ว่าจะเจอกับอะไร” เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกเด็กก็กลืนน้ำด้วยความกลัว ซามูเอลพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบนี้ ทำให้รู้ได้เลยว่า เขาไม่ได้ขู่
ซามูเอลเดินไปสำรวจหมู่บ้าน ทำให้รู้เลยว่าที่นี่ที่หลบภัยมีน้อยมาก แถมไม่ได้มีการเตรียมตั้งรับที่ดีเลย เขามองดูเครื่องไม้เครื่องมือ และอาวุธที่ชาวบ้านมีนั้นล้วนทำจากโลหะราคาถูกที่นี่ไม่มีช่างเหล็กชาว โดวาฟ มีเพียงช่างเหล็กมนุษย์ระดับที่ตีเครื่องมือการเกษตรเท่านั้นเอง แถมฝีมือยังธรรมดามากอีกด้วย ทำให้การจะมาจับอาวุธขึ้นสู้นั้นแทบเป็นไปไม่ได้
“เฮ้ย ! แกทำอะไรไอ้นินจา” อาต๊ะพูดขึ้นมา เขามาพร้อมกับลูกน้องสามคน ซามูเอลไม่ตอบ
“เฮ้ย ! ข้าพูดกับแกอยู่นะโวย” อาต๊ะพูดซามูเอลหาได้สนใจไม่ เขาเริ่มไม่พอใจ เมื่อกี้เขาแสดงความขลาดที่กลัวมิก้าออกมา ทำให้คนหัวเราะเยาะเขา เลยจะมาหาเรื่องซามูเอลเพื่อล้างอาย เขาเลยสั่งลูกน้องทันที
“กระทืบมัน”
ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร ซามูเอลก็คว้าหินจากพื้นขึ้นมาและขว้างออกไป โดนพวกลูกน้องหัวแตกทุกคน
“อย่ายุ่งกับข้า ข้ายังไม่อยากขาดทุน” ซามูเอลพูดเสียงเบื่อ ๆ
“ขาดทุนอะไรวะ” อาต๊ะถาม
“ก็ต้องให้ข้าใช้ไอ้นี่” ซามูเอลเอามีดขว้างออกมา มันเป็นมีดปลายแหลมและคมมาก ที่ท้ายมือมีห่วงกลมติดอยู่ เมื่อมีดต้องแสงแดดมันก็ส่งประกายออกมา ทำให้ยิ่งดูน่ากลัว อาต๊ะเห็นที่ซามูเอลขว้างหินเมื่อกี้เขารู้เลยว่า ถ้าซามูเอลขว้างมีดนั่นมา เขาตายแน่ เลยวิ่งหนีไปดื้อ ๆ ซามูเอลยังคงสงสัยปกติเอลฟ์ฟอร์แคร์ไม่ปล้นมนุษย์แทบไม่อยากยุ่งเลย ต้องมีเบื้องหลังแน่ ๆ
มิก้าลับขวานเพื่อเตรียมพร้อม นางไม่รู้เลยว่าจะสู้ไหวมั้ย แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด ยังไงก็ต้อชนะพวกมันให้ได้เพื่อช่วยทุกคน เสียงกลองดังขึ้นมาเป็นสัญญาณว่า
“พวกเอลฟ์บุกแล้ว !”
เหล่าเอลฟ์กำลังเคลื่อนพลมา พวกมันมีรูปร่างสูงใหญ่ ตาเหมือนแมว หูแหลมเชิด ทายางไม้สีเขียวเข้มไว้เต็มตัวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าทำจากหนังสัตว์ ทาหน้าด้วยยางไม้สีขาว พวกมันมีประมาณ 30 คน ขี่ม้าเป็นพาหนะ
ผู้นำเป็นเอลฟ์รูปร่างกำยำ ผมยาวสีเขียว สีเหลืองอำพันเหมือนกับแมว สวมหมวกมีขนนกประดับเต็มไปหมด ในมือถือหอกยาว เขามือนามว่า พิชอง ยังมีเอลฟ์สาว รูปร่างสูง สมส่วน ผมสีทอง ตาสีฟ้าเหมือนแมว เธอสวมมาลัยดอกไม้สีแดง และรัดเกล้าทำจากดอกไม้และเถาวัลย์ ถือ คถายาว ปลายเป็นไม้ง่าม พันด้วยเถาวัลย์ นางมีชื่อว่า ทูนูซัน แต่ที่กลัวคือ สัตว์ร่างสูงใหญ่ 2 ตัว มันตัวใหญ่ราวกับหมี ผิวกายแข็งเหมือนกับหิน มีดวงโตสีแดงกำล่ำ ปากกว้าง ตัวหนึ่งมีหน้าอกเหมือนกับผู้หญิง คงบอกได้ตัวไหนเป็นตัวผู้ตัวไหนเป็นตัวเมีย เมื่อพวกมันไกลเข้ามาชาวบ้านต่างปิดบ้านยังแน่นหนา มีเพียงมิก้าเท่านั้นที่ยืนเผชิญกับพวกมัน ซามูเอลไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว มิก้ารู้สึกกดดันเธอกำขวานเอาไว้แน่
“เฮ้ ! หลบไปแม่ผมแดง” ทูนูซันพูดออกมาเป็นภาษาเอลฟ์ พิชองหัวเราะแล้วพูดว่า
“โธ่ ทูนูซัน มันเป็นพวกเถื่อนจะเข้าใจภาษาชั้นสูงได้ไงกัน”
“จริงสิ ! ข้าลืมไป” นางพูดพลางหัวเราะและมองมิก้าด้วยสายตาเหยียด ๆ ก่อนและพูดว่า
“ผู้หญิงแท้ ๆ หาความงามไม่ได้เลย ยังจะคิดมาฆ่าตัวตายอีกเหรอ โอ๊ะ ! ลืมไปเจ้าไม่เข้าใจนี่” พวกเอลฟ์หัวเราะ สำหรับเผ่าพันธุ์ที่หยิ่งทระนง บ้าความงดงามแล้ว แม้จะเป็นพวกฟอร์แคร์ ก็ไม่ต่างกันนักหรอก ผู้หญิงอย่างมิก้านี่จัดว่าอัปลักษ์สุด ๆ แต่มิก้ากลับสวนไปเป็นภาษาเอลฟ์
“ปากดีนักนะ ข้าจะตัดหูยื่น ๆ ของพวกแกทิ้งซะ” พวกเอลฟ์ตกตะลึง
“เมื่อกี้เจ้าว่าไงนะ !” พิซองตกใจมากเข้าไม่คิดว่าจะมีคนพูดภาษาเอลฟ์ได้ที่นี่
“หูยื่นไม่พอ หูแตกด้วยหรือไง ข้าบอกตัดหูยื่น ๆ ของแกเองออกมาซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็รีบไปซะ” มิก้าพูดเสียงดังลั่น แต่พวกเอลฟ์กลับหัวเราะ
รไม่ถึงนา่ะเหรอ กลายเป็นหัวตอไปแล้วนและวิ่งไปหลบหลังผู้ใหญ่บ้าน เพราะมิก้านั้นตัว
รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนไปซามูเอลมองวิวข้างทางโดยไม่ได้พูดอะไร เขานึกถึงเรื่องในวัยเด็ก ตอนอายุ 5 ขวบแม่ของเขาพามาอยู่กับลุงป้า เพราะบิดาของเขาเป็นนินจาได้เสียชีวิตตอนทำภารกิจหนึ่ง แม่ไม่มีที่ไปเลยต้องมาขออยู่กับพี่สาวและพี่เขย ป้าเขาชื่อ เฮเลน ส่วนลุงนี้ชื่อ โจเซฟ โดยลุงกับป้ามีลูกแล้วสองคน ลูกชายคนโตเชื่อ โจเอล และลูกสาวชื่อ เอลิน่า ตอนแรกโจเซฟไม่อยากให้อยู่ด้วยนัก เหตุเพราะซามูเอลเป็นลูกของนินจาซึ่งแน่นอน นินจาคือพวกสังคมถูกรังเกียจขั้นรุนแรง เพราะหลายคนยังมีความเชื่อว่า นินจาเป็นคนที่นำปีศาจและสัตว์ประหลาดเข้ามาในดาวดวงนี้ทำเกิดยุค เคออส ซึ่งโจเซฟก็เป็นหนึ่งในนั้น การมีลูกหลานนินจาอยู่ในบ้านไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่เพราะแม่ของซามูเอลมาพร้อมกับเงินทองที่ทำให้ทั้งสองมีไร่ข้าวโพดที่ใหญ่ขึ้นได้ แต่พอซามูเอลอายุได้ 7 ขวบแม่ของเขาก็เสียชีวิต ลุงกับป้าเลี้ยงดูเขาได้พอใช้เท่านั้น เพราะโจเซฟไม่ค่อยเต็มใจเลี้ยงเขาเท่าไหร่ ซามูเอลอยู่เหมือนเด็กรับใช้คนหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นชีวิตก็ไม่ได้เลวร้ายนัก เพราะเฮเลนเมตตาเขาอยู่บ้าง ความสัมพันธ์กับลูก ๆ ของโจเซฟนั้น กับเอลิน่านางเห็นเขาเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ผิดกับโ
“ก็ได้ข้าจ้างเจ้า และเอานี่ไปด้วยพวกเราจะได้เห็นภาพด้วย” เถาะส่งกระจกให้ ซามูเอลพยักหน้า และรีบเข้าไป เถาะเสกกระจกบานใหญ่ขึ้นมา ก็เห็นว่าซามูเอลกำลังลอบเข้าไป ซึ่งไม่ได้ยากเลยสำหรับเขา หาจุดแอบซุ่มจนไปถึงท้องพระโรงที่องค์หญิงเข้าไปได้แล้ว โมลี่ฮัวเดินไปอย่างเป็นกังวล ทุกคนมองเธอเป็นตาเดียว เธอเห็นราชินีย์ออโรล่า นั่งอยู่บนบัลลังค์ตรงหน้า เธอเป็นหญิงวัย 50 เศษ ที่ดูแข็งแรง มีใบหน้างดงามหากแต่ไม่ใช่ความงามแบบผู้หญิงอ่อนโยนกลับดูแข็งแกร่งแบบหญิงเหล็ก เธอมีผมยาวสีทอง ดวงตาสีฟ้า ข้างกายของนางมีผู้หญิงรูปร่างผอม อยู่ข้าง ๆ นางพูดออกมาเป็นภาษากรีก ผู้หญิงข้าง ๆ แปลให้ทันที “ขอต้อนรับองค์หญิงโมลี่ฮัว สู่อาณาจักอาเธน่าของเรา”องค์หญิงรีบทำความเคารพในแบบของชาวเทียนคือคุกเข่าและถวายพระพร “หม่อนฉันองค์หญิงโมลี่ฮัว ขอถวายพระพร ขอให้ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” ออโรล่ายิ้มออกมาพูดล่ามรีบแปลให้ทันที “ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องให้ข้าอายุยืนขนาดนั้นก็ได้นะ” เหล่าขุนนางต่างขำกันหมด ทำให้องค์หญิงทำหน้าไม่ถูก ส่วนสามนักฆ่าและมิก้าที่ดูผ่านกระจก กัดฟันกรอด ๆ จนกา
“ก็ แค่อยากจะพานางไปจากที่นี้ เพื่อให้นางหนีจากการแต่งงานไปเริ่มชีวิตใหม่เท่านั้น” มิก้าพูด ซามูเอลเลยหันไปถามองค์หญิงโมลี่ฮัวต่อ“แล้วหลังจากหนีออกไป ท่านจะทำอะไรต่อเหรอขอรับองค์หญิง”องค์หญิงโมลี่ฮัวได้ยินก็พูดไม่ออก นางยังไม่คิดถึงข้อนั้นเลย “ตอบไม่ได้สินะ ท่านน่ะเหมือนนกน้อยในกรงทองที่หาทางหนีออกจากกรงแต่ดันไม่รู้วิธีบิน และไม่รู้เลยโลกนอกกรงเป็นยังไง อย่างท่านเนี่ย ข้าขอพูดตรง ๆ นะ จะเอาตัวรอดได้เกินสามวันหรือเปล่ายิ่งในยุค เคออสเนี่ย ที่ท่านเห็นถือว่าสบายแล้วนะ” โมลี่ฮัวพูดไม่ออก จริงของซามูเอล นางไม่เคยออกจากวังนี่เป็นครั้งแรกในชีวิต และถ้าหนีนางจะทำอะไรล่ะ ซามูเอลเห็นท่าทางนางเริ่มลังเลก็เลยพูดต่อว่า “แล้วอยู่ ๆ หนีไปเนี่ย ท่านรู้มั้ยจะเกิดอะไรขึ้น”องค์หญิโมลี่ฮัวทำหน้าไม่ถูก เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ซามูเอลเลยตอบสั้น ๆ “สงครามไง”โมลี่ฮัวตะลึงเธอคิดไม่ถึงเลยจะมีผลร้ายแรงขนาดนี้ “เจ้าพูดอะไร” นางรีบถาม “ก็ง่าย ๆ อาเธน่าเป็นอาณาจักรที่ถือเรื่องศักดิ์ศรีสูงมาก การที่องค์หญิงหนีไปแบบน
ซามูเอลหลบด้วยความเร็ว ทำให้อิบรามโจมตีพลาดและโดนซามูเอลสวนกลับด้วยค้อนของเขา โดนฟาดเข้าที่ท่อนแขน ทำให้อิมรามแขนหัก เขากำลังจะต่อสู้แต่ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวเลยหันไป ร่างของถังเล่ยกระเด็นออกมาจากรถม้า พร้อมกับอำมาตถัง สามนักฆ่าใช้โอกาสเล่นงานคนทั้งคู่ อิมรามแขนหักทำให้ช่วยไม่ได้ “อย่าข้าเป็นขุนนางรับใช้มานานแล้ว เจ้าจะฆ่าข้าส่งเดชไม่ได้” แต่สามนักฆ่าไม่ฟัง ระกาใช้พัดปาดคอของอำมาตถังตายคาที่ ถังเล่ยถึงกลัวจนฉี่ราด “ไอ้คางคกคิดจะกินเนื้อหงค์เจ้าก็ตายตามพ่อไปอีกคนก็แล้วกัน” เถาะพูดก็จะใช้ท้ายคถาแทงร่างฟาดไปที่หัวของถังเล่ยเขากลายเป็นน้ำแข็งและระเบิดทันที ทุกคนหันมามองอิมรามเป็นตาเดียว ซามูเอลเลยพูดขึ้นมาว่า “ปล่อยมันไป” “เจ้าว่าไงนะ” เถาะถามอย่างไม่พอใจนัก “ก็ปล่อยมันไปไง นายจ้างมันตายแล้ว งานจบแล้ว พวกนินจาไม่มีมาแก้แค้นให้ใครหรอก มันแค่งานต่อให้เพื่อนมันตายในงานมันก็ไม่แค้นเพราะว่าเป็นงาน แต่ถ้าเจ้าฆ่ามันตอนนี้ซึ่งนอกเหนือจากงาน ได้เจอพวกของมันมาแก้แค้นแน่ ซึ่งองค์หญิงจะเจอเรื่องเสี่ยงมากกว่านี้นะ”
อิมรามมองซามูเอล เขาทำการทักทายทันที“สวัสดีข้าชื่อ อิมราม และเจ้าขว้างงานข้า”“สวัสดีข้าชื่อ ซามูเอล และเจ้าคืองานข้า !”เมื่อได้ยินแบบนั้นอิมรามก็ตะโกนเสียงดังลั่น “กองกำลังตะขาบจงมา” เมื่อสิ้นเสียงตะโกน มีหุ่นตะขาบยักษ์ปรากฏตัวขึ้น มันเป็นหุ่นเชิดเหมือนกับมังกรเชิด ที่ต้องใช้คนหลายเป็นคนเชิด ขาตะขาบนั้นเป็นใบมีด ส่วนหัวก็มีใบมีดคู่“เอาจริงดิ !” ซามูเอลอุทาน มันเข้ามาโจมตีซามูเอลทันทีเขาหลบแทบไม่ทันใบมีดมากมายเฉียบสีข้างเขาไปนิดเดี๋ยว อิมรามให้ชิโมน่า ตามเขาไปคุ้มกันอำมาตถัง ส่วนสามนักฆ่า และมิก้าลังเล ซามูเอลเลยพูดว่า “ตามมันไป”ตะขาบเข้าโจมตีเขาอีกครั้ง ซามูเอลหลบและซัดชูริเคนออกไปแต่ กลายเป็นหุ่นตะขาบนั้นเกราะหนามาก อาวุธเจาะไม่เข้า เขาหลบคมมีดอีกครั้งหนึ่งคราวนี้เขาช้าไปเลยโดยไปแผลหนึ่ง ซึ่งถือว่าโชคดีแล้ว เพราะถ้าช้ากว่าเขาจะกลายเป็นชิ้น ๆ แน่ และเขาเจ้าตะขาบก็พ่นไฟออกมา ซามูเอลรีบหลบ ตะขาบยังคงโจมตีมาไม่หยุด ขืนปล่อยไว้แบบนี้เขาตายแน่ ซามูเอลมองไปที่ขาของคนเชิด ก็คิดบางอย่างออก ถอยห่างพวกมันไปหลายก้าวหยิบเคียวออกมา เจ้าหุ่นตะขาบวิ่งเข้ามาหมายจะเล่นงานเ
“ท่านพ่อเจ้าสาวของข้ามาแล้ว เจ้าสาวของข้ามาแล้ว” “พ่อเห็นแล้วล่ะ ทำงานได้ดีมากนี่เหล่านินจาทะเลทราย” อำมาตถังพูดขึ้นมา “คงต้องขอเพิ่มค่าจ้าง เพราะข้าเสียมือดีไปสองคน” อิมรามพูดขึ้นมา ถังเล่ยได้ยินก็พูดขึ้นมา “จะเอาอะไรอีก พวกเจ้าได้แค่นี้ก็บุญหัวแล้ว” “เงียบไปก่อนเลย พวกข้าจะเพิ่มให้แต่เจ้าต้องคุ้มกันพวกเราจนกว่างานแต่งจะจบนะ” อำมาตถังพูด “ตามนั้น” อิมรามพูดจบก็เดินออกไปทันทีองค์หญิงโมลี่ฮัวยังคงตกใจและงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อำมาตถังไม่ใช่ขุนนางที่เลวอะไรเลย ตรงกันข้าม เขาเป็นขุนนางน้ำดีที่รับใช้มาถึงสองแผ่นดินทำไมถึงจับตัวนางมา “ท่านทำแบบนี้ทำไมกัน” “ใจเย็นก่อนข้าไม่ได้คิดร้ายกับท่านหรอก คือลูกชายข้าหลงรักท่านมาก ข้าเลยต้องทำแบบนี้” “รัก ข้าเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียวตอนงานเลี้ยงวันเกิดเสด็จพี่หู่เองนะ แล้วจะรักข้าได้ยังไง” โมลี่ฮัวพูด ถังเล่ยรีบพูดขึ้นมาว่า “ข้าหลงรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ทุกวันข้าก็คิดถึงท่านตลอดเลย จนข้าแทบจะอกแตกตายเมื่อรู้ว่าท่านจะต้องไปแต่งกับคนเมืองอื่นแบบนั







