"ท่านเรียกหนูหรือคะ" หลินถามอย่างกังขาพลันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างประหลาดเนื่องจากคำเรียกขานที่นางไม้เรียกตน
"ใช่แล้วละก็ท่านเป็นผู้วิเศษไม่ใช่หรือ คนธรรมดาที่ไหนจะเสกของออกมาได้เยอะแยะกันเล่า" คำพูดนี้ทำให้หลินสะดุ้งใบหน้าของเธอเหลอหลา
"แหะ ๆ จริง ๆ หนูก็ไม่ใช่ผู้วิเศษหรอกนะคะ เพียงแต่เรื่องมันค่อนข้างยาว อีกอย่างสิ่งของเหล่านี้หนูก็สามารถเสกออกมาได้ครั้งเดียวเพราะอาม่าที่ให้หนูมาบอกว่ามันเป็นของขวัญเริ่มต้นค่ะ" หลินตอบพลางส่งยิ้มแห้งออกมา
"แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูดมากนัก แต่เราคิดว่าเช่นไรเจ้าก็ยังเป็นผู้วิเศษอยู่ดี" นางไม้ยังคงเข้าใจตามแบบของตน
ซึ่งหลินก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายเช่นไรดี ก่อนที่เธอจะกล่าวเปลี่ยนเรื่อง "พี่สาวคะ....ว่าแต่พี่สาวเรียกหนูทำไมอย่างนั้นหรือ"
นางไม้นามเกสรมองหน้าของหลินพลางพูดถึงจุดประสงค์ของตน "คือข้าได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดเรื่องการค้าขาย"
"ใช่ค่ะ พี่สาวมีไอเดีย เอ่อ...หนูหมายถึงความคิดจะแนะนำหรือคะ" หลินถามออกมาดวงตาเป็นประกาย
"ก็ไม่ได้จะแนะนำอะไรมากนักหรอกเพียงแต่การจะขายอาหารนั้นข้าคิดว่าเจ้าควรจะ
"หา! วันที่ 15 อย่างนั้นรึ!" ลุงคนที่ถามเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย "อืม... อีกไม่กี่วันเองนี่หว่า! ดี ๆ ถ้าอย่างนั้นข้าไม่พลาดแน่!" ลุงพยักหน้าอย่างหมายมั่นก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัยถึงสิ่งที่ทูนเพิ่งพูด"แต่... ไอ้ที่ว่า ไปสามจ่ายสอง ไปสี่จ่ายสามน่ะ มันเป็นยังไงวะไอ้หนู ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจ"ไม้ที่ยืนนิ่งอยู่นานก็รีบก้าวออกมาข้างหน้า พูดอธิบายด้วยน้ำเสียงฉะฉานอย่างที่ได้เตรียมมา "มันคือแบบนี้ครับลุง""โปรโมชั่น ไปสามจ่ายสอง หมายความว่า... สมมุติว่าลุงมากันสามคนใช่ไหมครับ แล้วสั่งชุดเล็กที่ราคาชุดละ 5 บาท ถ้าสั่งสามชุดปกติก็ต้องจ่ายสิบห้าบาทใช่ไหมครับ แต่ในวันเปิดร้านถ้ามาสามคนสั่งสามชุดเล็กเราคิดเงินแค่สองชุดครับ คือจ่ายแค่สิบบาทเท่านั้นเอง! ลุงประหยัดไปตั้งห้าบาทเลยนะครับ!""โห!" เสียงฮือฮาดังขึ้นจากกลุ่มชาวบ้านที่ยืนฟังอยู่"แต่ถ้าหากมาสามคน แล้วอยากจะลองชุดกลางที่ราคาปกติชุดละ 8 บาทสำหรับกินสองคน" ไม้กล่าวต่อตามที่หลินอธิบายให้ฟังถึงส่วนลดพิเศษ "ทางร้านเราก็ลดราคาชุดกลางนั้นให้เหลือแค่ 5 บาทครับ!""หา! ชุดแปดบาท เ
พอเธอจัดการเรื่องเมืองจำลองวิญญาณเรียบร้อยหลินก็ชวนเกสรกับยุ่งขึ้นรถกอล์ฟที่เรียกออกมาเพื่อไปต่อยังบ้านของประทีปเกสรเลิกคิ้วเล็กน้อยมองรถประหลาดนั้นอย่างพิจารณา แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการตกใจเหมือนครั้งแรก ๆ ที่เห็นหลินเรียกของออกมาอีกแล้ว เพราะนางเริ่มจะคุ้นชินกับความเป็นผู้วิเศษของเด็กหญิงคนนี้นั่นเอง ส่วนยุ่งนั้นตาโตมองรถคันเล็กนั้นอย่างสนอกสนใจเป็นที่สุด"ขึ้นมาเลยค่ะ!" หลินเชื้อเชิญอย่างร่าเริง ก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งคนขับอย่างคล่องแคล่ว ยุ่งเองก็ก้าวเท้าขึ้นไปเช่นกันแม้ว่าจะเก้ ๆ กัง ๆ ไปบ้างทว่าก็ผ่านไปด้วยดีหลินค่อย ๆ บังคับรถกอล์ฟให้เคลื่อนตัวไปตามทางเดินดินที่บัดนี้ดูจะกว้างขึ้นและเรียบเนียนขึ้น รถแล่นลัดเลาะผ่านดงไม้ใหญ่ที่ดูหนาทึบและร่มรื่นกว่าส่วนอื่น ๆ ของที่ดิน แสงแดดยามสายส่องลอดลงมาเป็นลำ ทำให้บรรยากาศดูสงบและลึกลับในคราวเดียวกัน(โชคดีจริง ๆ ที่ที่ดินแปลงนี้กว้างกว่าห้าไร่) หลินคิดในใจขณะขับรถ (ถึงบึงบัวจะกินพื้นที่ไปเกือบครึ่งแต่ก็ยังมีที่เหลือเฟือพอจะสร้างบ้านให้คุณอาประทีปในมุมสงบและเป็นส่วนตัวแบบนี้ได้ อย่างที่คุณยายแรมต้องการให้ลู
เมื่อกลุ่มของเคี้ยงเดินทางมาถึงโรงพยาบาลประจำอำเภอในช่วงสายของวัน บรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยรวมก็ยังคงมีผู้คนเดินขวักไขว่และกลิ่นยาจาง ๆ เหมือนเช่นเคยแม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์ก็ตามเคี้ยงเดินตรงไปยังเตียงที่พักของประทีปซึ่งอยู่มุมเดิม ทันทีที่เลี้ยวพ้นม่านกั้นเตียง หล่อนก็เห็นภาพที่ทำให้หัวใจของคนเป็นแม่อบอุ่นขึ้นมาทันทีตี๋เล็กลูกชายคนเล็กของตนกำลังช่วยพยุงร่างอันผ่ายผอมของประทีปที่พยายามจะขยับตัวบนเตียงอย่างช้า ๆ ที่แขนข้างหนึ่งของประทีปนั้นมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางลงมาจากเสาข้างเตียง ปลายเข็มถูกติดเทปไว้กับหลังมือซีด ๆ ของเขา แสดงให้เห็นว่าร่างกายของเขายังคงอ่อนแอและต้องการสารอาหารทางสายเลือดอยู่"ค่อย ๆ นะครับคุณอา เดี๋ยวผมช่วยจับ" เสียงของใช้ดังขึ้นท่าทางของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความระมัดระวัง"อ้าว ม๊า! อาหมวย พี่เกสร อายุ่ง มากันแล้วเหรอครับ" ใช้เหลือบมาเห็นพวกแม่พอดีจึงเอ่ยทัก สีหน้าของเขาดูจะอดนอนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มีแววอิดโรยแต่อย่างใดเคี้ยงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มให้ลูกชายและรีบเดินเข้าไปใกล้ วางปิ่นโตที่ถือมาลงบนโต๊ะเล็กข้างเตียงถามด้วยค
ค่ำคืนนั้นทุกคนต่างก็เข้านอนไปด้วยความคิดและความหวังของตัวเอง เช้าวันที่ 1 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่สลากกินแบ่งรัฐบาลจะออกรางวัลและเป็นวันที่หลินรอคอยอย่างใจจดใจจ่อมาตลอดร้านข้าวแกงของเคี้ยงยังคงเปิดขายตั้งแต่เช้ามืดเหมือนเช่นทุกวัน บรรยากาศคึกคักด้วยลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร ตงก็ออกมานั่งช่วยดูแลร้านด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้นมากจากเดิมหลินช่วยงานอาม่าอย่างแข็งขันแต่ในใจนั้นนับถอยหลังรอเวลาบ่ายอย่างเดียว เธอลอบมองนาฬิกาแขวนผนังเป็น ระยะ ๆเมื่อใกล้ถึงเวลาออกรางวัลในช่วงบ่ายแก่ ๆ ร้านข้าวแกงของเคี้ยงก็เริ่มมีผู้คนทยอยเข้ามาจับจองที่นั่งกันหนาตาเป็นพิเศษกว่าทุกวันซึ่งวันนี้ลูกค้าเมื่อเช้าได้บอกกับหล่อนเอาไว้แล้วว่าช่วงบ่ายจะขอมานั่งที่ร้านและจะอุดหนุนเครื่องดื่มเพื่อจะขอมาลุ้นหวย ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็คือชาวบ้านร้านตลาดที่รู้ว่าบ้านนี้มีวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องใหญ่นั่นเองดังนั้นวันนี้เคี้ยงจึงไม่ได้ปิดบ้านเหมือนทุกวัน แต่ว่าเรื่องของประทีปจะไม่ไปดูก็ไม่ได้"อาหมวย ม่าจะไปดูคุณประทีป ลื้อคอยดูแ
เช้าวันต่อมา หลังจากที่เคี้ยงได้ตกลงกับลูกชายและหลานสาวเรื่องแผนการเปิดร้านหมูกระทะและจ้างพวกทูนมาช่วยงานแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ณ ที่ดินรกร้างอาถรรพ์ริมบึงบัวผืนนั้นผู้คนที่ต้องสัญจรผ่านเส้นทางนั้นเป็นประจำเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติและรู้สึกแปลกตาขึ้นเรื่อย ๆ จากที่ดินที่เคยเป็นป่าหญ้ารกชัฏสูงท่วมหัวบดบังทัศนียภาพจนดูน่าสะพรึงกลัว บัดนี้บริเวณด้านหน้าของที่ดินซึ่งติดอยู่ทางสัญจรหลักได้มองเห็นทิวทัศน์บึงบัวอันงดงามอย่างชัดเจนข่าวเรื่องนี้แพร่สะพัดไปในหมู่ชาวบ้านร้านตลาดอย่างรวดเร็วกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่โจษจันกันให้แซ่ดไปทั่วแทบจะทั้งอำเภอ ถึงเรื่องที่มีคนใจกล้าหรืออาจจะบ้าบิ่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับที่ดินซึ่งร่ำลือกันนักหนาว่าเป็นสุสานเก่าและมีอาถรรพ์แรงกล้าสิ่งที่พวกเขาเห็นคือบริเวณด้านหน้าของที่ดินผืนนั้นบัดนี้กลายเป็นลานกว้างที่ดูสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อยผิดหูผิดตา พงหญ้าและวัชพืชที่เคยขึ้นสูงถูกถางออกไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงพื้นดินที่ถูกปรับให้ค่อนข้างเรียบเสมอกัน มีการโรยกรวดแม่น้ำสีอ่อน ในบางส่วนทำเป็นทางเดินและแบ่งสัดส่วนพื้นที
ช่วงสายของวันถัดมาหลังจากขายข้าวแกงตอนเช้าหมดลง เคี้ยงก็จูงมือหลินเดินทางออกจากบ้านในตลาดมุ่งหน้าไปยังท่ารถโดยสารประจำทางที่จะเข้ากรุงเทพฯในมือของหลินยังคงกำถุงแดงโดราเอมอนของตนที่ใส่สลากฯ ใบนั้นไว้อย่างแน่นหนา หัวใจยังคงเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้นไม่หายรถโดยสารคันเก่าแล่นไปตามถนนลูกรังที่ขรุขระบ้างในบางช่วงก่อนจะเข้าสู่ถนนลาดยางที่มุ่งตรงสู่เมืองหลวง คนทั้งคู่นั่งรถประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ในที่สุดรถก็แล่นเข้ามาถึงเขตพระนครเมืองหลวงของประเทศหลินมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความสนใจใคร่รู้ (เร็วมากเลยแฮะ แค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว) เธอคิดในใจ เพราะถ้าเป็นยุคของเธอการเดินทางจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ ในระยะทางเท่านี้ อาจจะต้องเผื่อเวลาสำหรับรถติดอีกไม่น้อยภาพที่เห็นสองข้างทางเริ่มเปลี่ยนไป ตึกรามบ้านช่องดูหนาแน่นและสูงใหญ่กว่าที่ตลาดบ้านของเธอหลายเท่า ถนนหนทางกว้างขวาง มีรถยนต์ส่วนตัว รถแท็กซี่สีสันต่าง ๆ และรถเมล์คันใหญ่แล่นกันขวักไขว่ เสียงแตรรถและเสียงเครื่องยนต์ดังผสมปนเปกันไปหมดขึ้นชื่อว่าเมืองหลวงไม่ว่าจะยุคสมัยไหนผู้คนและรถราก็ดูจะคึกคักและหนาแน่นก