เมื่อกลุ่มของเคี้ยงเดินทางมาถึงโรงพยาบาลประจำอำเภอในช่วงสายของวัน บรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยรวมก็ยังคงมีผู้คนเดินขวักไขว่และกลิ่นยาจาง ๆ เหมือนเช่นเคยแม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์ก็ตาม
เคี้ยงเดินตรงไปยังเตียงที่พักของประทีปซึ่งอยู่มุมเดิม ทันทีที่เลี้ยวพ้นม่านกั้นเตียง หล่อนก็เห็นภาพที่ทำให้หัวใจของคนเป็นแม่อบอุ่นขึ้นมาทันที
ตี๋เล็กลูกชายคนเล็กของตนกำลังช่วยพยุงร่างอันผ่ายผอมของประทีปที่พยายามจะขยับตัวบนเตียงอย่างช้า ๆ ที่แขนข้างหนึ่งของประทีปนั้นมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางลงมาจากเสาข้างเตียง ปลายเข็มถูกติดเทปไว้กับหลังมือซีด ๆ ของเขา แสดงให้เห็นว่าร่างกายของเขายังคงอ่อนแอและต้องการสารอาหารทางสายเลือดอยู่
"ค่อย ๆ นะครับคุณอา เดี๋ยวผมช่วยจับ" เสียงของใช้ดังขึ้นท่าทางของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
"อ้าว ม๊า! อาหมวย พี่เกสร อายุ่ง มากันแล้วเหรอครับ" ใช้เหลือบมาเห็นพวกแม่พอดีจึงเอ่ยทัก สีหน้าของเขาดูจะอดนอนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มีแววอิดโรยแต่อย่างใด
เคี้ยงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มให้ลูกชายและรีบเดินเข้าไปใกล้ วางปิ่นโตที่ถือมาลงบนโต๊ะเล็กข้างเตียงถามด้วยค
สามวันต่อมา...เมื่อเพ็ญเห็นว่าเสี่ยไม่สนใจที่จะทำตามคำแนะนำของเธอจริง ๆ หล่อนก็แอบไปว่าจ้างกลุ่มนักเลงหัวไม้กลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นพวกอันธพาลรับจ้างทั่วไปในย่านตึกเก่าแถวตลาดพวกมันมีชื่อเสียงในเรื่องความโหดเหี้ยมและไม่เกรงกลัวกฎหมาย และยังเป็นที่รู้กันว่าบางครั้งเสี่ยเฮงก็เคยใช้บริการคนพวกนี้ไปทวงหนี้เช่นกัน"ฉันต้องการให้พวกแกไปสั่งสอนอีนังแม่ค้าหน้าใหม่ที่มันมาเปิดร้านบนที่ดินริมบึงบัว!" เพ็ญสั่งการด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม "เอาให้ร้านมันพังพินาศไปเลย! ถ้าจะให้ดีก็จุดไฟเผามันให้วอดวายไปเลย!""ที่ดินริมบึง...ผีมันดุเอาเรื่องอยู่นะ เอ็งจะจ้างพวกข้าเท่าไหร่ล่ะ" เข้มหัวหน้านักเลงถามพลางพ่นควันยาเส้นใส่หน้าของหล่อน"สามพัน!" เพ็ญพูดอย่างไม่เสียดายเงิน ทั้งนี้เพราะหล่อนได้เงินมาจากเสี่ยเฮงตั้งเป็นหมื่นเข้มกับพรรคพวกอีกสามคนหันหน้ามองกัน แววตาฉายความลังเลระคนโลภ สามพันบาท! มันเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยสำหรับงานสกปรก ๆ แบบนี้ มากพอที่จะแบ่งกันแล้วยังมีเหลือไปเที่ยวเตร่ ซื้อเหล้ากินได้อีกหลายวัน"ว่าไงวะพวกมึง?" เข้มหันไปถามลูกน้องเสียงเข้ม "ที่ผีดุพวกมึง
กลุ่มของทูนมองตามแผ่นหลังของหลินที่วิ่งกลับไปทางบ้านด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนจะหันมามองหน้ากันเองด้วยสีหน้าอิดโรยและเจ็บปวด"แม่งเอ๊ย... โดนซะยับเลยว่ะพวกเรา" ทูนสบถพลางกุมท้องตัวเองที่โดนอัดไปหลายหมัด"ก็พวกมันเล่นมากันเยอะนี่หว่าลูกพี่ แถมยังมีไม้ มีมีดอีก" ไม้พูดพยายามจะลุกขึ้นยืนแต่ก็เซเล็กน้อยจนกิ่งรีบเข้าไปช่วยประคองพวกเขาค่อย ๆ ช่วยกันพยุงร่างอันสะบักสะบอมของแต่ละคนไปนั่งพักพิงอยู่กับกำแพงโกดังเก่าแถวนั้นรอคอยการกลับมาของหลินและความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ไม่นานนักหลินก็วิ่งนำหน้าอาม่าเคี้ยงและมีเกสรเดินตามมาอย่างสงบอยู่ข้างหลังกลับมาถึงที่เกิดเหตุ เคี้ยงพอเห็นสภาพของพวกทูนที่แต่ละคนมีรอยฟกช้ำดำเขียว เลือดไหลซิบ ตามมุมปากและแขนขาก็ถึงกับตกใจ"ทำไมถึงโดนซ้อมขนาดนี้" นางถามเสียงดังด้วยความเป็นห่วงทูนพยายามจะยืดตัวทำท่าเข้มแข็ง แม้จะยังเจ็บระบมไปทั้งตัว "ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับป้าเคี้ยง..." เขาพูดพลางปาดเลือดที่มุมปาก"...พอดี... คนมันหน้าตาดีก็อย่างนี้แหละครับ มีคนมาอิจฉา มาหาเรื่องเป็นธรรมดา" เขาพูดติดตลกพลางยกยิ้มเพื่อจะกล
เสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์คำรามลั่นก้องไปทั่วบริเวณลานแสดง! นักบิดผาดโผนในชุดหนังเท่ ๆ สองคนทะยานรถคู่ใจขึ้นไปบนผนังถังไม้ขนาดใหญ่ยักษ์วนรอบแล้วรอบเล่าด้วยความเร็วที่น่าหวาดเสียวท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างไม่น่าเชื่อ! ผู้ชมที่ยืนเกาะรั้วไม้ระแนงอยู่ขอบถังด้านบนต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องเชียร์ด้วยความตื่นเต้นระคนเสียวไส้ บางคนถึงกับเผลอยกมือขึ้นปิดตาแต่ก็ยังแอบมองลอดช่องนิ้วอยู่ดีหลินเองก็เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าอย่างไม่กะพริบ แม้จะเคยเห็นการแสดงผาดโผนที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้มามากในโลกอนาคตแต่การได้มาเห็นของจริงในยุคนี้มันก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง มันคือความดิบ ความกล้า และความสามารถเฉพาะตัวของนักแสดงล้วน ๆ โดยไม่มีเทคนิคพิเศษใด ๆ เข้ามาช่วยใช้กับพวกทูนนั้นไม่ต้องพูดถึง พวกเขากำลังตะโกนเชียร์และปรบมือเสียงดังลั่นอย่างสนุกสุดเหวี่ยง ส่วนสหายต่างภพทั้งสามตนที่จำแลงกายมาก็ยืนมองการแสดงนั้นด้วยแววตาที่ทึ่งและประหลาดใจไม่แพ้มนุษย์คนอื่น ๆเมื่อการแสดงสุดยอดผาดโผนจบลงทุกคนก็ยังคงอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้น คืนวันลอยกระทงนั้นผ่านพ้นไปอย่างรวดเ
หลินรู้สึกว่าเธอคงจะไม่สามารถพูดคุยกับป๊าได้รู้เรื่องดังนั้นเธอจึงได้เก็บงำเรื่องนี้เอาไว้ก่อนและตั้งใจจะมาถามแม่ดังนั้นวันถัดมาหลังจากจัดการธุระส่วนตัวและพอจะมีเวลาได้อยู่กันตามลำพังกับแม่สองคน หลินก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจเธออย่างที่สุด"แม่คะ..." เธอเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติ"...เมื่อวานหนูได้ยินป๊าพูดถึงเจ็กยุ่งน่ะค่ะ เขาเป็นใครเหรอคะ? แล้ว... เหมือนป๊าจะเสียใจมากเลยเวลาพูดถึงเขา... มันเกิดอะไรขึ้นกับเขาเหรอคะ?"แม่ของหลินที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่ชะงักมือเล็กน้อย สีหน้าสลดลงทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น เธอถอนหายใจยาวก่อนจะหันมามองหน้าลูกสาวด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย"เรื่องนี้" หล่อนพึมพำเสียงแผ่ว "นานมากแล้วนะที่ไม่ได้ยินใครพูดถึงชื่อนี้"หญิงสาววางผ้าในมือลง มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยราวกับกำลังย้อนรำลึกถึงอดีตอันไกลโพ้น"เจ็กของลูกคนนี้เขาน่าสงสารมากเลยนะเท่าที่แม่รู้ เขามีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มี สมัยที่ป๊าของหนูยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ครอบครัวของอากงกับอาม่าได้รับอุปการะไว้ แม้ว่าแม่ของเขาจะส่งเสียเป็นรายเดือนก็ตาม รวมถ
"เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะ!" เสียงอุทานด้วยความตกใจดังลั่นจากลูกค้าหลายโต๊ะตามมาด้วยเสียงกระซิบกระซาบที่ฟังไม่ได้ศัพท์แต่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและเกรี้ยวกราดดังขึ้นรอบทิศทาง! คราวนี้ไม่ใช่แค่หลินที่ได้ยินแต่ทุกคนในบริเวณนั้นแม้แต่เพ็ญเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่มองไม่เห็นและกำลังคุกคาม! โคมไฟประดับที่หลินแขวนไว้เริ่มแกว่งไกวไปมาเองทั้งที่ไม่มีลมแม้แต่นิดเดียว"อะไรกัน! พวกแกเล่นตลกอะไรกับฉัน!" เพ็ญตวาดเสียงสั่นพยายามข่มความกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ หล่อนกวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวงแต่ความรู้สึกกดดันและเย็นยะเยือกนั้นดูเหมือนจะพุ่งเป้ามาที่เธอโดยเฉพาะ! เพ็ญรู้สึกเหมือนมีสายตานับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องมาที่ตนด้วยความอาฆาตแค้น เธอเริ่มหน้าซีดตัวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ขนลุกซู่ไปทั้งตัว!เกสรที่ยืนมองเพ็ญด้วยแววตาที่เย็นชาอยู่แล้ว มุมปากของนางยิ่งยกขึ้นสูงอย่างเย้ยหยัน นางไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการอนุญาตให้เหล่าดวงวิญญาณเจ้าถิ่นที่เคยได้เจรจาไว้แล้ว ได้แสดงความไม่พอใจต่อผู้ที่มาดูหมิ่นเจ้าของบ้านคนใหม่ที่พวกเขายอมรับแล้วเท่านั้นเอง"กรี๊ดดดดด
ในช่วงเวลาพักกลางวัน หลินกับยุ่งตกลงกันว่าจะเดินไปหาใช้เพื่อกินข้าวด้วยกัน ในระหว่างนั้นใช้ผู้เติบโตเป็นหนุ่มน้อยวัยสิบห้าปีเต็มกำลังศึกษาอยู่ในชั้น ม.ศ.3 ของของโรงเรียนประจำอำเภอ ที่กำลังจะเปิดกล่องข้าวอยู่กับเพื่อนสนิทกลุ่มเล็ก ของเขาใต้ต้นมะม่วงใหญ่หลังอาคารเรียน ทันใดนั้นเพื่อนคนหนึ่งที่เพิ่งวิ่งหน้าตื่นมาจากทางหน้าโรงเรียนก็รีบตรงเข้ามาหา"เฮ้ย! ไอ้ใช้! แย่แล้ว!" เพื่อนคนนั้นพูดเสียงหอบ "เมื่อกี้อั๊วได้ยินพวกนักเรียนจากโรงเรียนสหฯ มันคุยกันโขมงโฉงเฉงเลยเว้ย! เขาว่า... เขาว่าพวกไอ้ทูนเพื่อนลื้อน่ะ มีเรื่องกับนักเลงต่างถิ่นกลุ่มใหญ่ที่ท้ายตลาด! เห็นว่าโดนล้อมอยู่ ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง!""หา! จริงเหรอวะ!?" ใช้ถึงกับวางช้อนข้าวลงทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในบัดดล แม้จะเคยเป็นคู่อริกันมาก่อน แต่ตอนนี้พวกทูนก็เหมือนพี่น้องเพราะทำงานร่วมกันมานาน เขาจะปล่อยให้เพื่อนโดนรังแกไม่ได้!"แล้วพวกมันเป็นยังไงบ้างวะ! มีใครไปช่วยรึยัง!""อั๊วก็ไม่รู้ว่ะ เห็นเขาว่ายังไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเลย พวกนั้นมันพกมีดพกไม้กันมาด้วย!"