1 อาทิตย์ผ่านไป
นับว่าโชคยังดีที่การัณย์ยังไม่ได้ติดต่อมากวนใจเธอเท่าไหร่นัก จะมีก็แต่เข้ามากดไลก์ , Comment โพสต์ใน I* เธอทันทีที่ลงรูป เรียกได้ว่าเขาแสดงได้สมบทบาทมากทีเดียว เพราะกับผู้หญิงคนอื่นที่เคยเป็นข่าวกับเขานั้นไม่มีใครเคยได้รับการแสดงออกแบบนี้เลย
แต่เขาก็คงทำ ๆ ไปงั้น เพราะความเกรงใจที่มีต่อครอบครัวเธอด้วยแหละมั้ง ยังไงก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก
จริง ๆ เธอก็ไม่น่าอกหักจนไปทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นเลย แต่หลังจากวันที่แยกจากกันที่บริษัท เธอก็กลับมาสำรวจร่างกายตัวเองแล้วแหละ ว่ามันน่าจะจบที่ท่อนบนจริง ๆ เพราะเธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าตัวเองเสียตัวไปหรือยัง
แล้วก็ขอโทษได้ไหมล่ะที่เสี้ยวหนึ่งแอบไปคิดว่าเพราะของเขาเล็กน่ะ อันที่จริงขนาดอาจจะใหญ่มากก็ได้ ก็เขามีเชื้อตะวันตกนี่นะ เดี๋ยวนะ! เธอจะไปคิดเรื่องขนาดของเขาทำไมเนี่ย! ลืมไปเดี๋ยวนี้เลย
“เฮ้อ…” แต่ถ้าจะพูดถึงต้นเหตุที่ทำให้เธอทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ ที่คลับ ก็คงจะนับเป็นเรื่องดีเพราะตั้งแต่มีเรื่องของพี่กายเข้ามา เธอก็ไม่ได้นึกถึงผู้ชายหลอกลวงคนนั้นเลย แม้ว่าเขาจะส่งข้อความมาถามไถ่ผ่าน Line แต่เธอก็หาได้แคร์
อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอมีแฟน (ปลอม) เป็นตัวเป็นตนแล้ว แถมหล่อ รวย และแซ่บกว่าคนใจหมาเป็นล้านเท่า
ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไอ้การ ‘ทำให้เขาพอใจ’ เนี่ย คำตอบมันคืออะไรกันแน่
‘อยากเจอต้องได้เจอ อยากคุยต้องได้คุย อยากทำอะไรต้องได้ทำ’ แล้วทำที่ว่านี่มันหมายถึง ‘ทำ’ อะไรและถึงขั้นไหนกันล่ะ กรี๊ดดด ไม่อยากจะคิด!
ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะทำใจมาในระดับหนึ่งแล้วว่าต้องเจอกับอะไร แต่มันก็ยังหวั่น ๆ อยู่ดีว่าโทรศัพท์จะดังเมื่อไหร่
Rrrr Rrrr
วรัญชิตากลอกตาขึ้นด้านบนอย่างเบื่อหน่าย…โอเคเลยชีวิต จะบ้าตายรายวัน พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์ก็ดังแล้ว และไม่ต้องสงสัยเลยว่าใคร
“ค่ะ”
[รับสายเย็นชาจังครับ]
“มีอะไรคะ”
[วันนี้พี่น่าจะอยู่ออฟฟิศจนดึก ทำข้าวกล่องมาให้หน่อยสิครับ]
“แต่ไวน์ทำไม่เป็น สั่งมาไม่ได้เหรอคะ”
แค่ไข่เจียวง่าย ๆ เธอยังไม่เคยลงมือทำสักครั้ง อย่าฝันถึงข้าวกล่องที่มีเมนูและเครื่องเคียงหลากหลายเลย
[ลืมข้อตกลงของเราแล้วเหรอ]
นั่นไง! นึกไว้แล้วเชียวว่าต้องมาไม้นี้ แล้วจะให้เธอทำอย่างไรได้นอกจากตอบตกลง
“ค่ะ เดี๋ยวทำให้ค่ะ”
[ดีมากเด็กดี ถ้าอย่างนั้นอีก 2 ชั่วโมงเจอกัน แล้วอย่าให้รู้ว่าให้คนอื่นทำให้นะ ไม่งั้นโดนดีแน่]
“อะไรนะคะ!2 ชั่วโมงเหรอ เดี๋ยวสิ ฮัลโหล!”
-Beep-
บ้าเอ๊ย! แค่ 2 ชั่วโมงมันจะไปพออะไรกันเล่า แค่เตรียมของก็กินเวลาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ไหนจะคิดเมนูอีก แล้วเธอก็ทราบดีว่าการจราจรช่วงเย็นน่ะรถติดแน่นขนัดสาหัสสุด ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมีเวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงในการทำข้าวกล่องบ้าบอนี้
“บ้าอำนาจ!” หญิงสาวบ่นอุบอิบและรีบวิ่งลงจากห้องนอนตรงมาที่ห้องครัวใหญ่ โดยมีพี่อิ่มนั่งอยู่ข้างในนั้นพอดี
“พี่อิ่มคะ ไวน์มีเวลาสองชั่วโมงในการทำข้าวกล่องไปให้พี่กายค่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง”
“เดี๋ยวพี่ช่วยค่ะคุณหนู”
“แค่คอยบอกวิธีข้าง ๆ ก็พอค่ะ ขืนพี่อิ่มช่วยทำพี่กายได้รู้พอดีว่าไวน์ไม่ได้ทำเอง”
“ได้ค่ะ งั้นเริ่มจากรีบหุงข้าวก่อนเลยค่ะเดี๋ยวไม่ทัน”
หลังจากนั้นวรัญชิตาและพี่เลี้ยงก็รีบกุลีกุจอเริ่มต้นทำข้าวกล่องเบนโตะทันที โดยเริ่มจากการหุงข้าวหอมมะลิให้นุ่มฟูน่ารับประทาน
คนตัวเล็กจัดการเปิดตู้เย็นและหยิบวัตถุดิบอย่าง ไข่ ผัก และอกไก่ ออกมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว
เมนูที่วรัญชิตานึกออกมันก็มีแค่ ไก่ทอด ไข่ดาว และผักเครื่องเคียง และแน่นอนว่าเธอไม่เคยทำแม้กระทั่งการทอดไข่ ก็คนมันถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนู 100% จะทำไงได้
50 นาทีผ่านไป
ไม่น่าเชื่อว่าข้าวกล่องจะออกมาดูดีกว่าที่คิดไว้ ไก่ทอดที่ควรจะกรอบนอกนุ่มในแต่กลับไหม้เป็นส่วนมาก ข้าวหอมมะลิที่ตั้งใจให้นุ่มฟูแต่แฉะอย่าบอกใคร ที่พอจะรอดก็มีแค่ไข่ดาวที่พอไปวัดไปวาได้
ถึงแม้ว่าระหว่างที่ทำจะมีแต่เสียงกรี๊ดประกอบเนื่องจากกลัวน้ำมันกระเด็น บวกกับโดนมีดบาดตอนหั่นไก่เล็กน้อย แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมใส่กล่องเก็บอาหารจำเป็นที่หาได้จากในบ้านเรียบร้อย
ดูไปดูมาก็ภูมิใจเหมือนกันนะเนี่ย…
เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ คนตัวเล็กจึงรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องและอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปออฟฟิศของการัณย์
เธอสวมเสื้อสเวตเตอร์แขนสั้นสีงาช้างของ Dior กับกางเกงขายาวทรงกระบอกสีดำ ผมที่ยุ่งเหยิงจากการทำครัวเมื่อกี้ ถูกหวีจนยาวสลวย ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มบาง ๆ ด้วยเครื่องสำอาง
ถึงแม้จะแค่เอาข้าวไปส่งแต่ก็ต้องสวยพริ้งเพราะเราคือไฮโซสาวค่ะ!
หญิงสาวลงมาจากชั้นบน และพาตัวเองเข้ามาอยู่ในรถตู้สีขาวเรียบร้อย โดยไม่ลืมที่จะหยิบถุงข้าวกล่องของคนพี่มาด้วย
ในระหว่างการเดินทางเธอก็ไถหน้าฟีตบน F******k ไปเรื่อย อันที่จริงข่าวของเขากับเธอก็ยังคงเป็นประเด็นร้อนอยู่
พอหลังจากที่เขาลงสตอรี่เปิดตัวไป I*******m ของเธอก็แทบแตก มีคนเข้ามา Follow เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ถึงจากเดิมเธอก็เป็นที่รู้จักมีคนฟอลหลักแสนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้หญิงสาวกลายเป็นที่น่าจับตาของสังคมมากขึ้น
เพราะสองทายาทตระกูลมหาเศรษฐียักษ์ใหญ่ของประเทศประกาศคบหากันนั้นย่อมสร้างแรงกระเพื่อมทางธุรกิจโดยตรง
ลองอ่านทิศทาง Comment หน่อยแล้วกัน…
‘อยากเม้าธ์นะแต่เงินในบัญชีมีน้อย 5555’
‘วงในเม้าธ์มาว่านางเป็นมือที่สามไม่ใช่เหรอ’
‘รู้มาสักพัก แต่พูดไม่ได้จริง ๆ ’ แล้วพูดหาญาติเธอหรือไง ยิ่งอ่านยิ่งฉุน!
จะบ้าตายกับแต่ละคอมเมนต์ ชาวเน็ตนี่มันมโนกันไปเรื่อยจริง ๆ เธอก็ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นมือที่สามสี่ห้าของการัณย์หรือเปล่า เพราะปกติเธอก็ไม่ได้ใส่ใจว่าเขาจะออกเดตกับใคร แต่เท่าที่รู้มาคือเขาโสดมาตั้งหลายเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ จะไปเป็นมือที่สามได้ยังไง
นังพวกชาวเน็ตและสะใภ้มโนก็คงจับแพะชนแกะไปเรื่อย อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าฟ้องเรียกค่าเสียหายสักคนละ 10 ล้านยังจะกล้าเห่าอยู่ไหม
คิดแล้วก็โมโหจริง ๆ คนอย่างวรัญชิตาไม่เคยปล่อยให้ใครด่าแล้วลอยนวลไปได้ง่าย ๆ แต่ต้องมานั่งอดทนเพราะความเป็นผู้บริหารของบริษัทและห้างที่ยังต้องพึ่งกำลังซื้อของประชาชนอยู่นี่แหละ
“เซ็ง!” หญิงสาวพ่นลมหายใจฮึดฮัด ก่อนจะเอนตัวแนบกระจกและดูรถติดไปเรื่อย และหลังจากการเดินทางอันยาวนานร่วม 40 นาที ในที่สุดรถตู้สีขาวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าตึกใหญ่โตที่เป็นที่ทำงานของการัณย์ได้ทันเวลา มือเรียวถือถุงข้าวกล่องไว้แน่น พลางกดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 18 ด้วยอาการตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะเธอเคยมาที่นี่เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วแค่ครั้งเดียวแต่ก็ทราบดีว่าบ้านนี้เขาทำงานกันคนละชั้น
ลิฟต์ใหญ่เคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ จนหยุดเปิดรับคนที่ชั้น 7
“อ้าว น้องไวน์”
“พี่เก้า! สวัสดีค่ะ” คนตัวเล็กยกมือไหว้เก้ากวินทร์ด้วยความเคยตัว เพราะเขาอายุมากกว่าเธอถึง 7 ปี แล้วที่สำคัญเธอกับเขาก็เคยเจอกันในงานเลี้ยงสังคมเหมือนกับการัณย์อยู่แล้ว
จะต่างกันก็ตรงความรู้สึก… กับคนบ้าคนนั้นเธอจะรู้สึกไม่อยากเจอและคอยหลบหน้าตลอดเพราะเขาเอาแต่แกล้งเธอ แต่กับเก้ากวินทร์นั้นต่างออกไป เพราะเธอมักจะมองเขาอย่างชื่นชมจากความใจดี สุภาพ และดูเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่วัยรุ่น
“สวัสดีครับ มาหากายเหรอ” เขาเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ
“เอ่อ…ค่ะ”
เธอตอบเขาไปอย่างอึดอัด ใช่อยู่ว่าตอนนี้ทุกคนในครอบครัวเขาน่าจะรู้ว่าเธอกำลังคบกับการัณย์แบบแกล้ง ๆ แต่ถ้าตอบว่า “ใช่ค่ะ ไวน์ทำข้าวกล่องมาให้พี่กาย” มันก็จะดูยังไง ๆ อยู่นะ
“เป็นไงบ้างครับ สบายดีไหม”
“สบายดีค่า พี่เก้าล่ะคะ”
“สบายดีครับ”
เขาตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ คนตัวเล็กได้แต่ลอบมองเสี้ยวหน้าคมคายนั้นเงียบ ๆ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ออร่าความอบอุ่นใจดีของเขาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อลิฟต์เดินทางมาหยุดที่ชั้น 18 เก้ากวินทร์ก็ผายมือให้ร่างบางเดินออกไปก่อน โดยที่เขาเดินตามออกมา
“เดี๋ยวพี่เดินไปส่งครับ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณพร้อมเดินเคียงคู่ไปกับเก้ากวินทร์ เธอเคยมาตึกนี้ก็เมื่อหลายปีมาแล้ว แถมตึกก็ใหญ่โตโอ่อ่า มีคนเดินเป็นเพื่อนนำทางไปห้องทำงานของการัณย์ก็ดีเหมือนกัน
“อ้อ! จริงสิ อาทิตย์หน้าพี่จะจัดงานเลี้ยงหน้ากาก น้องไวน์ก็มาด้วยกันสิครับ” เก้ากวินทร์เอ่ยชวนระหว่างทาง
“โห อาทิตย์หน้าเองเหรอคะ ไวน์จะลดพุงทันไหมเนี่ย”
เขาถึงกับหลุดขำให้กับความน่าเอ็นดูของวรัญชิตา ตัวบางแค่นี้จะมีพุงที่ไหนกัน
“พี่ก็ไม่มั่นใจว่าสิวจะหายทันไหมเหมือนกัน ฮ่า ๆ ”
สิว?หน้าหล่อเนียนกริบขนาดนี้จะเอาสิวมาจากไหนคะคุณพี่! รู้อยู่หรอกว่าเล่นมุกตามมารยาท
สองหนุ่มสาวเดินคุยกันมาตามทางอย่างอารมณ์ดี จนเมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าบริเวณห้องทำงานของการัณย์ และได้พบกับสาวิตรีเลขาหน้าห้องของเขา
“สวัสดีค่ะคุณเก้า, คุณไวน์”
“ครับพี่ส้ม เลี้ยงเจ้ากายเหนื่อยหน่อยนะครับ”
เก้ากวินทร์เอ่ยแซว เพราะสาวิตรีเคยเป็นเลขามากประสบการณ์ที่ทำงานกับคุณพ่อเขามากว่า 20 ปี
ด้วยความที่น้องคนเล็กอย่างการัณย์เพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทได้ไม่นานนัก เจ้าสัวกรรชัยเลยต้องส่งเลขามืออาชีพมาประกบ
“อย่าเอ็ดไปค่ะ เดี๋ยวโดนดุนะ!” สาวิตรีกระซิบอย่างอารมณ์ดี
วรัญชิตาได้แต่หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เพราะเธอก็พอจะเข้าใจอยู่ว่าการัณย์เป็นลูกชายคนเล็ก ย่อมต้องมีมุมเด็ก มุมเอาแต่ใจบ้างเป็นธรรมดา
และในระหว่างที่ทั้ง 3 คนนั้นกำลังหัวเราะกัน ประตูห้องทำงานของการัณย์ก็เปิดออกมา
ทันทีที่ร่างสูงปรากฏตัวพร้อมใบหน้าบึ้งตึง ทุกคนก็เงียบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“มาด้วยกันได้ยังไง”
คนตัวสูงเอ่ยถามเสียงดุจนแม้แต่วรัญชิตาเองก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่น่าสะพรึงกลัวจากตัวเขา
“เจอกันในลิฟต์เมื่อกี้ กูแค่เดินมาส่งน้อง”
“ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้มึงรับหน้าที่เป็นไกด์นำทางด้วย”
เก้ากวินทร์เลือกจะไม่ตอบโต้ เพราะไม่อยากทะเลาะกันต่อหน้าคนอื่น จึงทำเพียงหันไปยิ้มอ่อนให้คนตัวเล็กข้าง ๆ และโบกมือลา พร้อมทั้งสาวิตรีก็เดินปลีกตัวออกไปอย่างรู้งาน
สถานการณ์ตึงเครียดตกอยู่ที่หญิงสาวเต็ม ๆ เพราะตอนนี้เหลือแค่เธอกับเขาสองคนแล้ว
“เข้ามา!”
เธอทำได้เพียงเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงานโดยที่มือน้อยบีบถุงข้าวกล่องไว้แน่น
ตอนนี้ในห้องทำงานของเขาเงียบสงัดจนได้ยินเสียงการทำงานของเครื่องปรับอากาศและการพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ราวกับต้องการจะสบถ
อันที่จริงเธอก็พอจะรู้อยู่ว่าเขาเป็นพี่น้องที่ต่างกันสุดขั้วและดูไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดว่าการเมืองภายในของทั้งสองคนจะตึงเครียดขนาดนี้
หญิงสาวพยามคิดหาสาเหตุที่พวกเขาบาดหมางกันพลางลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้สันกรามคมคายขบกันจนเกิดสันนูน
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกดดันนี้ทำให้วรัญชิตาเองก็อดรู้สึกผิดไม่ได้…น้ำเสียงตอนที่เขาโทรมาหาเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วยังดูอารมณ์ดีอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมีแต่ความเงียบเข้าปกคลุม
“เอ่อ…นี่ค่ะ”
คนตัวเล็กตัดสินใจทำลายความเงียบด้วยการวางกล่องข้าวไว้บนโต๊ะกระจกตรงกลางโซฟาสีดำ
ตอนนี้ทำใจดีสู้เสือไปก่อนแล้วกัน…
“กลับไปก่อนเถอะ”
“คะ?”
“พี่จะทำงานต่อ ขอบคุณมากสำหรับข้าว” ว่าจบคนตัวสูงก็นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานพลางหมุนไปทางวิวตึกผ่านหน้าต่างกระจกโดยไม่แม้แต่จะชายตามามองกล่องข้าวที่วางไว้เลย
ก็คิดอยู่แล้วว่าเขาน่าจะอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่นึกว่าเขาจะไม่ใยดีข้าวกล่องของเธอขนาดนี้…
ถึงแม้มันอาจจะดูห่วย แต่เมื่อเขาบอกให้ทำเธอก็ตั้งใจและพยายามอย่างสุดฝีมือจนออกมาเป็นข้าวกล่องที่เธอภูมิใจ
ต่อให้อยากถามแทบตายว่าเขาเป็นอะไร แต่ด้วยนิสัยไม่ชอบเซ้าซี้ใครเธอเลยทำได้แค่ต้องหยิบกระเป๋าและลุกออกไปจากห้องเงียบ ๆ
ในจังหวะที่กำลังจะเปิดประตู เสียงทุ้มที่แสดงความคุกรุ่นก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ถ้ายังอยากจะเล่นบทแฟนพี่อยู่…ก็อย่าไปยุ่งกับไอ้เก้าให้พี่เห็นอีก”
“พี่ไม่ชอบ”
แม้ว่าเขาจะยังไม่หันเก้าอี้กลับมาสบตากับเธอ แต่หญิงสาวก็พอเดาได้ว่าความรู้สึกของเขาตอนนี้ต้องโกรธาราวกับมีลาวาประทุอยู่ในใจแน่นอน
หญิงสาวตัดสินใจไม่ตอบอะไรกลับไป ถึงแม้อยากจะตะโกนด่าคืนแค่ไหนแต่เธอก็เลือกที่จะปิดประตูและเดินออกมาเงียบ ๆ …
บอกตรง ๆ ว่าเธอเองก็โคตรไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองทำอะไรผิดนักหนา เขาถึงได้เย็นชาใส่กันขนาดนั้น
เรื่องที่เขาสองคนไม่ถูกกันน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ประโยค “ถ้าอยากจะเล่นบทแฟนพี่อยู่” มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างไรชอบกล
เธอรู้ตัวดีว่าเรื่องทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเธอเองนั่นแหละที่สร้างปัญหาจนเขาต้องมาเสียเวลารับผิดชอบการกู้ภาพลักษณ์ของเธอ
แต่การพูดย้ำเตือนแสดงจุดยืนว่าเราสองคนเป็นแค่แฟนจอมปลอมก็ดีเหมือนกัน เพราะเธอจะได้นับเวลาถอยหลังรอวันที่จะเป็นอิสระต่อกันเสียที…
1 อาทิตย์ผ่านไปนับว่าโชคยังดีที่การัณย์ยังไม่ได้ติดต่อมากวนใจเธอเท่าไหร่นัก จะมีก็แต่เข้ามากดไลก์ , Comment โพสต์ใน IG เธอทันทีที่ลงรูป เรียกได้ว่าเขาแสดงได้สมบทบาทมากทีเดียว เพราะกับผู้หญิงคนอื่นที่เคยเป็นข่าวกับเขานั้นไม่มีใครเคยได้รับการแสดงออกแบบนี้เลยแต่เขาก็คงทำ ๆ ไปงั้น เพราะความเกรงใจที่มีต่อครอบครัวเธอด้วยแหละมั้ง ยังไงก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็กจริง ๆ เธอก็ไม่น่าอกหักจนไปทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นเลย แต่หลังจากวันที่แยกจากกันที่บริษัท เธอก็กลับมาสำรวจร่างกายตัวเองแล้วแหละ ว่ามันน่าจะจบที่ท่อนบนจริง ๆ เพราะเธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าตัวเองเสียตัวไปหรือยังแล้วก็ขอโทษได้ไหมล่ะที่เสี้ยวหนึ่งแอบไปคิดว่าเพราะของเขาเล็กน่ะ อันที่จริงขนาดอาจจะใหญ่มากก็ได้ ก็เขามีเชื้อตะวันตกนี่นะ เดี๋ยวนะ! เธอจะไปคิดเรื่องขนาดของเขาทำไมเนี่ย! ลืมไปเดี๋ยวนี้เลย“เฮ้อ…” แต่ถ้าจะพูดถึงต้นเหตุที่ทำให้เธอทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ ที่คลับ ก็คงจะนับเป็นเรื่องดีเพราะตั้งแต่มีเรื่องของพี่กายเข้ามา เธอก็ไม่ได้นึกถึงผู้ชายหลอกลวงคนนั้นเลย แม้ว่าเขาจะส่งข้อความมาถามไถ่ผ่าน Line แต่เธอก็หาได้แคร์อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอมีแฟน (
นี่ไง ความปลอมของเขามักจะเผยออกมาตอนอยู่กันสองคนเสมอ ต่อหน้าผู้ใหญ่น่ะดูเป็นคนดีเสียเหลือเกิน แต่ลับหลังมีความแต่ความเจ้าเล่ห์ไม่มีใครเหมือน!“อะไรอีกคะ” “มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสิ” คนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอม Tom Ford จากตัวเขา“รู้ใช่ไหมว่าพี่ไม่ได้ต้องการแค่คำขอบคุณน่ะ”วรัญชิตาได้แต่ขยับถอยจนแผ่นหลังแทบจะติดกับผนัง แต่ก็ยังทำใจกล้าจ้องมองเขาอย่างไม่กลัวใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบที่อยู่ในระยะที่ใกล้ชิดกันทำให้เธอได้สังเกตเห็นดวงตาคมกริบสีฟ้าเข้มที่สวยงามราวกับดวงดาวเมื่อถูกประดับอยู่บนใบหน้าสง่างามนี้เขาคือความลงตัวที่พระเจ้าสร้างมาให้ชัด ๆ ใบหน้าหล่อคมเข้มแบบเอเชีย แต่มีดวงตาสีฟ้าเข้มจากสายเลือดตะวันตกที่อยู่ในตัวเขาเสี้ยวหนึ่ง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาว ๆ แต่ละคนถึงอยากเป็นสะใภ้เล็กแห่งบ้านแสนวัฒนกุลกันนักหญิงสาวเผลอจ้องมองใบหน้าฟ้าประทานนั้นอย่างลืมตัว เธอจึงรีบหลับตาลงเพราะทนไม่ไหวกับสายตาพราวเสน่ห์ที่ทำให้เธอหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา“พี่ต้องการอะไร…” วรัญชิตากลั้นหายใจและหลับตาปี๋ เพราะใบหน้าคมของคนเจ้าเล่ห์เคลื่อนไหวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนพวงแก้มใสรับรู้ได้ถึงองศ
“วันนี้มาประชุมแทนพี่เก้าเหรอลูก” นุชนาทรับไหว้พร้อมเอ่ยทักอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเอ่ยถึงชื่อพี่ชายคนโตของตระกูลแสนวัฒนกุล“ครับคุณป้า…พอดีวันนี้เก้าติดประชุมตอนเช้าครับ” “ดีเลย อนาคตยังไงก็ต้องมาบริหารอยู่แล้ว ฝึก ๆ ไว้ดีแล้วจ้ะ” “ครับคุณป้า” น้ำเสียงท่าทีแสนสุภาพของเขาทำให้เธอรู้สึกอยากจะอ้วกออกมา เขาก็แบบนี้แหละ เป็นที่รักของผู้หลักผู้ใหญ่ตลอด“น้องไวน์หายแฮ้งหรือยังครับ” อยู่ดี ๆ การัณย์ก็ทำลายความเงียบในลิฟต์ด้วยประโยคที่ดูยังไงก็จงใจจะหาเรื่องแกล้งเธอ“หายแล้วค่ะ” “เมื่อคืนสนุกไหม”โว๊ยยย! จะเอ่ยถึงเมื่อคืนหาพระแสงอะไร! แถมเอ่ยต่อหน้าใครไม่เอ่ย มาเอ่ยต่อหน้าพ่อกับแม่เธอเนี่ยนะ แล้วอีคำว่าเมื่อคืนเนี่ยเธอรู้นะว่าเขาหมายถึงอะไร!“สนุกค่า พี่กายก็หัดไปสนุกบ่อย ๆ บ้างนะคะ หน้าจะได้ไม่แก่ค่ะ” เธออดไม่ได้ที่จะแอบกัดแซะคนที่ยืนยิ้มกวนส้นใส่เธอติ๊ง!“เดี๋ยวยังไงลุงกับป้าไปเตรียมตัวก่อน เด็ก ๆ คุยกันไปก่อนนะ” ทันทีที่ถึงห้องรับรอง พ่อกับแม่ก็ทิ้งเธอไว้กับชายหนุ่มแต่เพียงลำพังเมื่ออยู่กันสองคนก็ได้เวลาเช็กบิล…“นี่! กล้าดียังไงมาที่นี่อีกคะ!” เสียงหวานจัดการสาดคำพูดออกไปใส่คนตัวสูงที่ตอ
-Beep-เธอแตะคีย์การ์ดและพาการัณย์เข้ามายังคอนโด ไม่สิ ต้องเรียกว่าเพนต์เฮาส์ต่างหาก เพราะขนาดของมันใหญ่พอ ๆ กับบ้านหลังหนึ่งเลยหญิงสาวเปิดเครื่องปรับอากาศและเดินไปรินแชมเปญราคาแพงลงบนแก้วใสจำนวนสองแก้ว ก่อนมานั่งลงบนโซฟาและเริ่มจิบเบา ๆ พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยมีเพื่อนนั่งดื่มก็ดีเหมือนกัน เพราะตอนนี้หัวใจของเธอมันว่างเปล่าเกินกว่าจะผ่านค่ำคืนอันโหดร้ายนี้ไปได้ด้วยตัวคนเดียว…ถึงแม้ว่าเพื่อนดื่มจะเป็นคนที่เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะอยู่ด้วยในวันแย่ ๆ แบบนี้ก็เถอะ“เป็นอะไรครับ อกหักมาหรือไง” “เหอะ…” อกหักงั้นเหรอ อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเป็นแฟนกันเลยเนี่ยนะ เรียกว่าโดนทิ้งตั้งแต่ยังไม่เริ่มยังจะดูดีเสียกว่า“เอาน่า คนเราอกหักบ้างไม่เห็นเป็นไรเลยครับ” น่าแปลกที่น้ำเสียงของเขาในตอนนี้ช่างนุ่มนวลปราศจากความเจ้าเล่ห์แบบที่เคย แถมประโยคที่เขาพูดออกมายังทำให้เธอรู้สึกราวกับถูกใครสักคนช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในใจอย่างไม่น่าเชื่อ“เจ็บบ้าง ผิดหวังบ้าง อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังเอื้อมมือมาลูบหัวเธอเบา ๆ อย่างปลอบใจ“...”ด้วยความที่ตอนนี้เธอและเขาอยู่ใกล้กันมาก จนท
K Clubเสียงเพลงสากลในจังหวะเร้าอารมณ์เคล้ากับเสียงหัวเราะจากโต๊ะ VVIP ที่มีบรรดาลูกหลานเศรษฐีแถวหน้าของประเทศนั่งดื่มกันอย่างสนุกสนาน“Cheers!” การชนแก้วกันนับครั้งไม่ถ้วนในคืนนี้ทำให้สติสตังของไฮโซสาวอย่าง “ไวน์ วรัญชิตา” เริ่มหดหาย แม้เธอจะเป็นสาวสวยเซ็กซี่ที่มีลุคดูร้อนแรง แต่เธอนั้นไม่ได้ดื่มเก่งสมชื่อเอาเสียเลยด้วยนิสัยเอาแต่ใจ และไม่ยอมคนสมกับเป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงมาอย่างเอาใจทำให้เธอยืนกรานว่าจะดื่มจนกว่าคลับจะปิด!ก็แน่อยู่แล้ว เพราะ ‘วรัญชิตา วงศ์ธารานิพิฐ’ คือลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัววรเวช ผู้เป็นเจ้าของอนาจักรเครื่องดื่ม และห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่เบอร์ต้น ๆ ของประเทศ ความหรูหรา และชีวิตที่ถูกตามใจกับวรัญชิตาน่ะเป็นของคู่กันแถมตอนนี้หัวใจก็ไม่แข็งแรงเพราะคนที่คุยกันมาทุกวันจนคิดว่าเป็นเหมือนแฟน ดันมาเปิดตัวคบหากับคนอื่นหักหน้าเธออย่างจังเท่ากับว่าที่ผ่านมาเธอได้แต่หวังอยู่ฝ่ายเดียวสินะว่าสุดท้ายเธอกับเขาจะได้ลงเอยเป็นแฟนกัน ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายคุยกับผู้หญิงคนอื่นมาตลอดเวลา!ทั้งเจ็บ ทั้งจุก สิคะรออะไร คุยกันทุกวันเธอบอกว่าเป็นพี่น้อง พี่น้องพ่อเธอเหรอบอกคิดถึงกันทุกวัน! แค่วั