หญิงสาวนัดว่าที่คู่หมั้นหนุ่มมาเจอที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งและเตรียมทุกอย่างเพื่อให้มีข่าวหลุดออกไปตามที่เคยคุยกันไว้กับลีโอเมื่อก่อนหน้านี้
"มาแล้วเหรอ ฉันนั่งอยู่แถวกระจก" เธอเอ่ยในขณะที่คุยกับลีโอผ่านโทรศัพท์ [เออ เห็นแล้ว] เธอตกลงกับลีโอไว้ว่าจะหมั้นและแต่งงานกันในนามเฉยๆ และทำให้มีข่าวออกไปเพื่อให้อีกฝ่ายที่ยังเป็นสามีเธออยู่ถูกกดดันให้เซ็นใบหย่าและเธอจะได้มีอิสระเหมือนดั่งเดิมโดยที่ลีโอนั้นจะมีใครเหมือนเดิมก็ได้เพื่อแลกกับการถูกจับคู่และเราจะไปหย่ากันทีหลังและแสร้งว่ารักกันตามความต้องการของผู้ใหญ่ และเราจะแยกย้ายกันโดยไม่มีความรู้สึกอะไรมาเกี่ยวข้อง "ฉันรอนายเกือบสามสิบนาที" เธอเอ่ยเมื่อเขาเข้ามานั่งลงตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเก็บไม่มิด "เก็บอาการไม่ชอบฉันก่อนก็ได้มั้ง ออกอาการแบบนี้ว่าที่เมียอย่างฉันเสียความรู้สึกเป็นนะ" เธอเอ่ยประชดประชันอย่างไม่จริงจังนักและก่อนหน้านี้เธอก็ส่งคนตรวจสอบตามสืบประวัติของเขาอีกและพอจะรู้ว่าเขามีคนของเขาอยู่แล้วและยังอยู่กินกันอีก ตอนแรกเธอก็รู้สึกชอบเขาแหละแต่ไม่ได้ไม่ได้หมายอยากได้มาครอบครองและยิ่งรู้ว่าเขามคนของเขาอยู่แล้วเธอก็เว้นระยะห่างอยู่พอสม "บอกเมียนายรึยัง ฉันไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นชู้นาย" เธอเอ่ยก่อนจะสั่งอาหารเพราะหิวจริงๆ แล้ว "เออ" เขาตอบปัดๆ ทว่าไม่ได้พูดอะไรกับฮันนี่ไปมากกว่านอนด้วยกันเพราะยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองเพราะทำมาทั้งหมดเพราะสงสารหรือรักเธอจนอยากให้เป็นเมียจริงๆ ขอจัดการความรู้สึกให้แน่ชัดอีกหน่อยแล้วกัน ทว่าเมื่อคืนเขากลับสับสนเมื่อเธอร้องไห้ที่ถูกมารดาของเขาต่อว่า เขาไม่เคยพาฮันนี่ไปบ้านสักครั้งแต่ทว่ามารดากลับไม่ชอบเธออาจจะเพราะสืบมาผิดพลาดหล่ะมั้ง "แล้วเธอหล่ะไปชอบมันได้ยังไงจนโกหกพ่อแม่ตั้งนาน ครอบครัวมาเฟียฉันอยากจะบอกว่าเธอขึ้นหลังเสือแล้วมันลงยาก" เขาเตือนด้วยความหวังดีเพราะอย่างน้อยเธอกำลังจะเป็นว่าที่ภรรยาของเขาในไม่ช้า "เห้อ ฉันรู้ก็เพราะฉันอยากหย่านี่ไงแต่ไอ้บ้านั่นมันไม่อยากหย่า" เธอเอ่ยออกมาอย่างคิดหนักทว่าเขากลับไม่พูดอะไรออกมา "เธอไปเจอในได้ยังไง? คิดไงไปตกลงแต่งงานกับมัน แล้วทำไมเธอถึงหนีมา แล้วทำไมมีผัวแล้วแต่ยังนอนกับคนอื่น" เขาเอ่ยถามยาวเหยียดทว่าเธอกลับส่ายหน้าเฉยๆ ไม่พูดอะไร "รู้แค่ว่ามันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของฉันและมันเป็นความโง่ที่สุดในชีวิตฉันด้วย" เธอและเขาเจอกันในรั้วมหาวิทยาลัยและเขาก็ตามจีบเธอมาเรื่อยๆ จนเธอเรียนจบปริญญาและสุดท้ายเขาก็เอาชนะใจเธอจนแต่งงานด้วยกันแต่ทว่าธาตุแท้และหน้ากากของเขาก็หลุดออกและพบว่าเขาก็แค่ผู้ชายเลวๆ คนหนึ่งที่นอกใจเมียตัวเอง "ถามแต่เรื่องฉันแล้วนายจะไม่เล่าเรื่องของเมียนายให้ฟังเลยว่างั้น ฉันก็อยากทำการบ้านไว้นะจะได้ไม่โป๊ะ" เธอเอ่ยยิ้มๆ ทว่าเขากลับชะงักนิ่งเพราะไม่เคยเห็นเธอยิ้มแบบนี้มาก่อน เพราะปกติเจอหน้ากันที่ไรก็มีแต่ทะเลาะกันเป็นว่าเล่น "ก็ไม่มีอะไรมากหรอกเธอตัวคนเดียวในวันนั้นฉันไปบังเอิญช่วยฮันนี่ไว้เพราะพ่อเลี้ยงเธอจะพาเธอไปขายให้เห็นว่าพวกมาเฟียฉันก็เลยขอซื้อเธอมาและเธอก็ไม่มีใครเพราะตัวคนเดียว ฉันก็เลยทิ้งเธอไม่ได้หวังว่าเธอจะเข้าใจ" เขาเอ่ยเพราะยังไงก็คงเลี่ยงการแต่งงานไม่ได้แล้ว เขาไม่อยากให้เธอฟังเรื่องฮันนี่ผิดๆ มาจากแม่ของเขาเพราะเขาเองก็ไม่อยากพูดถึงอดีตของอันนี้ รู้แค่ว่าเธอเป็นเด็กดีและน่าสงสารมากๆ เป็นไปได้ก็หวังว่าหากเขาแต่งงานออกมาอยู่เรือนหอเธอและฮันนี่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข "อืม ฉันก็ไม่ได้ห้ามนายหนิเพราะเราเองก็ไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริงๆ สักหน่อย" เธอและฮันนี่ต่างมีช่วงเวลาที่น่าสงสารไม่ต่างกันเท่าไหร่เธอก็เข้าใจดีว่ามันรู้สึกยังไง หลังจากที่เขาออกไปพบเธอได้ไม่ถึงสองชั่วโมงก็เป็นข่าวซุบซิบหลุดออกไปและแม่เขาก็โทรมาในทันที ข่าวไวจริงๆ "มีอะไรครับ" เขาเอ่ยเพราะข่าวที่หลุดออกไปคงเป็นฝีมือมารดาทั้งที่เขายังไม่ให้ปล่อยข่าวออกไปและที่มารดาทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะผลักฮันนี่ออกไปจากชีวิตเขา [สรุปเรื่องแต่งงานจะเอายังไง น้องเขาเสียหายนะลีโอ] หญิงวัยกลางคนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่กดดันเพราะเธอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกแล้ว "ครับ ผมจะแต่งงาน วันนี้ผมไปพบน้องมาแล้วน้องก็ไม่ได้แย่อะไรน้องเหมาะสมที่จะเป็นภรรยาผมอย่างที่แม่เคยบอกนั่นแหละครับ" เขาเอ่ยในขณะที่เอี่ยวตัวกลับมามองฮันนี่ที่นอนหลับอยู่ด้านหลังเพราะเธอเพิ่งกลับมาจากมหาลัย [ดีแล้วลูกเดี๋ยวแม่จะรีบหาฤกษ์แต่งงาน ส่วนฮันนี่ลูกจะจัดการยังไง ลูกจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ] น้ำเสียงกดดันของแม่ทำให้เขาคิดหนัก "ฮันนี่ผิดอะไรครับแม่ถึงไม่ชอบเธอ เธอน่าสงสารนะครับ" เขาถามกลับไปในขณะที่มือลูบศรีษะทุยเล็กอย่างอ่อนโยน [อย่ามาทำเสียงแบบนั้นใส่แม่ แม่พูดยังไงแกก็ไม่เชื่อแม่หรอก แค่นี้นะ] พูดจบท่านก็ตัดสายจนเขาถอนกายใจออกมาหนักๆ อย่างคิดไม่ตก ฮันนี่ที่ตื่นมาตั้งแต่ที่เขาเริ่มคุยโทรศัพท์แล้วเธอจึงเก็บความไม่พอใจเอาไว้และซ่อนมันไม่ให้ลีโอเห็นเพราะเขาเป็นเหมือนคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ในชีวิต "ฮันนี่จะไม่ยอมเสียพี่ให้ใครหรอกพี่ลีโอ.."หลายปีต่อมา "ป๊ะป๊า~~" เสียงน้อยๆ ออดอ้อนของน้องปานตะวัน สาวน้อยผู้เป็นลูกสาวของคริสติน่าและเฟลิกซ์ ตอนนี้ก็อายุราวๆ ห้าขวบแล้ว คริสติน่าตัดสินใจย้ายออกมาสร้างครอบครัวด้วยตัวเองกับผู้เป็นสามี เฟลิกซ์เองก็บินไปกลับระหว่างอังกฤษอยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้าไม่มีงานสำคัญเขาก็ไม่ได้กลับไป เนื่องจากอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวซะส่วนใหญ่ ส่วนเรื่องครอบครัวเธอ ตอนแรกก็โกรธมากๆ แหละ ต่อให้ขอโทษขอขมาก็ยังมีเคืองๆ อยู่ เธอก็เลยตัดสินใจย้ายออกมาอยู่เป็นส่วนตัวดีกว่า แต่พอวันที่เธอคลอดน้องตะวันออกมาพวกท่านก็แวะมาเยี่ยม จากที่เคยโกรธเคือง แต่ทว่าพอเห็นหน้าหลานก็ใจอ่อน วันนี้ก็เหมือนกัน วันศุกร์ ปานตะวันเรียนวันสุดท้ายของสัปดาห์แล้ว ทานข้าวอาบน้ำเรียบร้อยก็จะให้คุณพ่อไปส่งที่บ้านหาคุณตากับคุณยายที่บ้าน"รีบไปอาบน้ำแล้วมาทานข้าวด้วยกันนะคะ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย ทานข้าวเสร็จหนูค่อยไปนอนกับคุณยาย" หญิงสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ จากนั้นก็จัดเตรียมโต๊ะอาหารเพื่อรอลูกสาวและสามีลงมาทานข้าวเย็นด้วยกัน .เวลาต่อมา"อร่อยมั้ยคะคนเก่ง ทานเยอะๆ นะ คุณแม่ทำสุดฝีมือเลยค่ะ" เสียงหวานพูดกับลูกสาวของตนด้วยท่าทีที่อ่อนโยน"ขอบคุณค่
หมับ!"มีอะไรคะ?" อันนี้ที่กำลังยืนทำความสะอาดของใช้ลูกอยู่ก็เอ่ยถามผู้เป็นสามีที่เข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง เธอเกือบทำของใช้ลูกตกแล้วแหนะ"ป่าว แค่อยากอ้อน" เสียงออดอ้อนอู้อี้อยู่แผ่นหลังขาวเนียน ฮันนี่เธอยังคงสวยและทำให้เขาพิศวาสอยู่เสมอ แม้ว่าเธอจะผ่านการมีลูกมาแล้วก็ตาม"หื้ม? อ้อนเอาอะไรคะ?" เธอขมวดคิ้วยกยิ้มบางๆ แม้รู้ว่าอาการที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้มันคืออาการอะไรก็เถอะ สักพักเธอก็พลิกตัวกลับมามองหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม อยากเห็นคุณพ่อจะอ้อนไปถึงเมื่อไหร่"อ้อนอะไรเบบี๋ก็รู้นิค้าบ" พอผู้เป็นภรรยาเดาทางได้ ก็อ้อนขี้นมากกว่าเดิม ใบหน้าหล่อเหลาฝังลงไปกับซอกคอขาวเนียนของเจ้าหล่อน พร้อมกับเสียงอู้อี้เอาแต่ใจราวกับเด็กน้อยหมับ!"หึ เอาไว้คืนนี้นะคะ" สุดท้ายเธอก็ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยบอกในสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าที่เขามาอ้อนเพราะต้องการอะไร มือบางบีบแก้มใสเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวคุณพ่อลูกหนึ่งขี้อ้อน"ค้าบบ" พยักหน้าหงึกๆ ราวกับเด็กน้อยสำนึกผิดแล้วซุกหน้าเข้ากับซอกคอภรรยาอีกครั้ง ได้กลิ่นหอมๆ ก็ยังดี.23 : 45 PM"อื้อ~" เสียงหวานครางอื้ออึงในลำคออย่างรู้สึกถึงสิ่งที่กำลังรบกวน เธอเผ
"ที่รัก ลูกนอนแล้ว เวลาผมแล้ว" เฟล็กซ์เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างดีใจจนแทบเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ ในขณะที่ภรรยาของตนกำลังแอบทำหน้าเบื่อหน่ายไม่ให้เห็น "เห้อ ฉันเพลียค่ะ เอาไว้ก่อนนะ" เธอเงยหน้าขึ้นมาจากผ้าห่มผืนหนามาบอกเขาเสียงอู้อี้อ่อนเพลีย "คุณบอกว่าจะนอน แต่ไม่นอน" เฟลิกซ์ขมวดคิ้วยุ่ง ภรรยาบอกว่าง่วงนอน แต่ไหงหยิบมือถือขึ้นมาอ่านอะไรก็ไม่รู้ ไม่สนใจเขาเลยสักนิด และไม่เห็นบอกว่าจะนอนอย่างที่ปากบอกเลยด้วยซ้ำ "ก็ไม่ได้ใช่ เช็คข่าวบ้าง แปปเดียวก็นอนแล้ว ได้ยินมั้ยคะว่า ง่วง จะนอน" เธอตอบเสียงอู้อี้เพราะมุดหน้ากับผ้าห่ม จะทำเรื่องอย่างว่าทุกวันเลยรึไง เธอก็เหนื่อยเป็นนะ เหนื่อยเลี้ยงเจ้าตัวเล็กและยังต้องมาเหนื่อยเอาใจสามีบ้ากามอีก "แล้วเคยขัดขืนได้รึไงกัน" เขายกยิ้ม ทำเป็นไม่สนใจไปเถอะ พอเอาเข้าจริงสุดท้ายก็ยอม สุดท้ายก็อ้าปากครางดังลั่นห้อง ปากบอกว่าไม่เอาๆ สุดท้ายก็ให้ผัวอย่างเขาเอาอยู่ดี ครางจนลืมไปเลยว่าลูกนอนอยู่ห้องข้างๆ . เวลาต่อมา.... "อื้อ อย่ากวน" เธอคิดว่าการที่เธอผล็อยหลับไปเขาจะหยุดคิดที่จะทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ แต่ไม่เลย ไม่เหลือ!! สุดท้ายเธอก็ถูกจับพลิกกลับมาห
2 ปีต่อมา "อ๊า ซี๊ด!! สะเสียว" เธอครางกระเส่าภายในห้องนอนใหญ่เมื่อลิ้นหนาของเขาตวัดเลียกลีบแคมสาวสีชมพูของเธอปาดไปปาดมาจนเอวเล็กลอยหวือขึ้นกลางอากาศเนื่องจากความเสียวมาเยือน อื้อ ทำอะไรคะ" เธอถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการอะไรแต่แค่แกล้งถามไปก็เท่านั้น เขาคลอเคลียขนาดนี้ไม่รู้ก็บ้าแล้ว เหนื่อยจากการเลี้ยงลูกแล้วยังต้องมาเหนื่อยกับผัวอีก! แจ๊ะ แจ๊ะ แจ๊ะ! "อื้ม อยู่นิ่งๆ ผมไม่ไหวแล้ว คุณสนใจแต่ลูกช่วงนี้ ผมอยาก ให้ผมเถอะคริส" เขาล็อคสะโพกเล็กเอาไว้ก่อนจะตวัดลิ้นรัวๆ หลังจากเอ่ยประโยคคำขอร้องเซ็กส์จากภรรยาสาว แจ๊ะ แจ๊ะ แจ๊ะ! "อ๊ะๆ สะเสียวจัง อร๊าง มะไม่ไหว" เธอเปล่งเสียงครางออกมาเต็มที่เมื่อเขานั้นทั้งขบเม้มและดูดกายสาวของเธอราวกับว่ามันเป็นของอร่อยยังไงยังงั้น มือบางปล่อยจากผ้าปูเตียงมาขยำเส้นผมดกดำของเขาอย่างใช้เป็นที่พึ่งระบายความเสียวซ่าน ส่วนเรียวขาสวยถูกจับพาดบ่าแกร่ง ปลายเท้าสวยจิกเกร็งหัวไหล่ของเขาซึ่งเขานั้นไม่ได้ห้ามเพราะรู้ดีว่าภรรยานั้นเสียวซ่านมากขนาดไหน จ๊วบ จ๊วบ ซูด! "อื้ม" เสียงครางในลำคอของเฟลิกซ์ดังขึ้นฮึมฮัมอย่างพอใจแล้วขบเม้มขบดูดน้ำหวานที่กำลังไหลชะโลมกุห
"มาทานข้าวก่อน อย่าทำหน้าบึ้งแบบนั้นสิ" เฟลิกซ์เอ่ย เขาปลุกเธอขึ้นมาทานข้าว แต่ทว่าเธอกลับมานั่งทำหน้าบึ้งตึงอยู่คนเดียวบนโต๊ะอาหารเพราะถูกเขาปลุกจนขัดใจ "แล้วจะมาปลุกทำไม ปกติบ่ายๆ ฉันถึงจะตื่น" พูดแต่ก็ทานอาหารตรงหน้าโดยการตักซุปมิโซะขึ้นมาชิมเล็กน้อย สักพักใบหน้าหวานเบ้ออกมาเพราะกลิ่นที่เหม็น"เป็นอะไร ไม่ชอบเหรอ แต่ช่วงที่ไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่น คริสชอบทานมากๆ นะ" ขมวดคิ้วแล้วหญิงเอาช้อนที่เธอวางไว้ขึ้นมาตักซุบตรงหน้าขึ้นมาชิม"มันก็อร่อยเหมือนเดิมนะ ไม่ได้หมดอายุหรือว่าเสียเลยนะ" เขาขมวดคิ้วบอกเธอ คริสติน่าแปลกไปเรื่อยๆ ในสายตาของเขา ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรกันแน่ หรือว่าจะป่วย"ก็ใช่ แต่ตอนนี้ไม่ชอบ อึก!" เธอกำลังจะพูดแต่ทว่าก็ต้องรีบปิดปากวิ่งเข้าไปในห้องน้ำโดยทันทีอ้วก! แหวะ! "คริสเป็นอะไรคริส เป็นอะไรคะ!?" เฟลิกซ์ที่รีบตามเข้ามาก็เอ่ยถามเสียงตื่นตระหนกตกใจเพราะจู่ๆ คนรักก็บอกว่าเหม็นอาหารแล้วรีบวิ่งมาอาเจียนเดี๋ยวนั้นอึก แหวะ! อ้วก!"ไม่ต้องมา อึก ยุ่ง!" เพราะเขานั่นแหละที่เอาอาหารนั่นมาจนเธอต้องมาอาเจียนแพ้ท้องอยู่แบบนี้ไง"ขอโทษ ไม่คิดว่าคริสจะเหม็นขนาดนี้" เขาเอ่ยเสียงอ่อนด้ว
สุดท้ายเธอก็นั่งทานข้าวที่เขาซื้อมาอยู่ดี ไม่ได้ใจง่ายยอมกินของเขาหรอกนะ ลูกเธอหิวต่างหากหล่ะ ย้ำว่าลูกหิว แต่น่าแปลก แทนที่เธอจะเหม็นอาหาร แต่กลับชอบทานซะงั้น เมื่อวานกลับไปทานข้าวที่บ้าน แต่เธอกินไม่ได้ เหม็น แต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครสงสัยอะไรเธอ "มาทางไหนก็กลับไปสิ รบกวนเวลานอนคนอื่นเค้า" เธอเอ่ย จากนั้นก็ลุกขึ้นหมายจะเดินกลับเข้าไปในห้อง ในเมื่อเขาเป็นคนหาอาหารมาให้เธอทาน งั้นก็ทำความสะอาดล้างถ้วยล้างจานไปแล้วกันหมับ! "มีอะไร?" เธอเอ่ยด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเพราะจู่ๆ เขาก็ถือวิสาสะเดินเข้ามาจับมือเธอไม่ให้เดินไปที่ห้อง "ห้องนอนอยู่นู้น ส่วนตรงนั้น ประตูห้องน้ำรับแขก" /// อะไอ้บ้า! จะพูดทำไมเนี่ย เธออายไปหมดแล้วนะ"หึ" เฟลิกซ์หัวเราะออกมาเบาๆ เพราะคนตรงหน้าเขินแทบแทรกแผ่นดินหนี โครตเขินอ่ะบอกเลย ใครไม่เขินก็บ้าแล้ว"จะมาหัวเราะอะไร กลับไปเลยนะ" เธอเอ่ยปากไล่แล้วชี้นิ้วไปทางประตูห้องเพื่อให้เขากลับไป .หมับ!"อ๊ะ มากอดทำไมเนี่ย!? อึดอัด" เธอกำลังจะเคลิ้มหลับอยู่แล้วเชียว แต่ทว่าก็มีอ้อมแขนแกร่งของเขาเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังเสียก่อน "อยู่นิ่งๆ สิ เห็นมั้ยนั่น ฝนกำลังจะตก ฟ้าร้องแล้ว