อารมณ์ปราชญาพุ่งปรี๊ดระดับปรอทแตก แค่ได้ยินเสียงหนึ่งนางก็หงุดหงิดมากพอแล้ว ประโยคที่ว่าหน้าเขาเหมือนเต่าร้ายแรงเท่าโยนก้านไม้ขีดจุดไฟลงไปในน้ำมันเบนซิน
หน้าเขาเหมือนเต่าตรงไหน! ปราชญามั่นใจว่าประกวดผู้ชายหล่อร้อยคนเขาจะอยู่อันดับหนึ่งแบบไม่มีข้อกังขา เธอกล้าดียังไงมาวิพากษ์วิจารณ์
เดินกลับมาที่โต๊ะอาหารพร้อมอารมณ์เดือดพล่าน จากแรกที่คิดไว้จะสังสรรค์จนดึกก็เปลี่ยนใจกะทันหัน ไม่กงไม่กินมันแล้ว จะกลับไปจัดการยัยเด็กแก่แดดที่บังอาจว่าเขาหน้าเหมือนเต่า
“กลับก่อนนะ”
ศศินาหน้าเหวอ คว้าแขนเขาหมับเข้าให้
“ปราชจะไปไหน”
“มีธุระด่วน” เขาไม่ต้องการอธิบาย จะบอกว่ากลับไปด่าเด็กก็คงไม่ใช่เรื่อง “ที่บ้าน”
“แต่ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ” ศศินาทำมองนาฬิกาข้อมือแบรนด์เนมของตัวเอง “อย่างน้อยกินอะไรสักนิด”
ปราชญาคว้าน้ำเปล่ากรอกลงคอออึก ๆ ก่อนจะวางฟั่บ! ลงบนโต๊ะ บอกลาเพื่อน ๆ อีกครั้งว่า
“โทษทีนะ ไว้คราวหลังแล้วกัน”
เพื่อนร่วมรุ่นต่างมองตาปริบ ๆ จะห้ามยังไงหน้าตาขึงขังขนาดนั้น คนอะไรมาไวไปไวยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ มีแค่ศศินาคนเดียวที่ยังไม่ยอมเดินตามออกมา
“ปราช” เธอร้องเรียก “ดูอารมณ์ไม่ดี ศศิขับรถให้มั้ย”
“ไม่เป็นไร” เขาตอบสั้น มือกดเรียกคนขับรถที่จอดคอยไปด้วย
เอารถมาหน้าร้าน
“นาน ๆ ทีเราจะได้เจอกันนะ” ศศินาเดินตามขาแทบขวิด นี่จะไปไล่ควายที่ไหนเนี่ย
“นัดใหม่ก็ได้” มันจะไปยากอะไร เขาก็อยู่กรุงเทพ เพื่อนทุกคนก็อยู่บนโลกใบนี้ ใช่ว่าต้องจูดธูปเรียก
“ท่าทางปราชดูอารมณ์ไม่ดี ศศิขับรถให้ไป”
ยังไม่ทันขาดคำคนขับก็วนเมอร์เซเดส เบนซ์สีเงินคันใหญ่เข้ามาจอด ปราชญาเปิดประตู ศศินายังยื้อจนวินาทีสุดท้าย ยานั่นก็ออกฤทธิ์ช้าชะงัด
“หรือให้ศศินั่งไปเป็นเพื่อนมั้ย”
ปราชญาเอียงคอมอง ไม่เข้าใจว่าศศินาจะมาตื้ออะไรเขาขนาดนั้น นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เมื่อก่อนสนิทกันน่ะใช่ ก่อนที่เธอจะแต่งงานไปกับเศรษฐีคราวพ่อ เอาจริง ๆ ก็ผู้หญิงแบบที่เขาไม่ชอบนั่นแหละ หวังเกาะผู้ชายรวย ติดว่าเป็นเพื่อนเลยเว้นเอาไว้คน แล้วก็ไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ ด้วย
“คนขับรถมี” เขาตอบสั้น แกะมือที่เกาะแขนออก
“แล้วจะตรงกลับบ้านเลยเหรอ”
ถามอะไรนักหนา
ปราชญาชักหงุดหงิด เลยตัดบทไปเสียดื้อ ๆ
“ไว้คุยกันทีหลังแล้วกัน” แล้วก็เปิดประตูขึ้นรถไปทันที ศศินาจะเปิดตามมา เขากดล็อก บอกคนขับออกรถ ไม่อยากฟังคำถามวนไปวนมา
รถเคลื่อนห่างออกมา
ปราชญาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นแนบหู เหมือนปลายสายจะยังไม่รู้ตัวว่าโทรศัพท์โทรออกเอง เสียงหัวเราะคิกคักยังดังต่อเนื่อง
“หนูหนึ่งเอากลับบ้านได้เลยนะจ๊ะเนี่ย ตาปราชเขาไม่กลับมากินหรอก ช่วยป้าหน่อยเสียดาย”
“แหม จะดีเหรอคะคุณป้า หนึ่งเกรงใจ”
“โอ้ย! เกรงอกเกรงใจอะไร”
ปราชญาได้ยินเสียงแกะกล่องล็อกปึกปั่ก!
ปากบอกเกรงใจแต่มือเปิดกล่องเตรียมเก็บอาหารที่บ้านเขาเต็มที่ ยัยเด็กนี่มัน!
เขากัดฟันกรอด ใจร้อนรุ่ม มือเลื่อนขึ้นแกะกระดุมเสื้อเม็ดบนแล้วเลื่อนลงมาเม็ดที่สอง ครั่นเนื้อครั่นตัวแปลก ๆ อึดอัดจนต้องบอกคนขับรถ
“เปิดแอร์หรือยัง”
“เปิดแล้วครับ” คนขับรถตอบ กดเร่งแอร์ขึ้นอีกสองระดับ
“เปิดแรงกว่านี้หน่อย” เขาพึมพำ ขมวดคิ้วหนาเหลือบตามองฟ้าข้างนอก วันนี้มันวันอะไร ทำไมอากาศมันถึงได้ร้อนขนาดนี้?
....................................................................................................
ในหัวเธอวนเวียนแต่ประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา หนึ่งนางกลัวเขาห่างเหินออกไปอีก กลัวจับใจว่าทุกอย่างจะวนกลับไปยังจุดเดิมที่เขารังเกียจเธอ ทุกวันนี้เขาเป็นเหมือนบ้านเป็นที่พักพิง เป็นคนที่ทำให้เธออุ่นใจ เธอโตมากับแม่เพียงลำพัง แม่ที่โอบอุ้มเธอไม่ได้มากเท่าที่ต้องการ แต่ปราชญาให้เธอได้ เขามารับ เขาดูแล และจัดการให้ทุกอย่างในชีวิตง่ายขึ้นหนึ่งนางกลัวว่าวันข้างหน้า .. ถ้าไม่มีเขาเธอหยุดความคิดไว้แค่นั้น อีกใจนึงก็แย้งว่าเขาก็มีสิทธิ์จะรู้ บางทีเขาอาจจะยินดีก็ได้แต่เขาก็เคยเกลียดเธอ ในใจมันมีคำว่าแต่เต็มไปหมด ความเชื่อมั่นในตัวเองของเธอหายไปไหนกัน“คุณ ถามอะไรหน่อยสิ”“ว่า”“ถ้าสมมติฉันท้องขึ้นมาจริง ๆ จะทำยังไง”“จะท้องได้ยังไง ฉันใส่ถุงยางตลอด”หนึ่งนางหน้าเหวอ นี่คนแก่ลืมเหรอว่าครั้งแรกที่ได้กันในรถไม่ได้
เกือบสัปดาห์ที่ปราชญาเป็นกังวล เขารอฟังข่าวของบิดาด้วยใจระทึก จนกระทั่งเย็นวันศุกร์ที่มารดาโทรมาหา บอกข่าวที่ทำให้โล่งใจ“ภรรยาใหม่พ่อปราชน่ะเขาโทรมา ขอบคุณที่ไปบอกเรื่องปวดฟัน เขาบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องปวดฟัน พ่อปราชไม่เคยบอกว่าปวดฟันเขาเลยไม่ได้แจ้งหมอ สรุปว่าฟันกรามติดเชื้อไม่ใช่ฟันคุดหรอก เห็นว่าอาการดีขึ้นแล้ว คงพักรักษาตัวอีกสักพักใหญ่ ๆ แหละ”ปราชญาจึงโล่งอก ราวกับยกภูเขาออกจากอกที่ตัวเองไม่ต้องมีส่วนทำให้บิดาต้องลาจากโลกนี้ไป แต่เขาก็คือเขา นอกจากพยักหน้านิดนึงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ สองแม่ลูกจึงสนทนาเรื่องนี้แต่เพียงสั้น ๆ แล้วจบเพียงเท่านั้นไม่ต่อความยาวสาวความยืดให้ใครต้องเจ็บปวดหับเรื่องในอดีต จากนั้นก็ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ประจำวันตามปกติถึงตอนเย็นปราชญาก็โฉบไปรับหนึ่งนางกลับมาที่คอนโดแล้วเล่าเรื่องที่บิดาปลอดภัยแล้วให้ฟัง เธอยินดีกับเขาที่ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องรู้สึกผิดกับความคิดที่ว่าตัวเองจะมีส่วนทำให้บิดาจากไป
เป็นครั้งแรกที่คนผ่านชีวิตมาหลายสิบปีอย่างเขาตกใจ ปัญหาคือเขาเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป ทั้งที่ผ่านมาเขายังไม่เคยยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นเรื่องราว ไม่เคยนั่งทบทวนตัวเองว่าจะพาความสัมพันธ์นี้ไปอยู่ตรงจุดไหน แค่ใช้ความรู้สึกว่าอยากเห็นหน้าอยากมีเซ็กส์และอยากให้เธออยู่ในปกครองตอนหนึ่งนางบอกว่าท้องมันเหมือนมีพายุลูกเล็ก ๆ พัดผ่านหน้า คิดไม่ทันจะพูดอะไรดี ทั้งอีกใจนึงยังมั่นใจว่าตัวเองใส่ถุงยางทุกครั้ง เขามีติดรถไว้ตลอด แค่เอื้อมมือไปหยิบที่ลิ้นชักหน้ารถมันไม่ได้ยุ่งยากอะไรไม่มีทางที่เขาจะไม่ใส่!หนึ่งนางเดินไปหยิบผลตรวจมาให้เขาดู ปราชญาหูอื้อตาลายเหมือนถูกค้อนหนัก ๆ ทุบหัว สมองยึดติดแต่ความเชื่อที่ว่าตัวเขาเองใส่ถุงยางอนามัยตลอดเวลา คำพูดแรกที่หลุดจากปากเป็นคำที่หนึ่งนางไม่คิดว่าจะได้ฟัง"ท้องกับใคร" ก็ในเมื่อเขาใส่ถุงยางทุกครั้งทุกครั้ง! ปราชญายังเชื่อมั่นอย่าง
บรรยากาศร้านริมน้ำเย็นสบาย หนึ่งนางนั่งเท้าคางมองสายน้ำไหลเอื่อย อาหารตรงหน้าเต็มโต๊ะไปหมด ทั้งต้มยำปลา ปลากะพงทอดน้ำปลา เนื้อทอด ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ไข่เจียวหอยนางรม ข้าวอบสับปะรด ตอนสั่งปราชญาถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ร้อยวันพันชาติไม่เคยเห็นเธอสั่งเยอะขนาดนี้มาก่อน“เมื่อเช้าไม่ได้กินข้าวเหรอ”“กินสิ” ก่อนไปตรวจก็กินข้าวกับแม่จนตรวจเบาหวานไม่ได้ เธอก็ไม่อยากกินแต่เห็นผักกาดดองแล้วมันเปรี้ยวปาก หลังตรวจสุขภาพเสร็จก็กินชานมไข่มุกไปแก้วใหญ่ ๆ กับขนมปังอีกก้อนเบ้อเริ่มก่อนเดินไปเจอเขาที่ห้องไอซียูนั่นแหละ“แล้วสั่งขนาดนี้จะกินหมดเหรอ”“มันอยากกินนี่คุณ ฉันจ่ายเองก็ได้”ปัญหามันไม่ใช่เรื่องเงิน ปัญหาอยู่ที่ช่วงนี้เขาว่าเธอดูเปล่งปลั่งขึ้น ที่สำคัญกินเยอะนอนเยอะ ช่วงวันหยุดไปรับเธอมาอยู่ที่คอนโดด้วยกัน หนึ่งนางก็กินแล้วก็นอนผิดวิสัยปกติข
หนึ่งนางรู้ดีว่าข้างในของคนตรงหน้ากำลังโหวงเหวง ถึงประคองตัวอยู่ได้แต่ข้างในคงล้มระเนระนาดไม่มีชิ้นดีขนาดแค่ดูข่าวคนแปลกหน้าเสียชีวิตเรายังอดใจหายไม่ได้ นี่พ่อทั้งคนจะดีจะร้ายอย่างไรก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกรู้สา“มากอดนะ” เธอยื่นมือเข้าไปหานี่ก็อีกความน่ารักของเธอ บางครั้งหนึ่งนางก็น่าหมั่นไส้และเธอก็น่ารักในคราวเดียวกันปราชญารับไว้ทั้งอ้อมกอด ซบหน้านิ่งเนิ่นนาน อุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกที่เธออยู่ตรงนี้“ไม่เป็นไรนะคุณ” เธอลูบหลังเขาแผ่วเบา ถ่ายทอดทุกความอบอุ่นที่มี ลืมสิ้นว่าตัวเองก็มีปัญหาเหมือนกัน ถึงตอนนี้ความรู้สึกของคนตรงหน้าสำคัญกว่า “หิวหรือเปล่า กินอะไรมั้ย”ปราชญาแวะพาเธอกินข้าวนอกบ้านเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาเขาทำแต่งาน อาหารก็กินแต่ในห้อง ไม่เคยได้พาเธอโฉบฉิวไปมาเลยสักครั้งร้านที่เลือกอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา ยามค่ำลมจาก
ปราชญาปิดเสียงโทรศัพท์เพราะอยู่ในห้องไอซียู เขามองผู้ชายที่เคยได้ชื่อว่าเป็นพ่อด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ใบหน้าเหี่ยวย่นหลับนิ่งสงบอยู่บนเตียง เห็นเค้ารอยของความเครียดและความเหนื่อยล้า มีสายระโยงระยางต่อไปยังเครื่องมือต่าง ๆ เต็มไปหมดครั้งหนึ่งคนบนเตียงเคยสร้างบาดแผล เป็นแผลลึกแบบที่ปราชญาเชื่อแล้วว่าจะไม่ให้อภัย สุดท้ายถึงคราวจวนเจียนจะหมดเวลาชีวิต ปราชญาก็อดไม่ได้จะมาดู“พ่อปวดฟัน เผื่อปราชว่างจะให้ช่วยถอนฟันให้หน่อย”เขานึกถึงวันนั้นที่บิดามาหา ไม่คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พบเจอกัน ใจหายและนึกกลัวไปถึงว่าหากคนนั้นเป็นมารดาหรือหนึ่งนางเล่าจะทำอย่างไร จะมีชีวิตอยู่อย่างไรถ้าคนที่รักไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วหนึ่งนางเดินมาพอดีตอนที่ปราชญาออกจากห้องไอซียู เธอตั้งใจว่าจะแวะมาเมียงมองบิดาของเขาสักหน่อย ไม่คิดว่าจะเจอเขาอยู่ที่นี่ประจันหน้ากันแล้วต่างฝ่ายต่างก็อึ้ง หนึ่งนางก็ไม่คิดว่าเขาจะ