LOGINตอนแรกก็ยังดี ๆ แต่หลังเก็บอาหารที่เหลือใส่กล่องล็อค หนึ่งนางก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย แขนขาเธอคันยิบ ๆ
“คุณป้าคะ” หนึ่งนางหน้าบิดเบี้ยว ชักสังหรณ์ใจไม่ดี “อาหารที่กินมีอันไหนใส่กุ้งมั้ยคะ”
เธอแพ้กุ้ง แต่เท่าที่ดูอาหารบนโต๊ะไม่น่าจะมีกุ้งเลยนี่นา ก็เช็คแล้วนะ หรือว่าพลาดอะไรไป?
“ทำไมเหรอจ้ะ” นางรวิวรรณมองผื่นแดง ๆ บนเนื้อตัวหนึ่งนางด้วยความสงสัย “หรือหนูหนึ่งแพ้กุ้ง”
หนึ่งนางพยักหน้า
“ตายแล้ว” นางรวิวรรณยกมือทาบอก
หนึ่งนางตาเหลือก “มีเหรอคะ”
“ไข่จียวหมูสับ เขาใส่กุ้งด้วย ปกติตาปราชจะชอบให้สับกุ้งใส่ไปด้วย มันจะเด้ง ๆ ดึ้ง ๆ เด็กมันเลยติดนึกว่าต้องใส่”
หนึ่งนางหน้าเสีย ชักจะคันมากขึ้นทุกที แขนเธอเต็มไปด้วยรอยเกาแดงเป็นปื้น ตายแน่งานนี้! เธอกินไปซะเยอะเชียว
“เดี๋ยวนะ ป้าไปเอายาแก้แพ้ให้ ป้ามี” นางรวิวรรณหายไปแวบนึง ก่อนจะกลับลงมาพร้อมกล่องยา ควานหาแล้วก็เจอแต่ยาแก้แพ้แบบที่กินแล้วง่วง
“อันไหนก็ได้ค่ะคุณป้า” เพราะเธอไม่ไหวแล้ว
นางรวิวรรณยื่นเม็ดยาให้พร้อมน้ำเปล่า หนึ่งนางรับแล้วกินทันที จากนั้นก็นั่งเกาจนเนื้อตัวแดงไปหมด เป็นปื้นขนาดนี้ขืนกลับบ้านแม่เธอได้บ่นแน่
“หนึ่งขอนั่งอยู่นี่ก่อนนะคะ”
“หรือจะไปหาหมอมั้ยจ้ะ ป้าจะพาไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ปกติถ้ากินยาแก้แพ้ก็พอจะช่วยบรรเทาลงไปได้บ้าง อีกสักพักเธอคงจะดีขึ้น โชคดีไปที่วันนี้หมอปราชกลับดึก ไม่อย่างนั้นจะวุ่นวายไปอีก “หนึ่งขอนั่งในห้องรับแขกสักแป๊บ ดีขึ้นแล้วจะกลับค่ะ”
แค่ให้อาการแพ้ทุเลาแล้วก็จะกลับแล้ว คงไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ไม่น่าจะมีหรอกมั้ง หนึ่งนางคิดว่าอย่างนั้น !
พ้นหน้าร้านมาได้รถก็แล่นฉิว ปราชญาลูบหลังคอตัวเองเบา ๆ รู้สึกแปลก ๆ ตาลาย ตัวร้อนวูบวาบ เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวเย็น คอแห้งด้วย
“มีน้ำมั้ย” เขาถามคนขับรถ อีกฝ่ายยื่นขวดน้ำเปล่าในรถให้ ปราชญารับมาดื่มหมดไปครึ่งขวด เขากดวางโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่อยากให้แม่เห็นเดี๋ยวจะรู้ว่าเขากำลังกลับไป แม่ชอบเข้าข้างเด็กแก่แดดนั่น
อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว พอกลับรถตรงหน้าก็เลี้ยวเข้าซอยบ้าน จากหน้าปากซอยถึงหน้าบ้านแค่ห้าร้อยเมตรเท่านั้น คราวนี้ปราชญาจะสั่งให้เด็ดขาด ถ้ามาอีกจะแจ้งตำรวจจับ
เขาปลดกระดุมเม็ดที่สี่ อีกสองเม็ดจะถอดเสื้ออยู่แล้ว อากาศมันบ้าบออะไรแบบนี้
คนขับรถลอบมองเขาผ่านกระจกหลังด้วยสายตาแบบที่ไม่เข้าใจว่าเจ้านายเป็นอะไร ทั้งกระสับกระส่ายร้อนรน บางทีก็สะบัดหน้าแรง ๆ
หรือเมา ?
เข้าไปไม่ถึงยี่สิบนาทีเอาอะไรมาเมา
"อีกไกลมั้ย"
จริง ๆ ก็เลี้ยวเข้าซอยมาแล้ว มันแค่อีกนิดเดียว ทำไมมันร้อนนัก ปราชญาทนไม่ไหว ปลดกระดุมเสื้อจนครบทุกเม็ด จังหวะที่จะถอดเสื้อคนขับรถก็หันมาบอกว่า
"ถึงแล้วครับ"
เขาจึงดึงเสื้อกลับเข้าที่เดิม หยิบกระเป๋าสตางค์ควักแบงค์สีม่วงยื่นให้คนขับรถ
"เดี๋ยวฉันเอารถเข้าบ้านเอง" พูดพลางกดรีโมทเปิดประตูบ้าน คนขับรถลงไปกดมือถือเรียกรถแท็กซี่กลับบ้าน ปราชญาขับรถเข้าไปจอดด้านใน สมองเขาชักมึน
เป็นอะไรวะ ?
ความคิดที่ว่าจะไปจัดการเด็กแก่แดดน่ะลืมไปแล้ว แค่ประคองตัวเข้าไปในบ้านให้เป็นปกติก็พอ เขาดื่มวอดก้าไปนิดเดียว มันอะไรกัน
ส่วนเด็กแก่แดดกำลังเดินออกมาจากข้างในบ้านหลังอาการแพ้ทุเลา ที่คันยิบเบาลงแล้ว นางรวิวรรณขึ้นไปอาบน้ำอยู่ข้างบน หนึ่งนางได้ยินเสียงรถจึงเดินออกมาดู เห็นเมอเซเดสเบนซ์สีเงินจอดหรา
"ตายโหง" เธอพึมพำ "รถหมอปราช"
...................................................
เขาว่าคู่กันแล้ว ไม่น่าจะแคล้วคลาดดดดด
ปราชญาหันควับ วินาทีนั้นดวงตาคมก็เบิกกว้างตกตะลึงด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นภรรยายืนตัวเปียกปอนอยู่ด้านหลัง เธอรวบผมยาวเป็นมวยลวก ๆ แบบคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เนื้อตัวยังเต็มไปด้วยหยดน้ำเกาะพราวเป็นหย่อม ยกเว้นใบหน้าสวยที่เช็ดจนแห้งใสสะอาด“หนึ่ง” ปราชญากะพริบตาปริบ แทบไม่เชื่อสายตาว่าเธอจะยืนอยู่ตรงนี้ เขาทำอะไรไม่ถูก เดินไปกดปลายบุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่แล้วก้าวเข้ามาหาเธอ“ไปไหนมาคะ” เธอถามราวกับเป็นเรื่องธรรมดา โผเข้ามาโอบเอวออเซาะแบบที่ชอบทำเวลาจะง้อ ใบหน้านุ่มละมุนแนบชิดอกเขากระทั่งปราชญารู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น “หนึ่งรอตั้งแต่บ่าย” ก็เห็นออกจากบ้านมาตั้งแต่สิบโมง นึกว่าไม่เกินบ่ายเขาคงจะถึง ที่ไหนได้นี่ปาไปเกือบทุ่มกว่าเขาจะมาดวงตาหวานจิ้มลิ้มออดอ้อน ปราชญาทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าแม่เจ้าประคุณจะจู่โจมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว“ทำไมอยู่ที่นี่”“ก็มารอพี่ปราช” ไม่พูดเปล่ายังแก
คนกำลังถูกสงสัยในความรักนั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ในห้องประชุม หลังมีคำสั่งอกมากะทันหันให้ไปประจำบูธเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารเสริมในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่จะถึงนี้ เรื่องงานน่ะหนึ่งนางสู้ไม่ถอยอยู่แล้วถ้าหากว่ามันจะไม่ตรงกับวันไปฮันนีมูน“พอดีวันนั้นหนึ่งจะไปต่างจังหวัดกับสามีน่ะค่ะ” เธอบอกอ้อมแอ้ม เพิ่งเข้ามาทำงานด้วย อุตส่าห์เลือกที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์เอาไว้แล้วเชียว“คุณเลือกเอาจะเอางานหรือเอาเที่ยว”ถ้าเที่ยวอื่นหนึ่งนางก็ไม่ขัด ยินดีจะเลื่อนออกไปเพื่อเปิดทางให้กับหน้าที่การงาน แต่นี่เป็นฮันนีมูนเล็ก ๆ ระหว่างเธอกับสามี ซึ่งตั้งแต่แต่งงานมาเธอกับเขาก็ยังไม่มีโอกาสได้สวีทกันสองคนเลย หนำซ้ำช่วงนี้เธอยังผิดนัดเขาบ่อย ๆ ด้วยนี่ต้องผิดนัดกับเขาอีกแล้วเหรอ … ปราชญาโกรธเธอแน่ปราชญาไม่ได้โกรธ ตอนที่หนึ่งนางเอ่ยปากเรื่องที่บริษัทให้ไปออกบูธตรงกับวันที่นัดกันไว้ว่าจ
ลูกคนแรกเป็นผู้หญิง หนึ่งนางจึงได้สิทธิ์ในการตั้งชื่อลูกหนึ่งรัก ปราชญาโอดครวญไม่จบว่าไม่มีชื่อตัวเองอยู่ในชื่อลูกเลย เขาบ่นหงุงหงิงทุกวันจนหนึ่งนางต้องยอมให้ลูกชื่อเล่นว่าญาญ่า นับจากวันนั้นเสียงบ่นเขาจึงค่อยเงียบไปหนึ่งนางเลี้ยงลูกเองจนกระทั่งญาญ่าได้หนึ่งขวบ เธอก็ชักอยากจะมองหางานทำ ทั้งนางรวิวรรณและนางนวลสอางค์ก็เห็นด้วย หนึ่งนางยังสาวยังแส้จะมาอุดอู้อยู่ในบ้านไม่ได้แต่งตัวสวย ๆ นานวันไปชีวิตจะเฉาหลังญาญ่าได้ขวบปี สองแม่คือนางนวลสอางค์กับนางรวิวรรณก็ควบรวมมาอยู่บ้านหลังเดียวกันภายในชายคาบ้านของปราชญาเพื่อสะดวกในการช่วยเลี้ยงหลาน มีบ้างจะสลับไปบ้านของหนึ่งนางเวลานางนวลสอางค์ทำขนม ทั้งสองแม่อาสาเลี้ยงหลานสาวตัวเล็กให้ หนึ่งนางจึงขอไปทำงานออฟฟิศอย่างที่เคยฝัน"ก็ไปทำที่สถาบัน" ปราชญาออกคำสั่งเขาไม่เห็นด้วยที่หนึ่งนางจะไปสมัครงานที่อื่น พอร่างกายกลับเข้าที่เธอยิ่งสวยสะพรั่งเหมือนแตกเนื้อสาวยังไงชอบกล"หนึ่งอยากไปหาประสบการณ์ที่อื่นบ้า
หนึ่งนางสวมชุดแต่งงานสีขาว เดรสผ้าพลีทละมุนปล่อยชายทิ้งลงกับพื้นลากยาวราวกับหางปลา ช่วงไหล่เป็นซีทรูแขนกุดเผยผิวเนียนบางเบา ผมสีน้ำตาลรวยเป็นช่อด้านหลังสวยงาม วันนี้เธอแต่งหน้าหวานจัดโทนสีชมพูเข้ากับชุดที่พาให้หวานไปทั้งตัว ปราชญามองแล้วใจหาย จู่ ๆ ก็เกิดแวบขึ้นมาว่าไม่น่าท้องเลย ..ไม่งั้นคืนเข้าหอคงจะ ..แค่คิดเขาก็ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ลูกคงน้อยใจแย่ว่าพ่อเห็นแก่ได้ แต่ใจมันก็คิดถึงเรื่องอย่างว่าจริง ๆ ขนาดชุดแต่งงานตัวค่อนข้างใหญ่ยังเอาหน้าอกหน้าใจเธอไม่ลงเลย เห็นร่องอกอวบอิ่มนิดนึงใจเขาก็สั่น อดไม่ได้ต้องประทับจูบแนบริมฝีปากเป็นดอกเบี้ยเอาไว้ก่อน“โรคจิต” ปากว่าแต่แววตาเอ็นดูหนึ่งนางจัดหูกระต่ายให้เจ้าบ่าวสุดหล่อแล้วมองเขาทั้งตัว ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าไม่เหมือนคนอายุเลขสี่เลย ยังดูดีดูหล่อจนเธอไม่อยากให้ใครเห็น พวกเพื่อน ๆ สาว ๆ ของเธอต้องมองเขาตาวาวแน่หวงจัง“หล่อจังเ
เก็บของเสร็จก็มานั่งเลือกชุดแต่งงาน ลูกลิงตัวโตหนึ่งกับลูกลิงในท้องอีกหนึ่งมองชุดที่เขาเปิดให้ดูด้วยท่าทางตื่นเต้น เนื้อตัวนุ่มนิ่มขยับไปมาทำสมองเขาปั่นป่วนอดไว้ก่อน อดไว้! เขาบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าพยายามไม่มองอกอิ่มบนเนื้อตัวนุ่มนี่ ต้องสนใจเรื่องงานแต่งที่กำลังเอาให้เธอดูต่างหาก“เอาแบบไม่รัดท้องหนึ่งจะได้ไม่อึดอัด เผื่อกินขนมในงานด้วยดีมั๊ย แต่อยากให้มีแขนหน่อย” หน้าอกเธอใหญ่ ยิ่งพอท้องจะยิ่งเปล่งขึ้นอีกเท่าตัว ปราชญาไม่ชอบให้คนอื่นมองส่วนที่ควรจะเป็นของเขาเพียงคนเดียว“หนึ่งอยากได้แบบเกาะอกนี่คะ”“ไม่!” เขาสั่งเด็ดขาด“พี่ปราชทำไมไม่ตามใจหนึ่ง” เธออ้อนเสียงอ่อย สรรพนามที่เรียกก็แปรเปลี่ยน ปราชญาเหมือนจะตายสิ้นลงไปตรงนี้ ยัยเด็กนี่น่าโมโหสุด ๆ ฟาดสักทีได้มั้ยนะไม่ได้อีกล่ะ เดี๋ยวนั่งร้องไห้ ใจเขาก็เสียอีก
‘ก็ก่อนจะเป็นสามีภรรยาก็ต้องแต่งงานกันก่อน’ เขาบอกยิ้ม ๆ ลูบศีรษะเล็กตรงหน้าพร้อมแววตารักใคร่ ลองถ้าไม่แต่งมันต้องมีตาอยู่มาคว้าพุงปลาไปแน่ เดี๋ยวนี้คนเราแคร์เรื่องผู้หญิงที่มีลูกแล้วเสียเมื่อไหร่ แล้วหนึ่งนางยังดีทุกอย่าง หน้าตาจิ้มลิ้มเวลาออเซาะก็ใช่ย่อย ยิ่งยามอารมณ์ดีเจ้าตัวจะพูดแจ้ว ๆ น่าเอ็นดูจะตายไปแล้วคนร้าย ๆ แบบนี้ถ้าเขาไม่ผูกไว้กับตัวได้ยกลูกให้เขาไปเหล่หนุ่มหล่อ ๆ แน่ แต่งแหละ ต้องแต่ง ถ้าไม่แต่งเขานี่แหละจะลำบาก“มันอาจจะเร็วไปหน่อยนะหนึ่ง เธอจะเสียชีวิตที่ควรจะมี แต่ฉันจะพยายามปรับให้มันลงตัว ให้เธอได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ บ้าง”คำขอแต่งงานเรียบเรื่อยธรรมดาแต่หนึ่งนางก็ตื้นตันที่เขาทำให้“ฉันไม่ไปไหนหรอก”เขาหัวเราะ ตอนนี้ก็ยังหรอก แต่เดี๋ยวอีกหน่อยคร้านจะเบื่อหน้าเขาขอไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อย ๆ หากไม่เกิดเรื่องเธอก็จะได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นของตัวเองอีกนิด







