ต้นหนาวก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน หลังจากที่คินน์ตกลงให้หญิงสาวมาทำงานที่นี่ วสันต์และอรดาที่เป็นเสาหลักของบ้านต่างก็เอ็นดูต้นหนาวตามๆ กัน เพราะเหมือนได้ลูกสาวมาเพิ่มอีกคน
ควีนโล่งใจขึ้นและเข้าใจว่าคินน์เสนอจ้างงานต้นหนาวเพื่อให้เด็กสาวไม่ยึดติดว่าเป็นหนี้บุญคุณต่อครอบครัวของเขา ปล่อยให้ต้นหนาวได้ใช้ชีวิตอย่างดีเสมือนส่วนหนึ่งในครอบครัว แม้จะเป็นงานแต่ก็เป็นงานที่มีความสุขที่สุด
ส่วนโคลด์ก็เอ็นดูต้นหนาวเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่งไม่ต่างจากควีนเช่นกัน หลังจากผ่านความตายมาได้อย่างเฉียดฉิวก็ต้องขอบคุณต้นหนาวที่เบี่ยงเบนความสนใจของคนพวกนั้นจนทำให้เขาไม่ต้องกลายเป็นศพไปเสียก่อน แต่ก็อาการสาหัสเอาเรื่อง
“ต้นหนาว พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับพี่ไหม” ควีนเอ่ยชวนเด็กสาวที่กำลังช่วยจัดเอกสารภายในห้องทำงานของเธอ
พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพอดี ควีนเลยถือโอกาสจะพาต้นหนาวไปเที่ยวสักหน่อย ถ้าได้พาเด็กสาวออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็น่าจะดีกว่าอยู่แต่ในบ้าน
“ไปสิคะพี่ควีน เอ่อ... ว่าแต่คุณคินน์เขาจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอคะ”
ตลอดเวลาที่ต้นหนาวตกลงทำงานอยู่ที่นี่มานานเกือบห้าเดือน เธอได้เจอหน้าคินน์ไม่ถึงสามครั้ง ต่างจากคนอื่นๆ ที่กลับมาบ้านทุกสัปดาห์ ได้เจอครั้งล่าสุดก็คงเป็นวันเกิดอายุครบสิบแปดปีของเธอเมื่อสามเดือนก่อน
“ทำไมเหรอ? คิดถึงพี่คินน์หรือยังไง” ควีนเอ่ยแซวพลางอมยิ้มเล็กๆ คนเดียว
“ป...เปล่าค่ะ หนาวก็แค่สงสัย”
“น่าจะอีกนานเลยล่ะ ช่วงนี้คงจะกำลังยุ่งอยู่” ควีนไม่ปล่อยให้เด็กสาวต้องรอเก้อรีบตอบคำถามทันที
ทุกๆ เดือนก็จะมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีของต้นหนาวเสมอ อีกทั้งยังข้อความที่ส่งเข้ามาบางครั้ง สั่งให้เธอตั้งใจเรียนและสอบให้ติด
เพราะต้นหนาวจบแค่มัธยมต้น จึงต้องสอบเทียบเข้ามหาลัยแทน ทุกวันจะมีคุณครูเข้ามาสอนเธอเพื่อเตรียมสอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่เพราะเป็นเด็กหัวดีและขยันทำให้เธอสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้จะรีบมารับ”
“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ” ต้นหนาวยืนส่งควีนจนกระทั่งรถหรูพ้นรั้วบ้านออกไปจึงปิดประตูบ้านและเดินกลับเข้ามาด้านใน
วันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่เลยเพราะทุกคนมีงานกันหมด เหลือแค่เธอกับแม่บ้านอยู่กันเพียงไม่กี่คน ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว แม่บ้านก็เลิกงานกลับเข้าบ้านพักกันไปหมด
ตึก! แกรก!
ทันทีที่ต้นหนาวกลับเข้ามาในห้องนอนก็ได้ยินเสียงบางอย่างคล้ายกับอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่ระเบียง
มือเล็กรีบคว้าไม้เบสบอลที่วางไว้มาถือพร้อมกับชูขึ้นสูง ถ้าหากเป็นโจรก็จะได้จัดการให้สลบเหมือดไปเลย
ทันใดนั้นประตูระเบียงของเธอก็เปิดออกพร้อมกับร่างของใครบางคนที่พุ่งเข้ามาในห้อง ดวงตาทั้งสองข้างหลับตาปี๋ก่อนจะง้างมือยกไม้เบสบอลขึ้นสูงและเหวี่ยงลงพร้อมกับส่งเสียงร้อง
อ๊ากกกกก~
หมับ!
“เธอจะทำอะไร” ไม้เบสบอลของเธอถูกจับเอาไว้ พร้อมกับเสียงที่ฟังดูคุ้นหูเอ่ยถามขึ้น
ต้นหนาวค่อยๆ ลืมตาทีละข้าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงที่เธอเฝ้ารอเขามานานหลายเดือนแล้ว
“คุณคินน์”
“ใช่ คิดจะฆ่าฉันเหรอ” ต้นหนาวรีบเอาเบสบอลไปวาง ก่อนจะกลับมายืนทำหน้าสำนึกผิดอยู่ต่อหน้าของคินน์
“ก็หนาวคิดว่าโจร”
“ครั้งนี้ฉันให้อภัย ถือว่าฉันยังไม่ได้บาดเจ็บอะไร”
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณเข้ามาทำไมคะ” คนถูกถามเดินเข้ามาใกล้เธอหนึ่งก้าว ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้และตอบคำถามของเธอ
“นี่ห้องของฉัน ทำไมฉันจะเข้าไม่ได้”
“แต่คุณยกห้องนี้ให้หนาวอยู่แล้วนะคะ”
“แค่ชั่วคราว”
“งั้นคืนนี้หนาวจะไปนอนไหนล่ะ”
“ก็นอนที่นี่ไง”
“แล้วคุณล่ะ” เธอย้อนถามกลับ
“ฉันก็จะนอนที่นี่”
“ไม่ได้ค่ะ คุณจะมานอนกับหนาวได้ยังไง” ต้นหนาวรีบปฏิเสธทันที ถ้าจะให้เธอนอนร่วมห้องกับคินน์ เธอยอมไปนอนในห้องรับแขกยังจะดีกว่า
“ฉันบอกว่าได้ก็คือได้ ห้ามเถียง!”
“งั้นหนาวจะไปนอนห้องรับแขก”
“ไม่ได้ ฉันบอกให้นอนที่นี่ก็นอนที่นี่สิ” คำสั่งของเขาทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลย จึงต้องยอมนอนในห้องนี้กับเขา
ยังดีที่เขาเลือกที่จะไปนอนโซฟาและให้เธอนอนบนเตียง ถือว่ายังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง
คินน์ตัดสินใจกลับมาบ้านกะทันหัน หลังจากได้ยินควีนเล่าให้ฟังว่าสัปดาห์นี้ไม่มีใครอยู่บ้านและจะพาต้นหนาวไปเที่ยว
ช่วงนี้เขาวุ่นอยู่กับงานภายในแก๊งที่ต้องส่งของให้กับลูกค้าและงานของบริษัทที่มีโปรเจกต์ใหญ่ร่วมกับลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ จึงไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน แต่พอกลับมาก็เป็นช่วงที่ต้นหนาวกำลังเรียนอยู่ทำให้ไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน
ตกกลางดึกต้นหนาวตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียเพราะเห็นแสงไฟจากโต๊ะทำงานที่อยู่ภายในห้อง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งมองคินน์ที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“คุณทำอะไรเหรอคะ”
“ลุกขึ้นมาทำไม พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ” คินน์รีบหันไปดุทันที
“โห ไม่เห็นต้องดุกันเลย หนาวแค่ตื่นมาแล้วเห็นคุณทำงานอยู่ก็เลยถามดู”
“แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะเรียนต่ออะไร”
“คิดแล้วค่ะ แต่ยังบอกไม่ได้” คินน์ปล่อยให้ต้นหนาวได้เลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบเรียนมากกว่าที่จะไปบังคับให้เรียนในสิ่งที่เขาต้องการ
“อยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้าง”
“ก็สบาย มีความสุขดีค่ะ” ต้นหนาวพูดตามจริง
มีเงินโอนเข้าบัญชีทุกเดือน ข้าวฟรี ที่พักฟรี แถมดูแลกันเหมือนคนในครอบครัว แล้วไหนจะบัตรเครดิตอีกสองสามใบที่วสันต์และอรดาให้เอาไว้ใช้อีก ชีวิตสุขสบายจนไม่เหมือนกับว่าเธอกำลังทำงานอยู่เลย
“ไปนอนเถอะ”
“ก็ได้ค่ะ” ต้นหนาวยอมกลับไปนอนเมื่อถูกสั่งอีกครั้ง
เช้าวันต่อมาต้นหนาวก็รีบเด้งตัวลุกจากเตียงไปทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่ควีนจะมาถึง ทว่าคนที่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะกลับหายไปแล้ว แต่เธอก็ไม่มีเวลามากพอที่จะสนใจเขา
“ต้นหนาว” เสียงของควีนดังขึ้นในระหว่างที่หญิงสาวกำลังเตรียมตัวจะลงไปชั้นล่างของบ้าน
“ค่ะพี่ควีน”
“แต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงมานะ”
“ค่ะ หนาวกำลังจะออกไปแล้วค่ะ” ต้นหนาวรีบเดินออกมาหาควีนที่ยืนอยู่หน้าห้อง พลางส่งยิ้มแฉ่งให้อีกฝ่ายอย่างสดใส
ควีนมองดูเด็กสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดูก่อนจะเดินลงมาชั้นล่างด้วยกัน ก็พบคินน์ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว
“พี่คินน์จะไปด้วยเหรอคะ”
“ไปสิ”
“แต่ปกติพี่คินน์ไม่ชอบไปที่ที่คนเยอะ แล้วก็อากาศร้อนนะคะ” ควีนจะได้ขึ้นใจ ว่าพี่ชายของเธอนั้นเกลียดสถานที่อย่างสวนสนุกมากเพราะทั้งร้อนและคนเยอะ ตั้งแต่เด็กจนโตคินน์เคยไปเหยียบที่สวนสนุกเพียงแค่ครั้งเดียว
“ก็วันนี้คนขับรถลา พี่ก็เลยอยากขับรถให้เธอไง”
“เหรอคะ”
“อืม” คินน์ไม่สนใจน้องสาวที่กำลังคาดคั้นเขา ก่อนจะรีบออกไปเตรียมรถรอระหว่างที่สองสาวกำลังทานอาหารเช้าด้วยกันก่อน
“พี่คินน์มาเมื่อไหร่เหรอ”
“เมื่อคืนค่ะ แอบเข้ามาทางหน้าต่างด้วยค่ะ หนาวนึกว่าโจร เกือบเอาไม้เบสบอลฟาดหัวไปแล้ว”
“จริงเหรอ” เสียงร้องถามของควีนดังลั่นทั่วบ้าน จนเจ้าตัวต้องรีบยกมือปิดปากตัวเองเอาไว้เพราะลืมตัวเผลอส่งเสียงดัง
“ค่ะ แต่โชคดีที่ยังไม่โดน” ต้นหนาวอธิบายต่อ
“แล้วหนาวว่าพี่คินน์เป็นยังไงบ้าง”
“เป็นยังไง? อะไรเหรอคะ” เด็กสาวถามอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าควีนต้องการจะถามอะไรเธอกันแน่
“ก็พี่คินน์ดูเป็นคนยังไงในสายตาหนาวเหรอ”
“ก็ปากร้าย แต่ใจดีค่ะ” ต้นหนาวตอบตามที่ตัวเองรู้สึก ควีนอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินพลางหันไปมองพี่ชายที่กำลังนั่งรออยู่หน้าบ้าน
“รู้ไหม ปกติพี่คินน์เกลียดสวนสนุกมากๆ เลยล่ะ ขนาดพี่อ้อนวอนขอให้พี่คินน์ไปด้วย ก็ยังไม่ยอมไปเลยสักครั้ง”
“สวนสนุกก็น่าจะสนุก ทำไมเขาถึงไม่ชอบล่ะคะ”
“รักตัวกลัวตายมั้ง” ต้นหนาวหัวเราะออกมาอย่างไม่อาจห้ามใจ เมื่อได้ยินควีนเอ่ยแบบนั้น
สองสาวกระซิบกระซาบคุยกันเพลินจนคินน์ต้องมาเตือนเพราะไม่อย่างนั้นจะไปสายกว่าเวลาแล้วจะเล่นเครื่องเล่นได้ไม่เต็มที่
“คุณคินน์ไม่เล่นด้วยกันเหรอคะ”
“ไม่” ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง พลางเดินตามหลังสองสาวที่กระดี๊กระด๊ากันมาตลอดทาง แม้ควีนที่ปีนี้อายุจะครบยี่สิบเจ็ดปีแล้วแต่กลับยังรู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด
“หนาวอยากเล่นอันนี้ค่ะ”
“ไม่กลัวเหรอ ดูอันตรายจะตายไป” คินน์เอ่ยเตือนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ไม่ค่ะ คุณคินน์กลัวเหรอคะ”
“นั่นสิพี่คินน์ ไม่เล่นด้วยกันบ้างเหรอ” ควีนเสริมขึ้น แม้จะรู้ดีว่าพี่ชายไม่มีทางยอมเล่นแน่นอน
“ไม่เล่น ฉันไม่ชอบ”
“ไม่ชอบ... หรือกลัวกันแน่คะ” ต้นหนาวพยายามทำให้เขายอมเล่นด้วย แต่ทว่ามุกตื้นๆ แบบนี้ทำอะไรคนอย่างคินน์ไม่ได้เลยสักนิด
“จะไปเล่นก็ไป อย่ามาเซ้าซี้ฉัน” เมื่อโดนคินน์ตอบกลับด้วยความรำคาญ สองสาวต่างก็รีบไปเล่นเครื่องเล่นอื่นๆ กันต่อ เพราะถ้าหากคินน์โกรธเมื่อไหร่ คงได้โดนสั่งกลับบ้านทันที
“หนาวกลับบ้านกับพี่คินน์นะ เดี๋ยวพี่ต้องไปโรงพยาบาลต่อ”
“ค่ะ” ต้นหนาวรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะหันมามองคนตัวสูงที่เดินตามมาอยู่ด้านหลัง
“ควีนไปก่อนนะ” ควีนหันมาบอกกับเขา ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป เหลือไว้เพียงแค่เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพลางส่งยิ้มให้เขาจนปากแทบจะฉีกถึงหู
“กลับบ้าน”
“คุณคินน์แวะร้านชานมให้หนาวหน่อยได้ไหมคะ”
“กินทั้งไอติมทั้งขนมไปแล้ว ยังไม่อิ่มอีกหรือไง”
“ยังค่ะ หนาวอยากกินชานมไข่มุกด้วย”
“อืม” คินน์ปฏิเสธอะไรไม่ได้จึงได้แต่รับปาก ก่อนจะพาเด็กสาวกลับไปที่รถ
ระหว่างทางก็ยอมแวะให้ต้นหนาวซื้อของกินอยู่หลายร้านกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็บ่ายสามโมงแล้ว
“อ้าว ออกไปไหนกันมาเนี่ย” อรดาที่เพิ่งจะกลับมาจากต่างจังหวัดเอ่ยขึ้น
“พ่อสันต์แม่อร” เสียงตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ พร้อมกับร่างเล็กที่วิ่งเข้าไปกอดอรดาทันที
“สวัสดีครับ” คินน์ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ทักทายพ่อแม่ตามปกติ
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ตาคินน์”
“เมื่อวานครับ แต่วันนี้จะกลับแล้ว” อรดาแปลกใจไม่น้อยที่เห็นลูกชายคนโตกลับมาบ้านแบบนี้ แล้วยังพาต้นหนาวออกไปข้างนอกมาอีก
“ถ้างั้นอยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนสิ”
“ครับ” คินน์ตอบก่อนจะหันไปมองวสันต์ที่นั่งอยู่ในห้องทำงานพลางส่งสายตาดุดันมาให้ราวกับเตือนว่าห้ามเขายุ่งกับลูกสาวคนเล็กสุดรักสุดหวงเป็นอันขาด
แต่น่าเสียดายที่คนอย่างคินน์ไม่กลัวใคร แม้แต่คนเป็นพ่ออย่างวสันต์ก็ห้ามไม่ได้ ถ้าเขาอยากจะได้จริงๆ
“คุณพ่อไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมแค่พาเธอไปเที่ยวกับควีนมา”
“อืม” วสันต์ตอบ ก่อนจะหันมาลูบหัวของเด็กสาวที่กำลังนั่งพูดคุยกับอรดาเสียงเจื้อยแจ้ว วสันต์ก็เอ็นดูต้นหนาวไม่ต่างจากอรดา