ชั่วโมงต่อมา
รถหรูหลายร้อยคันขับเคลื่อนผ่านประตูด้านหน้า เข้าไปในอาณาเขตของมหาวิทยาลัยสุดเลื่องชื่อ แม้จะรู้สึกอิจฉาเจ้าของรถหรูเหล่านั้น ใบข้าวก็ไม่เคยแสดงมันออกมาให้ใครเห็น เด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดปีที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยการคว้าทุน เชิ่ดใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นสูง ดวงตาคู่หวานฉายเพียงความมุ่งมั่นออกมา คนอื่นอาจจะเหยียบย่ำความจนของเธอได้ แต่เธอจะไม่มีวันเหยียบย่ำมันด้วยเท้าของตัวเองเด็ดขาด ใบข้าวเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกชนค่าเทอมแพงลิบแห่งนี้ ด้วยการสอบชิงทุนเข้ามา และตอนสอบเข้าเธอทำคะแนนได้อันดับที่หนึ่ง และสามารถรักษาอันดับของตัวเองไว้ได้ทุกปี เธอจึงกลายเป็นนักศึกษาพิเศษของมหาวิทยาลัย เพราะไม่มีใครสามารถรักษาอันดับได้อย่างเธอ “มาแล้วเหรอใบข้าว” ร่างสมส่วนในชุดนักศึกษาขนาดพอดีตัวหยุดฝีเท้าลง ใบหน้าจิ้มลิ้มปราศจากเครื่องสำอางแหงนเงยขึ้นมากกว่าหกสิบองศา เพื่อมองคนพูดที่มีส่วนสูงมากถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร หนุ่มหล่อตรงหน้าเธอตอนนี้คือเขตคราม ผู้ชายที่คอยกวนประสาทเธออยู่ทุกวี่วัน แต่คำทักทายที่แปลกไปนั้นทำให้เธอหยุดคิดทบทวน มากกว่าจะสวนกลับไปด้วยถ้อยคำเจ็บแสบอย่างทุกที “ …?” “ … มีแค่ฉันเหรอที่ย้อนกลับมา” เมื่อคนตัวเล็กกว่ามีสีหน้าสับสน เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ฉายความผิดหวังออกมาเลือนลาง มันจางหายไปโดยใช้เวลาเพียงสั้นๆ แค่ไม่นานเขาก็กลายเป็นเขตครามคนเดิม คนที่คอยหาเรื่องชวนเธอทะเลาะ “นี่ยัยประธานนักศึกษา! วันนี้เธอลืมเอาสมองมาด้วยหรือไง ถึงได้ยืนเอ๋ออยู่แบบนี้” “ … เมื่อกี้ นายพูดว่าอะไรนะ ย้อนกลับมา?” ใบข้าวยังคงติดอยู่กับคำพูดแผ่วเบาของศัตรูเบอร์หนึ่ง ย้อนกลับมาที่เขาพูดมันหมายความว่ายังไง แล้วชื่อใบข้าวที่เรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนั้น มันเหมือนกับที่เขตครามในฝันเรียกเลยไม่ใช่เหรอ เขา … เขาใช่เขตครามที่เธอรู้จักไหมเนี่ย? “เธอ …ไม่ใช่ใบข้าวในตอนนั้นงั้นเหรอ?” “ใบข้าวในตอนนั้น? ตอนไหน?” ร่างบอบบางเผลอก้าวถอยหลัง เมื่อร่างสูงใหญ่กำยำอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม ของหนุ่มหล่อนักกิจกรรมก้าวมาข้างหน้า เขาก้าวต้อนเธอไปข้างหลังอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งแผ่นหลังของเธอแนบกับลำต้นของต้นไม้ใหญ่อย่างต้นจามจุรีอายุมากกว่าร้อยปี เขาถึงได้หยุดฝีเท้าลง “ก็ใบข้าวตอนที่เป็นเมียของฉันไง” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงไปพูดอยู่ด้านข้าง เสียงซ่านสยิวดังก้องอยู่ในหูของคนฟัง “ … ปะ เป็น เป็นเมียนาย ฉะ ฉัน ฉันเนี่ยนะ! บ้าไปแล้ว!” ใบข้าวแทบจะพูดไม่รู้เรื่อง ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเพราะความตกใจ แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น ภาพต่างๆที่ชัดเจนราวกับมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ก็ฉายวนอยู่ในหัวของเธอ ภาพที่เขากับเธอเดินจับมือกันอย่างสนิทสนมเหมือนกำลังออกเดต ภาพในห้องส่วนตัวที่เขากับเธออิงแอบแนบชิด ภาพที่เขากับเธอประทับริมฝีปากเข้าหากันอย่างเร่าร้อนดูดดื่ม และภาพสุดท้าย ภาพที่เขาเคลื่อนไหวร่างกายเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนและรุนแรง “กรี๊ด! อุ๊บ!” ใบข้าวยกมือปิดปากไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงกรีดร้อง ด่าทอสิ่งที่สมองฉายออกมาอยู่ในใจ มองผู้ชายตรงหน้าเพื่อค้นหาคำตอบจากเขา ดวงตาสีเทาเข้มฉายประกายบางอย่าง คงอยู่เนินนาน และมันไม่มีวันเป็นอย่างนี้ได้แน่ ถ้าหากเขาเป็นเพียงแค่เขตครามคนนั้น คนที่อายุยี่สิบเอ็ดปีเท่ากันกับเธอ คนที่เป็นศัตรูคู่กัดของเธอ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น คนตรงหน้าเธอตอนนี้ ร่างกายคือเขตครามก็จริง ข้างในกลับไม่ใช่เขา แต่เป็นเขตครามอีกคนที่คงหลุดมาจากอนาคตอย่างที่เขาบอก “หึ! เธอเองก็ย้อนกลับมาเหมือนกันสินะ เอายังไงดีล่ะใบข้าว เราทั้งคู่ต่างก็ได้รับโอกาส เธอจะเดินตามเส้นทางเดิมไหม หรือจะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตใหม่?” “เหอะ! มีโอกาสมากมายขนาดนี้ ทำไมฉันจะไม่คว้ามันเอาไว้” ใบข้าวไม่เข้าใจ ว่าทำไมความทรงจำต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในอนาคต ถึงขาดหายไปเป็นบางช่วง มีเพียงความทรงจำในรั้วมหาวิทยาลัยที่มันชัดเจน และมันมากพอให้เธอใช้ตัดสินใจ สี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยมันแย่ เขตครามถูกรวมอยู่ในเรื่องราวแย่ๆของชีวิตเธอ เธออยากจะเปลี่ยนอนาคตใหม่ มีหลายๆอย่างที่เธอรู้สึกว่ามันผิดพลาดไป เธอจะไม่เดินตามเส้นทางชีวิตเดิม “งั้นเหรอ? … เธอเลือกเองนะ” เขตครามถอยห่างเมื่อได้ฟังคำตอบ สีหน้าของเขาไม่แสดงออกว่ารู้สึกยังไง เฉยชาจนคนมองรู้สึกฉุนนิดๆ “แน่นอน! ใครจะอยากลงเอยกับผู้ชายไม่ได้เรื่องแบบนาย!” ใบข้าวยืดตัวขึ้น ท่าทางมาดมั่นเรียกสายตาแปลกแปร่งจากคนตัวโต “เหอะ! … ฉันเองก็ไม่อยากลงเอยกับยัยจู้จี้ขี้บ่นอย่างเธอหรอก!” พูดจบ เขตครามก็หมุนตัวเดินจากไปทันที เพื่อซ่อนความรู้สึกบางอย่าง ที่มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่เข้าใจมัน “เออ!” ใบข้าวตะโกนตามหลังเขตครามไป เมื่อถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ความทรงจำต่างๆที่เคยเกิดขึ้นต่อจากนี้ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในหัว เขาไม่เคยปกป้องเธอเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขามักจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอเสมอ แล้วจะให้เธอมั่นใจได้ยังไง ว่าอนาคตครั้งใหม่นี้ เขายังอยากให้มันเป็นเธอ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่เขาเฝ้ารอมาตลอดก็ได้ ฟังจากคำพูดเมื่อกี้สิ เธอเป็นยัยจู้จี้งั้นเหรอ เขาเองก็เป็นคนไม่ได้เรื่องเหมือนกันนั่นแหละน่า “โอ้ย! เลิกคิดเรื่องเขตครามก่อนเถอะ! ถ้ายังยืนอยู่อย่างนี้ เธอหมดโอกาสได้ทุนไปเรียนต่อโทแน่ๆเลยยัยข้าว” ใบข้าวสลัดเรื่องราวในอนาคตที่มีเขตครามรวมอยู่ในนั้นทิ้ง สาวเท้าวิ่งไปยังอาคารเรียนหลายสิบชั้นคณะที่ตัวเองเรียนอยู่ ซึ่งตึกคณะของเธอดันอยู่ข้างๆกับตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ แม้จะอยากสลัดเรื่องราวต่างๆทิ้ง ก็ไม่สามารถทำมันได้ ยิ่งตอนที่ได้รู้ว่ากิจกรรมส่งท้ายในฐานะนักศึกษา คณะของเธอจะต้องทำกิจกรรมร่วมกับคณะวิศวกรรม ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันรุ่นต่อรุ่น ใบข้าวยิ่งสลัดเรื่องราวในอนาคตทิ้งไม่ได้ เรื่องกิจกรรมส่งท้ายเอาไว้ไปปวดหัวในอีกหกเดือนข้างหน้า ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอต้องไปทวงห้องซ้อมละครคืนมาจากเขาแล้ว12 : 45 น. โรงแรม XXX ผลสรุปคือฉันกับเขตครามมาสายเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกโล่งใจ เพราะเขาบอกว่าจริงๆแล้ว พวกผู้ใหญ่เลื่อนนัดไปเป็นบ่ายโมง และคนทำให้ฉันเป็นกังวลมาตลอดก็โดนลงโทษไปตามระเบียบ แม้ฉันจะง้อด้วยจูบหวานๆ เขตครามก็ยังไม่หยุดทำหน้าบึ้ง ง้อยากนักฟาดหลังอีกสักรอบดีไหม “นี่คราม! เลิกทำหน้าแบบนั้นได้ยัง ฟาดอีกสักรอบดีไหมเนี่ย”ร่างสูงในชุดสูทสีกรมท่าถอยกรูดไปด้านหลัง ท่าทางหวาดกลัวปลอมๆนั่น ทำให้ฉันปรี่เข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นหมายจะฟาดหัวไหล่ เสียงใครบางคนก็ขัดการกระทำของฉัน ลดมือลงข้างลำตัว หัวคิ้วขมวดเข้าหากันจนเกือบชน “สวัสดีค่ะอาจารย์ ไม่ใช่สิ คุณหมอคริส มิน”“สวัสดีใบข้าว”“สวัสดีจ๊ะข้าว”แปลกใจที่เจอคุณหมอคริสกับมินตราที่นี่ แต่ที่น่าแปลกใจมากกว่าก็คือความใกล้ชิดของคนทั้งสอง แม้ไม่ได้อยู่ในระดับที่มองออกว่าเป็นคู่รัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีความสัมพันธ์บางอย่างแอบแฝงอยู่ “มากันแล้วเหรอ ยัยหนู”“คุณย่า ทำไมไม่รอข้างในล่ะครับ”เขตครามเดินเข้าไปช่วยพยุงผู้หญิงที่เขาเรียกว่าย่า ทว่าท่านยังดูอ่อนเยาว์เหมือนผู้หญิงวัยสี่สิบปลายๆ ฉันเดินเข้าไปใกล้ท่าน ยกมือไห
วันต่อมา “ข้าว ใบข้าว ตื่นได้แล้ว”เสียงนุ่มนวลรบกวนห้วงนิทราหวาน ฉันปรือตาขึ้นมองไปทางที่ตั้งของนาฬิกา เมื่อพบว่ามันเพิ่งจะเก้าโมงเช้า ก็ปิดเปลือกตาลงเหมือนเดิม แอบด่าคนที่ใช้แรงฉันทั้งคืนจนเกือบรุ่งสาง ไม่รู้จะรีบปลุกทำไม จำไม่ได้หรือไงว่าวันนี้วันเสาร์ “ข้าว! ตื่น”ครั้งนี้เขตครามไม่ได้ทำเพียงแค่เรียก เขาดึงรั้งผ้าห่มไปจากตัวฉัน ยิ่งเขาดึงฉันยิ่งออกแรงยื้อ เมื่อเห็นว่าผลแพ้ชนะมันกำลังจะเอนเอียงไปทางเขา ก็ส่งตาขวางไปให้ “ฉันเหนื่อย! ง่วงด้วย ร่างเหมือนจะแหลกเลย”ไอ้คนหื่นกามไม่หลงกล สุดท้ายผ้าห่มนุ่มสบายก็ร่วงหล่นอยู่ปลายเตียง คนที่นุ่งเพียงกางเกงนอนขาสั้นขยับขึ้นมาคร่อมทับทันที สายตาหื่นห่ามเกิดขึ้นอีกแล้ว ฉันที่เหนื่อยสายตัวแทบขาดรีบยกมือขึ้นฟาดหน้าอกเขาสุดแรง เพี๊ยะ! “ก็บอกว่าเหนื่อยไง!”“ชิ! ก็อยากให้นอนต่ออยู่หรอก แต่เธอลืมหรือไง ว่าต้องไปทานมื้อกลางวันกับพ่อแม่ฉันอะ”“เห้ย! จริงด้วย!”“เห้อ! ให้ช่วยอาบไหม?”“ไม่ต้องย่ะ! นายมานั่นแหละมันจะยิ่งช้า”ฉันลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท จึงหอบร่างกายร้าวรานลงไปจากเตียง จากนั้นก็เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัว ตอบโต้กับเขตครามขณะที่เดินไ
สัปดาห์ต่อมา ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคนให้ความสนใจข่าวลือเรื่องการคบหากันระหว่างฉันกับเขตครามอย่างล้นหลาม จนกระทั่งข่าวการลาออกจากตำแหน่งของอาจารย์คริสหลุดออกมา ข่าวลือของฉันถึงได้ซาลง แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนก็ยังให้ความสนใจอยู่ จนฉันไม่เป็นอันทำอะไรเลย “เธอเองเหรอที่คนเขาลือกันให้แซ่ดว่าเป็นตัวจริงของครามอะ ฉันว่าข่าวมั่วมากกว่ามั้ง หรือไม่ก็คงเอาตัวไปประเคนใส่ปากให้เขาเคี้ยวจนได้เป็นตัวจริง” นินิวพูดจาค่อนขอดใส่ หลังจากวางเอกสารเกี่ยวกับงานของเธอลงบนโต๊ะเพื่อให้ฉันตรวจสอบ ยัยนี่เพิ่งจะรู้หรือไงว่าฉันเป็นผู้หญิงในข่าวลือ ก็นะ คงจะเพิ่งรู้นั่นแหละว่าเป็นฉัน ก็เธอมัวแต่ไปปลอบใจพราวฟ้านี่นา คงคิดว่าขอดไม้ผุๆอันนั้น จะพาเธอไปถึงฝังฝันได้อยู่“ก็ดีกว่าคนที่ล้างตัวเองใส่พานไปถวายถึงปาก แต่เขาไม่ยอมเคี้ยว ไม่ใช่หรือไง”“แก! ปากดีขึ้นเยอะนี่ใบข้าว!”“อืม ก็ไม่ต่างจากเธอที่ปากเน่ามากกว่าเดิม แปรงฟันด้วยนะ กลิ่นหึ่งจนจะอ้วกเลยเนี่ย”“แก! อีข้าว!”“อย่าคิดว่าฉันสู้เธอได้แค่ปากนะนินิว”ผู้หญิงหุ่นสะบึมน่าอิจฉาหยุดฝีเท้า จากนั้นก็เต้นเร่าๆอยู่บนส้นสูงแหลมปรี๊ด แต่งตัวมาแบบหวังไปทำค
“ถ้าต้องมานั่งรู้สึกผิดต่อกัน ก็ไม่ควรทำมันตั้งแต่แรกไหม”“นั่นสิ บอกตัวเองใช่ไหม”“ฉันยอมรับว่าหลบหน้านาย ฉันแค่อยากจัดการความรู้สึกของฉัน ไม่ได้บอกว่าจะเลิกคบกันสักหน่อย นายบอกว่านายรู้จักฉันมานานนี่นา นายน่าจะรู้อยู่แล้วไหมว่าฉันเป็นคนนิสัยยังไง ถ้าฉันได้ตัดสินใจอะไรไปแล้ว ฉันไม่มีทางเปลี่ยนใจ เรื่องของเราก็เช่นเดียวกัน”อาจจะสับสนไปบ้าง อาจจะรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง แต่ฉันก็จะพยายามทำมันให้สำเร็จให้ได้ การถีบตัวเองขึ้นไปโดยไม่พึ่งแรงส่งจากเขา มันคงทำให้ฉันรู้สึกภาคภูมิได้บ้าง อย่างน้อยๆฉันก็อยากพยายาม อยากให้คนรอบข้างมองว่าฉันมีคุณค่า และคู่ควรกับคนสูงส่งเช่นเขา “ … เธอควรจะพูดแบบนี้กับฉัน ก่อนที่จะทำมันนะ รู้ไหมว่าหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันเหมือนหมาบ้ามากแค่ไหน”“ก็บ้าๆบอๆตลอดอยู่แล้วปะ?”“นี่! ฉันยังไม่หายโกรธเธอนะ”เขตครามทำหน้าเหมือนหมาป่าโดนนายพรานดุ พอคนตัวโตๆทำหน้าแบบนั้น สมองมันอดคิดหาสิ่งเปรียบเทียบไม่ได้ เมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบโต้อะไร หมาป่าตัวใหญ่ก็แปลงกายไปเป็นหมาบ้าน “รู้แล้วน่าว่าฉันทำให้เธอโกรธเหมือนกัน อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยนะ เดี๋ยวฉันอุ้มกลับ”เข้าใจว่าการคุ
“ฮึก! อือ”ฉันหลับตาลงยอมรับความพ่ายแพ้ ทั้งทางร่างกาย ทั้งความรู้สึก เป็นฉันนั่นแหละที่ผิด ถ้าเปิดใจคุยกับเขาไม่หนีหน้า ระหว่างเราคงไม่บาดหมาง เขาคงไม่โกรธจนตัดสินใจทำเรื่องระยำ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คนขี้ขลาดอย่างฉันจะกล้าพูดมันจริงๆเหรอ “ฮึก! ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันแล้วใช่ไหม ไม่คิดจะขอโทษฉันเลย”น้ำเสียงเจ็บปวดดังชิดแผ่นหลัง ท่อนลำที่กำลังสอบเข้าออกด้วยความรุนแรง ค่อยๆลดระดับความเร็วลง คงไว้เพียงความหนักหน่วง และสะโพกที่บดโยกไปซ้ายทีขวาที เมื่อไร้ซึ่งถ้อยคำตอบโต้ คนข้างหลังก็ฝังคมเขี้ยวลงบนหัวไหล่ โยกบั้นท้ายถี่รัว หนักหน่วง รวดเร็ว และเข้าสุดออกสุดเกือบทุกครั้ง “ฮึก! ฮือ! อือ อ๊า!”เมื่อร่างกายสุดจะกลั้นมันก็หดเกร็งตัว บีบรัดตัวตนด้านในให้ปริแตก แก่นเนื้ออวบใหญ่ปลดปล่อยสายธารหลั่งไหลเข้ามา มากมายจนมันเอ่อล้นออกไปตามการถอดถอนท่อนลำ “อึก! อย่าคิดว่ามันจะจบแค่นี้ล่ะใบข้าว”เขตครามสอดความใหญ่โตเข้ามาอีกครั้ง ครั้งนี้รุนแรงน้อยลง แต่ก็ยังเข้าสุดออกสุดหมือนเดิม ฉันหมดแรงจะต่อต้าน ร่างกายมันไม่ฟังคำสั่งตั้งแต่แรก โหยหาสัมผัสของเขา อยากได้อยากเอาในสิ่งที่เขาทำ อยากครอบครองทุกอย่
“อึก! แม่ง! รีบประชุมเหอะ!”เขตครามจับสะโพกฉันขึ้นและวางลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ฉันรู้ว่าอะไรทำให้เขาพูดและทำแบบนั้น ไอ้ท่อนลำที่มันเหยียดขยายเพราะการทาบทับของบั้นท้ายฉันนะสิ แต่มันดีแล้วแหละ ฉันอยากรีบประชุมให้มันเสร็จ อยากหนีหน้าเขา ไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเขาจริงๆ กลัวทุกสิ่งที่ตัวเองเก็บซ่อนไว้ พรั่งพรูออกมาให้เขารับรู้ การประชุมเป็นไปด้วยความราบรื่น แม้จะมีความขัดแย้งระหว่างนักศึกษาทั้งสองคณะเกิดขึ้นบ้าง แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี หลงเหลือเพียงเรื่องเดียวที่เป็นปัญหาในขณะนี้ ก็คือตัวพระนางของแสดงละครเวทีนั่นเอง กิจกรรมที่คณะของฉันกับคณะวิศวกรรมจะทำร่วมกันในปีนี้ก็คือละครเวที เนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวข้องกับลานเกียร์คณะวิศวะกรรม ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือจนกลายเป็นตำนาน ยิ่งได้ความสัมพันธ์ที่เริ่มมาจากความไม่ลงรอยกับคณะของฉันเข้าไป เนื้อหาละครมันจึงดูมีอะไรซ่อนอยู่มาก คนเขียนบทก็ฉลาด ขาดก็แต่คนสวมบทบาทนั่นแหละ โดยเฉพาะตัวเอกของเรื่อง “เอ่อ … ขออนุญาตเสนอรายชื่อได้ไหมคะ?”วีนาคือคนเสนอบทละครเวที จนมันได้รับเลือกให้เป็นกิจกรรมที่พวกเราจะทำร่วมกัน เธอยกมือขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งขอเสนอรายชื่อด้