LOGINชั่วโมงต่อมา
รถหรูหลายร้อยคันขับเคลื่อนผ่านประตูด้านหน้า เข้าไปในอาณาเขตของมหาวิทยาลัยสุดเลื่องชื่อ แม้จะรู้สึกอิจฉาเจ้าของรถหรูเหล่านั้น ใบข้าวก็ไม่เคยแสดงมันออกมาให้ใครเห็น เด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดปีที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยการคว้าทุน เชิ่ดใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นสูง ดวงตาคู่หวานฉายเพียงความมุ่งมั่นออกมา คนอื่นอาจจะเหยียบย่ำความจนของเธอได้ แต่เธอจะไม่มีวันเหยียบย่ำมันด้วยเท้าของตัวเองเด็ดขาด ใบข้าวเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกชนค่าเทอมแพงลิบแห่งนี้ ด้วยการสอบชิงทุนเข้ามา และตอนสอบเข้าเธอทำคะแนนได้อันดับที่หนึ่ง และสามารถรักษาอันดับของตัวเองไว้ได้ทุกปี เธอจึงกลายเป็นนักศึกษาพิเศษของมหาวิทยาลัย เพราะไม่มีใครสามารถรักษาอันดับได้อย่างเธอ “มาแล้วเหรอใบข้าว” ร่างสมส่วนในชุดนักศึกษาขนาดพอดีตัวหยุดฝีเท้าลง ใบหน้าจิ้มลิ้มปราศจากเครื่องสำอางแหงนเงยขึ้นมากกว่าหกสิบองศา เพื่อมองคนพูดที่มีส่วนสูงมากถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร หนุ่มหล่อตรงหน้าเธอตอนนี้คือเขตคราม ผู้ชายที่คอยกวนประสาทเธออยู่ทุกวี่วัน แต่คำทักทายที่แปลกไปนั้นทำให้เธอหยุดคิดทบทวน มากกว่าจะสวนกลับไปด้วยถ้อยคำเจ็บแสบอย่างทุกที “ …?” “ … มีแค่ฉันเหรอที่ย้อนกลับมา” เมื่อคนตัวเล็กกว่ามีสีหน้าสับสน เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ฉายความผิดหวังออกมาเลือนลาง มันจางหายไปโดยใช้เวลาเพียงสั้นๆ แค่ไม่นานเขาก็กลายเป็นเขตครามคนเดิม คนที่คอยหาเรื่องชวนเธอทะเลาะ “นี่ยัยประธานนักศึกษา! วันนี้เธอลืมเอาสมองมาด้วยหรือไง ถึงได้ยืนเอ๋ออยู่แบบนี้” “ … เมื่อกี้ นายพูดว่าอะไรนะ ย้อนกลับมา?” ใบข้าวยังคงติดอยู่กับคำพูดแผ่วเบาของศัตรูเบอร์หนึ่ง ย้อนกลับมาที่เขาพูดมันหมายความว่ายังไง แล้วชื่อใบข้าวที่เรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนั้น มันเหมือนกับที่เขตครามในฝันเรียกเลยไม่ใช่เหรอ เขา … เขาใช่เขตครามที่เธอรู้จักไหมเนี่ย? “เธอ …ไม่ใช่ใบข้าวในตอนนั้นงั้นเหรอ?” “ใบข้าวในตอนนั้น? ตอนไหน?” ร่างบอบบางเผลอก้าวถอยหลัง เมื่อร่างสูงใหญ่กำยำอัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม ของหนุ่มหล่อนักกิจกรรมก้าวมาข้างหน้า เขาก้าวต้อนเธอไปข้างหลังอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งแผ่นหลังของเธอแนบกับลำต้นของต้นไม้ใหญ่อย่างต้นจามจุรีอายุมากกว่าร้อยปี เขาถึงได้หยุดฝีเท้าลง “ก็ใบข้าวตอนที่เป็นเมียของฉันไง” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงไปพูดอยู่ด้านข้าง เสียงซ่านสยิวดังก้องอยู่ในหูของคนฟัง “ … ปะ เป็น เป็นเมียนาย ฉะ ฉัน ฉันเนี่ยนะ! บ้าไปแล้ว!” ใบข้าวแทบจะพูดไม่รู้เรื่อง ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเพราะความตกใจ แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น ภาพต่างๆที่ชัดเจนราวกับมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ก็ฉายวนอยู่ในหัวของเธอ ภาพที่เขากับเธอเดินจับมือกันอย่างสนิทสนมเหมือนกำลังออกเดต ภาพในห้องส่วนตัวที่เขากับเธออิงแอบแนบชิด ภาพที่เขากับเธอประทับริมฝีปากเข้าหากันอย่างเร่าร้อนดูดดื่ม และภาพสุดท้าย ภาพที่เขาเคลื่อนไหวร่างกายเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนและรุนแรง “กรี๊ด! อุ๊บ!” ใบข้าวยกมือปิดปากไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงกรีดร้อง ด่าทอสิ่งที่สมองฉายออกมาอยู่ในใจ มองผู้ชายตรงหน้าเพื่อค้นหาคำตอบจากเขา ดวงตาสีเทาเข้มฉายประกายบางอย่าง คงอยู่เนินนาน และมันไม่มีวันเป็นอย่างนี้ได้แน่ ถ้าหากเขาเป็นเพียงแค่เขตครามคนนั้น คนที่อายุยี่สิบเอ็ดปีเท่ากันกับเธอ คนที่เป็นศัตรูคู่กัดของเธอ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น คนตรงหน้าเธอตอนนี้ ร่างกายคือเขตครามก็จริง ข้างในกลับไม่ใช่เขา แต่เป็นเขตครามอีกคนที่คงหลุดมาจากอนาคตอย่างที่เขาบอก “หึ!“ เขตครามพ่นเสียงหึผ่านลำคอ เมื่อมั่นใจว่าเธอเองก็ย้อนกลับมาเหมือนกัน ก็ถามต่อว่าจะเอายังไง “เธอก็เหมือนกันสินะ เอายังไงดีล่ะใบข้าว เราต่างก็ได้รับโอกาสเหมือนกันทั้งคู่ เธอจะเดินตามเส้นทางเดิม หรือจะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตใหม่?” “ถึงนั่นจะเป็นอนาคตก็ตาม... ฉันไม่ต้องการหรอก” น้ำเสียงของใบข้าวหนักแน่นและเด็ดขาด เธอต้องการใช้มันเป็นกำแพงปกป้องหัวใจของตัวเอง “ …“ เขตครามชะงักไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินความต้องการของภรรยาในโลกอนาคต ความจุกเสียดแล่นขึ้นมาถึงในอก ความผิดหวังเสียใจตีตื้นขึ้นมาจนเกือบหลุดแสดงสีหน้าออกไป แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เขาก็สามารถกดอารมณ์ทั้งหมดไว้ได้ มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกวนประสาท ร่างสูงกำยำในชุดช็อปของคณะวิศวกรรมค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้ ยกมือยันต้นไม้ด้านหลังของเธอไว้ ปิดกั้นทางหนีทั้งหมด ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลง ตั้งใจปล่อยลมหายใจอุ่นร้อนกระทบข้างใบหูเล็ก จงใจใช้เสียงต่ำในการพูด “หึ... ประธานนักศึกษาของเรา เย็นชาเหลือเกินนะ“ หัวใจของใบข้าวสั่นสะท้าน ไม่นานก็เต้นระส่ำรัวเร็ว เผลอเอนแผ่นหลังแนบกับต้นไม้ผิวขรุขระโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจทั้งหมดแทบหยุดนิ่งลง ราวกับห้วงเวลาหยุดนิ่ง เธอเผลอจ้องตากับเขา ดวงตาเรียวยาวแฝงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่กลับมีแรงกดดันบางอย่างที่แฝงความอันตรายแผ่ซ่านออกมา ในขณะที่หัวใจรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็อบอุ่นอย่างน่าประหลาด “นั่นสินะ นักเรียนทุนอย่างเธอ คงอยากใช้ชีวิตอย่างสงบมากกว่า“ นิ้วเรียวยาวเกลี่ยปอยผมด้านหน้าอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เกลี่ยไปด้านข้างทัดมันไว้หลังใบหู ใบหน้าสวยหวานถูกเปิดเผยสู่สายตาคม น้ำเสียงที่เอ่ยต่อจากนั้น แหบพร่าและแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ “ส่วนฉัน …“ สายตาของเขาเปลี่ยนไปคล้ายมีความมืดปกคลุมอยู่ด้านใน คำที่อยากพูดดันติดอยู่ในลำคอ ไม่มีถ้อยคำหลุดออกมาอีก “ฮ่าๆ” เขตครามระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เยาะหยันความคิดของตัวเอง เมื่อหัวเราะเยาะจนพอใจแล้ว ก็เอื้อนเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องห่วง คนอย่างฉันไม่มีคุณสมบัติจะอยู่ในอนาคตของเธอหรอก ถ้ามีก็คงเพราะเธอเป็นฝ่ายตามฉันมาเอง” คำพูดของเขากวนประสาทและเสียดแทงใจ แต่ก็ไม่อาจปกปิดเงาหม่นที่วูบผ่านในดวงตาคู่นั้นได้ แก้มของเธอร้อนผ่าวขึ้นทันที โมโหและไม่เข้าใจจนอยากผลักเขาออก แต่ความใกล้ชิดกลับทำให้หัวใจเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้ ทำไม ... แววตาของเขาถึงทำให้รู้สึกเจ็บปวดได้ขนาดนี้ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังแสดงด้านที่อ่อนไหวออกมา ความรู้สึกท้าทายก็เกิดขึ้น เขตครามดึงมือกลับมาอย่างรวดเร็ว หมุนตัวเดินจากไปด้วยท่วงท่าสบายๆ แต่ฝีเท้ากลับถี่เร็วราวกับคนกำลังวิ่งหนีจากบางสิ่ง ก้าวไปได้ระยะหนึ่ง เขาก็หันกลับไปทิ้งความยียวนไว้ให้เธอ ทำเหมือนเขตครามคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก “อย่าเข้าเรียนสายล่ะคุณประธาน ระวังจะพลาดทุนเอานะ“ สวนหย่อมที่เงียบสนิทและทางเดินเชื่อมระหว่างตึกคณะ หลงเหลือเพียงแผ่นหลังที่ค่อย ๆ ห่างออกไป ไม่นานเงาร่างกำยำก็หายไปจากสายตา ใบข้าวยืนนิ่งอยู่ที่เดิม หัวใจเต้นระส่ำ สองมือกำแน่นโดยไม่รู้ตัว พยายามบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่การล้อเล่นของเขา เขาก็เป็นได้แค่หนุ่มเจ้าชู้ปากดีเหมือนทุกครั้ง แต่ในวินาทีนั้น ภาพจาก “อนาคต” ก็แวบขึ้นมา ร่างแกร่งที่โผลเข้าหาเธออย่างแผ่วเบา ทว่าอ้อมกอดของเขากลับร้อนผ่าวราวกับไฟลน ริมฝีปากที่สัมผัสรุกล้ำเข้าหา ก็เร่าร้อนและหวาบหวิว หัวใจของใบข้าวสะท้านหนัก ลมหายใจติดขัดขึ้นในทันที “ไม่ใช่เรื่องจริง... แต่ทำไม... ถึงต้องเป็นเขาด้วย?” เมื่อไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ ใบข้าวก็จำใจต้องสลัดมันทิ้งไปเสียก่อน สับสนได้แต่ไม่อยากเสียเวลากับมันมาก เพราะมีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ นั่นก็คือการเข้าเรียน ซึ่งมันเป็นอย่างที่เขาเตือน ถ้าเธอสาย … เธอจะพลาดทุนการศึกษานะสิมินตราเดินออกมายืนรอรถด้านหน้าโรงพยาบาล รออยู่สักพักก็มีรถหรูคันหนึ่งตบไฟเลี้ยว และจอดเทียบอยู่ข้างๆ ไม่นานกระจกรถฝั่งที่นั่งด้านข้างก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นใบหน้าของคนด้านใน “ขึ้นรถสิครับน้องมินเดี๋ยวพี่ไปส่ง”เจ้าของสนามแข่งเผลอถอนหายใจ เมื่อเขาเคลียร์ความวุ่นวายในสนามแข่งเสร็จ และมาทันก่อนที่เธอจะกลับไปซะก่อน มีเรื่องที่ต้องเคลียร์กับเธอให้ชัด รู้แล้วว่าเขากับเธอไม่สามารถไปไกลกว่านี้ได้ ต้องเคลียร์กันไม่อย่างนั้นเธอคงจะรู้สึกผิดต่อเขาไปตลอด “อ่า ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะคะ” มินตราตอบรับความช่วยเหลือจากเจ้าของสนามหนุ่มหล่อ ก้าวเข้าไปเปิดประตู สอดร่างเข้าไปนั่งด้านใน ปิดประตูให้เจ้าของรถอย่างเบามือ “มินต้องขอโทษพี่ปลื้มด้วยนะคะกับเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ มินไม่สามารถเริ่มใหม่กับใครได้เลยค่ะ มินยังลืมคุณหมอไม่ได้” มินตราสารภาพความรู้สึกของตัวเองออกไป เมื่อไม่สามารถทนหลอกตัวเองได้อีก รวมถึงไม่อยากให้ความหวังผู้ชายคนอื่น ทั้งที่หัวใจของตัวเองปิดตายไปตั้งนานแล้ว เธออยากรักษาความรู้สึกดีๆที่ผู้ชายคนนี้มีต่อเธอ ไม่อยากทำให้เขาเกลียด เพราะความไม่ชัดเจนของตัวเอง “ขอโทษพี่ทำไม
สองชั่วโมงผ่านไป บริเวณใกล้เคียงห้องฉุกเฉินค่อนข้างวุ่นวาย เพราะมีคนเจ็บเรียงรายเข้ามาไม่หยุดหย่อน เนื่องจากโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นสถานพยาบาลแห่งเดียวในย่าน ศัลยแพทย์หนุ่มเข้าไปในห้องได้สองชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีหมอคนไหนเดินออกมาแจ้งอาการของเขาให้ญาติที่รออยู่ด้านนอกทราบ มินตรากับมะนาวสลับกันลุกเดินไปถาม แต่หมอและพยาบาลด้านนอกไม่สามารถตอบอะไรได้เลย เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการรักษา “พี่คริสเป็นยังไงบ้างคะพี่มะนาว?” ผู้หญิงรูปร่างเล็กหน้าตาสวยหวาน เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับรัวคำถามใส่มะนาว มินตราเงยหน้าขึ้นไปมอง เมื่อเห็นว่าเธอคนนั้นเป็นใครและใช้สายตาแบบไหนมองตัวเองอยู่ ก็รีบกดใบหน้าลงซ่อนความรู้สึกผิดไว้ ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นคนรักของเขา ส่วนเธอก็แค่คนรักเก่า รู้สึกแย่มากที่มาอยู่ตรงนี้ทั้งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว “ยังเลย ยังไม่มีใครรู้อาการของเขาเลย ตอนนี้หมอกำลังรักษาอยู่”“งั้นเหรอคะ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น อย่าบอกนะว่าเขาเกิดอุบัติเหตุตอนอยู่กับเด็กคนนี้?”มุมปากบางเหยียดเป็นรอยยิ้มหยัน ก่อนจะเดินไปหยุดยืนหน้าห้องฉุกเฉิน มองจ้องด้านในอยู่สักพัก ก็เดินกลับมาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้
20 นาทีต่อมา มินตราไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตุ๊กตาหน้ารถให้เจ้าของสนามอย่างที่บอกไว้จริงๆ ตอนที่เหล่านักแข่งทยอยเดินไปขึ้นรถซึ่งทางสนามเตรียมไว้ให้ เมื่อเขาคนนั้นไม่เห็นเธอเดินตามหลังพี่ปลื้มไป ก็หันมาทำหน้าสงสัยใส่ จนกระทั่งมั่นใจว่าเธอไม่ได้ขึ้นไปนั่งในรถ เขาถึงได้ขึ้นไปนั่งในรถคันที่ใช้แข่ง และก่อนจะขึ้นไปนั่ง มินตราเห็นชัดเจนเลยว่ามุมปากหยักสวยของเขายกขึ้น เธอไม่ได้ทำเพื่อให้เขาดีใจสักหน่อย แค่อยากเห็นความพยายามของเขาก็เท่านั้น ว่ามีมันมากน้อยแค่ไหน ทั้งที่ก็เห็นแล้วว่าตัวเองมีโอกาสน้อยกว่าผู้ชายคนอื่น “รถคันนั้นมันแปลกๆไหมอะ?”เสียงพูดคุยของคนข้างๆ ทำให้มินตราเพ่งมองไปยังจอขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้มันกำลังฉายภาพรถแข่งทั้งหมดวิ่งไล่กวดกันในสนาม รถแข่งเหล่านั้นวิ่งออกไปจากจุดสตาร์ทได้สักพักแล้ว อยู่ไกลจากระดับสายตามาก แต่ภาพของรถเหล่านั้นถูกโดรนจับภาพไว้ทั้งหมด เพื่อฉายมันให้แก่เหล่าผู้ชมดู และมีรถหนึ่งคันผิดปกติจริงๆ รถแข่งสีน้ำเงินเข้ม คนที่ขับมันคือหมอคริส “มันแปลกมากเลยนะ”“นั่นสิ รถหมอคริสไม่ใช่เหรอ?”สามสาวที่นั่งชมการแข่งอยู่ข้างๆ เริ่มคุยกันเสียงดังขึ้น มินตรากำมือแน่น ภาว
วันต่อมา เพราะนัดกับเจ้าของสนามแข่งรถไว้ทุ่มครึ่ง มินตราจึงเลิกงานเร็วกว่าปกติ เธอเตรียมเสื้อผ้ามาด้วยเลยไม่ต้องเสียเวลาขับรถกลับไปบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งหน้ารอได้สักพัก เจ้าของสนามก็ขึ้นมารับถึงห้องทำงาน “รอนานไหมครับ?”“ไม่นานเลยค่ะ เสียดายจังเลยนะคะที่ครั้งนี้พี่ไคน์ไม่ได้ลงแข่งด้วย”มินตราพูดออกไปเพราะรู้สึกเสียดายจริงๆ พี่ไคน์เป็นเจ้าสนาม เขาได้แชมป์มาหลายรายการ ทั้งของทางการและการจัดแข่งขันทั่วไป ในบรรดาคนที่เธอรู้จัก เธอชอบสไตล์การขับรถของพี่ไคน์มากที่สุด“ถ้าไคน์ลงแข่งพวกพี่ก็ไม่มีโอกาสชนะนะสิ”“เขาเก่งมากเลยเนอะ สไตล์การแข่งก็เท่มาก”มินตรายังคงชวนคุยเรื่องเดิม ขณะเดินนำแขกออกไปจากห้อง หนุ่มวัยสามสิบสองเจ้าของสนามแข่ง ไม่ได้รู้สึกแย่แม้ตัวเองไม่ได้ถูกคนที่สนใจพูดถึง ไคน์มีฝีมือจริงๆ เขาเองก็ชอบ พยายามโน้มน้าวตลอดให้คนรักของเพื่อนมาเป็นคนในสังกัดของตัวเอง แน่นอนว่าคนรักอิสระอย่างไคน์ปฏิเสธ “วันนี้หมอคริสก็ลงแข่งนะ”“อ้อ เหรอคะ”มินตรารู้สึกเกลียดตัวเองหลังจากที่พูดแบบนั้นออกไป พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหมอคนนั้น ต่อหน้าคนที่จีบตัวเอง นิสัยแย่จริงๆเลย
00 : 45 น. มินตรานั่งเงียบอยู่บนรถของตัวเองเพียงแต่นั่งอยู่อีกฝั่ง ที่นั่งหลังพวงมาลัยคือศัลยแพทย์ชื่อเสียงดังก้องประเทศ หนุ่มหล่อลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลดัง ชายผู้ที่เคยเป็นอดีตคนรักของเธอ เพราะเธอดื่มจนเกินลิมิตเขาจึงอาสาขับรถมาให้ สาเหตุที่เธอดื่มจนเมามายเกือบไร้สติก็เป็นเพราะเขานั่นแหละ ‘พี่กับผิงเราจบกันแล้ว ที่ยังยกเลิกงานแต่งไม่ได้เพราะครอบครัวผิงไม่ยอม รอพี่หน่อยได้ไหม ให้พี่ได้เคลียร์ตัวเอง พี่ชอบเธอนะ ถึงจะช้าเกินไป แต่พี่ชอบเธอจริงๆ’ คนพูดของหมอหนุ่มหลังจากที่ถอนจูบออกไป ทำให้เธอวุ่นวายใจเป็นอย่างมาก ดื่มหนักจนเกือบครองสติไม่ได้ทั้งที่ไม่ใช่คนคออ่อน เดือดร้อนให้เขามาส่งทั้งที่ควรถอยออกให้เขาได้เคลียร์กับคนของเขา “ไหวหรือเปล่า? มึนหัวไหม?”“ถ้าบอกว่าไม่ไหว คุณหมอจะช่วยฉันยังไงเหรอคะ?”มินตราตอบโต้คุณหมอโดยทิ้งระยะห่างไว้ เขายังเคลียร์กับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เธอไม่ควรเอาตัวเข้าไปแทรก ถึงแม้จะเผลอตัวจูบกันไปแล้วถึงสองครั้ง ครั้งแรกเป็นเพราะเธอไม่ระวัง ครั้งที่สองเกิดจากความตั้งใจ แต่จะให้มีครั้งที่สามไม่ได้ ไม่ควรมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกถ้าสถานะเขายังมาเคลียร์ “ข้าง
“จะจัดงานแต่งงานเมื่อไหร่?”หมอหนุ่มทิ้งเวลาไปสักพักก็เอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศชวนอึดอัด แต่หลังจากที่พูดจบบรรยากาศดันอึดอัดขึ้นกว่าเดิม ถามเพราะอยากรู้ ไม่ได้ถามเพราะยังชอบอยู่ ทำไมแต่ละคนต้องมองเขาแบบนั้นด้วย “อีกนานเลยค่ะ เราไม่รีบเหมือนคุณหมอหรอก”สุดท้ายก็วนกลับมาที่เรื่องของตัวเอง หมอหนุ่มมองอดีตคนรักที่นั่งเงียบไม่พูดอะไรกับใครเลย อยากบอกเธอซ้ำอีกครั้งว่าเขาตั้งใจจะจีบเธอจริงๆ แต่ขนมผิงดันมาสร้างเรื่องไว้ภายในบริษัทของเธอ ไหนจะชีวิตแฟนหนุ่มของขนมผิงอีก ตอนนี้เครียดสุดๆไม่รู้จะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไง “ไม่ได้รีบเหมือนกัน”“อย่างนั้นเหรอคะ แล้วมินล่ะ กับพี่คนนั้นเป็นยังไงบ้าง คบกันแล้วใช่ไหม?”“ข้าวหมายถึงใครเหรอ?” มินตราถามเพราะจำไม่ได้ว่าตอนที่เล่าให้ใบข้าวฟัง เธอคุยกับผู้ชายคนไหนอยู่ ไม่ใช่ว่าเธอคุยทีละหลายคนนะ แต่เธอเปลี่ยนคนคุยเร็ว คุยแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ก็แยกย้ายกันทันที “คนคุยเยอะนะเรา ข้าวหมายถึงเจ้าของผับคนนั้นอะ”“อ้อ เลิกคุยมาสักพักแล้วล่ะ ตอนนี้กำลังคุยกับเพื่อนพี่มะนาวอยู่ เจ้าของสนามแข่ง”มินตราหลุบสายตาลง เมื่อดวงตาของคุณหมอที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตัวเองเริ่มกร้







