LOGIN“เอ่อ...ครั้งแรกที่ฉันถูกคุณ...เจ็บไหมคะ” แทนที่ชมบุหลันจะตอบเธอกลับเลือกสวนกลับด้วยคำถาม ฝ่ามือเล็กเคลื่อนไหวสัมผัสกายแกร่ง เลือดในกายเต้นตุบๆ อยากถูกเปิดความบริสุทธิ์จะแย่อยู่แล้ว
โอ๊ย! เปลี่ยนห้องนี้เป็นเตียงขนาดคิงไซส์ ไม่มีไอ้แสงสีเสียงชวนปวดหัวนี่ได้ไหมนี่ เธอไม่รู้กินอะไรผิดสำแดงมา ถึงได้ร้อนจนอยากสลัดเปลื้องผ้าผ่อนให้ล่อนจ้อนจะแย่แล้ว
“ฉันจะเบามือที่สุด แต่...”
“แต่อะไรล่ะคะ” เอ่ยถามเสียงพร่าแหบ ด้วยรู้สึกคล้ายมีปีกขนนกกระเซ้าเย้าแหย่จุดสำคัญบนร่าง พานให้เสียวซ่านปั่นป่วนจนในหัวหมุนคว้าง กายอรชรสั่นสะท้านไหววูบ จนต้องรีบยกแขนกลมกลึงขึ้นพาดบนบ่ากว้าง ให้ปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวอยู่จิกกดลงบนลำคอแกร่ง สลับสอดแทรกไปลูบไล้เส้นผมนุ่ม
คีธละมือจากการนวดเฟ้นเนื้อกายนุ่มนิ่ม จับปลายข้อเท้าบอบบางตวัดขึ้นให้เธอนั่งคร่อมเขา ก่อนสอดฝ่ามือกลับเข้าไปลูบไล้ผิวกายนวลเนียน ไต่ไล่ขึ้นไปตามร่องสันหลังทีละน้อย
จากสีข้างมาด้านหน้า...รอยยิ้มแต้มบนมุมปากหนาและดวงตาสีนิลเข้ม ก่อนทาบทับสัมผัสบัวตูมอวบอัดที่ผลิบานในอุ้งมือทันที
“คุณ...” ชมบุหลันอยากทวงเอาคำตอบที่เอ่ยถามไป แต่นิ้วยาวที่ตวัดไล้คลึงปลายยอดถันทำให้ปั่นป่วนเสียวซ่าน จนต้องเอนกายไปแนบชิดกายกำยำ
“ช่วยหน่อย...ฉันไม่ไหว อยากถูกคุณจิ้น...แล้ว” เอ่ยเว้าวอนเสียงพร่าแหบและขาดเป็นห้วงๆ กับเพลิงอารมณ์ที่ไม่เคยได้สัมผัส ในช่องท้องปั่นป่วนคล้ายมีลูกไฟอุ่นๆ ไหลวนเวียนพยายามพาบางสิ่งบางอย่างออกจากกาย ใบหน้าร้อนผ่าวคลอเคลียปากนิ่มบนซอกคอแกร่ง ถูไถคล้ายแมวขี้อ้อนให้ชายหนุ่มช่วยจัดการ...เปิดความบริสุทธิ์ของเธอเร็วๆ
“ไม่เปลี่ยนใจ!”
“มัวแต่ถามอยู่นั่นแหละ ชักช้างุ่มง่ามเป็นเต่าอยู่ได้” กัดเขี้ยวกรอดๆ ด้วยหงุดหงิดที่ชายหนุ่มเอาแต่แกล้งปลุกปั่นความต้องการในกายแต่ไม่ยอมทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายจากธารอารมณ์วาบหวามอยู่เสียที
“หรือจะให้ฉันกระชากเสื้อผ้าคุณออกแล้วปล้ำคุณแทนฮึ!”
คีธหัวเราะดังก้อง ปกติแล้วผู้หญิงที่เห็นหน้าเขาก็อยากปลุกปล้ำทุกคน แต่ไม่เคยมีใครเหมือนสาวน้อยตรงหน้านี่ ที่ทำเอาเขาอยากฝังความแข็งแกร่งในความอบอุ่นชุ่มชื้นเร็วๆ
“ไม่กลัวเจ็บ” ก็เธอถามเขาอยู่หยกๆ นี่น่า
“มากไหม ถ้าไม่มาก...ก็ยอม”
คีธดึงเอามือเล็กมาทาบบนความเป็นตัวตนที่สำแดงเดชบ่งบอกว่าอยากซอกซอนเป็นส่วนหนึ่งของกายเธออย่างสนิทลึกล้ำ
“เธอคงต้องตัดสินเอง...เจ็บหรือเปล่า”
ชมบุหลันได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ เมื่อรับรู้ถึงความ...อลังการงานสร้างที่ได้สัมผัส ที่คงทำให้เธอเจ็บมากเชียวล่ะ แต่ทำไมหัวใจถึงได้ไหวระทึกด้วยความวาบหวามถึงเพียงนี้ก็ไม่รู้ และยังทำให้เธอหาญกล้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
กลีบปากอิ่มยู่ยื่นไปยั่วยุให้เขาแนบปากลงมาบดคลึงอีกครั้ง สำทับด้วยนัยน์ตากลมใสพร่างพราวยั่วยวนเชิญชวน ก่อนฝ่ามือนุ่มนิ่มจะลูบไล้ไปจนสัมผัสกับปากหนาที่ขบเม้มดูดดึงนิ้วเรียวพัดพาความเสียวซ่านปั่นป่วนในกายสาวราวเลือดที่ไหลเวียนอยู่คือลาวาเดือดระอุ
“แล้วทำไมคุณถึงได้ทำอะไรชักช้าจังล่ะค่ะ รู้ไหมฉันร้อนไปหมด...แล้วนะ” พูดด้วยเสียงเซ็กซี่ พลางขยับกายบดเบียดสะโพกบนความแข็งแกร่ง
มุมปากหนาหยัดยกขึ้นเล็กน้อย นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ทางเพลิงราคะเร่าร้อนถึงเพียงนี้ นานจนจำไม่ได้เสียแล้ว ที่ค่ำคืนวันมะรืนคงได้รู้ เธอเร่าร้อนพอกับความต้องการที่อัดไว้มากล้นหลามของเขาหรือเปล่า
“ฉันรู้...แต่เธอยังร้อนไม่พอหรอกสาวน้อย เธอยังต้องได้รับการปลุกปั่นเพิ่มอีก”
“จริงเหรอ...” เอียงคอเล็กน้อย ส่งยิ้มหวานเย้ายวน
“งั้นคุณคงต้องสอนฉันแล้วละ ต้องทำยังไง”
นิ้วยาวกดย้ำลงบนกลีบปากหนา “ถ้าคุณไม่ว่า...ขอจูบหวานๆ ให้ฉันอีกครั้งได้ไหม”
“เธอจูบฉันเองไม่ดีกว่าหรือไง”
“ก็...ฉันทำไม่เป็นนี่น่า จูบแรกของฉันคุณก็เป็นคนได้ไปด้วยนะ”
คีธคลี่ยิ้มจนใบหน้าเข้มเย็นชาอ่อนละมุนลง เขารู้ได้อย่างหนึ่ง เธอเป็นคนตรงที่ทำให้มีเสน่ห์ “ฉันสอนฟรีๆ ให้ก่อน แล้วเธอค่อยทำตามพร้อมให้รางวัลเป็นตัวเธอดีไหม”
“อือ...ดีสิ” ชมบุหลันตอบกลับเสียงพร่า รอคอยจุมพิตแผดเผาอารมณ์ด้วยใจระทึก ทว่าทุกอย่างกลับสลายเลือนหายไปด้วยเสียงหวีดร้องแหลมเล็กราวกับลำโพงงานวัดของคนที่ยืนตะลึงงัน เพิ่งหาเสียงของตัวเองเจอสอดแทรกมาทำให้ขี้ในหูเต้นเร่าให้รู้ว่ากำลังตกอยู่ที่นั่งลำบากถ้าหากไม่รีบถอยตัวออกมา แต่...
“ตายแล้ว! ฉันทำอะไรลงไปนี่ คุณ...ปล่อยฉันนะ”
เสียงที่เปล่งออกจากปากไปนะซิ ทำไมถึงได้สั่นและเบาหวิวจัง หรือเป็นเพราะความใกล้ชิด อุ่นไอร้อนผ่าวที่แผ่มาโอบรัดรอบกายกับฝ่ามือใหญ่ที่นวดเฟ้นอกอิ่มทำให้เธอหายใจหายคออย่างติดขัด กายอ่อนระทวยอ่อนแรงกับสมองที่ดูเหมือนเลิกสั่งการไปชั่วคราว
เกิดอะไรขึ้น...หรือเธอโดนมนตร์สะกดเข้าให้แล้ว ถึงได้รู้สึกเสียดายอย่างแรง ถ้าต้องถอยห่างจากผู้ชายดวงตายิ้มได้และกลิ่นหอมอย่างกับไวน์ชาโตเปตรุส
เอ่อ...เธออุปาทานหนักมากไปหรือเปล่านี่ ก็ไวน์ราคาแพงขนาดนั้นเธอจะมีปัญญาไปสอยมาทานได้ยังไงกัน เพ้อเจ้อแล้วล่ะ
ชมบุหลันถึงกับร้องครางในลำคอ คิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นเข้าหากันคลายออก ด้วยพอเข้าใจความรู้สึกของปาวรินทร์ตอนได้เจอกับชายตรงหน้าแล้ว
แม้ตัวเธอที่คิดว่าตัวเองมีภูมิต้านทานผู้ชายหล่อหน้าตาดี หุ่นแกร่งกำยำอย่างกับพระเอกในจินตนาการ ก็ยังเผลอก้าวตกลงไปในหลุมเสน่หาที่อีกฝ่ายล่อหลอกยั่วยุและก้าวขึ้นมาไม่ได้ เมื่อร่างกายคล้ายเป็นเพียงแค่ตุ๊กตามีชีวิตแต่บังคับไม่ได้!
“คุณคีธ!” พิมพ์มาดากัดเขี้ยวกรอดๆ ด้วยความไม่พอใจระคนอิจฉายายอ้วนตุ้ยนุ้ย ที่ไม่รู้ทะเล่อทะล่ามาจากไหน คว้าพุงปลาเอาไปกิน ในขณะที่เธอพยายามจนเลือดตาแทบกระเด็น แต่สิ่งที่ได้รับกลับคืนมาคือเพียงความเย็นชาและไม่ใส่ใจ
“คุณคีธทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ” จากที่เอ่ยเสียงเข้มจำต้องอ่อนลงเมื่อเจอสายตาคมเข้มดุกร้าว
“ใครรังแกให้เจ็บช้ำน้ำใจบอกมาเลยนะเอมมี่ พวกเราทุกคนพร้อมกระทืบมันให้จมดิน” คีธที่ละจากชมบุหลันเดินมาสมทบเป็นคนสุดท้ายเอ่ยขึ้น“มีค่ะ...มากๆ ด้วย คนที่แกล้งขอให้เอมมี่ไปซื้อของกลางแดดร้อนๆ คนนั้นไง” เอมมิเลียฟ้องคนที่ทำให้เธอดีใจจนน้ำตาไหล“อย่างอนคุณดินเลยเอมมี่ เราทุกคนเพียงแค่อยากทำให้ประหลาดใจเท่านั้นเอง” โรมผู้เป็นพี่ใหญ่กว่าเอ่ยขึ้น พลางยกมือกดซับน้ำตาบนพวงแก้มนุ่มอย่างอ่อนโยน“นั่นสิ เราอยากมาดูว่าคุณดินเขาเลี้ยงดูเอมมี่ดีแค่ไหน รังแกให้เจ็บกายและเจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า” ไลอ้อนรับคำก่อนยอมปล่อยถอยจากเอมมิเลียไปทรุดกายลงนั่งโอบกอดปาวรินทร์ซึ่งมองมาใบหน้าเปื้อนยิ้ม“เชื่อเถอะเอมมี่ ทางนี้คุณคีธก็บ่นไม่เว้นแต่ละวัน” ชมบุหลันละจากการสนทนาถามไถ่ทุกข์สุขพี่สาวที่เคยร่วมอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันมาก่อนอย่างปาว รินทร์เอ่ยขึ้นบ้าง“บ่นว่าคิดถึงแต่ไม่เห็นมีใครโทรมาหาเอมมี่บ้างเลย” พ้อเสียงใสและส่งยิ้มให้กับอมรินทร์ที่เดินมายื่นนิ้วเกี่ยวก้อยพาเดินไปนั่งบนมุมหนึ่งของสวนดอกไม้บานสะพรั่งกายแกร่งทรุดลงก่อนและให้เธอนั่งบนตักกว้าง แขนหนึ่งโอบรัดรอบกายเพรียว อีกมือยกขึ้นมาทาบบนผิวหน้านวลนุ่ม มองเอ
“นอนไม่หลับเพราะไม่ได้กอดเอมมี่นะสิ” “ทีเมื่อก่อนตอนไม่เจอกันยังอยู่มาได้ ตอนนี้มาทำปากหวาน” ถึงเอ่ยอย่างนั้นเอมมิเลียก็ยินยอมให้อมรินทร์ช้อนกายเพรียวไปนอนบนเตียง สองแขนเรียวยาวยกขึ้นพาดบนบ่ากว้าง กลีบปากอิ่มนุ่มคลี่ยิ้มหวาน นัยน์ตากลมใสเปล่งประกายเชิญชวน“เอมมี่เป็นยาเสพติดที่ต้องเสพทุกคราวที่มีโอกาส”“ขอให้เป็นอย่างที่ปากพูดแล้วกัน ไม่งั้นคุณถูกทุกๆ คนกลับมารุมสกรัมแน่” นิ้วยาวยกขึ้นจับปลายจมูกขยับไปมาอย่างมันเขี้ยว เลยถูกอมรินทร์แก้คืนด้วยการทาบฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วกายนุ่มนิ่มพร้อมปลดเปลื้องอาภรณ์คลุมร่างอรชรทิ้งไปและแนบจูบบนกลีบปากอิ่มนุ่มอย่างหนักหน่วงจนคนถูกจูบหายใจหายคอไม่ทัน“ผมน่ารักออก เพื่อนๆ และพี่ชายเอมมี่ไม่มีทางทำอะไรอย่างที่ว่าหรอก” อมรินทร์เอ่ยอย่างมั่นใจ ตวัดสายตาวามวาวเป็นประกายมองไล่ไปทั่วร่างนวลเนียนนุ่ม“อย่างนี้นะหรือน่ารัก เห็นมีแต่จะรังแกกันตลอดเลย” กลีบปากอิ่มนุ่มขบเม้มเข้าหากัน มือเล็กรีบขยุ้มผ้าปูเตียงดึงทึ้งด้วยความกระสันซ่านเสียวจากฤทธิ์ฝ่ามือเพชฌฆาตที่ปลุกปั่นเพลิงเสน่หาโถมเข้าใส่ราวกับเขาไม่เหน็ดเหนื่อยในการจะมอบสัมผัสปรารถนาเลยแม้แต่น้อย“เอมมี่อยากน่าร
หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกจากปอด นับตั้งแต่เกิดเรื่องในคืนนั้น หนังตาอ่อนนุ่มหลุบลงด้วยความอึดอัดระคนปวดร้าวทรวงใน แม้เร่งรีบทำทุกอย่างและเดินทางไปช่วยทุกคนอย่างเร็วที่สุดแล้วแต่ก็ยังไม่ทันกาลอยู่ดี“ฉันขอโทษนะที่ช่วยน้องและแม่คุณไม่ได้” มือนุ่มนิ่มพลิกกลับและลูบไล้มือใหญ่อย่างอ่อนโยนปลอบประโลมหัวใจที่ปวดร้าวให้คลายลงด้วยความรักเต็มล้นอก“ไม่เป็นไรหรอก คงเป็นเวรเป็นกรรมของเอื้อมกับแม่” แม้บอกอย่างนั้นอมรินทร์ก็อดใจหายและปวดร้าวไม่ได้ เขาไปทันได้เห็นเอื้อมดาวถูกโทมัสซึ่งต่อสู้จนเหนื่อยล้าจับตัวเอาไว้“ยอมแพ้และปล่อยตัวเอื้อมดีกว่านะโทมัส เราทุกคนล้อมไว้แล้ว ยังไงนายก็หนีไม่รอดหรอก” หว่านล้อมพร้อมเหลียวมองไปยังคนอื่นๆ ที่มีอาการเหนื่อยหอบหลังจากจัดการเหล่าสมุนของโทมัสจนสิ้นลายไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อกรได้อีกแล้วและต่างก็ยืนคุมเชิงเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือเอื้อมดาวซึ่งอ่อนระโหยโรยแรงจนแม้กระทั่งจะเอ่ยปากพูดก็ไม่มีเสียงออกมาแล้ว“ข้าไม่เชื่อจะแพ้พวกเจ้า” โทมัสคำรามลั่น ตัวเขามีจุดเหมือนเอมมิเลียคือดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร แต่ต่างที่สามารถมีชีวิตอยู่กลางวันได้ด้วยอำนาจจากคัมภีร์เวทและตอนนี้เขาจำต้อ
“ข้าเอมมิเลีย โฮเดการ์ด ขอรับอมรินทร์ จิอาฟองโซติด้วยกายและใจ” พูดไม่ทันขาดคำดีกายก็รับเอาความอึดอัดคับแน่นสอดแทรกเข้ามาจนน้ำตาหยดไหล ปากอิ่มสั่นระริกพร้อมเสียงร้องผะแผ่วของความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วกายาราวกับถูกฉีกทึ้ง จนต้องรีบผงกศีรษะพร้อมแยกเขี้ยวแหลมคมและคำรามลั่นก่อนกดฝังลงบนลำคอแกร่งเจ็บจี๊ดมาพร้อมความรวดร้าวจากเพลิงไฟพิศวาสที่แล่นลิ่วไปทั่วกายา กายสาวคับแน่นและบีบกระชับจนอดเปล่งเสียงคำรามออกมาไม่ได้“อดทนอีกนิดนะเอมมี่” เอ่ยปลอบประโลมเอมมิเลีย มือหนาลูบไล้นวดเคล้นกายเพรียวบางจากบั้นท้ายงามงอน ไต่เรื่อยขึ้นไปกดคลึงพฤกษาสวาทเพื่อผ่อนคลายความปวดร้าวให้กับเอมมิเลียและหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ แต่กว่าภมรใหญ่จะชอนไชบุหงาแรกแย้มลึกล้ำก็ทำเอาเหงื่อกาฬไหลอาบกายสองแขนกลมกลึงโอบกระชับรอบกายแกร่ง “ฉันไม่เป็นไร” โต้กลับเสียงอู้อี้ด้วยหิวกระหายในเลือดรสหวานที่แตะปลายลิ้น จิกเล็บลากบนแผ่นหลังกว้างผ่อนคลายความเจ็บร้าวจากการขยับกายของอมรินทร์ยังทำให้เธอนั้นมีความเจ็บปวดเสียดแทรกมาพร้อมความกระสันรัญจวนใจ จนต้องอัดสูดลมหายใจเข้าปอดจนปทุมถันไหวกระเพื่อมเสียดสีกับอกกว้างกำยำเพ
“อืม...” เอมมิเลียร้องครางเสียงหวานเมื่อถูกจูบเป็นพายุบุแคม เหมือนอมรินทร์ปลุกเร้าเลือดที่แข็งตัวให้ไหลเวียนทั่วร่างดึงเอาวิญญาณที่หายไปกลับคืนมา ก่อกองไฟกึ่งกลางกายสาวให้สะบัดส่ายไหวด้วยปั่นป่วนจนทนอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ มือเล็กเคลื่อนไหวไปบนกล้ามเนื้อแข็งแกร่งอย่างสะเปะสะปะ ด้วยความสยิวซ่านจากฝ่ามือหนาที่นวดคลึงบัวตูมอวบอัด ขณะเขานั้นเคลื่อนปากอุ่นทาบทับไปบนผิวเนื้อนวลนุ่มหอม คลอเคลียขบกัดซอกคอขาวนวลเอมมิเลียหายใจติดขัด ยามฝ่ามือหนานวดเฟ้นทรวงอกกลมกลึงอย่างหนักหน่วง ขณะปากอุ่นเคลื่อนลงไปหา สองบัวตูมไหวระริก ขนตามเรือนกายลุกขึ้นทีละน้อยจนตั้งชันพอๆ กับปลายยอดทับทิมที่แข็งตัวตั้งชันยั่วยุให้อมรินทร์เร่งรีบจรดปากลงไปหาและทาบทับอย่างรวดเร็วด้วยอดใจไม่ไหวฟันขาวสะอาดขบกัดสลับใช้ปลายลิ้นลากไล้เวียนวนบนปลายจะงอยถันอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล พร้อมส่งอีกมือบีบเคล้นจากฐานอวบอิ่มหนักเบาสลับกันถึงปลายยอดบัวชูช่อนูนเด่นปลุกเร้าอารมณ์จนเอมมิเลียเริ่มร้องครางครวญหาบางสิ่งบางอย่าง สองเท้าบอบบางถูไถพลางสะบัดกายส่ายไปมาเป็นระวิงจากเพลิงไฟร้อนที่ลามเลียทั่วร่างจากอารมณ์ซึ่งปะทุเหมือนลาวาใต้พื้นดินเมื่อเพลิงเ
ปากบอกไม่ว่าเธอเลือกตัดสินใจอย่างไรทุกคนก็รับได้ทั้งนั้น แต่เอมมิเลียก็รู้ดีทุกคนรอวันได้เดินคลอเคลียกับคนรักท่ามกลางแสงแดดด้วยรอยยิ้มและความสุข! ซึ่งถ้าหากเธอเลือก...ไม่! ก็จะกลายเป็นเธอนั้นเห็นแก่ตัว ไม่คิดถึงใจคนที่เอ่ยว่าเป็นเพื่อนเป็นครอบครัวแค่มองตาอมรินทร์ก็รู้แล้วเอมมิเลียคิดอะไร “ต้องเป็นที่สูงและมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงหรือเปล่า” เอ่ยถามขณะสถานที่หนึ่งแวบเข้ามาในสมอง“คิดว่าไม่” เพราะครั้งก่อนก็เป็น...หุบเหวมีบริเวณลานกว้างด้านบนเปิดโล่งให้เห็นดวงจันทร์ คราวนี้ก็คงไม่แตกต่างกัน “ที่ยังไงก็ได้แต่ต้องเห็นจันทร์เต็มดวง”โรมบอกกล่าวขณะรับมือกับไอ้พวกที่ไม่กลัวตาย จนเขาอยากรู้นักโทมัสเลี้ยงด้วยอะไรถึงได้จงรักภักดีขนาดยอมตายถวายหัวแบบนี้หรือจะถูกเวทมนตร์ก็ไม่รู้ได้“ฝากแม่กับน้องผมด้วย” อมรินทร์เอ่ยขึ้นโดยไม่เจาะจง ก่อนดันตัวน้องสาวที่ยังไม่ละลดความพยายามจัดการกับเอมมิเลียและหันไปแย่งอาวุธจากมารดา แต่ถูกขัดขวางจากโทมัสจนเกือบเพลี่ยงพล้ำ ดีว่าโรมมาช่วยได้ทันท่วงทีและยังแย่งเอากริชมาส่งให้เขาโดยที่ผู้เป็นมารดายังพยายามแย่งเอาคืนไป“ฝากเอมมี่ด้วย ถ้าหากคุณทำร้ายเธอแม้เพียงนิดเดียว ผม







![ภรรยาซาตาน [PWP] + [SM25+] #จบแล้ว](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)