ยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัด
คลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะ สายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้าน ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึก นีร่ายืนอยู่บนผืนทราย แผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุด ข้างเธอ อีธานยืนเงียบ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจ นีร่าหันมามองเขา ดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ “ข้าจะรีบกลับมา” เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่น อีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง “นานแค่ไหน?” “ข้าไม่รู้…” นีร่ากลืนน้ำลาย “แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา “เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย” “มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ “แต่ข้าต้องลอง” เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอว ด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ “เอาไว้ป้องกันตัว” นีร่ารับมาไว้ในมือ สายตาเธอเริ่มพร่า เธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น “ข้ากลัว…” เธอกระซิบ “กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก” “ข้าก็กลัวเหมือนกัน” เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจะรออยู่ตรงนี้…ทุกวัน” นีร่าซบหน้ากับอกเขา น้ำตาไหลเงียบๆ เธอไม่อยากไป แต่ก็ไม่มีทางเลือก เมื่อร่างเงือกบาดเจ็บหนักจนเวทมนตร์ในเลือดเริ่มสลาย ทะเลคือที่เดียวที่เยียวยาได้ เธอผละออกมาช้าๆ หยิบสร้อยเล็กๆ จากคอถอดออก แล้วยื่นให้เขา “นี่ของแม่ข้า…ข้าอยากให้เจ้าเก็บไว้ จนกว่าข้าจะกลับมา” อีธานรับมันไว้ สบตาเธอแน่นิ่ง “แล้วถ้าเจ้าไม่กลับล่ะ?” นีร่านิ่งไปเพียงครู่ ก่อนจะฝืนยิ้ม “ก็โยนมันลงทะเล…ให้มันตามข้าไป” อีธานจับมือนีร่าไว้ทั้งสองข้าง “ไม่…เจ้าจะต้องกลับมา” เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งอีกครั้ง ลมเริ่มแรงขึ้น ราวกับเร่งเวลาให้เธอต้องจากไป นีร่าหันไปมองผืนน้ำเบื้องหน้า หัวใจเธอหนักอึ้ง แต่ก็รู้ว่าไม่อาจชักช้าได้อีก “ถึงเวลาล่ะ…” อีธานพยักหน้า เขาโน้มหน้าลง แนบริมฝีปากจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา “ข้าจะรอ…ไม่ว่าเจ้าจะกลับมาพรุ่งนี้ หรืออีกปี” เธอกัดริมฝีปาก ก้มหน้าลงกลั้นน้ำตา แล้วถอยหลังไปสองก้าว สูดลมหายใจสุดท้ายบนแผ่นดิน เท้าของเธอแตะน้ำทะเลเย็นเฉียบ ผิวเริ่มเปล่งแสง ครีบที่หลังขาเริ่มเผยออก เวทมนตร์ในตัวเธอกำลังตื่นขึ้นอีกครั้ง อีธานมองตามร่างเธอที่ค่อยๆ ดำลงใต้น้ำ ประกายแสงสีฟ้ารอบตัวเธอสว่างวาบ ก่อนจะจางหายไปกับความมืดใต้ผิวน้ำ เขายืนอยู่ที่เดิม มือกำสร้อยแน่นจนสั่น หัวใจเขาเหมือนถูกทิ้งไว้กับคลื่น และเขาสาบานกับตัวเองอีกครั้ง— เขาจะรอเธอ…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อีธานยืนมองผืนน้ำที่สงบลงแล้ว รอยแสงสุดท้ายจากร่างนีร่าหายไปในความมืด เขายืนนิ่งอยู่นาน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าลมหนาวพัดจนเสื้อเปียกชุ่ม เสียงฝีเท้าเบาๆ เดินเข้ามาข้างหลัง “เธอกลับไปแล้วหรือ…” อีธานหันไป เห็นไอล่าที่เดินมาหยุดข้างเขา ดวงตาของเธอมีความห่วงใส่ชัดเจน “ใช่…” เสียงเขาแหบต่ำ “แผลของนีร่า…มันไม่หาย ถ้าไม่กลับไปแช่น้ำ” ไอล่าก้มหน้ามองทรายเปียกน้ำ “เธอเสี่ยงมากนะ อีธาน…พวกมันอาจรอเธออยู่ใต้ทะเล” “ข้ารู้” เขาพูดช้าๆ มือยังกำสร้อยคอเล็กๆ ไว้แน่น “แต่นีร่าไม่มีทางเลือก” ไอล่าถอนหายใจ “เจ้ากับเธอ…ไม่เหมือนใครเลย” อีธานหันมามอง ไอล่าเงยหน้าขึ้นสบตา “ข้าเห็นเวลาที่นีร่ามองเจ้า…มันเหมือนเธอกำลังจับต้องความหวังสุดท้าย” “แล้วข้าล่ะ” อีธานถามเสียงเบา “ถ้าเธอไม่กลับมา…ข้าจะเหลืออะไร” ไอล่าไม่ตอบในทันที เธอก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือจับแขนเขาเบาๆ “ถ้าเธอไม่กลับมา…เจ้าก็ยังต้องมีชีวิตต่อไป” เธอพูดช้าๆ “ต้องอยู่…เผื่อว่าวันหนึ่งเธออาจกลับมา” อีธานมองผืนน้ำอีกครั้ง สายลมกลางคืนพัดแรงขึ้นจนหัวใจเขายิ่งหนาว “ข้าไม่เคยรู้สึก…อ่อนแอขนาดนี้” “นั่นไม่ใช่ความอ่อนแอ…” ไอล่าบีบแขนเขาแน่นขึ้น “…นั่นคือความรัก” อีธานหลับตา สูดลมหายใจลึก เมื่อเปิดตาขึ้นอีกครั้ง แววตาเขาเปลี่ยนไป “เราจะคอยที่นี่…จนกว่าเธอจะกลับมา” ไอล่าพยักหน้า “ข้าจะช่วยเฝ้าชายฝั่งนี้ด้วย” ทั้งสองคนยืนเคียงกันในความมืด แม้ไม่รู้ว่านีร่าอยู่ที่ไหน แต่หัวใจพวกเขา…ไม่มีใครคิดจะจากไปนีร่าเดินไปตามทางดินที่แคบลง ล้อมด้วยพุ่มไม้เตี้ยและรั้วไม้ผุพัง กลิ่นหญ้าแห้งคลุ้งในอากาศหมู่บ้านเล็กๆ เงียบเชียบ มีเสียงสุนัขเห่าอยู่ไกลๆ กับเสียงฆ้อนตอกตะปูดังเป็นจังหวะเธอเดินไปจนถึงลานโล่งหน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่มีชายวัยกลางคนกำลังซ่อมเรือลำเล็กชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง ร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำกร้านแดด ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความระแวง“มองหาใคร?”เสียงแหบต่ำทำให้เธอชะงัก นีร่ากำจี้หอยมุกไว้แน่นจนเจ็บนิ้ว“...เปล่า...ข้าแค่เดินดู...”ชายคนนั้นมองตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นผิวซีด ผมยาวเปียกยุ่ง และแววตาที่ว่างเปล่า“เจ้าหลงมา?”เธอหลบตา ไม่ตอบ“นั่นจี้หอยมุก?”นีร่าเงยหน้าทันที“เจ้า...รู้จักมันหรือ?”ชายคนนั้นถอนใจ วางฆ้อนลงบนขอบเรือ “ข้าแค่เคยเห็นคนชาวเรือมี พวกที่ต้องจากบ้านนานๆ มักให้คนรักไว้...มันคือสัญญา ว่าจะกลับมา”สัญญา...คำนี้เหมือนแทงใจเธอจนเจ็บจี๊ด นีร่าสูดลมหายใจ ลมหายใจที่เหมือนเต็มไปด้วยหนาม“แต่ข้า...จำไม่ได้...”เสียงเธอเหมือนกระซิบ ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมมือไปหยิบถังน้ำขึ้นมาวางข้างตัว“จะหาที่พักหรือจะถามข่าวคนในหมู่บ้าน ไปบ้านยายเมรินนั่นแหละ เธอรู้จักคนแถวนี้ดี”
รุ่งเช้า – ริมหาดเงียบสงบแสงแดดอ่อนสาดลงบนร่างที่นอนนิ่งอยู่ริมฝั่ง เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาสีฟ้าอ่อนจ้องฟ้าอย่างเลื่อนลอยเส้นผมยาวสีทองพลิ้วไหวไปตามลมทะเล หยักเป็นลอนจากน้ำเค็ม เธอค่อยๆ ยันตัวลุกนั่ง ดวงหน้าสวยละมุนแต่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า“…ที่นี่…คือที่ไหนกันแน่”เธอก้มมองตัวเอง ขาทั้งสองข้างเปลือยเปล่าเปียกน้ำเล็กน้อย รอยเกล็ดหางเงือกจางหายไปหมดแล้วไม่มีเสียงตอบ มีเพียงเสียงคลื่นเบาๆ กับเสียงลมสายตาเธอเหลือบไปเห็น จี้หอยมุกสีขาวซีด วางอยู่บนผืนทรายข้างตัว ราวกับมันถูกวางไว้ให้เธอเธอหยิบมันขึ้นมา พลิกดูอย่างลังเล มันดูเก่าแต่แปลกตา เหมือนเป็นของสำคัญอะไรสักอย่างแต่มันกลับไม่จุดประกายความทรงจำใดๆ เลยในหัวเธอ“…ของใคร…” เธอพึมพำเบาๆเธอลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เสื้อผ้าของเธอเป็นผ้าบางคลุมกายเรียบง่ายเหมือนคนหลงทาง ร่างกายเบากว่าที่คิด แต่ในหัวกลับหนักหน่วงเธอไม่รู้ว่าเคยเป็นใคร มาจากไหน หรือใครกำลังรอเธออยู่รู้แค่…ตอนนี้เธอคือใครก็ไม่รู้ และไม่เหลืออะไรให้เป็นความทรงจำเสียงคลื่นซัดซ้ำกับฝั่งเธอกำจี้หอยมุกไว้แน่น หัวใจบีบรัดโดยไม่มีเหตุผล รู้แค่ว่า...มันสำคัญอย่างไม่มีคำอธิบาย
จากนั้นมือของเธอที่จุ่มลงในบ่อก็เริ่มร้อนขึ้นจากข้างในแผลเริ่มเปลี่ยนสี จากแดงกลายเป็นฟ้าอ่อน แล้วก็จางหายไปเหมือนละลายเข้ากับน้ำแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่แผล…ร่างของเธอเริ่มส่องแสงอีกครั้ง หางของเธอยาวขึ้นเล็กน้อย ครีบข้างหลังขยายออกเหมือนกำลังคืนสภาพเงือกเต็มตัวเธอหลับตาแน่น รู้สึกถึงบางอย่างในอกที่กำลังเปลี่ยนไปมันไม่ใช่แค่ร่างกาย…มันคือหัวใจเสียงนั้นกลับมาดังอีก> “ตอนนี้…เลือดเจ้าได้รับการชำระแล้ว…เลือดของเงือกจะเข้มข้นขึ้น…เจ้าต้องเลือก…”> “จะอยู่ใต้ทะเลตลอดไป…หรือจะกลับขึ้นไปยังโลกบนบก…ในฐานะมนุษย์…”หัวใจของนีร่ากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง—เหมือนกำลังจะระเบิดสองทาง…ไม่มีทางเลือกไหนที่ไม่เสียใจอยู่ใต้ทะเล…ก็ต้องลาจากเขากลับขึ้นบก…ก็ต้องทิ้งตัวตนที่แท้จริงเธอสะอื้นออกมา น้ำตาไหลทั้งที่ไม่มีใครได้ยินเธอนั่งอยู่ตรงนั้นนานมาก นิ่งจนปลาตัวเล็กๆ กล้าว่ายมาเกาะไหล่จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจลึก“ข้า…ข้าอยากจะกลับไปหาเขา…แต่…”เธอมองรอบตัว มองทะเลที่โอบล้อมเธอไว้เสมอ“ข้าก็อยากปกป้องที่นี่เหมือนกัน…”มือของเธอสั่น แต่หัวใจกลับนิ่งขึ้น“ข้าขอ…แค่โอกาสได้เลือกอีกครั้ง…”
นีร่าว่ายลึกลงไปเรื่อยๆ จนแสงจันทร์ข้างบนเริ่มหายไปหมด รอบตัวมีแต่ความมืดกับเสียงน้ำโอบล้อม ทุกครั้งที่เธอขยับหาง สีเงินก็วูบวาบอยู่แค่พริบตาแล้วดับไปหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น เพราะเธอไม่เคยลงมาถึงที่นี่มาก่อนข้างหน้า…มองแทบไม่เห็นอะไร แต่พอลมหายใจเธอเริ่มชินกับน้ำเย็นๆ ตาเธอก็ค่อยๆ ชินกับความมืดเธอเห็นพื้นทรายกว้างใหญ่ มีก้อนหินเรียงกันเป็นวงๆ เหมือนมีใครตั้งใจวางไว้ บนนั้นมีสัญลักษณ์เก่าแก่ที่เธออ่านไม่ออก แต่หัวใจเธอกลับรู้สึกคุ้นแปลกๆ เหมือนมันเรียกเธออยู่นีร่าว่ายเข้าไปใกล้ แล้วเธอก็เห็นใครบางคนนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงกลางวงหินเป็นร่างสูงใหญ่ หลังโค้งงอ หางยาวสีเข้มพันรอบหิน ผมยาวสีขาวลอยตามน้ำเหมือนเงาต้นสาหร่ายหัวใจเธอเต้นแรงจนเจ็บอก เธอรู้ทันทีว่า…ผู้เฒ่าเงือกเธอเคยได้ยินตำนานมาแต่เด็ก ว่าใต้ทะเลลึกจะมีเงือกเฒ่าผู้เฝ้าความลับของท้องทะเลมานับร้อยปีนีร่ากลืนน้ำลาย ฝ่ามือสั่นนิดๆ แต่ก็ว่ายเข้าไปช้าๆ จนอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าวร่างนั้นยังนั่งนิ่ง ไม่ขยับ ไม่พูด เหมือนรูปปั้นเก่าๆ ที่มีชีวิตนีร่าหายใจเข้าลึก สูดเอากลิ่นทะเลที่หนาวกว่าเดิมเข้าปอด ก่อนจะตัดสินใจพูดเสียงแผ่ว“…ท่าน…คือผู
ใต้น้ำ – หลังจากนีร่าดำลงทะเลทันทีที่ร่างของนีร่าจมลงใต้ผิวน้ำ ทุกอย่างรอบตัวเธอก็เปลี่ยนไปความหนาวจากลมด้านบนค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยความสงบของทะเลลึกผิวของเธอเริ่มเปล่งแสงฟ้าอ่อน ครีบที่หลังขากางออกอย่างช้าๆ หางสีเงินสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องทะลุผืนน้ำลงมาเธอหลับตา สูดหายใจลึก—หรือจะเรียกว่ารับพลังจากทะเลก็ไม่ผิด"ในที่สุด...ข้าก็ได้กลับมา" เธอคิดในใจสายตาเธอกวาดมองรอบตัว แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจฝูงเต่าทะเลตัวโตสองสามตัวว่ายผ่านหน้าไปช้าๆ หนึ่งในนั้นหันมามองเธอเหมือนจำได้ปลาสีสันสดใสแหวกว่ายระหว่างแนวปะการัง ทั้งปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว และฝูงปลาเล็กๆ ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มวูบวาบสาหร่ายทะเลพลิ้วไหวตามกระแสน้ำ เหมือนกำลังเต้นรำต้อนรับเธอกลับบ้านมีปลากระเบนตัวใหญ่ลอยอยู่ใกล้พื้นทราย เคลื่อนไหวเงียบๆ อย่างสง่างามแสงจันทร์ลอดผ่านผืนน้ำ เป็นลำแสงสีเงินสวยงามที่ส่องรอบตัวเธอนีร่ายิ้ม น้ำตาซึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว—แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุขเพราะทะเล…คือที่เดียวที่ไม่เคยผลักไสเธอทุกครั้งที่โลกด้านบนโหดร้าย ทะเลจะโอบรับเธอไว้เสมอร่างเธอว่ายลึกลงไปช้าๆ ผ่านแนวหินใต้น้ำที่คุ้นเคย ราวกับเป
ยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัด คลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะ สายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้าน ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึก นีร่ายืนอยู่บนผืนทราย แผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุด ข้างเธอ อีธานยืนเงียบ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจ นีร่าหันมามองเขา ดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ “ข้าจะรีบกลับมา” เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่น อีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง “นานแค่ไหน?” “ข้าไม่รู้…” นีร่ากลืนน้ำลาย “แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา “เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย” “มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ “แต่ข้าต้องลอง” เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอว ด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ “เอาไว้ป้องกันตัว” นีร่ารับมาไว้ในมือ สายตาเธอเริ่มพร่า เธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น “ข้ากลัว…” เธอกระซิบ “กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก” “ข้าก็กลัวเหมือนกัน” เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจ