จากนั้นมือของเธอที่จุ่มลงในบ่อก็เริ่มร้อนขึ้นจากข้างใน
แผลเริ่มเปลี่ยนสี จากแดงกลายเป็นฟ้าอ่อน แล้วก็จางหายไปเหมือนละลายเข้ากับน้ำ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่แผล… ร่างของเธอเริ่มส่องแสงอีกครั้ง หางของเธอยาวขึ้นเล็กน้อย ครีบข้างหลังขยายออกเหมือนกำลังคืนสภาพเงือกเต็มตัว เธอหลับตาแน่น รู้สึกถึงบางอย่างในอกที่กำลังเปลี่ยนไป มันไม่ใช่แค่ร่างกาย… มันคือหัวใจ เสียงนั้นกลับมาดังอีก > “ตอนนี้…เลือดเจ้าได้รับการชำระแล้ว…เลือดของเงือกจะเข้มข้นขึ้น…เจ้าต้องเลือก…” > “จะอยู่ใต้ทะเลตลอดไป…หรือจะกลับขึ้นไปยังโลกบนบก…ในฐานะมนุษย์…” หัวใจของนีร่ากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง—เหมือนกำลังจะระเบิด สองทาง…ไม่มีทางเลือกไหนที่ไม่เสียใจ อยู่ใต้ทะเล…ก็ต้องลาจากเขา กลับขึ้นบก…ก็ต้องทิ้งตัวตนที่แท้จริง เธอสะอื้นออกมา น้ำตาไหลทั้งที่ไม่มีใครได้ยิน เธอนั่งอยู่ตรงนั้นนานมาก นิ่งจนปลาตัวเล็กๆ กล้าว่ายมาเกาะไหล่ จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจลึก “ข้า…ข้าอยากจะกลับไปหาเขา…แต่…” เธอมองรอบตัว มองทะเลที่โอบล้อมเธอไว้เสมอ “ข้าก็อยากปกป้องที่นี่เหมือนกัน…” มือของเธอสั่น แต่หัวใจกลับนิ่งขึ้น “ข้าขอ…แค่โอกาสได้เลือกอีกครั้ง…” เสียงจากในน้ำเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะดังขึ้นใหม่ > “มีอีกหนึ่งทาง…แม้จะอันตราย…” นีร่าเบิกตากว้าง > “เลือดของเจ้าจะสามารถอยู่ได้ทั้งสองโลก…ถ้าเจ้าผ่านบททดสอบสุดท้าย…บททดสอบของ ‘การเสียสละ’…” เธอพึมพำเบาๆ “…เสียสละ?” > “เจ้าต้องละทิ้งบางอย่าง…เพื่อรักษาสองสิ่ง…” นีร่าหลับตาลงอีกครั้ง ลมหายใจของเธอนิ่งขึ้น เธอรู้แล้ว… ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่เสียอะไรเลย --- เธอว่ายออกจากเขี้ยวหิน ช้าๆ แต่แน่วแน่ ตอนนี้…เธอพร้อมจะรับบททดสอบ ไม่ว่าจะต้องเสียอะไร และเมื่อถึงเวลานั้น… เธอจะเลือกด้วยหัวใจ ใต้ทะเลลึก – บททดสอบการเสียสละ นีร่าไม่รู้ว่าตัวเองว่ายออกมาจากวงหินได้อย่างไร ความรู้สึกในอกยังเต้นแรงและปวดหน่วงเหมือนมีเงามืดเกาะอยู่ เธอก้มมองมือของตัวเองที่ตอนนี้เรืองแสงฟ้าอ่อน หางยาวสวยงามจนแทบจำไม่ได้ว่านี่คือตัวตนที่เธอเคยปฏิเสธมาตลอดชีวิต “การเสียสละ…” เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงลึกลับที่คอยสื่อสารในหัวเธอกลับเงียบไปแล้ว ทิ้งให้เธอว่ายล่องอยู่ท่ามกลางความมืดอันหนาวเย็น แต่นีร่าไม่ได้กลัว เธอเหนื่อย…แต่หัวใจเธอแน่วแน่กว่าเดิม ถ้าเธออยากอยู่ได้ทั้งสองโลก—ถ้าเธอไม่อยากทิ้งทั้งทะเลและอีธาน—เธอต้องยอมแลกบางอย่าง เธอว่ายผ่านโขดหินสูงใหญ่ ลึกลงไปกว่าเดิม จนมองเห็นพื้นทรายที่ไม่มีร่องรอยสิ่งมีชีวิต แสงสว่างจากร่างเธอกระทบเงาหินจนทอดยาวออกไปเหมือนเงาผี ที่นั่น…มีโพรงหินกว้าง เธอจำได้รางๆ จากเรื่องเล่าในวัยเด็ก แม่เคยบอกว่าใต้โพรงนี้คือที่ซ่อนของ “บ่อใจทะเล”— แหล่งพลังเก่าแก่ที่ใช้ผนึกคำสาป และให้กำเนิดพลังชีวิตในท้องทะเล ในตำนาน บ่อใจทะเลไม่เคยเปิดต้อนรับใครง่ายๆ นอกจากเงือกที่ยอมวางชีวิตไว้ตรงนั้น เธอว่ายเข้าไปจนลึกถึงห้องโถงใต้หิน ผนังรอบด้านมีลายแกะสลักเงือกโบราณ บางรูปถูกเกลือกัดจนเลือนลาง แต่บางรูปยังเห็นชัดว่าเป็นเงือกผู้หญิงยื่นมือแตะหัวใจตัวเอง ที่กลางห้องมีบ่อวงกลม สีฟ้าเรืองรองอ่อนๆ แสงมันไม่ร้อน แต่เย็นจนเหมือนแผ่ความจริงบางอย่างออกมา นีร่าก้าวเข้าไปช้าๆ จนยืนอยู่ตรงขอบบ่อ ทันทีที่เธอจ้องลงไป ภาพในน้ำก็แปรเปลี่ยน เธอเห็นตัวเองกำลังว่ายอยู่ข้างอีธาน สองคนหัวเราะกันใต้แสงแดดอ่อนๆ เธอยื่นมือออกไปหาเขา น้ำตาเธอร่วงทั้งที่เธอไม่รู้ตัว “อีธาน…” เสียงหัวใจเธอเต้นดังอยู่ข้างหู > “นี่คือสิ่งที่เจ้ากลัวจะเสีย…นี่คือสิ่งที่เจ้าปรารถนาจะเก็บไว้…” เสียงโบราณเอ่ยขึ้นในหัว ราบเรียบแต่ลึกจนเธอขนลุก เธอหลับตา สูดลมหายใจลึก น้ำเค็มแผ่วๆ ไหลเข้าปาก แต่เธอไม่สน > “หากเจ้าต้องการอยู่ได้ทั้งสองโลก…เจ้าต้องละทิ้งบางสิ่งที่สำคัญที่สุดในหัวใจ…” เสียงนั้นเว้นไปพักหนึ่ง ราวกับกำลังปล่อยให้เธอคิด > “เจ้าต้องสละความทรงจำ—ทั้งหมดที่มีต่อผู้ที่เจ้ารัก…” นีร่าสะดุ้ง ร่างเธอสั่นจนแทบล้มลง “…ไม่…ข้า…” เสียงเธอแหบพร่า > “นี่คือบททดสอบ—เลือกระหว่างรักกับอิสรภาพ…” > “หากเจ้าสละความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับเขา…เลือดเงือกเจ้าจะเข้มแข็งพอจะอยู่ได้ทั้งสองโลก แต่หัวใจเจ้าจะไม่รู้จักเขาอีก…” เธอหอบหายใจเหมือนคนจะขาดใจ น้ำตาเอ่อจนตาเธอพร่า ถ้าเธอยอมเสียความทรงจำ… เธอจะกลับไปหาอีธานไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้เจอกัน…เธอก็จะจำเขาไม่ได้ ภาพเขายิ้ม ภาพเขาช่วยเธอ ภาพเขากอดเธอไว้ตอนเธอสั่นเพราะความกลัว—ทั้งหมดนั้นจะหายไป หัวใจเธอปวดจนชา ร่างเธอทรุดลงนั่ง มือกุมอกไว้แน่น “ข้า…ข้าไม่อยากลืม…” เสียงในหัวเงียบไปนาน ก่อนจะดังขึ้นอีก > “นี่คือราคาของการมีทุกสิ่ง…ไม่มีทางที่เจ้าจะได้มันโดยไม่จ่ายอะไรเลย…” > “เจ้ามีสิทธิ์เลือก…” นีร่าร้องไห้ออกมาเต็มที่ น้ำตาไหลจนแสบตา เธออยากกรีดร้อง อยากต่อว่า อยากโทษทะเล โทชะตา โทษตัวเอง แต่สุดท้ายเธอก็แค่ซบหน้ากับขอบบ่อ สะอื้นอย่างเงียบงัน เธอหลับตา ภาพความทรงจำผุดขึ้นมาทีละฉาก— อีธานอุ้มเธอขึ้นจากน้ำ อีธานยื่นมือให้ตอนเธอล้ม อีธานพูดเสียงเบา—“เจ้าจะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว” ใจเธอแตกเป็นชิ้นๆ แต่ทันใดนั้นเอง เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างอุ่นๆ ตรงอก เธอเอื้อมมือสั่นๆ ไปแตะ—มันคือจี้หอยมุกเล็กๆ ที่อีธานเคยทำให้เธอ ตอนนั้นเขาหัวเราะบอกว่า “มันอาจไม่สวย แต่ฉันอยากให้เธอเก็บไว้…เพราะมันจะเตือนว่าเธอมีคนรออยู่” เธอกำจี้นั้นแน่น น้ำตายิ่งไหล “อีธาน…ข้าขอโทษ…” เธอไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้ว่าต้องเลือกแบบไหน แต่ลึกๆ เธอก็รู้…เขาคงอยากให้เธอรอด เธอสั่นไปทั้งตัว เงยหน้าขึ้นมองบ่อใจทะเล > “เจ้าพร้อมหรือยัง…” เสียงนั้นถาม เธอหอบหายใจ ยกมือปาดน้ำตาช้าๆ “…ถ้าข้าเลือกจะลืม…ข้าจะรอด…ใช่ไหม…” > “ใช่…เลือดเงือกเจ้าจะเข้มแข็งพอจะอยู่ได้ทั้งสองโลก…เจ้าไม่ต้องหนีอีก…” “…แต่…ข้าจะไม่จำเขาเลยแม้แต่น้อย…” > “ใช่…แม้แต่ชื่อ…แม้แต่รอยยิ้ม…” หัวใจเธอแหลกละเอียด เธอก้มหน้าลงต่ำ รู้สึกถึงความเงียบที่โอบรัดตัวเองไว้จนแทบหายใจไม่ออก “แม่…ถ้าแม่ยังอยู่…แม่คงบอกว่าข้าโง่…” เธอหัวเราะทั้งน้ำตา “…แต่บางที…ความโง่ของข้า…ก็คือสิ่งเดียวที่ทำให้ข้าได้รักเขาจริงๆ…” เธอสั่นไปทั้งตัว แล้วเธอก็ค่อยๆ ลุกขึ้น แม้จะอ่อนแรงจนน่าเวทนา “ได้…ถ้านี่คือสิ่งเดียวที่ข้าทำได้…” เธอสูดลมหายใจยาวจนปอดแสบ ยกมือกุมจี้หอยมุก “…ข้าจะจำเขา…จนถึงวินาทีสุดท้าย…” เธอยื่นมืออีกข้างไปแตะผิวน้ำบ่อใจทะเล แสงสีฟ้ากระเพื่อมรอบตัวเธอทันที เย็นจนแทบหยุดหัวใจ แต่เธอไม่ถอย เสียงในหัวเธอแผ่วลงเหมือนลมพัดสุดท้าย > “จงลืม…เพื่อจะได้เป็นอิสระ…” เธอสะอื้น หยดน้ำตาหลุดออกมาพร้อมเสียงกระซิบแผ่วๆ “…ข้า…รักเขา…” แสงในบ่อค่อยๆ กลายเป็นม่านสีขาวล้อมรอบร่างเธอ ทุกอย่างเริ่มเลือนราง ภาพในหัวเธอพร่าแตกเป็นเสี่ยง— อีธานหันมายิ้ม อีธานเรียกชื่อเธอ อีธานโอบเธอไว้แน่น— เสียงเขาแผ่วในความทรงจำ “เจ้าจะไม่โดดเดี่ยว…” เธอร้องไห้จนเสียงหาย แล้วทุกอย่างก็มืดสนิท เวลาผ่านไปนานเท่าไรเธอไม่รู้… เสียงแรกที่เธอได้ยินคือเสียงหัวใจตัวเองเต้นช้าๆ เธอลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นเพดานหินสีเทา ความเจ็บ ความหนาว ทุกอย่างยังอยู่ แต่ความทรงจำ— เธอหลับตา พยายามนึกถึงรอยยิ้ม…แต่มันว่างเปล่า ว่างจนเธอปวดใจ เธอกำจี้หอยมุกแน่น มองมันเหมือนสิ่งแปลกหน้า แต่ลึกๆ เธอรู้…มันสำคัญ สำคัญขนาดที่หัวใจเธอร้องไห้ ทั้งที่สมองไม่รู้ว่าทำไม เธอค่อยๆ ว่ายขึ้นสู่ผืนน้ำ ร่างกายเธอเบากว่าที่เคย หางสวยยาวเรืองแสงฟ้า ใบหน้าของเธอสงบ แต่ดวงตากลับแห้งแล้ง “ข้าจะมีชีวิตต่อไป…” เธอพึมพำเสียงเบา “…แม้จะไม่รู้ว่า…เคยรักใคร…”จากนั้นมือของเธอที่จุ่มลงในบ่อก็เริ่มร้อนขึ้นจากข้างในแผลเริ่มเปลี่ยนสี จากแดงกลายเป็นฟ้าอ่อน แล้วก็จางหายไปเหมือนละลายเข้ากับน้ำแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่แผล…ร่างของเธอเริ่มส่องแสงอีกครั้ง หางของเธอยาวขึ้นเล็กน้อย ครีบข้างหลังขยายออกเหมือนกำลังคืนสภาพเงือกเต็มตัวเธอหลับตาแน่น รู้สึกถึงบางอย่างในอกที่กำลังเปลี่ยนไปมันไม่ใช่แค่ร่างกาย…มันคือหัวใจเสียงนั้นกลับมาดังอีก> “ตอนนี้…เลือดเจ้าได้รับการชำระแล้ว…เลือดของเงือกจะเข้มข้นขึ้น…เจ้าต้องเลือก…”> “จะอยู่ใต้ทะเลตลอดไป…หรือจะกลับขึ้นไปยังโลกบนบก…ในฐานะมนุษย์…”หัวใจของนีร่ากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง—เหมือนกำลังจะระเบิดสองทาง…ไม่มีทางเลือกไหนที่ไม่เสียใจอยู่ใต้ทะเล…ก็ต้องลาจากเขากลับขึ้นบก…ก็ต้องทิ้งตัวตนที่แท้จริงเธอสะอื้นออกมา น้ำตาไหลทั้งที่ไม่มีใครได้ยินเธอนั่งอยู่ตรงนั้นนานมาก นิ่งจนปลาตัวเล็กๆ กล้าว่ายมาเกาะไหล่จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจลึก“ข้า…ข้าอยากจะกลับไปหาเขา…แต่…”เธอมองรอบตัว มองทะเลที่โอบล้อมเธอไว้เสมอ“ข้าก็อยากปกป้องที่นี่เหมือนกัน…”มือของเธอสั่น แต่หัวใจกลับนิ่งขึ้น“ข้าขอ…แค่โอกาสได้เลือกอีกครั้ง…”
นีร่าว่ายลึกลงไปเรื่อยๆ จนแสงจันทร์ข้างบนเริ่มหายไปหมด รอบตัวมีแต่ความมืดกับเสียงน้ำโอบล้อม ทุกครั้งที่เธอขยับหาง สีเงินก็วูบวาบอยู่แค่พริบตาแล้วดับไปหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น เพราะเธอไม่เคยลงมาถึงที่นี่มาก่อนข้างหน้า…มองแทบไม่เห็นอะไร แต่พอลมหายใจเธอเริ่มชินกับน้ำเย็นๆ ตาเธอก็ค่อยๆ ชินกับความมืดเธอเห็นพื้นทรายกว้างใหญ่ มีก้อนหินเรียงกันเป็นวงๆ เหมือนมีใครตั้งใจวางไว้ บนนั้นมีสัญลักษณ์เก่าแก่ที่เธออ่านไม่ออก แต่หัวใจเธอกลับรู้สึกคุ้นแปลกๆ เหมือนมันเรียกเธออยู่นีร่าว่ายเข้าไปใกล้ แล้วเธอก็เห็นใครบางคนนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงกลางวงหินเป็นร่างสูงใหญ่ หลังโค้งงอ หางยาวสีเข้มพันรอบหิน ผมยาวสีขาวลอยตามน้ำเหมือนเงาต้นสาหร่ายหัวใจเธอเต้นแรงจนเจ็บอก เธอรู้ทันทีว่า…ผู้เฒ่าเงือกเธอเคยได้ยินตำนานมาแต่เด็ก ว่าใต้ทะเลลึกจะมีเงือกเฒ่าผู้เฝ้าความลับของท้องทะเลมานับร้อยปีนีร่ากลืนน้ำลาย ฝ่ามือสั่นนิดๆ แต่ก็ว่ายเข้าไปช้าๆ จนอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าวร่างนั้นยังนั่งนิ่ง ไม่ขยับ ไม่พูด เหมือนรูปปั้นเก่าๆ ที่มีชีวิตนีร่าหายใจเข้าลึก สูดเอากลิ่นทะเลที่หนาวกว่าเดิมเข้าปอด ก่อนจะตัดสินใจพูดเสียงแผ่ว“…ท่าน…คือผู
ใต้น้ำ – หลังจากนีร่าดำลงทะเลทันทีที่ร่างของนีร่าจมลงใต้ผิวน้ำ ทุกอย่างรอบตัวเธอก็เปลี่ยนไปความหนาวจากลมด้านบนค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยความสงบของทะเลลึกผิวของเธอเริ่มเปล่งแสงฟ้าอ่อน ครีบที่หลังขากางออกอย่างช้าๆ หางสีเงินสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องทะลุผืนน้ำลงมาเธอหลับตา สูดหายใจลึก—หรือจะเรียกว่ารับพลังจากทะเลก็ไม่ผิด"ในที่สุด...ข้าก็ได้กลับมา" เธอคิดในใจสายตาเธอกวาดมองรอบตัว แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจฝูงเต่าทะเลตัวโตสองสามตัวว่ายผ่านหน้าไปช้าๆ หนึ่งในนั้นหันมามองเธอเหมือนจำได้ปลาสีสันสดใสแหวกว่ายระหว่างแนวปะการัง ทั้งปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว และฝูงปลาเล็กๆ ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มวูบวาบสาหร่ายทะเลพลิ้วไหวตามกระแสน้ำ เหมือนกำลังเต้นรำต้อนรับเธอกลับบ้านมีปลากระเบนตัวใหญ่ลอยอยู่ใกล้พื้นทราย เคลื่อนไหวเงียบๆ อย่างสง่างามแสงจันทร์ลอดผ่านผืนน้ำ เป็นลำแสงสีเงินสวยงามที่ส่องรอบตัวเธอนีร่ายิ้ม น้ำตาซึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว—แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุขเพราะทะเล…คือที่เดียวที่ไม่เคยผลักไสเธอทุกครั้งที่โลกด้านบนโหดร้าย ทะเลจะโอบรับเธอไว้เสมอร่างเธอว่ายลึกลงไปช้าๆ ผ่านแนวหินใต้น้ำที่คุ้นเคย ราวกับเป
ยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัด คลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะ สายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้าน ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึก นีร่ายืนอยู่บนผืนทราย แผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุด ข้างเธอ อีธานยืนเงียบ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจ นีร่าหันมามองเขา ดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ “ข้าจะรีบกลับมา” เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่น อีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง “นานแค่ไหน?” “ข้าไม่รู้…” นีร่ากลืนน้ำลาย “แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา “เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย” “มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ “แต่ข้าต้องลอง” เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอว ด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ “เอาไว้ป้องกันตัว” นีร่ารับมาไว้ในมือ สายตาเธอเริ่มพร่า เธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น “ข้ากลัว…” เธอกระซิบ “กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก” “ข้าก็กลัวเหมือนกัน” เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจ
นีร่ายังคงสั่นเทา น้ำตาไหลไม่หยุดอีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่ประคองใบหน้าเธอแผ่วเบา“นีร่า…มองข้า…เจ้าอยู่ที่นี่ ปลอดภัยแล้ว”เธอกะพริบตา ถอยหายใจแรงเหมือนจะขาดใจเสียงในคอแหบจนแทบไม่เป็นเสียง“มัน…มันไม่ใช่แค่ฝัน…ข้าเห็นแม่จริงๆ”อีธานกอดเธอไว้แน่นกลิ่นเลือดและเหงื่อยังติดตัวเธอ“แม่ของข้า…ตาเปลี่ยนเป็นสีดำ…”เธอกัดริมฝีปาก มือสั่นจนแทบกำอะไรไม่อยู่“เธอกลายเป็น…สัตว์ประหลาด…พูดว่าข้า…ต้องกลับไป…เป็นเหมือนพวกมัน…”เสียงสะอื้นดังลอดออกมาอีธานค่อยๆ ลูบหลังเธอ“ไม่…เจ้าจะไม่เป็นเหมือนพวกมัน”น้ำเสียงเขาหนักแน่น“ข้าสัญญา”นีร่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ“ถ้าแม่ยังมีชีวิต…ข้าต้องหาคำตอบ…ข้าต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”“งั้นเราจะไปด้วยกัน”อีธานพูดช้าๆ จ้องตาเธอแน่วแน่“ไม่ว่าต้องไปที่ไหน…เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียว”เสียงคลื่นนอกหน้าต่างยังซัดเข้าฝั่งไฟตะเกียงสั่นไหวเงียบๆในอกนีร่า ความกลัวค่อยๆ แปรเป็นแรงฮึดสู้เธอพยักหน้าช้าๆ“เราจะหาความจริง…ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร…”อีธานกระชับมือเธอแน่นขึ้นและในค่ำคืนที่หนาวเหน็บหัวใจสองดวงก็ผูกพันกันมั่นคงกว่าเดิมสองวันถัดมาแผลบนแขนของนีร่าไม่ดีขึ้น
หัวหน้าเงือกพุ่งใส่อีธานสุดแรงครีบใหญ่หวดอากาศจนเกิดเสียงแตกดัง วืด!อีธานเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายปลายมีดในมือฟาดเฉียงเข้าที่คอด้านข้างของมันฉึก!เสียงเนื้อฉีกดังชัดเลือดสีหมึกกระฉูดราดเต็มตัวเขาหัวหน้าเงือกคำรามลั่นจนพื้นสะเทือนร่างมหึมาสะบัดถอยหลังไปสองก้าวชั่ววินาทีนั้น…ศรเซรีออนในมือนีร่าเปล่งแสงจ้าเหมือนจะปล่อยพลังสุดท้ายออกมาเธอยกศรขึ้น…ริมฝีปากแห้งแตกพึมพำถ้อยคำเวทเสียงแหบจนแทบฟังไม่ออก“…จบสิ้น…อสูร…”ประกายฟ้ารูปวงเวทหมุนรอบตัวเธอพลังเวททะลักขึ้นจนฝนสาดกระจายเป็นวงแสงจากศรสว่างจ้า—แต่ทันใดนั้นร่างเธอก็สั่นแรงแผลลึกบนแขนซ้ายฉีกกว้างกว่าเดิม เลือดพุ่งร้อนวาบเต็มมือนีร่าหอบแรง สายตาพร่าเสียงในหูเธอกลายเป็นเสียงอื้ออึงภาพรอบตัวพร่ามัวเหมือนฝันหัวหน้าเงือกที่บาดเจ็บคอคำรามต่ำมันถอยไปช้า ๆ หยาดเลือดดำหยดตามพื้นสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…และความเกลียดชังก่อนมันจะพุ่งหนีเข้าความมืดหลังบ้านเรือนพังยับอีธานจะวิ่งตาม—แต่เขาหันมาเห็นนีร่าทรุดลงบนเข่าตัวเองศรเซรีออนร่วงจากมือกระแทกพื้นหิน“นีร่า!”เขาพุ่งเข้าประคองร่างเธอไว้แขนเธออ่อนแรงจนแทบไม่ขยับสายตาคู่สวยค่อย