“พี่เพลง! / ว้าย!”
“ฮ่า ๆๆ ตกใจอะไรคะคนสวย” ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียวแต่น้องพิมน้องรหัสคนสวยพุ่งมาจากทางไหนก็ไม่รู้มาทักฉันเสียงดังจนฉันตกใจ
“พี่กำลังเหม่อ ตกใจหมดเลย”
“เหม่อคิดถึงใครคะ พี่กายรึเปล่าน้า” น้องพิมเป็นน้องรหัสของฉันเองค่ะอยู่ปีสามเราสองคนค่อนข้างสนิทกันมากคุยกันได้แทบจะทุกเรื่อง
“ฮึไม่ใช่ พี่จะคิดถึงพี่กายทำไม แล้วนี่ไม่มีเรียนเหรอเรา” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธตามความจริง คิดถึงเรื่องงานต่างหาก ไม่ใช่งานพริตตี้นะคะแต่หมายถึงงานในอนาคตเนี่ย จะจบแล้วก็เริ่มหวั่น ๆ กับชีวิตการทำงานขึ้นมาทันที
“งื้อ~ พิมอยากให้คิดนี่นา สักนิดก็ไม่มีเลยเหรอคะ” น้องพิมก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ชอบเชียร์ให้ฉันกลับไปคืนดีกับกายเพราะฉันกับเขาคบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งน้องมันเข้ามาก็เห็นเราสองคนคบกันแล้ว มีอะไรเราทั้งคู่ก็คอยดูแลช่วยเหลือน้องเสมอก็คงจะเสียดายแล้วก็ผูกพันกับเราสองคน
“ไม่มีค่ะน้องพิม พี่เพลงกำลังคิดเรื่องงานอยู่”
“เฮ้อ! เซ็ง ถ้างั้นพิมจะหาสาวคนใหม่ให้พี่กาย” น้องพิมยู่หน้าใส่ด้วยท่าทางขัดใจแต่ฉันไม่ได้ใส่ใจมากหรอกค่ะน้องก็แบบนี้แหละอยากให้ฉันกับกายคืนดีกันอยู่ทุกวันซึ่งมันไม่มีทางกลับมาแล้วล่ะกายทำฉันเจ็บหนักเกินไป
“เชิญเลยค่า พี่กายของน้องพิมจะได้เลิกเที่ยวมั่วหญิงเป็นประจำแบบนี้สักที”
“พี่กายเที่ยวบ่อยเหรอคะ ตอนคบกับพี่เพลงไม่เห็นจะเที่ยวเลย”
“ก็ตอนนี้โสดแล้วไงจ้ะ ช่างตานั่นเถอะพิม นี่จะไปไหนต่อรึเปล่าหรือว่ามีเรียน” ฉันตัดบทเพราะไม่อยากพูดถึงแฟนเก่าให้รกสมอง อยู่กันสองสาวพี่น้องสายรหัสสุดสวยมันต้องพูดเรื่องสวย ๆ งาม ๆ สิคะอย่าไปพูดถึงผู้ชายเจ้าชู้ให้เสียอารมณ์เลย
“ไม่มีแล้วค่ะพิมว่าจะไปเดินเล่นหน่อยแต่เห็นพี่เพลงพอดีก็เลยเข้ามาทัก เผื่อจะฟลุ๊คมีคนสวยพาไปเลี้ยงไอติม” น้องน่ารักค่ะ เป็นเด็กขี้อ้อนตีเนียนแบบนี้เสมออยู่ด้วยแล้วแฮปปี้
“ได้เลยพี่อยากกินอยู่พอดี ไปเดินช็อปปิ้งกันด้วย”
หลังจากนั้นเราสองคนก็มาที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ มหาลัยเดินช็อปปิ้งจนเพลินถึงได้มานั่งกินไอศกรีมแล้วก็เม้าท์อะไรสัพเพเหระไปเรื่อย
“เอ้อพี่เพลงคะ ยัยพี่ซีแนมยังมาหาเรื่องพี่เพลงอยู่รึเปล่า” น้องพิมรู้จักซีแนมค่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าเราคุยกันได้แทบทุกเรื่อง ตอนที่มีปัญหาของซีแนมที่มันหนักที่สุดฉันก็มีเพื่อนแล้วก็น้องพิมนี่แหละที่คอยจับมืออยู่ข้าง ๆ
“เฮ้อ~ พิมพูดชื่อคนที่ทำให้อาหารไม่ย่อยออกมาได้ยังไง” ฉันวางช้อนไอศกรีมลงแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเซ็ง
“แหะ ๆ พิมขอโทษค่ะก็เห็นช่วงนี้เงียบ ๆ ไปเลยถามถึง”
“ก็ตอนนี้ไม่เจอหน้ากันหรอกแต่สองอาทิตย์ก่อนเจอมาเต็ม ๆ”
“หูยคำว่าเต็ม ๆ แสดงว่าชุดใหญ่ใช่ไหมคะ” น้องพิมทำหน้าหวาดหวั่นก็แน่สิคะใครเจออิทธิฤทธิ์ของซีแนมก็หวาดทั้งนั้น แต่ยกเว้นฉันคนหนึ่งนะ ฉันไม่หวั่นหรอกมีแต่สู้ตาย ใครจะซ่าแค่ไหนก็ได้แต่อย่ามาหาเรื่องฉันโดยที่ฉันไม่ผิดเพราะฉันจะไม่มีทางยอมแน่นอน แต่ถ้าฉันทำผิดแล้วมาเอาเรื่องฉันจะยอมยืนให้ตบซึ่ง ๆ หน้าไม่สู้กลับเลยสักนิด
“ก็ใหญ่พอตัวแต่มันผ่านมาแล้วแหละอย่าไปพูดถึงเรื่องเก่าเลย กินไอติมแล้วไปต่อด้วยชาบูดีกว่าจ้ะน้องรัก” ฉันตัดบทแต่ไม่ได้ตัดบทเพราะรำคาญน้องพิมนะคะ ฉันแค่ไม่อยากพูดถึงเรื่องของซีแนม พูดแล้วเดี๋ยวจะขึ้นเพราะเรื่องเมื่อสองอาทิตย์ก่อนมันเป็นอะไรที่ฉันโมโหมาก
“จะกินไอติมจริง ๆ เหรอคะไม่กลัวอ้วนแล้วเหรอ”
“ไม่กลัวค่ะ มิ้นท์อยากกิน” เสียงคู่รักออดอ้อนกันมาแค่ไกล เสียงผู้หญิงก็หวานใสเสียงผู้ชายก็หล้อหล่อจนทั้งคู่เดินมานั่งที่โต๊ะข้าง ๆ ท่าทางจะเป็นคู่รักหน้าตาดีนะคะไม่ได้หันไปมองแต่ออร่าผิวเปล่งประกายทะลุหางตาฉันเลย
“อ้าวมิ้นท์!”
“อ้าวพิม พี่เพลงสวัสดีค่ะ” เสียงน้องพิมทักทายผู้หญิงโต๊ะข้าง ๆ เหมือนจะรู้จักฉันก็หันไปมองบ้าง เป็นรุ่นน้องในคณะที่เห็นหน้าบ้างประปรายค่ะ
“จ้าน้องมินท์ มากินไอติมเหรอ” บอกตรง ๆ ว่าไม่อยากทักแบบนี้เลย ก็เดินมานั่งในร้านไอศกรีมจะให้มากินหมูกระทะรึไง แต่ก็นั่นล่ะค่ะมันเป็นคำติดปากพูดไปโดยอัตโนมัติเวลาเจอคนรู้จักแต่ไม่สนิท
“ค่ะ มินท์มาช็อปปิ้งกับแฟน นี่พี่ฟรังซ์แฟนมิ้นท์ค่ะ พี่ฟรังซ์ขานี่พี่เพลงเป็นรุ่นพี่ที่คณะ แล้วก็พิมเป็นเพื่อนมินท์ค่ะ” น้องมิ้นท์พูดจาร่าเริงเหมือนอย่างที่ฉันเคยเห็นปกติทั่วไปแล้วก็แนะนำแฟนที่ชื่อคุ้น ๆ หู เมื่อกี้มัวแต่สนใจมองหน้าน้องมิ้นท์ไม่ทันได้หันไปมองผู้ชายแต่พอเบนสายตาไปมองก็เห็นผู้ชายของน้องมิ้นท์มองฉันด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่ก่อนแล้ว
คุณพระ! พรหมลิขิตบันดาลชักพาหรือนรกฟาดเราให้มาเจอกันอีกครั้งกันนะ!
“ค่ะ พิมกินต่อเร็วจะได้ไปที่อื่นต่อ” ฉันพยักหน้ารับคำแนะนำของน้องมิ้นท์แล้วก็หันหน้าไปชวนน้องพิมกินไอศกรีมต่อแต่ยัยน้องพิมของฉันกลับหันไปทำความรู้จักทักทายแฟนเพื่อนสะงั้น
“สวัสดีค่ะพี่ฟรังซ์ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“สวัสดีครับ โลกกลมดีนะ”
“คะ? โลกกลมยังไงคะที่รัก” น้องมิ้นท์กับน้องพิมก็ทำหน้างงนิดหน่อย แต่ฉันนี่สิคะที่เซ็งมาก ไม่ต้องทักไม่ได้รู้จักกัน!
“ก็คุณเพลงขวัญไงครับ พี่รู้จักกันเพราะคุณเพลงขวัญเป็น MC งานเปิดโชว์รูมใหม่ของพี่” จะพูดทำไม จะหาเรื่องเหรอต่างคนต่างอยู่ไม่ได้รึไง ฉันอยากจะพูดใส่หน้าว่าโลกมันไม่ได้กลมหรอกค่ะแต่นรกมันแคบ!
“หือ~ จริงเหรอคะบังเอิญจังเลย” น้องมิ้นท์ก็ทำหน้าตกตะลึงตื่นเต้นได้โอเวอร์มากค่ะ
“จ้ะ เจอกันครั้งนั้นครั้งเดียวแหละ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะคุณฟรังซ์” ถ้าทุกคนในนี้ไม่ได้ตาบอดก็จะต้องเห็นความเซ็งบนหน้าฉันชัดเจน
“แต่แหมเสียดายนะคะวันนั้นถ้ามิ้นท์ว่างคงได้ไปงานเปิดโชว์รูมของพี่ฟรังซ์ ได้เจอกันที่งานคงเม้าท์สนุกน่าดูนะคะพี่เพลง” อืม~ น้องมิ้นท์เขาดีดเหรอคะ ฉันกับน้องมิ้นท์เราสองคนคุยกันปีละสามประโยคเองมั้งแล้วจะเอาเรื่องที่ไหนมาเม้าท์ไม่ทราบ
“จ้า~” ฉันพยักหน้ารับแล้วก็หันกลับมาโฟกัสไอศกรีมต่อ ปล่อยให้น้องพิมของพี่เพลงลั้นลาคุยกับสองคนนั้นต่อไปเถอะ
เฮ้อ! คิดแล้วก็สงสารน้องมิ้นท์ แฟนหนูในวันนี้เป็นผัวคนอื่นในวันนั้นน้องเขาจะรู้รึเปล่านะ ยิ่งบอกว่าถ้าว่างคงได้ไปงานฟังแล้วก็ยิ่งสงสารเพราะวันนั้นพี่ฟรังซ์ของหนูเขาจะให้เมียเขาเป็นMC ในงานค่ะลูก เพราะฉะนั้นต่อให้หนูว่างหนูก็ไปไม่ได้อยู่ดี
#PLENGKWAN END
#FRUNG TALK
ดูท่าทางเธอคงเกลียดขี้หน้าผมมากพอตัวเลยล่ะครับรีบกินแถมเร่งน้องอีกคนที่มาด้วยทางสายตาให้รีบกินเหมือนเธออีกต่างหาก พอกินเสร็จก็รีบกลับไปเลย
“เพลงขวัญเขาเป็นคนยังไง” ผมถามมิ้นท์หลังจากทิ้งระยะห่างไปสักพัก แต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ สัญชาตญาณไวยิ่งกว่าสิงโต ต่อให้ทิ้งระยะห่างเป็นวันเป็นเดือนเธอก็สงสัยได้เหมือนเดิมว่าผมถามถึงผู้หญิงคนอื่นทำไม
“ทำไมคะพี่ฟรังซ์สนใจเหรอ” มิ้นท์ละสายตาจากการถ่ายรูปตัวเองแล้วก็ถามผมเสียงใสแต่แววตาไม่ได้ใสเหมือนเสียงสักนิด
“ครับ สนใจแต่ไม่ได้สนใจอย่างที่มิ้นท์คิดหรอก พอดีเขามีเรื่องกับเพื่อนของพี่นิดหน่อยก็เลยอยากรู้ว่าเป็นคนยังไง”
“อ้อ ก็ปกติธรรมดาทั่วไปค่ะ มิ้นท์ไม่ค่อยสนิท”
“หึงเหรอครับ” ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็แบบนี้ล่ะครับ ผมไม่ได้คิดอะไรจริง ๆ แต่ถามถึงคนสวยแบบเพลงขวัญใครจะไม่หึงล่ะจริงไหม ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้รู้สึกพิศวาสเพลงขวัญเลยสักนิดแค่เผลอมองหน้าเธอบ้างเป็นบางครั้งเพราะความสวยก็เท่านั้นเอง
“แล้วพี่ฟรังซ์คิดว่ายังไงคะ” ฮึ ๆๆ ผมนึกว่ามิ้นท์จะถนัดแค่แบ๊วแต่เปล่าเลยครับเธอฉลาดพอตัว ฉลาดพูดฉลาดยอกย้อนสะด้วย
“อืม~ ถ้าเป็นพี่พี่จะไม่หึงครับ เพราะถึงยังไงสุดท้ายตอนนี้พี่ก็อยู่กับมิ้นท์”
“แค่ตอนนี้รึเปล่าคะ” เจองานยากแล้วไอ้ฟรังซ์ ฮึ ๆๆ
“รอดูต่อไปดีกว่า สนใจลงรูปคู่ไหมคะ” ผมตับบทดีกว่าครับเดี๋ยวมีปัญหาบานปลาย
“ปกติไม่เห็นให้สาว ๆ คนไหนลงรูปคู่นี่คะพี่ฟรังซ์” มิ้นท์มองหน้าผมแล้วก็ถามด้วยความแปลกใจ ใช่ครับผมไม่ถ่ายรูปคู่ใครและไม่ให้ใครลงรูปผมด้วย พวกเธอทุกคนรู้หมดนั่นแหละว่าผมไม่จริงจังแต่หลายคนก็หวังว่าจะเปลี่ยนใจผมได้
“ให้มิ้นท์เป็นกรณีพิเศษไงคะ” ผมตอบยิ้ม ๆ มิ้นท์ก็เลยยิ้มอายพร้อมกับยกกล้องขึ้นมากดถ่ายรูปคู่ของผมกับเธอ
“พี่เพลงนิสัยดีค่ะ เป็นคนนิสัยดีมาก” พอถ่ายรูปประมาณเกือบห้าสิบรูปได้มั้งครับมิ้นท์ก็ก้มหน้าก้มตาแต่งรูปเตรียมอัพลงโซเชียลตามประสาของเธอแล้วก็พูดขึ้น อยู่ดี ๆ ก็พูดทำผมเผลอยกคิ้วด้วยความงงว่าทำไมถึงยอมบอก
“นิสัยดี?” ทำไมที่เจอผมไม่เห็นจะรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด เด็กเสี่ย ขี้เหวี่ยง ขี้วีน แถมเป็นมือตบระดับตัวแม่ จะเอาตรงไหนมานิสัยดีวะ
“ค่ะ นิสัยดี มิ้นท์ไม่ได้สนิทหรอกแต่สามปีที่รู้จักกันมามิ้นท์ก็เห็นแทบจะทุกคนในคณะชอบพี่เพลงกันทั้งนั้น”
“ที่พี่เจอมาไม่ใช่แบบนั้นนะ”
“เจอตอนไหนล่ะคะ เจอตอนพี่เขาโดนใครมาเหยียบหางรึเปล่า ถ้าเป็นเวลานั้นก็นางร้ายดี ๆ นี่ล่ะค่ะ ด่าได้ไม่มีเหนื่อยแล้วก็พร้อมตบเพื่อจบปัญหา” มิ้นท์หันมาบอกผมแล้วก็ยิ้มให้ด้วยรอยยิ้ม อืม~ จะบอกว่ายังไงดีล่ะครับ เธอฉลาดพอตัวแต่แบ๊วแค่ภายนอก
“คงใช่มั้ง” คงจะอย่างนั้นมั้งครับเพราะผมจำได้ว่าเพลงขวัญพูดว่าซีแนมส่งข้อความไปด่าถึงได้บุกเข้าไปตบซีแนมถึงในห้อง แต่พื้นฐานนิสัยดีมากจนใคร ๆ ก็ชอบอันนี้ผมยังห้าสิบห้าสิบ
“แล้วทำไมถึงยอมบอกพี่ล่ะคะ” ผมหยุดเรื่องเพลงขวัญไว้ก่อนแล้วถามคนข้าง ๆ ที่เริ่มน่ากลัวเข้ามาทุกที
“ก็พี่ฟรังซ์อุตส่าห์ยอมแลกกับการให้มิ้นท์ลงรูปคู่นี่คะมิ้นท์ก็เลยยอมบอก” มิ้นท์หันมามองผมด้วยสายตารู้ทัน เธอทำผมอึ้งไปเลย
“พี่แค่ชวนถ่ายรูปเพราะไม่อยากให้มิ้นท์คิดมากว่าพี่สนใจผู้หญิงคนอื่นมากกว่าก็แค่นั้น” ผมไม่โกหกให้จำคำพูดตัวเองไม่ได้หรอกครับ พูดความจริงไปเลยดีกว่า
“แล้วสนใจรึเปล่าล่ะคะ?”
“อืม~ ไม่ครับ ถึงมิ้นท์จะบอกว่าเพลงขวัญนิสัยดีแต่ที่พี่เจอมาไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด ถึงมิ้นท์ยอมให้พี่นั่งซักประวัติเพลงขวัญทั้งวันพี่ก็ไม่หลงเสน่ห์หรอก” ผมยังยืนยันคำเดิมครับ ปากกับนิสัยของเพลงขวัญไม่ใช่สเปคผม ไม่เฉียดเลยสักนิด
“ค่ะ แต่ระวังตัวหน่อยนะคะถ้าบังเอิญเจอก็อย่าไปอยู่ใกล้พี่เพลงมาก”
“ทำไมครับ?”
“เดี๋ยวจะหลงเสน่ห์พี่เพลงเข้าน่ะสิคะ ขนาดมิ้นท์นึกขัดใจที่พี่ฟรังซ์มองพี่เพลงตาเยิ้มเมื่อกี้มิ้นท์ก็ยังเกลียดพี่เพลงไม่ลงเลย”
-สามเดือนต่อมา-“มองเหี้ยไรวะ!” พี่ฟรังซ์ยืนเท้าเอวท่าทางหัวเสียอยู่ข้างเวทีขนาดใหญ่ในงานมอเตอร์โชว์ ด้านบนมีแลมโบกินี่ราคาหลายสิบล้านถูกนำมาโชว์เปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่เพิ่งนำเข้ามาในไทยภายในงานมอเตอร์โชว์ แต่เจ้าของบริษัทที่เอารถมาเปิดตัวกลับยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงตะคอกแขกและลูกค้าในงานอยู่ข้างเวทีจนฉันดึงเข้ามาด้านหลังเวทีแทบไม่ทัน“พี่ฟรังซ์! ตะโกนแบบนั้นได้ยังไงคะเดี๋ยวก็ขายรถไม่ได้พอดี” พอมาด้านหลังเวทีเพลงขวัญคนนี้ก็เลยจัดการดุพี่ร่านยกใหญ่“ขายไม่ได้ก็ช่างแม่ง ไอ้เหี้ยพวกนี้มันไม่ได้มาซื้อรถแต่มันมาดูนมพริตตี้ต่างหากแถมยัง...”“หวง?” ฉันถามเสียงเย็นเพราะเขาทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงและพูดเหมือนโมโหที่ผู้ชายในงานมาดูนมพริตตี้ที่เขาจ้างมา โถไอ้ติ่งร่องนมตัวพ่อ! มีแฟนและจะแต่งงานกันเดือนหน้าอยู่แล้วยังกล้าหวงร่องนมอื่น แล้วหวงแบบไม่เกรงใจอีเพลงที่ยืนหัวโด่อยู่ข้าง ๆ เลย คนร่านอยากเป็นหม้ายขันหมากสินะ“เออหวง หวงมากด้วยแม่ง!”“พี่ฟรังซ์!” ฉันตะคอกด้วยความเหลืออด นี่กล้าหวงร่องนมผู้หญิงคนอื่นแล้วก็สารภาพต่อหน้าฉันขนาดนี้เลยเหรอ เกรงใจกันบ้างไหมน้ำตาอีว่าที่เจ้าสาวตกในแล้วค่ะ จะมาดีแตกตอนที่ร่อน
“เสียวค่ะ ซี๊ด~ พี่ฟรังซ์เข้ามาเลยได้ไหม”“...อยากเหรอครับเมีย”“อยากค่ะ อื้ม~ พี่ฟรังซ์ขา ใส่เข้ามาเลยได้ไหมเพลงค้างนานแล้ว”“หือ?” อ่าส์ พี่ก็ค้างค่ะที่รักแต่ขอแกล้งเมียก่อนห่างอกผัวไปนานที่รักของผมหื่นขึ้นเยอะเลย แต่พอผมลีลาเพลงขวัญก็จิกลงมาที่แขนผมเต็มแรง“อย่าแกล้งค่ะพี่ฟรังซ์...นี่เมียนะ”“...เมีย พี่โคตรชอบเวลาเพลงแทนตัวแบบนี้เลยครับ” เวลาได้ยินเธอเผลอแทนตัวแบบนี้ทีไรหัวใจมันโคตรพองโต“อื้อ~ อย่าแกล้ง ซี๊ด~” เพลงขวัญร่อนสะโพกใส่เพราะผมเอาท่อนเอ็นจ่อทางเข้าร่องรักแล้วถูร่องรักเปียกเยิ้มของเธอแต่ไม่ยอมใส่เข้าไปอย่างที่เธอต้องการ“เสียวไหม~” ท่อนเอ็นใหญ่ส่วนปลายค่อย ๆ กดเข้าไปในร่องรักสีชมพูสวยที่ไม่ว่าจะมีอะไรกันบ่อยแค่ไหนแต่ก็ยังปิดสนิทเหมือนไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน“อื้ม~ เสียว เสียวค่ะ ซี๊ด~” เพลงขวัญสูดปากแล้วก็ยันตัวขึ้นมาเพื่อมองผม“อ่าส์~ โคตรแน่นเลยครับเมีย” ห่างกันไปแค่สิบกว่าวันเพลงขวัญแน่นกว่าเดิมเยอะเลย เข้าไปได้แค่ครึ่งลำผมก็เสียวจนขยับท่อนเอ็นไม่ไหวเพราะกลัวว่าโดนบีบรัดมากกว่านี้แล้วมันจะเสร็จก่อนได้ทำให้เมียเสียว“อื้อ~ เข้ามา พี่ฟรังซ์เข้ามา~” เพลงขวัญยันตัวขึ้นแ
“เดี๋ยวเพลงว่าเพลงไปเก็บของต่อดีกว่านะคะ” ฮึ ๆ จะหาเรื่องหนีสินะเพลงขวัญ“จะอยู่ทั้งที่มันเพิ่งฉาบปูนจริง ๆ” ผมมองหน้าคนสวยที่ยืนคุยกับผมด้วยหน้าตาเอ๋อ ๆ ทันที่ที่กลับมาถึงคอนโด หน้าตาเอ๋อไม่สมกับเพลงขวัญมือตบอันดับหนึ่งเลยสักนิด แต่ก็ดีแล้วครับผมเคยบอกแล้วไงว่าผมจะเป็นคนแรกที่ไม่กลัวเมีย แต่ไม่ใช่ว่าอยากให้เมียมากลัวผมหรอกนะ แค่เชื่อฟังสามีสักนิดหรือเกรงใจในบางเรื่องก็พอ“ก็...เพลงเชื่อฟังพี่ฟรังซ์นี่นา”“ตลกแล้วเพลง พี่ขำด้วยเหรอ?” ผมตอบกลับแล้วก็เดินย่างสามขุมเข้าไปหาเพลงขวัญที่กำลังถอยหลังหนีผมช้า ๆ เหมือนกัน“แหะ ๆ แต่มันเพิ่งจะเที่ยงเองนี่เนอะ แต่เพลงยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนี่นา หูยเพลงลืมไปเลยค่ะ”“กินไส้กรอกก่อนไหมอร่อยนะเดี๋ยวพี่จะป้อนให้จุกเลย” พูดจบผมก็โยนเสื้อไปทางโซฟาแล้วก็เริ่มจัดการกับกางเกงต่อ ดื้องี่เง่าดีนักจะเอาให้เป็นโรคกระเพราะเลยคอยดู เดี๋ยวจะเอาให้หายซ่าส์“พี่ฟรังซ์...” พอเห็นผมไม่ยอมคล้อยตามเธอ ยัยขี้เมาก็หยุดยืนแล้วก็เรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงงอน“อย่างอนเพราะพี่ไม่อ่อนโยน”“ชิส์! ขออาบน้ำก่อนก็แล้วกันนะคะ ขออาบน้ำทานข้าวเอาแรงแล้วจะไปนอนรอรับศึกหนักที่เตียง หร
เขาบอกให้เก็บก็เก็บสิคะ เก่าไปใหม่มามันเป็นเรื่องธรรมดา เก็บไปพร้อมน้ำตาที่ไหลอยู่ในอก“จะไม่กินข้าว?”“ค่ะ” ใครจะกินลง ก็รู้ตัวอยู่หรอกว่าเป็นคนบอกเลิกเองแต่ฉันไม่ได้เตรียมใจมาโดนไล่ให้เก็บของนี่คะ ขอตัวรีบเก็บของแล้วกลับไปกินข้าวเคล้าน้ำตาที่ห้องตัวเองดีกว่า“แต่พี่ทำไว้แล้ว กินหน่อยเถอะถือซะว่าเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของที่นี่” พอเห็นฉันงี่เง่าไม่หัวอ่อนอย่างที่ต้องการก็ได้ทีกวนตีนใส่พร้อมกับถีบหัวส่งเลยสินะ“ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณที่ทำเผื่อนะคะแต่เพลงว่าเพลงรีบเก็บของดีกว่าจะได้ไม่ต้องรบกวนพี่ฟรังซ์นาน ๆ”“ตามใจ” เขาเดินไปนั่งบนโต๊ะเครื่องแป้งของฉันที่ฉันเก็บทุกอย่างบนนั้นใส่กระเป๋าหมดแล้ว ต่อไปนี้ก็คงไม่ใช่ของฉันแล้วสินะ เดี๋ยวก็คงมีคนมาใช้มันต่อ เฮ้อ! อย่าหวงเลยกับอีแค่โต๊ะเครื่องแป้ง ขนาดคนที่เขาบอกว่าเขาเป็นของเธอก็ยังมีคนมาเอาไปใช้ต่อเลย เจ็บไหมล่ะเพลงขวัญในระหว่างที่ฉันเก็บของไปเรื่อย ๆ เขาก็นั่งกอดอกมองฉันอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งนั่นแหละ ไม่รู้นั่งมองหรือนั่งกดดันให้รีบเก็บ ตอนนี้ในหัวคิดดีโลกสวยไม่ได้เลยจริง ๆ ก็รู้ว่าเป็นคนบอกเลิกแต่ไม่คิดว่าเขาจะใจร้ายไล่ให้เก็บของตอนนี้เลย“เพลง”
อื้อ~ พี่ฟรังซ์ หยุด~ อื้อออ~” ตอนนี้เธอเริ่มทุบและผลักผมออกแต่ผมก็ยังกอดเธอเอาไว้แน่น เดี๋ยวจะดูดให้เสียวจนหมดแรงเลยยัยขี้เมา“พี่...อุ๊บ! อ้วก!!!”ผมนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มีอะไรในร่างกายที่จะขยับนอกจากปาก ผมรีบผละออกจากหน้าอกเพลงขวัญแล้วเม้มปากให้สนิททันทีที่รู้สุกหนักที่หัว...กูแม่งทำเวรทำกรรมอะไรมานักหนาวะ!“อื้อ! ออกไปเพลงเหม็น!” พออ้วกใส่หัวผมเสร็จเพลงขวัญก็ผลักหัวผมออกจากตัวเธอ ผลักแรงมากและมันก็ทำให้สิ่งที่ผมพยายามนิ่งเป็นหินเมื่อกี้หมดความหมายเพราะตัวผมไปกระแทกกับแผงคอนโซลรถเต็มแรงมันก็เลยทำให้อ้วกที่รดบนหัวกระจายไปที่อื่นเป็นหย่อม ๆ สบายหัวมากขึ้นแต่รถผมต้องเต็มไปด้วยซากอ้วกแน่นอน“เฮ้อ! ยัยมนุษย์อ้วกเอ้ย!” ผมค่อย ๆ ขยับตัวลงจากรถส่วนยัยเมียขี้เมาก็ปล่อยให้นั่งสะลึมสะลืออยู่บนรถต่อไปพอลงมาก็พยายามก้มหัวให้ต่ำที่สุดแล้วสะบัดอ้วกออกจากหัวเต็มแรง ที่เป็นปัญหาคือมันไม่ได้มีแค่เศษนี่สิ อย่าลืมว่าเพลงขวัญดื่มมานะครับและท่าทางจะดื่มมาหนักด้วยเพราะฉะนั้นไอ้อ้วกที่อยู่บนหัวผมมันก็เลยเป็นน้ำเหนียว ๆ ค่อนข้างเยอะ“อ้วก!!!” ไม่ใช่เสียงอ้วกเพลงขวัญหรอกครับ เสียงผมนี่แหละ รักมากเก็บอ้วกได้แ
-หนึ่งชั่วโมงต่อมา-ฉันตัดสินใจมารอพี่ยาหยีที่บ้านพร้อมกับซื้อเบียร์มาหลายขวด ดีนะที่รู้ที่ซ่อนกุญแจก็เลยเข้ามานั่งซดเบียร์ในบ้านได้“เพลงเป็นอะไรทำไมต้องร้องไห้ขนาดนี้” ในระหว่างที่นั่งน้ำตาไหลรินอยู่คนเดียวพี่ยาหยีก็มาถึงพร้อมกับรีบเข้ามาถามฉันด้วยน้ำเสียงตกใจ“ฮึก! พี่หยี ฮื่อ ๆๆ เพลงเสียใจ” พอเห็นหน้าพี่สาวน้ำตามันก็ยิ่งไหล“ใจเย็น ๆ ก่อนเพลงเกิดอะไรขึ้นเล่าให้พี่ฟังได้ไหม”“ไอ้คนเลว! ไอ้หล่อหน้าซาลาเปา! ไอ้ร่าน! ไอ้เจ้าชู้!” ฉันเกริ่นด้วยคำด่าสารพัดเท่าที่จะขุดมาด่าไอ้คนนิสัยไม่ดีคนนั้นได้แล้วก็ค่อยตั้งสติเล่าทุกอย่างให้พี่ยาหยีฟังทั้งน้ำตา เล่าแค่เรื่องราวแต่ไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อให้เป็นกาลากิณีปาก“ฮื่อ ๆๆ ไอ้คนร่าน! ผู้ชายใจทรามรักกามเป็นชีวิตจิตใจ!” ฉันเล่าจบก็ตามด้วยการด่าและกระดกเบียร์ไม่หยุด กินให้พุงแตกตายไปเลย ดื่มนี้เพื่อลืมไอ้ร่าน!“ผู้ชายคนนั้นดูงง ๆ นะพี่ว่า ทางที่ดีพี่ว่าเพลงทบทวนให้ดีก่อนดีกว่าว่าความดีที่เขาคอยอยู่ข้าง ๆ กับการที่ทิ้งเราไปนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้าอันไหนที่มันมีน้ำหนักในการตัดสินใจให้รักเขาต่อหรือหยุดเจ็บปวดได้สักที” พี่ยาหยีให้คำแนะนำหลังจากที่ฉันระบ