“เป็นไรวะริกกี้ ไมต้องห้าม หรือน้องดื่มไม่ได้”
เฮียสงสัย ตามไปถามด้วยสีหน้าคล้ายรู้สึกผิด สายตาผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ในเต็นท์ปาดมองมาที่ฉันอย่างถี่ถ้วนออกแนวขัดหูขัดตาผสมหมั่นไส้นิดๆ
ริกกี้เหลือบกลับมามองฉันด้วยสายตาคมกริบเพราะคำถามเฮียหมู
“ไอ้หมอสั่งงด”
เขาพูดสั้นๆ แต่จบทุกอย่าง เฮียหมูเลิกคิ้วเหมือนจะเข้าใจนิดหน่อยแต่ก็ข้องใจไม่เลิกอยู่ดี ทว่าริกกี้ไม่ได้มีท่าทีว่าจะพูดอะไรต่อเฮียเลยยักไหล่ไม่ถามซักไซ้อะไรอีก
ฉันเม้มริมฝีปากแน่น เพิ่งจะนึกเรื่องแผลที่อกตัวเองได้ตอนได้ยินริกกี้พูด.... คือจะว่ายังไงดี แม้แต่ฉันก็ลืมนึกไปว่าแอลกอฮอล์มันอาจจะมีฤทธิ์ต้านยาหรือทำให้บาดแผลหายช้า แต่ริกกี้กลับจำเรื่องนั้นได้ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้จะใส่ใจเรื่องฉันไปมากกว่าการอัดรถเลย
“เฮ้ยริกกี้ ทางนั้นพร้อมแล้ว”
สักพักผู้ชายอีกคนก็โผล่เข้ามาที่เต็นท์ เขาชื่อเรซ.... ฉันจำรูปร่างหน้าตาเขาได้ เรซเหลือบมองฉันครู่หนึ่งก่อนเลื่อนสายตาไปด้านข้าง ผู้หญิงที่นั่งถัดไปลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาเกาะแขนเรซเอาไว้เหมือนจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน
อ่อ.... แฟนของเรซเองเหรอ
“ไงจ๊ะ เบื่อไหมบี๋” เรซจับปรอยผมยัยนั่นเล่นพร้อมกับส่งยิ้มเอาใจให้ ดูขี้เล่นผิดกับดวงตาดุๆ ของเขามากมาย
“ไม่หรอก ที่นี่อากาศกำลังดี แต่จีจี้ชอบแอร์เย็นๆ มากกว่า”
“รอหน่อยนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
“อื้ม ไม่มีปัญหาจี้รอได้”
“เฮียครับ เราเปลี่ยนยางเสร็จแล้ว” ระหว่างสองคนนั้นกำลังจู๋จี๋กันอยู่ ผู้ชายที่หน้าอ่อนกว่าเล็กน้อยวิ่งเข้ามาบอก
“อืม”
หลังจากนั้นทุกคนก็เดินตามกันออกไป ฉันกะพริบตาปริบๆ นั่งหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่กอย่างทำตัวไม่ถูก แต่จู่ๆ เรซที่เดินเกาะแขนกับแฟนไปทีหลังสุดก็หันกลับมาเรียกฉัน
“เธอก็มาด้วยสิ”
“อะอือ....” ฉันเด้งผึงขึ้นจากม้านั่งทันที ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องตื่นเต้นขนาดนี้ คงเพราะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ลืมฉันละมั้ง
“อะไรน่ะเรซ ไม่เห็นต้องสนใจเลย”
ยัยจีจี้อะไรนั่นทำหน้าไม่ชอบใจที่เรซสนใจฉัน มิวายหันมาส่งสายตารำคาญใส่อีก
ริกกี้เข้าไปในรถ เพื่อนของเขาสามคนยืนล้อมกรอบกระจกรถจนเต็มแล้วพูดกับริกกี้ที่นั่งอยู่ข้างใน น่าจะแผนหรือกลยุทธ์อะไรสักอย่าง ฉันยืนดูอยู่ห่างๆ ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่ รู้แต่ว่าบรรยากาศค่อนข้างเครียดและกดดันพิกล เหมือนกำลังจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น
ผู้ชายสวมสูทรูปร่างหน้าตาเป็นวัยกลางคนท่าทางดูภูมิฐานโผล่มาจากไหนไม่รู้ เดินตรงเข้าไปหาริกกี้พร้อมบอดี้การ์ดด้านหลังสองคน
แฮค เรซ และเฮียหมูพร้อมใจกันเปิดทางให้ลุงคนนั้นทันที ท่าทางจะมีอิทธิพลมาก ว่าแต่คนที่น่านับถือแบบนั้นมาทำอะไรในที่อย่างนี้ล่ะ?
ท่อนแขนฉันโดนจับจากทางด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉันผวาเฮือกหันขวับไปมองทันควัน
“ไง”
ผู้ชายตรงหน้าฉีกยิ้มหวาน แต่สำหรับฉันมันสยอง... หัวใจฉันเต้นตุบๆ หน้าตากวนประสาทเหลือร้ายกับแววตาสีครามคมกริบเจ้าเล่ห์แบบนี้ฉันไม่มีทางลืมแน่ๆ
“นะ...นาย!”
“คิดถูกจริงๆ ที่ถ่อมาดูลาดเลาที่นี่ รู้ไหมว่าฉันคิดถึงเธอมาก”
“ปะปล่อย! ริก...อุ๊บอื้อ~” ฉันสะบัดมือเขาออกอย่างหวั่นๆ อยู่ดีๆ ก็โผล่มาแถมยังพูดจาเพ้อเจ้ออีก กำลังจะหันไปเรียกริกกี้แต่โดนปิดปากเอาไว้ซะก่อน ฉันดิ้นพลั่กๆ ระหว่างถูกลากตัวออกมา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฉันถึงอยากให้ริกกี้ช่วย ทั้งที่เขาไม่เคยจะดีกับฉันเลย อีกอย่างฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนี้มาดีหรือเลว แต่คนดีๆ คงไม่โผล่มาจากด้านหลังแล้วฉุดฉันขึ้นรถแบบนี้หรอก เดี๋ยว.... ขึ้นรถเหรอ!
“นี่จะพาฉันไปไหนน่ะ” ฉันร้องออกมาอย่างตกใจทันทีที่ปากเป็นอิสระ
เขาเอามือจับหลังคารถใช้ร่างกายสูงโปร่งปิดช่องประตูเอาไว้จนมิดแล้วโน้มหน้าร้ายๆ เข้ามาหาจนฉันต้องเอนหน้าออกห่างเพราะมันใกล้เกินไป
“แค่อยากคุยกับเธอน่ะ”
“คุย.... ทำไม!”
“น่าใจเย็นๆ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นก็ได้ ฉันไม่ทำไรเธอหรอกน่า”
เขายิ้ม รอยยิ้มนายมันไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด