นี่มันคนเมื่อกี้หนิ! ผู้ชายตัวโตที่ทำไฮท์ไลท์ผมแดง.... เขาตามฉันมาเหรอ? ไม่เห็นรู้ตัวเลยสักนิด หรือว่าฉันมัวแต่เหวี่ยงริกกี้จนไม่ทันสังเกตเองก็ได้ แต่ช่างเถอะ ยังไงเขาก็ทำฉันตกใจกลัวอยู่ดี
“เอ่อ... คือ”
ฉันดึงแขนออก เค้นเสียงปฏิเสธแต่คำพูดมันดันติดอยู่ในลำคอ เพิ่งรู้ว่าตัวเองอ่อนแอขนาดนี้ เวลาอยู่ต่อหน้าคนที่ดูอันตรายแล้วฉันใจหดหายหมด ทั้งกลัวทั้งกดดันไม่กล้าที่จะโต้ตอบออกไป
บรรยากาศที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นโลกคนละใบกับที่ฉันเคยอยู่
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่มีใครทำอะไรเธอหรอกเพราะไม่อยากมีปัญหากับริกกี้”
เขาพูดขึ้นเหมือนรู้ว่าฉันกำลังคิดมาก น้ำเสียงที่ฟังดูคล้ายล้อเลียนปนยกย่องริกกี้แบบนั้นทำฉันประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก มองใบหน้าของคนที่ดูยังไงก็แก่กว่าริกกี้อย่างสงสัย
“ว่าแต่เธอชื่ออะไร”
ฉันลังเลอยู่นานกว่าจะตัดสินใจบอกชื่อตัวเอง
“คะนิ้ง”
“เพราะดี ฉันเฮียหมู.... เรียกเฮียเฉยๆ ก็ได้” เขาหยุดพูดกลางคัน ดวงตาเฉี่ยวคมมองลึกเข้ามาในแววตาฉันเหมือนจะค้นหาอะไรสักอย่างก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสงสัย
“แปลก....”
จู่ๆ เฮียหมูก็อุทานออกมา หรี่ตามองฉันด้วยท่าทางครุ่นคิดไปด้วย
“อย่างเธอไม่ใช่คนที่น่าจะถูกดึงเข้ามาอยู่ที่นี่.... มันต้องมีสาเหตุใช่ไหม?” เฮียหมูยกยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่เต็มหัว เขาทำให้ฉันเริ่มจะมวนๆ ท้องอีกแล้ว ถ้าไม่ติดตรงที่ว่ากำลังบาดเจ็บฉันคงวิ่งหนีไปแล้ว
แม้รู้ว่าหนีไปก็ไม่พ้นก็เถอะ
สุดท้ายเขาก็หว่านล้อมฉันให้ตามมายังเต็นท์ที่พักจนได้ ในนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นแค่เต็นท์เล็กๆ ปักอยู่ไหล่ทาง หน้ารถสี่คันที่จอดเรียงกันอย่างมีระเบียบ
มีผู้หญิงหน้าตาสวยแต่งตัวเปรี้ยวเผ็ดนั่งอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบกำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่ ยัยนั่นเหลือบมองฉันทันทีที่ก้าวเข้ามาข้างในแต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไร ฉันกำลังจะยิ้มให้แบบจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีแต่ยัยนั่นก็หลุบตาลงแทบจะทันที ไม่ได้แยแสหรืออยากผูกมิตรกับฉันสักนิดเดียว ท่าทางหยิ่งๆ นั่นฉันเองก็ไม่อยากยุ่งเท่าไหร่ แต่ที่จะยิ้มทักทายก็เพราะฉันไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่มแบบไม่จำเป็นไง
เฮียหมูหยิบเก้าอี้ผ้าใบตัวหนึ่งมากางออกให้ฉันนั่ง ฉันพยักหน้าอย่างรู้สึกเกรงใจ นั่งลงแบบไม่มีทางเลือก สายตาถูกดึงไปที่ลังน้ำดื่มที่ตั้งเรียงกันเป็นแพ็คๆ อยู่ตรงเสาเต็นท์ทันที กำลังจะลุกขึ้นไปหยิบ(แบบหิวมากจริงๆ)ริกกี้กับแฮคก็เดินเข้ามา หมอนั่นเหลือบมองฉันแวบหนึ่งก่อนหันไปพูดเรื่องรถกับความเร็วบนเส้นทางกันงึมงำๆ อยู่สองคน
เฮียหมูที่เดินหายไปทางท้ายรถคันหนึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้กลับออกมาพร้อมกับกระป๋องเบียร์ที่มีไอเย็นเกาะเต็มกอบมือ น่าจะห้าหกกระป๋องได้ เอามาทำไรเยอะแยะนั่น? แล้วฉันก็ได้คำตอบเมื่อเฮียหมูเดินมายื่นให้ฉันกระป๋องหนึ่งแน่นอนว่าได้ทีหลังผู้หญิงคนนั้น
ฉันมองกระป๋องเบียร์อย่างงงๆ จะให้ฉันแกะให้เหรอ?
ถึงฉันจะรู้สึกค้านในใจแต่ก็ยื่นมือออกไปรับอย่างไม่กล้าปฏิเสธ ยิ้มแหยๆ ให้กระป๋องเบียร์ในมือ เฮียหมูยังจ้องฉันอยู่ กดดันชะมัด ...ดื่มก็ได้ไหนๆ ก็หิวน้ำอยู่แล้ว ถึงไม่รู้ว่าจะดื่มแทนน้ำได้หรือเปล่าก็เถอะ ฉันแกะฝากระป๋องแกร๊ก ได้ยินเสียงดังซ่าส์สั้นๆ มองปากกระป๋องอย่างพิจารณาครู่หนึ่งก่อนกลั้นใจยกขึ้นกระดก ยังไม่ทันที่ขอบโลหะจะสัมผัสริมฝีปาก ข้อมือฉันก็ถูกกระชากอย่างแรง จนน้ำเบียร์กระฉอกอาบแขน
“ริกกี้!”
“เป็นบ้าหรือไง”
อะไร? ฉันมองตอบสายตาดุกร้าวของคนตรงหน้าอย่างสับสน แค่ฉันจะดื่มเบียร์ทำไมต้องจ้องกันตาแทบถลนแบบนี้ หรือฉันดื่มไม่ได้เพราะว่ามันสิ้นเปลือง
“มีไรริกกี้” เฮียหมูทำหน้าสงสัย
“เฮียเอาเบียร์ให้ยัยนี่”
“อือ ทำไม?”
“ดื่มไม่ได้!”
ริกกี้ไม่เสียเวลาอธิบาย เขาสบถเสียงหงุดหงิดเหมือนตำหนิฉันคนเดียวก่อนดึงกระป๋องเบียร์ออกจากมือฉันดื้อๆ ทุกคนมองการกระทำของริกกี้อย่างอึ้งๆ เหมือนเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ฉันกะพริบตาปริบๆ
....คืองง
ริกกี้เดินกลับไปหาแฮค เขากระดกกระป๋องเบียร์ที่แย่งไปจากฉันหน้าตาเฉย ฉันมองตามอย่างมึนงงและรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องฝืนดื่มของที่ไม่ชอบแต่ก็ตกใจมากกว่า ที่สำคัญฉันคอแห้ง!