LOGINลิขิตรัก 3
ฝืนลิขิต
“ท่านจะไปจริงๆหรือ…” เสียงทุ้มลึกของนักฆ่าหนุ่มผู้มากความสามารถเอ่ยถามอย่างสงสัย โฉมหน้าภายนอกนั้นผู้พบเห็นเป็นต้องลุ่มหลงมัวเมาด้วยรูปลักษณ์แต่ใครจะล่วงรู้ว่าเขาได้ชื่อว่าเป็นบุรุษที่โหดเหี้ยม ฆ่าผู้อื่นได้อย่างเลือดเย็นหากมาขวางทางราชินีของตน แววตาเย็นชาทำให้ปีศาจสาวหลายตนอยากถวายตัวให้ยิ่งนัก แต่ก็ต้องเศร้าใจเพราะดวงใจของเขาไม่มีไว้ให้ผู้ใดนอกจากหญิง ‘ผู้นั้น’ แม้มิอาจเอื้อม ทำได้เพียงแหงนมองเสมือนสัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตว์มองเจ้านายก็ตาม
“ข้าตัดสินใจแล้วซันซัส” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา เหม่อมองทิวทัศน์เห็นธรรมชาติสุดแสนจะงดงาม เวลานี้ไม่ใช่เวลามาชื่นชมความงามของมัน ภายในใจกระวนกระวายด้วยความสับสนยามคิดถึงคำพูดของบิดา
บัดนี้นางกำลังทิ้งหน้าที่อันใหญ่หลวงเพียงต้องการทำตามเสียงเรียกร้องของดวงใจ แม้นางจะยืนกรานอยากไปแต่ใครจะรู้ว่าใจนางนั้นแสนจะสับสนและกลัว…
“ท่านกำลังสับสน…” ปีศาจหนุ่มถามขึ้น นัยน์ตาสีแดงเข้มจองมองเข้าไปในดวงตาที่กำลังสั่นไหวด้วยเหตุผลบางอย่างต้องการค้นหา ภายในห้องโถงใหญ่เกิดความเงียบเข้ามาทันที
“…”
“ข้าได้ยินจากเสนาปีศาจพวกนั้นพูดกัน ท่านจะไปหาชายคนรัก…” เห็นว่าสตรีตรงหน้าสีหน้าไม่ดีนักจึงแสร้งเปลี่ยนเรื่อง แม้น้ำเสียงพูดจะปกติแต่ภายในใจปีศาจหนุ่มสุดแสนจะปวดร้าวและเจ็บปวดเหมือนโดนแทงซ้ำด้วยกริซ เมื่อต้องเอ่ยถึงชายคนรักของนาง หลายร้อยปีมาแล้วนางไม่เคยลืมชายผู้นั้นเลย เขาพยายามใกล้ชิดกลับยิ่งถอยห่าง คล้ายดวงใจนี้มีไว้ให้คนผู้นั้นผู้เดียว
“ใช่ ข้ากำลังไปพบเขา”
“แล้วหน้าที่ท่าน…” เอ่ยแย้งขึ้นทันที ตนรับใช้ราชินีมาหลายร้อยปี ภาระหน้าที่ของราชินีนั้น หนักหนาสาหัสนักกับสตรีเพียงคนเดียว ไม่เคยมีจารึกในประวัติศาสตร์ใดมาก่อนว่าผู้ปกครองโลกปีศาจเป็นสตรี หากถามว่าเขารู้ได้ยังไง คงต้องเล่าย้อนไปถึง ‘อดีต’ ของเขาที่ได้พบกับนาง
“อย่ารู้เหตุผลของข้าเลย” ความคิดสับสนคราแรกเริ่มเลือนหายไป เมื่อคิดว่าตนนั้นกำลังได้พบกับชายคนรัก แววตาทอประกายความมุ่งมั่น ผิวขาวราวหิมะสะท้อนกับดวงจันทร์สว่างไสวเบื้องหน้า พานให้ผู้พบเห็นใจสั่นขึ้นมาทันที
“…”
“เพราะอาจทำให้ท่านตำหนิข้าได้” หันหลังเพื่อสบตากับบุรุษผู้ซื่อสัตย์ที่มองนางจากด้านหลัง นางเป็นราชินี ความรักกับหน้าที่ หน้าที่ย่อมมาก่อน แต่ขอแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้นที่นางจะเห็นแก่ตัว ทำตามใจสักครั้ง
“ข้ารู้ ราชินี ข้าเคารพการตัดสินใจของท่าน…” แม้ใจจะปวดร้าวคล้ายโดนหอกแทงซ้ำแต่ปีศาจหนุ่มกลับเลือกพูดไปแบบนั้น การแอบรักคนที่ไม่คู่ควรมักได้รับความเจ็บปวดเป็นผลตอบแทนเสมอ แต่แค่เห็นสตรีตรงหน้ามีความสุข ชีวิตชายนักฆ่ามือเปื้อนเลือดอย่างเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วยแล้ว ฉะนั้นเขาจึงยิ้มอย่างส่งกำลังใจเพื่อให้นางมั่นใจมากขึ้น
“ขอบคุณเจ้ามาก ซันซัส” ลันเซียซึ้งใจยิ่งนัก บริวารบางคนอาจยังไม่เข้าใจและอยากตำหนินาง แต่ชายตรงหน้าผู้เปรียบเสมือนเพื่อน และพี่ชายคอยอยู่เคียงข้างไม่สนว่านางจะทำผิดแค่ไหน พร้อมปลอบนางเสมอยามมีเรื่องทุกข์ใจ ทั้งที่นางพยายามเข้มแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าบริวาร ซันซัสกลับมองออกในทันทีว่านางอ่อนล้าเหลือเกิน
“แล้วท่านจะไปยามใด” เป็นที่รู้ดีว่าหลักๆมี 3 โลกด้วยกัน คือสวรรค์ชั้นฟ้าเป็นที่ที่สวยงาม เทพทุกตนมีตบะบริสุทธิ์และรักสงบ ต่อมาคือโลกมนุษย์ อยู่กั้นกลางระหว่างสวรรค์กับภพปีศาจ จิตใจมนุษย์ย่อมมีหลายรูปแบบ บางคนแสนดีมีจิตใจเมตตา บางคนต่ำช้ายิ่งกว่าปีศาจหรือสัตว์ในนรก ที่สำคัญเข่นฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน และสุดท้ายโลกปีศาจ ส่วนนรกไม่นับเป็นโลกเพราะอยู่ต่ำสุดยังนรกภูมิ
โลกปีศาจแค่นามก็จำกัดความหมายอยู่แล้วว่าปีศาจ แม้รูปลักษณ์จะอัปลักษณ์แต่จิตใจปีศาจด้วยกันนั้นรู้ดีว่าแค่ภายนอก ไม่ใช่ปีศาจทุกตนจะเป็นคนดีและขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ทุกตนที่จะเลว อย่างไรก็ตามมีด้านสว่างย่อมมีด้านมืดและด้านมืดที่พูดถึงคงหนีไม่พ้นพวกนอกรีต เป็นปีศาจที่ลุ่มหลงและมัวเมาในรูปลักษณ์และกามา พวกมันสามารถสมสู่และเปลี่ยนคู่ครองได้เหมือนสัตว์เดรัจฉาน มักแปลงกายไปยังบนโลกมนุษย์เพื่อสนองตัณหาและแย่งชิงพลังตบะ ล่างใต้สุดคือนรก ที่ที่ใครหลุดเข้าไปแล้วจะไม่สามารถออกมาได้อีกเลย
“ข้าจะไปยามสอง” ยามสองในโลกปีศาจคือช่วงใกล้เที่ยงคืน ซึ่งเวลานั้นเป็นยามที่โลกมนุษย์เงียบสงัด จึงเหมาะกับการเดินทางมากที่สุด
“กาลนั้นได้เวลาแล้วพะย่ะค่ะ”
“จริงสิ…” นางแหงาหน้ามองท้องฟ้า มีพระจันทร์สว่างไสว คล้ายกำลังสะท้อนความเดียวดายของตนให้ผู้ที่พบเห็นได้รับรู้
“ข้าสงสารพระจันทร์เหลือเกิน แม้อยากอยู่กับสุริยะแค่ไหนก็มิอาจอยู่เคียงข้างได้ แม้รักสุริยะแค่ไหนก็มีเวลากั้นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสอง…” สุรเสียงราชินีปีศาจเจ็บปวดระคนสงสาร
ข้ารู้เพราะต่อให้ข้ารักท่านแค่ไหน กำแพงที่ท่านสร้างก็กั้นกลางเราทั้งสอง ปีศาจหนุ่มทำได้เพียงคิดในใจ
“เหมือนข้ากับท่านอาคเนย์ยิ่งนัก แม้รักแค่ไหนก็มีชะตาลิขิตกั้นขวาง แต่ข้าไม่เหมือนพระจันทร์หรอกนะ ข้าไม่ยอมอยู่เฉยๆเพื่อให้ได้พบกัน”
เพราะข้าจะเป็นคนไปหาคนรักเอง !!
“ลูกพร้อมหรือไม่ลันเซีย” เสียงทรงอำนาจเอ่ยถามบุตรี บัดนี้ตนและเหล่าบริวารต่างยืนอยู่บริเวณรอบบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อรอส่งราชินีของปีศาจทั้งปวง โดยปีศาจที่เปลี่ยนตัวเองเป็นมนุษย์ผ่านบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นจะไม่สามารถกลับมายังโลกปีศาจได้หากยังไม่สิ้นอายุขัย อายุขัยมนุษย์สำหรับปีศาจนั้นช่างผ่านไปไวคล้ายหลับฝันไปไม่กี่ตื่นเท่านั้นเมื่อเทียบกับปีศาจซึ่งจะมีอายุหลายพันปี
“พร้อมเพคะ”
เซเปโย อัลโกนาโด
วูบบบบบบบ !
แสงมากมายสว่างจ้าเมื่อจอมมารกล่าวจบแล่นออกจากตัวลันเซียที่เซเล็กน้อยเนื่องจากพลังมากมายมหาศาลหลั่งไหลออกจากร่างตน
ใช่ ท่านพ่อของนางทำอย่างที่กล่าวไว้จริงๆ นางจะขึ้นไปบนโลกมนุษย์เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น ไม่มีพลังตบะใดๆ หน้าสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์ซีดเผือด ร่างกายกำลังปรับตัวกับสภาพความเป็นมนุษย์ ดวงตาสีแดงแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนอย่างสวยงาม ผมสีฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทเฉกเช่นรัตติกาลคืนนี้
“เจ้าเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์แล้ว บุตรีแห่งข้า…” จอมมารมองบุตรของตนอันเกิดจากชายาที่รักอย่างห่วงใย หากนางกลับจากจำศีลรู้เข้าคงได้เป็นลมไปแน่ เนื่องจากนางรักบุตรีมาก ยิ่งไปบนโลกมนุษย์ด้วยสภาพเช่นนี้ คงต้องรีบขึ้นไปตามบุตรสาวแน่ๆ หวังว่าลันเซียจะตามหาชายคนรักเจอก่อนที่มารดานางจะกลับมา พลางมองอาภรสีดำของบุตรีที่มิอาจปกปิดความงดงามของนางได้เลย
หากเปรียบกับมนุษย์ ถึงอย่างไรบุตรีของเขาก็เป็นเพียงหญิงสาววัยแรกแย้ม
“ท่านพ่อ” ลันเซียวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดบิดา หน้างดงามซบลงอกแกร่งต้องการที่พักพิง บัดนี้นางได้ยินเสียงหัวใจนางเต้นเหมือนมนุษย์ ย้ำเตือนว่านางได้กลายเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แล้ว
“เจ้าต้องเข้มแข็ง ลันเซีย’ เสียงอบอุ่นของผู้เป็นจอมมารดังขึ้น เขาเชื่อในการตัดสินใจของบุตรสาว
“ราชินีจงเจริญ”
“ทรงเข้มแข็งนะพะย่ะค่ะ”
“อย่ายอมแพ้นะเพคะ” เสียงบริวารชั้นน้อยใหญ่ดังดึกก้อง แสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจครั้งนี้พวกเขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอีกต่อไป ตอนนี้พวกตนอยากเห็นราชินีมีความสุขหลังจากนางได้ปกครองโลกปีศาจอย่างสงบสุขตลอดมา
“พะ พวกเจ้า…” ลันเซียมองบริวารของตนอย่างซึ้งใจ
“พ่อและชาวเมืองมีของขวัญอยากมอบให้ลูก..” จอมมารจับไหล่บุตรสาวให้ผละออก พร้อมหยิบดาบสีดำเงาวาว สลักด้วยอักษรโบราณรอบๆตัวดาบ ชาวปีศาจเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดที่ดาบเล่มนี้ตัดไม่ขาดและพลังของดาบร้ายกาจขนาดไหน มันคือดาบต้องห้ามหรือเรียกอีกชื่อว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่จะใช้มันต้องแลกมาด้วยอายุขัยที่ลดลง 1 ปี หากใช้ในทางที่ผิด ดาบนั้นจะคืนสนองสู่คนที่ใช้มัน จึงไม่มีใครใช้ได้นานนัก ว่ากันว่าแม้แต่เหล่าเทพชั้นสูงๆยังไม่กล้าใช้ เนื่องจากมันมีทั้งคุณและโทษ พวกเขาจึงไม่กล้าเสี่ยงหากต้องยอมแลกพลังชีวิตกับการได้ใช้มัน
“ท่านพ่อก็รู้ว่ามัน…” นางเคยจับดาบเล่มนี้ครั้งหนึ่งเมื่อ 300 ปีก่อน แม้ลันเซียไม่เคยกลัวว่าดาบเล่มนี้จะคืนสนองสู่ตน เพราะมันจะไม่ทำอันตรายใดๆต่อนายที่มันเลือก สัญลักษณ์โบราณสลักที่อกนางย่อมเป็นหลักฐานว่าดาบต้องห้ามเลือกนางเป็นนายแล้วตั้งแต่ 300 ปีก่อน
แต่ก็อดตกใจไม่ได้ ดาบเล่มนี้เป็นดาบเก่าแก่ อยู่คู่เมืองปีศาจมาหลายชั่วอายุ แม้แต่ท่านพ่อเองก็ไม่กล้าเสี่ยงใช้มัน
“พ่อรู้ว่าลูกต้องใช้มันในทางที่ดี”
“ลูกไม่แน่ใจ…”
“เพราะลูกเป็นบุตรสาวของจอมมารและเทพธิดาสรวงสวรรค์” จอมมารเอ่ยขึ้นทันควัน เขาเชื่อมั่นว่าบุตรีจะไม่มีทางใช้ดาบในทางที่ผิดแน่นอน
“ลูกจะไม่ทำให้ผิดหวังเพคะ”
จอมมารมองบุตรสาวเดินลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิด้วยความห่วงใย ถึงแม้นางจะปกครองเหล่าบริวารปีศาจหลายร้อยหลายพันตน แต่นั่นแตกต่างกับสิ่งที่นางต้องพบเจอ โลกมนุษย์จะสอนบทเรียนให้นางเติบโตขึ้น
พ่อขอให้เจ้าโชคดีบุตรีแห่งข้า
ตอนพิเศษ 2บุตรชายตัวแสบ แม้หน้าตาของบุตรทั้งสองจะเหมือนกัน แต่นิสัยกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อู่หลงคนโตจะเป็นเด็กเงียบขรึม ชอบสังเกตคล้ายกำลังคิด วิเคราะห์อยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งนี้ดีหรือไม่ดีแล้วค่อยทำ อีกทั้งยังมากแผนการ เล่นเอาเขาหัวหมุนสุดก็คนพี่นี่แหล่ะ เพราะเดาใจไม่ออก รับมือได้ยาก ส่วนอู่ชิงคนน้องจะเป็นคนตรงๆ หิวก็ร้อง อยากให้พ่ออุ้มก็ร้องถึงขนาดเคยร้องดีดดิ้นเพราะแย่งนมแม่กับพี่ชายก็เคยมาแล้ว จนจิวฮวาต้องให้บุตรชายทั้งสองกินคนละเต้า เขาสงสารจิวฮวายิ่งนักต้องรับมือกับตัวแสบทั้งสอง นึกสัญญากับตัวเองในใจว่าจะช่วยนางเลี้ยงลูกๆให้ดี และเพราะทั้งคู่แตกต่างกันเช่นนี้ ยิ่งทำให้คนเป็นพ่อแม่ต้องปรับตัวให้ดี แต่โชคยังดีพวกเขาเป็นเด็กเลี้ยงง่ายง่ายกับผีนะซิ ตีกันอีกแล้ว“ปะ!” อู่หลงคนพี่ร้องเรียกคนเป็นพ่อคล้ายจะฟ้องว่าน้องทำตัวเกเร“แอะ!” ส่วนคนน้องก็ดีดดิ้น จนเท้าอวบไปโดนคนพี่เพราะอึ
ตอนพิเศษ 1สิ่งสำคัญ“ฮึก แงงง ปะ ปะ”“พ่อมาแล้วอู่ชิง เป็นอะไร หืม” เสียงร้องลั่นของบุตรชายวัยเกือบหนึ่งขวบดังขึ้น คนเป็นพ่อรีบรุดมาดูบุตรชายแทบจะทันที ส่วนภรรยาของเขาดูโรงเตี๊ยมอยู่ นี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้วตั้งแต่วันที่บุตรชายทั้งสองคลอดออกมา ท่านพ่อท่านแม่ของเขาแวะมาดูหน้าหลานชายตั้งแต่เด็กๆพึ่งคลอดได้ไม่กี่วัน พร้อมของรับขวัญหลานอีกมากมาย จนไม่มีที่เก็บ หลักๆก็เป็นพวกหีบทองคำ เพชรนิลจินดา และโฉนดที่ดิน มากมายเสียจนท่านพ่อตากับจิวฮวาทำหน้าลำบากใจ ปู่กับย่าของเด็กๆมาที่แคว้นเฟิงแห่งนี้ร่วมเดือน แต่ด้วยงานที่ต้องสะสางจึงไม่อาจทิ้งจวนมานานกว่านี้ได้กว่าจะทำใจจากหลานชายที่นับวันยิ่งตัวอวบอ้วน เล่นเอาเขากับจิวฮวาถึงกับต้องเอ่ยรับปากว่าจะพาบุตรชายไปเยี่ยมพวกท่านบ่อยๆ นี่ก็ไปพึ่งกลับมา ส่วนใหญ่จะไปเดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้ง เดิมทีท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาพูดคุยถึงเรื่องแต่งงานกับท่านพ่อตาไปบ้างแล้ว ทว่าท่านพ่อตากลับบอกว่าขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจิวฮวา ซึ่งนางก็บอกว่ายังไม่พร้อมเพราะเด็กๆย
ลิขิตรัก 49บทส่งท้ายจิวฮวา...นางยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ดวงตาของนางยังคงงดงาม ทว่าภายในกลับมีความเหนื่อยล้าแฝงอยู่ ร่างบางที่เคยคุ้นบัดนี้ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ท้องของนางใหญ่ขึ้นมากจนน่าใจหาย ภายในนั้นมีบุตรสาวหรือชายของเขาหลับใหลอยู่จิวฮวาเองก็ชะงักค้างไปเช่นกัน นางไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับเขาอีกครั้งเร็วขนาดนี้ ความรู้สึกหลายอย่างตีตื้นขึ้นมาในอก ทั้งดีใจ ตกใจ สับสน และ...เจ็บปวด มือบางกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ความเงียบเข้าครอบงำทั้งสองครู่หนึ่ง“เจ้า...” เฟยหลงเอ่ยเสียงแหบพร่า “ข้า...ข้าในที่สุดก็พบเจ้าแล้ว”“นะ นายหญิง...” หลินจูมองทั้งสองด้วยแววตาสับสน จิวฮวากะพริบตาช้าๆ หัวใจเต้นแรง แม้พยายามห้ามมันแล้วก็ตาม“ท่านมาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงของนางราบเรียบ ไม่ได้อธิบายหรือตอบสิ่งใดกับสาวใช้ตัวน้อย พยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา เฟยหลงก้าวเข้ามาใกล้ นัยน์ตาของเขามีทั้งความอ่อนโยนและความเจ็บปวด“ข้าตามหาเจ้า ตามหามาตลอดหลายเดือน” จิวฮวายังคงนิ่ง ทว่ามือที่ก
ลิขิตรัก 48ปลายทางหัวใจ “เอาล่ะ ข้าจะขอแนะนำใครบางคน” เฟิงหวงประกาศเสียงดัง วันนี้เป็นวันแรกที่จิวฮวาได้เข้ามาสอนเหล่าผู้คุ้มกัน เบื้องหน้าเป็นชายที่มีอายุในช่วง 18-50 ปี ทุกคนต่างมองหญิงสาวหนึ่งเดียวในสนามฝึกด้วยสายตาแตกต่างกันไป“ทักทายทุกคน ข้าจิวฮวา ต่อไปนี้จะเป็นผู้ฝึกให้พวกท่าน หวังว่าจะไม่มีใครดูถูกข้าที่เป็นเพียงสตรีแถมยังตั้งครรภ์เช่นนี้”“เอ่อ ข้าขอภัยที่ถาม จะไม่เป็นอันตรายหรือขอรับ” หน่วยกล้าตายคนหนึ่ง เขาเป็นชายวัยกลางคนที่กล้ายกมือถาม สายตาเขามีความลังเล ไม่มั่นใจ จิวฮวายิ้มมุมปากภายใต้ผ้าคลุม น้ำเสียงตอบกลับไม่ได้เต็มไปด้วยความไม่ชอบใจแต่อย่างใดที่โดนถามเช่นนี้“ขอบคุณที่เป็นห่วง พอดีบุตรชายข้าแข็งแรงยิ่งนัก แค่การขยับร่างกายนิดหน่อยไม่ทำให้เป็นอันตรายหรอก” จิวฮวากล่าวน้ำเสียงจริงจังเลียนแบบคำพูดบุตรชายที่กล่าวว่าพวกเขาแข็งแรง ซึ่งนางเชื่อว่าเขาแข็งแรงดั่งที่พูดจริงๆ บุตรชายที่มีสายเลือดปีศาจราชวงศ์ จะอ่อนแอได้อย่างไร พอนางพูดจบภายในครรภ์รู้สึกถึงการเต้นตึก
ลิขิตรัก 47ตามหา3 เดือนผ่านไปแคว้นเฟิงภายในโรงเตี๊ยมที่กลายเป็นที่โด่งดัง หญิงสาวร่างบาง แม้อายุครรภ์จะน้อยแต่ท้องกลับป่องอย่างเห็นได้ชัดนั่งอยู่หลังโต๊ะด้านใน จิวฮวากำลังอ่านสรุปของที่หมดไปและต้องซื้อเข้ามาของโรงเตี๊ยม ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นางพยายามทำตนให้ยุ่งเข้าไว้เพื่อไม่ให้จิตใจหวนนึกถึงใครบางคน“นายหญิง คุณชายเฉินมาขอพบขอรับ” ฮุ่ยเฉินที่เปลี่ยนคำเรียกมาเป็นนายหญิงเอ่ยบอกร่างที่ง่วนอยู่กับเอกสารในมือ โรงเตี๊ยมมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาอย่างมหาศาล ทั้งมาเข้าพัก ดื่มด่ำกับอาหารและเลือกซื้อของฝาก ทุกคนทำงานกันแทบไม่พัก แต่ไม่มีใครบ่นเลยสักคน กลับกันต่างรู้สึกดีใจ เนื่องจากนายหญิงได้ให้สิ่งที่เรียกว่าโบนัสตามผลประกอบการ ยิ่งมีลูกค้ามากเท่าไหร่ นั่นทำให้ทุกคนดีใจขึ้นมากเท่านั้น เพราะนั่นหมายถึงรายได้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วยช่วงนี้อิงหลิวต้องดูบัญชีของร้านอย่างเต็มตัว นายหญิงได้เลื่อนขั้นให้อิงหลิวเป็นผู้จัดการบัญชี เขาเป็นผู้จัดการร้าน โดยมีเหล่าเด็กๆทั้งสามคอยช่วยเห
ลิขิตรัก 46ไม่ยอมแพ้ค่ำคืนที่จันทร์ส่องแสงสุกสว่างเหนือเมืองหลวง เงาทมิฬแฝงตัวอยู่ภายใต้ราตรี หมอกหนาทึบลอยต่ำบดบังทัศนียภาพของพระราชวังหลวง บรรยากาศเคร่งขรึมปกคลุมไปทั่วบริเวณ หลงฮ่องเต้ จางเฟยหลง ผู้นำตระกูลจาง และเหล่าทหารจำนวนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าจวนเสนาบดีเยว่ มีองค์รักษ์แฝงอยู่รอบจวนหลายสิบนาย รวมถึงพลทหารที่ซุ่มอยู่ตามแผน“คืนนี้เป็นคืนสำคัญ เจิ้นจะรออยู่ตรงนี้” หลงฮ่องเต้เอ่ยเสียงหนักแน่น ดวงเนตรคมกล้ากวาดมองทุกคนที่ยืนอยู่ พระองค์มีส่วนผิดที่ไม่เอะใจสักนิดว่ามีปีศาจแฝงตัวอยู่ในแคว้น แถมยังเข้าออกในราชสำนักโดยไม่ระแคะระคาย“หากไม่ใช่แค่เยว่เหมยฟางที่เป็นปีศาจ ฝ่าบาทอาจเกิดอันตรายได้พะย่ะค่ะ” จางเฟยหลงเอ่ยขึ้น สายตาเป็นกังวล จวนตระกูลเงียบสงัดเกินไปจนกว่าจะไม่รู้ว่าพวกเขามาเยือนคืนนี้ ไม่แน่พวกมันอาจคาดการณ์แล้วเตรียมรับมือไว้ก่อนแล้ว“เจ้าไม่ต้องกังวล พ่อจะอยู่ปกป้องฝ่าบาทเอง” ผู้นำตระกูลจางกล่าวกับบุตรชาย พวกเขาวางแผนกันมานาน รวบรวมหลักฐานแน่นหนา เริ่มจากสร้อยข้อมือของบุตรชาย







