แชร์

ตอนที่ 23 ไซคีสีดำ

ผู้เขียน: Glita
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-24 19:08:29

          “เป็นกามเทพแน่ๆ แต่ปกติพวกนี้จะไม่แช่งใครมั่ว” ดันเต้พูดพลางยังง่วนอยู่กับการใช้ปลายจมูกถูไถท้องน้อยของมิว ราวกับกำลังคลั่งไคล้ในกลิ่นประหลาดอย่างบ้าคลั่ง “ฉันไม่เจอพวกคิวปิดในถิ่นนี้มาหลายร้อยปีแล้ว… พวกหนูสกปรกชอบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด”

          “เสร็จหรือยัง?” ใบหน้าของมิวแดงก่ำด้วยความสยิว

          ถึงแม้เจ้าหนูของเขาจะนอนนิ่งสงบอยู่ในกางเกง แต่จิตใจกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง มันเป็นความสุขสมที่ชวนอึดอัด เหมือนมีอะไรบางอย่างอัดแน่นอยู่ในร่างกายกายพยายามระบาย ทว่าก็หาทางออกไม่ได้

          มือหนาใหญ่ปลดระวางจากรอบเอวเล็กๆ ดันเต้ผละตัวกลับไปนั่งลงบนโซฟา ในขณะที่มิวก้มหยิบเสื้อขึ้นมาสวมทับร่างขาวสว่างไม่ให้ถูกลวนลามทางสายตา

          “นายไปทำอะไรให้พวกมันไม่พอใจมาหรือเปล่า?”

          “ฉันไม่รู้” มิวนั่งลงพลางติดเม็ดกระดุมจนถึงคอ “ฉันแทบไม่เคยไปมูหรือขอพรจากที่ไหนเลยด้วยซ้ำ”

          “ไซคี” ดันเต้ขมวดคิ้วพลางรวบรวมความ “บนตัวนายคือตราไซคีสีดำ นายจำได้ไหมว่าคนที่สักให้นายรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง”

          “จำไม่ได้… จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้รอยสักมายังไง…” มิวพยายามฝ่าหมอกขมุกขมัวในความทรงจำเพื่อหาคำตอบ “จำได้รางๆ แค่ว่ายืนหน้าร้านสักแล้วก็อยู่ดีๆก็อยากสัก พอเดินเข้าไปในร้านทุกอย่างก็ผ่านไปไวมาก ขนาดรอยสักนี้ฉันก็ยังจำไม่ได้เลยว่าเป็นคนเลือกเอง แต่ตอนออกจากร้านก็รู้สึกว่าสวยดี พอนานเข้าก็ค่อยๆลืม แม้กระทั่งรอยสักนี้ฉันยังเกือบลืมไปเลยว่ามีมันอยู่บนร่างกาย”

          “นายพอนึกออกอีกไหมว่าเคยไปทำให้ใครเคียดแค้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความรัก เพราะคำสาปแช่งแรงกล้าอาจลอยไปเข้าหูกามเทพสักตน แล้วพวกนั้นก็เอาความเกลียดชังเหล่านั้นมาสร้างคำแช่ง” พูดถึงกามเทพผู้เป็นดั่งคู่แข่งแล้วดันเต้ก็เกิดหงุดหงิด “พวกมนุษย์ชอบไปบนบานไหว้วานพวกเทพสารพัดอย่าง พวกนั้นก็เลยได้ใจชอบตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยลงโทษผู้คนตามอำเภอใจ”

          “ความรักงั้นเหรอ?” มิวทวนคำ “ฉันเคยมีแฟนแค่คนเดียวเมื่อหลายปีที่แล้ว ถ้าจะมีใครสักคนเกลียดฉัน น่าจะเป็นพวกลูกค้ามากกว่า ฉันเคยมีตาเฒ่าหัวงูมาตื๊อ ทั้งๆที่มีตัวเองก็มีทั้งเมียหลวงกับเมียน้อยอยู่หลายคนแล้วแท้ๆ นอกจากนั้นก็มีอะไรทำนองนี้มาเรื่อยๆ นายคิดว่าพวกนี้จะเป็นคนสาปแช่งฉันหรือเปล่า”

          “ไม่น่าใช่! พลังถึงขั้นลงคำแช่งได้ต้องเป็นความรักที่ไม่มีสิ่งอื่นใดมาเจือปน” ดันเต้ลูบคางโค้งมน “นายลองเล่าเรื่องแฟนเก่าของนายมาหน่อยสิ”

          “ฉันคิดว่าไม่มีทางจะเป็นเธอเด็ดขาด เพราะเราเลิกกันด้วยดี” มิวพูดด้วยแววตาสดใส “ตลอดที่คบกันมาห้าปีก็ไม่เคยทะเลาะกันใหญ่โตหรือทำร้ายร่างกายกัน”

          เมื่อย้อนคิดถึงใบหน้าหวานหยดย้อยของหญิงสาวผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเก่า มิวก็ไม่สามารถสัมผัสถึงพิษภัยจากเธอคนนั้นได้เลย

          ‘ยี่หวา’ เป็นเพื่อนสมัยเรียนชั้นมัธยมปลาย เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ล้นปรี่ด้วยพลังงานบวก อาจเพราะทั้งคู่เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน มิวเลยรู้สึกว่ายี่หวาต่อกับเขาติดได้ง่ายในแทบทุกเรื่อง

          ความรักเดียวในช่วงเวลาวัยรุ่นนี้ทั้งหวือหวาและเร่าร้อน มีทะเลาะกันบ้างตามประสาของเด็กที่วุฒิภาวะน้อย แต่ถึงขั้นโกรธเกลียดกัน… มิวก็มองไม่เห็นเหตุการณ์เหล่านั้นในความทรงจำ และเมื่อนึกย้อนกลับไปเธอคนนั้นก็ไม่ใช่คนนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียด้วย

          ตอนเลิกกันก็จบกันด้วยดี สาเหตุคือเรียนกันคนละที่… อยู่กันคนละที่ ความห่างเหินจึงเข้ามาแทรกกลางในความสัมพันธ์จนสำเร็จ อีกอย่างช่วงปีหลังๆในรั้วมหาวิทยาลัย ต่างคนต่างก็เรียนหนักจนไม่มีแม้เวลาจะถามไถ่ทุกข์สุขของอีกฝ่าย ความสนิทแน่นแฟ้นจึงเหือดหายไปโดยไม่รู้สึกตัว

          ก่อนเรียนจบมหาวิทยาลัยทั้งคู่ตกลงลดบทบาทในชีวิตของกันและกันอย่างเป็นทางการ เพราะการกอดความสัมพันธ์ที่ว่างเปล่านั้น มันเหนื่อยล้าเกินไป

          เรื่องสำคัญอีกสิ่งก็คือ… ยี่หวาเป็นฝ่ายเจอรักใหม่ในระหว่างที่ทั้งคู่ห่างเหินกันในช่วงสุดท้าย ซึ่งในตอนนั้นมิวก็ไม่ได้เจ็บแค้นอะไร แม้จะรู้สึกเหมือนถูกหักหลังอยู่บ้างเล็กๆ แต่เขาก็สามารถยิ้มอวยพรโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

          “แล้วนายยังได้ติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นอีกไหม?”

          “ไม่! หลังเลิกกันก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย”

          “เท่าที่นายเล่ามา ความรักของพวกนายถือเป็นความรักบริสุทธิ์ และมันมีพลังมากพอให้สร้างคำแช่งได้”

          “แต่ฉันไม่เคยทำอะไรให้เธอเสียใจเลยนะ”

          “นายอาจจะทำแต่ไม่รู้ตัว เหมือนตอนที่นายได้รับตราน่าขนลุกนี้มา”

          “งั้นก็คงนอกเหนือจากสมองของฉันจะคิดออก” มิวถอนหายใจ “นายเป็นปีศาจนี่ ทำไมไม่ลองไปสืบดู”

          “ฉันแทบจะไม่มีเบาะแส นายจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง”

          “นายเป็นปีศาจนี่ ฉันนึกว่านายจะถนัดพวกเรื่องลี้ลับ”

          “คำก็ปีศาจ สองคำก็ปีศาจ… ใช่! ฉันเป็นปีศาจแต่ไม่ใช่นักปราชญ์ ฉันอยู่บนโลกนี้มานานก็ไม่ได้แปลว่าฉันรู้ทุกเรื่อง”

          “แต่นายช่วยหาวิธีถอนไอ้คำสาปอะไรนี่ได้จริงๆใช่ไหม” มิวรำพึงรำพันอย่างร้อนใจ เขาเลิกสนใจไปแล้วว่าหนุ่มร่างใหญ่โตตรงหน้าจะโมโหหรือไม่ “เราสัญญากันเอาไว้แล้ว”

          “แน่นอนว่าฉันจะช่วยนาย แต่งานนี้นายคงต้องจ่ายสูงหน่อย เพราะฉันต้องไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเทพน่ารำคาญ”

          ไม่รู้ทำไมมิวถึงรู้สึกเชื่อในคำพูดของดันเต้ ทั้งๆที่เอาเข้าจริงพวกเขารู้จักกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง และรู้เรื่องราวน่าเหลือเชื่อของกันและกันแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

          อาจเพราะมนุษย์หนุ่มดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือ อีกทั้งรูปลักษณ์ชายตรงหน้าในตอนนี้ไม่ใกล้เคียงกับปีศาจน่าเกลียดน่ากลัว แลดูเหมือนเจ้าชายจากแถบเปอร์เซียเสียด้วยซ้ำ เขาจึงยอมเทใจให้ปีศาจตรงหน้าล่อลวง

          “ถ้าราคาไม่เป็นธรรมฉันก็ไม่จ่ายนะ”

          “นายไม่ต้องห่วงหรอก ฉันประเมินเหยื่อทุกรายก่อนลงมืออยู่แล้ว ฉันก็ไม่ชอบขาดทุนเหมือนกัน”

          ‘แก้ปัญหาทีละเรื่อง’ คือแผนการของมิว เขายังไม่รู้ว่าดันเต้ต้องการอะไรจากเขา ขอแค่หายจากอาการประหลาดนี้ก่อน ส่วนเรื่องข้อเรียกร้องของปีศาจเอาไว้ค่อยไปกังวลตอนมันมาถึง

          สิ่งสำคัญที่สุดคือมิวต้องการได้ชีวิตวัยหนุ่มแบบเต็มร้อยของตัวเองกลับคืนมา มิวสัญญากับตัวเองไว้ในใจว่าหากไอ้หนูของเขากลับมาแข็งแรงใช้งานได้เมื่อไหร่ เขาจะรับข้อเสนอของลูกค้าทุกคนที่ยอมจ่ายเพื่อแลกกับเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของตัวเอง

          “แต่ฉันว่า… ฉันจำร้านสักได้นะ” มิวโพล่งขึ้นมา “อยู่ในซอยถัดไปจากอมอร์”

          “ไว้ฉันจะลองไปสืบดู”

          “แล้วฉันต้องทำยังไงต่อ นั่งรอความช่วยเหลือจากนายอย่างนั้นเหรอ? หรือนายมีเพื่อนที่ช่วยให้งานนี้จบแบบรวดเร็วไหม?”

          “ทุกอย่างฉันจะจัดการเอง… นายคงไม่อยากสุงสิงกับปีศาจตนอื่นนอกจากฉันแน่นอน” ดันเต้เอนหลังไขว่ห้างอย่างสบายใจ “เชื่อเถอะว่าฉันนิสัยดีกว่าปีศาจหรือเทพตนไหนในละแวกนี้แล้ว เผลอๆอาจจะดีกว่าในโลกนี้ด้วยซ้ำ”

          “ฉันจะเชื่อนายได้ยังไงในเมื่อฉันยังไม่เคยเจอคนอื่น หลักฐานเดียวที่ฉันมีก็คือคำกล่าวอ้างของนาย”

          “ก็แล้วแต่” ดันเต้ยักไหล่ “ฉันสามารถเรียกเพื่อนของฉันให้มาที่นี่… ตอนนี้ได้ แต่ฉันไม่รับประกันว่าพวกเขาจะทำอะไรกับนายบ้าง”

          “ไม่… ไม่เป็นไร” มิวรีบปฏิเสธเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของดันเต้ ตอนนี้การรับรู้เรื่องปีศาจกับเรื่องคำแช่ง ก็มากเกินพอสำหรับมนุษย์อย่างเขาในคืนนี้แล้ว “นายบอกว่ามีเพื่อนไม่ใช่เหรอ? ถ้านายไม่ชอบพวกเทพมากขนาดนั้นทำไมไม่ให้เพื่อนของนายช่วยล่ะ”

          “ฉันไม่ชอบพึ่งพาคนอื่น พวกเราไม่ใช่สัตว์สังคม”  ดวงตาของดันเต้เรืองแสงเป็นสีเหลืองอ่อนๆ “การเข้าไปยุ่มย่ามนอกถิ่นของตัวเองรังแต่จะสร้างปัญหาเพิ่มเติม”

          “อือ” มิวพยักหน้าเบาๆ เขาเริ่มเหนื่อยล้าจากความหนักหน่วงของหัวข้อสนทนา

          “ฉันรู้ว่านายใจร้อน… แต่นายไม่รู้กฎของพวกเรา ฉะนั้นนายควรปล่อยให้มืออาชีพอย่างฉันจัดการดีกว่า อีกอย่างฉันเองก็ไม่ชอบให้มีพวกเทพซุ่มทำอะไรลับหลัง ตอนนี้เราอาจจะมีศัตรูตัวเดียวกัน”

          “แต่นาย… รับปากจะช่วยฉันใช่ไหม?”

          “ไม่ต้องห่วงฉันช่วยนายแน่ ยิ่งฉันทำลายไซคีสีดำบนตัวนายได้เร็วเท่าไหร่ การเก็บเกี่ยวของนายก็จะมาถึงเร็วเท่านั้น” ปีศาจแสยะยิ้ม “ฉันรอจะได้กลิ่นพีชต้องห้ามในสวนบาบิโลนนั้นแทบไม่ไหวอยู่แล้ว”  

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status