หน้าหลัก / วาย / The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg) / ตอนที่ 24 ไม่ใส่ถุงได้ไหม

แชร์

ตอนที่ 24 ไม่ใส่ถุงได้ไหม

ผู้เขียน: Glita
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-01 19:08:03

          คืนแห่งสัญญาระหว่างมนุษย์หนุ่มหน้ามน กับปีศาจร่างชายอายุนับร้อยนับพันปีจบลงด้วยความเรียบง่าย ไม่มีแสงสีเขียวหวือหวาพวยพุ่งหรือไฟลุกท่วมร่างของใครคนใดคนหนึ่ง มีเพียงคำพูดผ่านสายลมอ่อนโยนประทับพันธะผูกมัดดวงวิญญาณทั้งสองดวง

          ข้อตกลงของสองโลกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ปราศจากการกรรโชกขู่เข็ญให้หวาดกลัว มิวยังแอบคิดว่าการยื่นเรื่องเปิดบัญชีธนาคารยังยุ่งยากกว่าเยอะ อาจเพราะอีกฝ่ายคิดไว้แล้ว… ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าลูกเจี๊ยบด้อยค่านี้ก็ไม่อาจหลุดรอดจากเงื้อมมือตน

          รู้ตัวอีกทีมิวก็นั่งอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น สมองประมวลผลได้ไม่แจ่มแจ้งถึงเหตุการณ์ทั้งหมด บางอย่างก็ตามทัน บางอย่างก็ปล่อยทิ้งให้มึนลอยเท้งเต้งอยู่ในวังวนอนธการ

          ในเวลาไล่เลี่ยกันนี้ข้ามมายังอีกฟากฝั่งไม่ไกลจากมิวนัก มีคอนโดฯกว่าห้าสิบชั้นสูงตระหง่านอยู่ลำพัง พื้นที่โดยรอบคลาคลั่งไปด้วยผู้คนขวักไขว่ หัวไหล่ของพวกเขาแทบจะชนกัน เมื่อมองจากมุมสูงจุดเล็กๆเบื้องล่างดูราวกับฝูงมดกำลังเดินสวนสนาม

          มือหยาบกร้านเปิดประตูของบันไดหนีไฟอย่างระแวดระวัง ร่างสูงใหญ่ที่ลอบเร้นอยู่ในเงามืดค่อยๆแทรกผ่านจุดอับ ก้าวเข้าสู่แสงไฟส้มนวลของโถงทางทางเดิน

          เท้าคู่โตเดินผ่านพื้นเย็นเฉียบทีละก้าวอย่างมุ่งมั่น ใบหน้าเจ้าเล่ห์แอบซ่อนจุดประสงค์บางอย่างไว้ในม่านหมอก จนกระทั่งหยุดอยู่หน้าประตู

          เสียงออดดังจนเด็กหนุ่มในห้องนั่งเล่นสะดุ้งเล็กน้อย หากไม่ใช่ด้วยความงุ่นง่านในจิตใจอาร์เต้คงเข้าห้องนอนไปแล้ว

          ดวงตากลมโตมองลอดผ่านรูเล็กๆ เมื่อไม่เห็นพิษภัยของชายร่างใหญ่ข้างนอก ก็ตัดสินใจเปิดประตูต้อนรับ

          “ว่าไง” ดันเต้เริ่มกล่าวทักทายอย่างสนิทสนม

          “เอ่อ… ไง!” อาร์เต้เลิ่กลั่กเมื่อเห็นหน้าแขกที่ไม่ได้นัด “ไม่ใช่ว่านายอยู่กับพี่มิวหรอกเหรอ?”

          “ทำไมล่ะ… แต่ตอนนี้ฉันมาอยู่นี่แล้ว”

          “มีอะไรไหม?”

          “มาหานายต้องมีอะไรดีล่ะ”

          ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ต่างจากอาร์เต้เท่าไหร่นัก พวกเขาแทบไม่สนใจคำพูดแปลกประหลาดของชายผู้ชายเปี่ยมเสน่ห์ตรงหน้า ทุกสัมผัสที่ไหลผ่านออกมาดูลึกลับชวนให้หลงใหล คล้ายต้องมนตรากำบังการนึกคิด

          อาร์เต้เองก็รู้สึกเช่นนั้น เท่าที่จำได้คือเขารู้จักดันเต้ในเพียงระยะเวลาสั้นๆ ทว่ากลับรู้สึกผูกพันราวกับผ่านการสนทนามาแล้วนับร้อยครั้ง เหมือนถูกยึดโยงด้วยด้ายล่องหนไว้กับดันเต้เอาไว้อย่างเหนียวแน่น

          “ฉันทำอะไรไม่ค่อยสะดวกเวลายืนอยู่หน้าห้อง” ดันเต้ใช้ฝ่ามือดันบานประตูให้ง้างมากพอสำหรับตัวเอง

          “อ๋อ… เอ่อ.. เข้ามาสิ”

          คำเชิญเป็นเพียงมารยาทที่ไร้ค่า ดันเต้ผลักประตูแล้วแทรกกายผ่านเข้ามาในห้อง ก่อนที่อาร์เต้จะพูดจนจบประโยคเสียด้วยซ้ำ

          “นายไปซาวน่ามาเหรอ?” 

          สำหรับดันเต้แล้วเขาไม่เพียงแค่ดมกลิ่นได้อย่างเลิศล้ำแล้ว แต่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นได้แม้เพียงเดินผ่าน โดยเฉพาะหากรวบรวมสมาธิได้มากพอ ปีศาจผู้อ่อนไหวตนนี้ก็สามารถได้กลิ่นเลือดใต้ผิวหนังเฉกเช่นกับพวกแวมไพร์

          “นายรู้ได้ไง?”

          “กลิ่นของที่นั่นติดตัวนายมา”

          “บ้าน่า!” อาร์เต้ยกแขนขึ้นดมตามข้อพับ “ฉันเข้าไปแป๊บเดียวเอง”

          อาร์เต้ปิดบานประตูสงวนความเป็นส่วนตัวเอาไว้ ในหัวยังติดค้างอยู่กับเรื่องที่ยังอธิบายไม่จบ

          “ฉันแทบไม่ได้ทำอะไรในนั้นเลยด้วยซ้ำ” อาร์เต้โอดครวญ “เข้าไปได้ไม่ถึงชั่วโมงก็กลับช นี่ฉันยังรู้สึกเสียดายเงินอยู่เลย”

          “แล้วทำไมถึงรีบกลับนักล่ะ ไม่เจอคนถูกใจเหรอ”

          “ไม่รู้สิ! ก็ไม่เชิง! เริ่มแรกไม่ได้ตั้งใจจะแวะไปด้วยซ้ำ แต่รู้สึกเหมือนอยากไปหาใครสักคนหรืออะไรสักอย่าง เป็นเรื่องที่ค้างๆอยู่ในใจ” อาร์เต้เหม่อลอยเล็กน้อย คิ้วทั้งสองข้างขมวดทิ้งปมปริศนาไว้บนใบหน้า “แต่พอเดินเวียนไปเวียนมาสักพักก็เหมือนจะไม่เจอสิ่งที่ตามหาก็เลยออกมา”

          “นายไม่เจอสิ่งที่ตามหาที่นั่นหรอก”

          “ฉันก็ว่างั้น!” อาร์เต้ยิ้มร่าเริงรับอรุณรุ่ง ”อันที่จริงฉันยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังตามหาอะไร”

          “ฉันไง… สิ่งที่นายตามหา”

          “หืม?”

          ความมั่นใจในสีหน้าและน้ำเสียงของดันเต้ ชวนให้อาร์เต้รู้สึกหมั่นไส้และหลงใหลไปพร้อมกัน 

          “จูบกันไหม?” จู่ๆดันเต้ก็โพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบอันคลุมเครือ ดวงตาเป็นประกายสีเดียวกับแสงแดดยามเช้า

          “สะ… สีตาของนาย”

          “มันเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์น่ะ มันจะเป็นเวลาฉันตื่นเต้น” สีนัยน์ตาของดันเต้สว่างมากขึ้น “นายดูท่าจะชอบมันมากจนต้องถามทุกครั้งที่ได้เห็นสิน่า”

          “เหรอ? ไม่ยักรู้ว่าฉันเคยถามนายแบบนี้มาก่อน”

          ยิ่งมองทะลุเข้าไปยังดวงตาของดันเต้ สายตาของอาร์เต้ก็ยิ่งว่างเปล่า

          “นายยังไม่ตอบฉันเลยว่าจะจูบกับฉันไหม?”

          “ห๊ะ!”

          “ปกติฉันคงไม่ต้องขอด้วยซ้ำ… ไม่ชอบวิธีจุกจิกแบบนี้เลย” ดันเต้ก้มหน้าลงต่ำสีหน้าเบื่อหน่ายเล็กน้อย พลางยักไหล่ “พอดีมีใครบางคนบอกว่า… ฉันควรขออนุญาตก่อนถ้าจะขอใช้ร่างกายของใคร ไร้สาระว่าไหม! ในเมื่อแค่ฉันมองก็รู้แล้วว่านายอยากทำอะไร”

          มันก็จริง! อาร์เต้แหงนหน้าจ้องใบหน้าคมคายตรงหน้า ความหล่อเหลาและกลิ่นเผ็ดร้อนบางอย่างของดันเต้ ดึงดูดมวลอารมณ์มหาศาลจากอาร์เต้ไปจนหมด

          การขอก่อนจูบมันก็ดี แต่ถ้าสำหรับคนที่อาร์เต้พึงพอใจแล้ว เขาอยากโดนความดินเถื่อนจู่โจมมากกว่า เพราะมันทั้งตื่นเต้นและซาบซ่าน มากกว่าการโดนบอกกล่าวอย่างสุภาพ

          “เอาสิ” อาร์เต้ลอบกลืนน้ำลาย พลางเขย่งปลายเท้าเพื่อยื่นหน้าเป็นการตอบรับคำเชิญ “สำหรับนายไม่จำเป็นต้องขอเลยด้วยซ้ำ”

          ริมฝีปากอวบหนาต้องสะท้อนกับแสงทองของดวงอาทิตย์ ทำให้มันเหมือนคาราเมลสีเหลืองทอง ดูชุ่มฉ่ำและน่าลิ้มลอง

          “ฉันคิดถึงนาย” ดันเต้โน้มตัวลง กระชากเอวของอีกฝ่ายเข้าหาตัว

          “ฉันก็เหมือนกัน” สายตาของอาร์เต้เกือบว่างเปล่า รอยยิ้มบนใบหน้าไม่สามารถบ่งบอกถึงความหมายอื่นใด นอกจากยอมอุทิศตนให้เป็นทาสแก่ปีศาจแห่งกาม

          เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ทาบทับจนไร้ซึ่งช่องว่าง ความดุเดือดจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ รสชาติของดันเต้นั้นเหมือนกับที่อาร์เต้ค้นหามาทั้งวัน

          เหมือนหนังภาคต่อที่ไม่ต้องเกริ่นเรื่องราวก่อนหน้าให้ยืดยาว บทโอ้ลมเนิบนาบถูกตัดออกไปจนหมด ทั้งสองหนุ่มต่อทุกอย่างติดโดยรวดเร็ว

          โพรงปากอุ่นชื้นเปิดกว้างรับการสอดใส่ อาร์เต้เขย่งจนสุดปลายเท้าเพื่อให้อีกฝ่ายส่งปลายลิ้นเข้ามาสำรวจได้อย่างถนัดและต่อเนื่อง

          แขนเรียวนุ่มของอาร์เต้คล้องกับรอบคอหนาแกร่งของดันเต้จนแน่น ด้วยหวังว่าหากเขาโดนความร้อนในร่างกายหลอมละลายจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปกะทันหัน ร่างสูงใหญ่ที่กำลังโอบรัดอยู่จะพอยึดเกี่ยวไม่ให้ล้มแตะพื้น

          เสียงครางดังอุดอู้อยู่ในลำคอของอาร์เต้ เขาเริ่มหายใจไม่ทันความต้องการ ทว่าความสุขสมก็แผ่กระจายจนเต็มพื้นที่ปาก

          ดันเต้ค่อยๆเคลื่อนแขนลงต่ำ คว้าประคองสองบั้นท้ายกลมกลึงเอาไว้ในมือ ก่อนจะเริ่มบีบเคล้นเป็นการส่งสัญญาณ

          ฝ่ามือหนาแกร่งสีคาราเมลช้อนแก้มก้นของอาร์เต้เอาไว้จนแน่น ก่อนจะออกแรงยกขึ้นจนขาของเด็กหนุ่มร่างเล็กกว่ายกลอยเหนือพื้น

          เมื่อถูกโอบอุ้มด้วยพละกำลังมหาศาล ศีรษะของอาร์เต้ก็สูงเกือบเท่าชายตัวยักษ์ใหญ่ เขาถอนรอยจูบพลางอึ้งไปกับความแข็งแกร่งแต่นุ่มนวลของชายผิวเข้ม ในหัวคิดท่าทางลามกมากมายที่อยากทำ

          แก้มทั้งสองแดงและอุ่นร้อน อาร์เต้ใช้ขาหนีบรอบเอวของดันเต้เอาไว้แน่น พยายามสูดอากาศยัดเข้าไปในปอดให้เต็ม ในขณะที่การหายใจยังเป็นอิสระ

          “ฉันไม่ค่อบชอบที่จะบอกนาย แต่ก็…นะ” ดันเต้ถอนหายใจ “วันนี้ฉันจะใส่ถุง”

          “ห้องฉันไม่มีถุงยางไซซ์ใหญ่เท่าไอ้นั่นของนายหรอกนะ”

          “นายจำขนาดของฉันได้แล้วเหรอ?”

          “ไม่รู้สิ! คลับคล้ายคลับคลาว่ามันใหญ่จนฉันเกือบไม่รอด”

          “หึหึ” ดันเต้หัวเราะในลำคอ “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีถุงยางติดตัวตลอด”

          “ช่างหัวถุงยางสิ”

          อาร์เต้ยื่นริมฝีปากประกบรอยจูบอีกครั้ง รอบนี้เขาเป็นฝ่ายบุกจนอีกฝ่ายปล่อยเสียงครางอย่างพึงพอใจออกมา

          ก่อนที่ทุกอย่างจะเตลิดไปไกล ดันเต้ดึงลิ้นออกจากอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับพึ่งออกมาจากเตาหลอม

          “ไม่ได้! ถ้านายไม่อยากลืมทุกอย่างเร็วนัก ฉันจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้น้ำกามของฉันไหลเข้าตัวนาย”

          “แล้วแต่นาย ขอแค่โดนนายเอาเรื่อยๆจะถุงหรือสดฉันก็ไม่เกี่ยง”

          “แต่นายต้องสัญญากับฉันก่อนว่านายจะเก็บเรื่องวันนี้ไว้เป็นความลับ ฉันไม่อยากให้ใครบางคนประสาทเสียเพราะรู้เรื่องนี้เข้า”

          “พี่เป็นเอกใช่ไหม?” อาร์เต้กลอกตาเล็กน้อย “จริงๆนายไม่ต้องสนใจกฎเหลวไหลพวกนั้นก็ได้ ห้ามเอากันเอง… ห้ามเอากับลูกค้า… ใครๆที่อมอร์ก็รู้ว่ามันเอาไว้หลอกพวกตำรวจไม่ใช่พวกเรา”

          “ฉันไม่สนใจกฎเกณฑ์ไร้สาระของมนุษย์อยู่แล้ว… ไม่รู้สิ! ก็แค่… หมอนั่นอาจไม่พอใจถ้ารู้ว่าฉันกลับมาทำแบบนี้กับนาย”

          “โอเคๆ ฉันสัญญาจะไม่พูดเรื่องของเขากับใครก็ตาม” อาร์เต้กัดริมฝีปาก “เรามาทำกันได้หรือยัง ฉันอยากโดนนายเอาจะแย่แล้ว”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status