Home / วาย / The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg) / ตอนที่ 38 ตราประทับปีศาจ

Share

ตอนที่ 38 ตราประทับปีศาจ

Author: Glita
last update Last Updated: 2025-01-15 19:08:06

          ผ่านมาหลายต่อหลายคืนแล้วที่มิวเฝ้าภาวนาขอให้เจออมนุษย์ร่างกายล่ำบึ้ก ไม่ว่าจะเพราะอยากเคลียร์ใจหรือเพราะติดใจบรรยากาศซู่ซ่าในม่านหมอกก็ตาม ชายหนุ่มก็ยังอยากเจอดันเต้อยู่ดี

          อากาศเย็นสบายในห้องแต่งตัวไม่อาจดับความรุ่มร้อนของชายหนุ่ม ตั้งแต่มิวตะคอกใส่ดันเต้แล้วหลบหนีออกจากความฝัน เขาก็ไม่พานพบคิวบัสตนนั้นอีกเลย จะเป็นที่ทำงานหรือในความฝัน จนดูเหมือนว่าการหายตัวคงเป็นสิ่งถนัดของดันเต้

          เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าปีศาจน้อยใจเป็นหรือไม่ ทว่าก็หวังเอาไว้ว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น

          หลายสิ่งยากเหนือจินตาการเกิดแบบฉับพลันในระยะเวลาอันรวดเร็ว แรกเริ่มก็ยากเกินความเข้าใจ กระนั้นเมื่อคุ้นเคยมันกลับกลายเป็นเรื่องตื่นเต้นที่โหยหา

          แต่ตอนนี้เมื่อนั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มิวจำเป็นต้องสลัดเรื่องราวส่วนตัวทิ้งไว้เบื้องหลัง เขาสามารถพกพาความเครียดหรือกังวลใจของตัวเองไปพบลูกค้าได้

          ภาพรวมในอมอร์ทุกอย่างเป็นปกติ ในแต่ละวันมีเด็กเข้าออกกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นสถานการณ์ยากเกินควบคุมของเป็นเอก ฉะนั้นการขาดหรือมีดันเต้หนึ่งคน ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินได้ราบรื่น

          ส่วนภายในห้องแต่งตัวของเหล่าแองเจิ้ลที่เคยบาดหมางกัน ก็คลี่คลายราวกับปัญหาก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการแสดงหนึ่งฉาก แม้เจษจะไม่ได้ขอโทษมิวแบบเป็นกิจจะลักษณะ แต่มิวก็เลิกถือโทษโกรธเคืองเพื่อนร่วมงานคนนี้ไปแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าใจกว้างหรอก แค่ทำอะไรไปเจษก็ไม่รู้สึกรู้สาอยู่ดี แก้จากตัวเองตอนนี้คงง่ายกว่า

          สำหรับรอบของเดือนใหม่… ตำแหน่งทรินิตี้แองเจิ้ลก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง อันดับหนึ่งยังคงเป็นมิวแบบเฉียดฉิว รองลงมาก็คือพี่ใหญ่อย่างเจษ และสุดท้ายก็เป็นน้องเล็กอย่างอาร์เต้ ชายหนุ่มทั้งสามยังคงได้ช้ห้องที่นับเป็นสวัสดิการพิเศษนี้ต่อไป จนกว่าอันดับในอีกสามเดือนข้างหน้าจะถูกจัดอีกครั้ง

          “เมื่อเช้าดันเต้ไปหาผมด้วยแหละ” อาร์เต้ไม่ปล่อยให้เวลาก่อนเริ่มงานเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

          “จริงเหรอ” ดวงตาของเจษเบิกโพลงใหญ่กว่าของมิวเล็กน้อย “แล้วไงต่อ… เขาบอกไหมทำไมอยู่ดีๆหายหน้าไปเลย?”

          “ไม่ได้บอกอะไรมาก”

          “แล้วทำไมเขาเลือกไปหานาย?” มิวถามบ้าง

          “คงเพราะผมแซ่บล่ะมั้ง” เสียงหัวเราะจริตผู้ชนะทำให้มิวอดหมั่นไส้เล็กๆไม่ได้ “เอาจริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขามาหาผม”

          “ไปหาทำไม?” เจษไล่ถามทีละอย่าง

          “เขามาขอมีอะไรกับผม!!!”

          จู่ๆมิวก็รู้สึกร้อนแถวขมับลามไปท้ายทอยโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ความมั่นอกมั่นใจในน้ำเสียงของอาร์เต้ทำให้เขาอยากยื่นฝ่ามือตีลงที่หัวไหล่น้องชายเข้าสักทีสองที

          “เมื่อเช้าก็เหมือนกัน” อาร์เต้เล่าต่อ “แต่รอบนี้ผมไม่ยอมเขาเลยจะช่มขืนผม”

          ความโกรธครอบงำไม่ทันไร ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจก็แทรกเข้ามาเพิ่ม มิวไม่เข้าใจว่าทำไมดันเต้ต้องเลือกไปหาอาร์เต้และทำเรื่องเลวทรามแบบนั้น ในขณะที่เขาร้องหาตลอดทั้งคืนกลับไปเจอแม้หมอกควัน

          “ดีนะที่ผมโวยวายเสียงดัง แล้วต่อยเข้าไปที่หน้าเจ้านั่นอย่างจังเลยรอดมาได้”

          “นายนี่นะต่อย” เจษแซว “สู้คนตัวเท่าตึกอย่างนั้นไหวเหรอ?”

          “พี่เจษอยากลองผมสักหมัดไหมล่ะ”

          “แล้วไงต่อ” มิวตัดบทก่อนห้องแต่งตัวจะกลายเป็นสนามมวย “ดันเต้ทำอะไรนายต่อไหม?”

          “พี่หวงเขาหรือห่วงผม?”

          “ห่วงนายน่ะสิ! แรงหมอนั่นเยอะอย่างกับอะไรดี” มิวพยายามกลบเกลื่อน ทว่ากลับทิ้งข้อสงสัยให้กับสองหนุ่มที่ได้ยิน 

          ‘รู้ได้ไงว่าดันเต้แรงเยอะ?’ ก่อนที่เจษจะเอ่ยถามจากปาก อาร์เต้ก็แทรกขึ้นมาก่อน

          “หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร เขาก็หนีออกจากห้องของผมไปเลย”

          เรื่องราวของดันเต้จากคำบอกเล่าของอาร์เต้เริ่มต้นอย่างหวือหวาและตัดจบลงอย่างเรียบง่าย ทิ้งสิ่งติดค้างอยู่ในใจของมิวตลอดทั้งคืน เขาคิดวกวนอยู่หลายอย่างจนสมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

          สำหรับคนอื่นแล้วดันเต้ก็เป็นเพียงแค่พนักงานหน้าใหม่ ที่สร้างความหวือหวาในช่วงแรกของการเข้าทำงาน แต่สำหรับมิวดันเต้เป็นมากกว่านั้น ความลับของปีศาจนั่นอยู่กับเขา และความลับของเขาก็อยู่ในมือของปีศาจนั่น

          นอกเหนือจากนั้นอาจเป็นเพราะเขาเสพติดการเผชิญหน้ากับคิวบัส เผลอทีไรต้องคิดถึงร่างกายอันกำยำและเสียงนุ่มทุ้มของปีศาจทรงเสน่ห์ร่ำไป

                                             —---------------------

          เป็นอีกค่ำคืนที่ผ่านพ้นไปด้วยความสนุกสนาน มิวชอบในงานบริการแต่ก็ไม่ใจกว้างมากพอสำหรับคำติ

          เด็กหนุ่มกลับห้องทันทีหลังภารกิจหาเงินเสร็จสิ้น เขาปฏิเสธคำชวนของอาร์เต้กับเจษที่ชวนไปหาของกินต่อ

          มิวรู้สึกว่าการกินอะไรโดยจ้องหน้าอาร์เต้ไปด้วยเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเขาในตอนนี้ เด็กหนุ่มผู้หัวร้อนหวังว่าอาการไม่พึงประสงค์นี้จะหายได้ด้วยตัวเอง

          ทันทีที่เท้าก้าวเข้าห้องมิวก็โอบกอดบรรยากาศเงียบเหงาเอาไว้จนเต็มอ้อมอก ความเงียบวังเวงเหมือนเดิมเกาะกุมจนนล้นหัวใจ

          มิวยอมรับแต่โดยดีว่าเขาเหงา คิดถึงช่วงเวลาตอนมียี่หวาอยู่ด้วย หญิงสาวผู้เป็นรักแรก รักเดียว และอาจเป็นรักสุดท้ายของเขาเลยก็ได้ หากความผิดปกติทางร่างกายไม่ดีขึ้น เด็กหนุ่มผู้วิตกกังวลคงไม่กล้าพูดคุยหรือสานสัมพันธ์กับใครอื่น

          หากมองให้ไกลกว่าปัญหาผิวเผินที่มิวกำลังประสบอยู่คือการมีลูก เด็กหนุ่มกำพร้ามีความฝันลับๆที่ไม่กล้าเปรยให้ใครฟังคือ… การเลี้ยงเด็กสักคน 

          การไม่ได้เติบโตมากับครอบครัวแท้ๆทำให้มิวโหยหาประสบการณ์นี้ เขาอยากเติมเต็มช่องโหว่ปมชีวิตให้เต็ม อยากลองมีครอบครัวอบอุ่นที่หลายคนบอกว่า มันคือของขวัญพิเศษที่สุด ท่าที่ชีวิตหนึ่งของคนเราจะมีได้

          ด้วยเหตุผลอันละเอียดอ่อนทั้งหมด ดันเต้จึงกลายเป็นความหวังเดียวของมิว อยู่ๆที่พึ่งเดียวในชีวิตหายไปติดต่อไม่ได้ เลยกลายเป็นสิ่งกังวลอันดับหนึ่งของเขาในทันที

          คำบ่นแบบลอยๆ ‘ยิ่งโตก็ยิ่งเหงาว่ะ’ มักเกิดขึ้นหลังจากมิวเปิดเข้ามาพบความว่างเปล่าเหมือนแววตาของเขา

          สัมภาระถูกโยนทิ้งไว้บนโซฟา มิวดื่มน้ำเปล่าเพื่อลดอาการปวดตึงรอบหัว เขาหวังว่าปัสสาวะจะช่วยขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างให้ได้เยอะที่สุด ตอนนอนจะได้ไม่เกิดอาการบ้านหมุน

          ‘จะอาบน้ำดีไหมนะ?’ คือคำถามที่มิวถามตัวเองในขณะที่ลากเท้าเข้าห้องนอน ‘หรือค่อยอาบหลังตื่นดี’

          ทันทีที่ดวงไฟสีอบอุ่นในห้อง ร่างทะมึนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็เผยร่างออกมา ความสูงใหญ่นั้นเด่นคุ้นตา แต่ยังไงเสียก็ยังตกใจอยู่ดี

          “เฮ้ย!” มิวร้องจนลั่นจนสุดตัว ชีพจรแทบจะหยุดเต้น

          ร่างสูงใหญ่นั่งหลังชนหัวเตียงด้วยท่าทางสบาย ไม่ว่าไปไหนดันเต้ก็มักทำเหมือนทุกที่เป็นบ้านของตัวเอง

          “นายเข้ามาได้ยังไง?” มิวรู้ว่าเขาไม่ควรถามคำถามนี้เพราะอีกฝ่ายเป็นปีศาจ แต่มันเป็นคำถามเรียบง่ายที่สุดเท่าที่เขาจะนึกออกเมื่อเจอเหตุการณ์ชวนตกใจเช่นนี้

          “แค่นึกว่าอยากมาก็โผล่มาเลย”

          เป็นความกวนตีนที่มิวเริ่มคุ้นเคย “นายได้ค้นข้าวของอะไรของฉันหรือเปล่า?”

          “พูดอย่างกับของพวกนี้ฉันสนใจนักแหละ” ดันเต้เอียงคอไปรอบห้อง

          “นายหายไปไหนมาตั้งหลายวัน?” มิวนั่งลงที่ปลายเตียง เว้นระยะจากปีศาจพอประมาณ

          “ไปจัดการธุระของพวกเรา”

          “ธุระของเรา?” จู่ๆมิวก็หงุดหงิดเมื่อคิดถึงคำพูดของเพื่อนร่วมงาน “การพยายามข่มขืนอาร์เต้เป็นธุระของเราตรงไหนมิทราบ?”

          “พยายามข่มขืนเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมากสำหรับฉัน… ใครบอกนาย?”

          “อาร์เต้บอกว่านายไปหาเมื่อวานแล้วขอมีอะไรด้วย แต่เขาไม่ยอมนายเลยพยายามใช้กำลังข่มขืน”

          “ด้วยรูปลักษณ์ทรงเสน่ห์ของฉันขนาดนี้ ความพยายามเดียวสำหรับฉันคือ การหาวิธีปฏิเสธผู้คนที่อยากมีอะไรด้วยอย่างสุภาพ”

          มิวขยี้หูเล็กน้อยเมื่อไม่แน่ใจว่าดันเต้ทำตัวสุภาพเป็น “ก็เห็นพวกนายมีความหลังด้วยกัน”

          “ไม่เถียงหรอกนะว่าอาร์เต้เป็นเด็กหนุ่มที่เร่าร้อนและอร่อย แต่มันก็เท่านั้น”

          ‘เด็กหนุ่มที่เร่าร้อนและอร่อยเหรอ? อายุต่างกันแค่ปีกว่าๆ จะดีกว่าสักแค่ไหนเชียว รอให้ฉันหายดีก่อนเถอะ เด็กอย่างนายก็สู้ฉันไม่ได้หรอก’ มิวพยายามไม่พูดประโยคยืดยาวนี้ออกไป แต่สีหน้าท่าทางก็ชัดเจนว่าเขาไม่สามารถเก็บความรู้สึกอันรุนแรงนี้ได้

          “นายแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้พยายามข่มเหงอาร์เต้” ดันเต้เน้นย้ำด้วยไม่รู้ควรเชื่อใคร

          “อือ” ดันเต้พยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ฉันไม่เคยโกหกนาย และไม่มีความจำเป็นต้องโกหกด้วย”

          “แล้วนายเป็นอะไรไหม? อาร์เต้บอกว่าต่อยนายเข้าหน้าอย่างจัง”

          “เจ้าหนูนั่นน่ะเหรอ ฮ่าๆ… ฉันได้กลิ่นตะกั่วก็ทนไม่ไหวจนต้องถอยออกมา เจ้าหนูนั่นยังไม่ทันได้แตะตัวอะไรฉันเสียด้วยซ้ำ”

          สายตาของมิวพยายามลอบมองใบหน้าอีกฝ่าย คราวก่อนที่เขากระแทกหน้าดันเต้มันก็ทิ้งรอยช้ำจนเห็นได้ในโลกแห่งความเป็นจริง หากคำพูดกล่าวอ้างของอาร์เต้เป็นจริง คงทิ้งหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธเอาไว้… ทว่าก็ไม่มีอะไรบนใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้น

          มิวเก็บงำความสังสัยที่ว่ามนุษย์หรือปีศาจกันแน่ที่หลอกลวง การคิดวนแต่กับความสงสัยเรื่องเดิมทำให้หัวที่ปวดจากฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่แล้วปวดหนักกว่าเดิม

          “เรื่องอาร์เต้นายไม่ต้องห่วงปีศาจอย่างฉันหรอก” ดันเต้เสริม “นายไปกังวลเรื่องตราประทับเทวาที่กามเทพแอบลงใส่เพื่อนนายดีกว่า”

          “อาร์เต้ก็โดนเหมือนกันเหรอ?”

          “ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ไซคีสีดำเป็นคำแช่งมุ่งเน้นด้านการทำร้ายต่อนายโดยตรง แต่ตราเทวาสร้างเพื่อป้องกันอาร์เต้จากฉันมากกว่า”

          “อ๋อ! งี้นายก็แตะต้องอาร์เต้ไม่ได้แล้วสินะ” มิวสนใจเรื่องนี้จนออกนอกหน้านอกตา

          “เหมือนนายจะห่วงอาร์เต้มากกว่าตัวเองอีกนะ แต่ก็ใช่! อะไรทำนองนั้นแหละ”

          “ก๊ดีแล้วนี่” มิวเผลอยิ้มมุมปาก

          เป็นครั้งแรกที่ดันเต้อ่านเจตนารมณ์ของมิวไม่ออก เดี๋ยวก็ใบหน้าบูดบึ้ง อีกเดี๋ยวก็ยิ้มมีความสุข

          “พักเรื่องตราเทวาบนตัวอาร์เต้เอาไว้ก่อน มันเป็นเรื่องใหม่ที่ฉันเองก็ยังไม่เคยเจอ ที่สำคัญคือข้อมูลที่ได้จากเขามัมีความคล้ายคลึงกับที่นายเจอ” ดันเต้เสิมต่อเมื่อมิวไม่มีทีท่าจะขัด ” อาร์เต้ว่าแวะไปร้านสักแล้วพบกับคนหัวทอง จากนั้นก็จำอะไรไม่ค่อยได้แม้กระทั่งหน้าตาของช่างสัก ฉันมั่นใจว่าเป็นฝีมือของเอสัน ถึงตอนนี้ยังไม่รู้จุดประสงค์ที่แน่ชัดก็เถอะ แต่พวกเราต้องทำอะไรสักอย่าง”

          ‘นายเป็นห่วงฉันใช่ไหม?’ คือคำถามที่มิวอยากถาม แต่เขาต้องพยายาามเก็บทรงเอาไว้ให้อยู่

          “ฉันมีวิธีอยากเสนอนาย” น้ำเสียงของดันเต้จริงจังขึ้นมาก “เหมือนคำโบราณที่ว่าเอาไว้ ยิงเวทหนเดียวโดนมังกรสองหัว”

          มิวไม่เข้าใจสำนวนของโลกปีศาจเท่าไหร่นักแต่ก็พอเชื่อมโยงมันได้บ้าง แม้จะไม่มั่นใจว่าจะถูกต้องก็เถอะ

          “ลงตราประทับปีศาจ!!!”

          คำพูดสั้นๆแสนหนักแน่นของดันเต้ ทำให้มิวรับรู้ได้ว่ามันต้องมีความหมายยิ่งใหญ่ผ่านการอ่านสีหน้าที่ทั้งลังเลและดุดันของปีศาจ “มันคืออะไร?”

          “มันเป็นการลงตราประทับให้แก่มนุษย์เพื่อเป็นการระบุว่าคนผู้นั้นถูกครอบครองโดยปีศาจ ห้ามอมนุษย์ตนไหนข้องเกี่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม”

          “แล้วมันจะเกิดอะไรกับฉันบ้าง? ไอ้… ไอ้ตราอะไรนั่น” มิวเริ่มกังวล รอยสักเก่ายังไม่ทันหาย นี่ปีศาจจ้องจะตีตราเขาเพิ่มอีก

          “จริงๆสำหรับฉันมันก็มีแต่ข้อดีนะ แต่ไม่รู้ว่านายจะคิดเหมือนกันไหม?”

          “ลองว่ามา… แต่ขอแบบเข้าใจง่ายๆ”

          “ถ้าฉันประทับตราปีศาจลงบนตัวนาย พลังของฉันจะค่อยๆดูดกลืนพลังไซคีสีดำจนอ่อนกำลัง หากมันไม่สลายไปเองก็จะอ่อนแอจนฉันสามารถทำลายมันได้ อีกอย่างหากตราปีศาจแสดงผลเมื่อไหร่ เจ้าของคำแช่งจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวอะไรจากนายได้อีกต่อไป”

          “ง่ายขนาดนี้ทำไมนายไม่บอกฉันแต่แรก”

          “มันง่ายเพราะฉันยังไม่ได้บอกเงื่อนไขกับนาย”

          เงื่อนไขมักเป็นจุดหักมุมของความสุขเสมอ มิวกลืนน้ำลายอึกใหญ่รอ ถึงจะหวาดหวั่นแต่เพื่อความหวังในการรักษาเขาก็ต้องสู้ “งั้นก็บอกฉันมาเลย”

          “การลงตราปีศาจคือฉันต้องใส่เมล็ดพันธุ์เข้าไปในตัวนาน และนายต้องรับน้ำกามของฉันเข้าไปจนกว่าตราจะแสดงผล”

          “นี่มันเป็นตราประเภทไหนกัน” มิวกรีดร้องทางสายตา เขาคิดว่าแค่รอยสักอีกสักอันทับลงไปก็จบพิธีแบบง่ายๆ

          “มันยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อตราปีศาจปรากฏขึ้น เมล็ดพันธุ์ปีศาจจะค่อยๆเติบโตขึ้นในตัวนาย และนายต้องโอบอุ้มเมล็ดพันธุ์คิวบัสเอาไว้นตัวจนครบสามเดือน”

          “หมายความว่าไง” อยู่ดีๆหัวของมิวก็หมุนติ้ว “ฉ… ฉันต้องท้องลูกของปีศาจนี่นะ”

          ถึงอยากจะมีลูกเป็นของตัวเองแค่ไหนก็ตาม มิวก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะต้องเป็นคนตั้งท้องเอกสักหน่อย เรื่องนี้มันบ้าพอเกินขอบเขตมากไปแล้ว

          “ใช่! แต่นายไม่ได้ตั้งท้องเด็กจริงๆหรอกนะ… ก็แค่คล้ายๆ” ดันเต้พยายามอธิบายด้วยความใจเย็น “นายจะเกิดภาวะตั้งครรภ์เทียม และร่างกายของนายจะเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับผู้หญิงที่กำลังท้อง”

          “บ้าไปแล้ว! นี่มันข้ออ้างขอคนบ้ากามชัดๆ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status