ชรัณลืมตาตื่นคนมาอีกทีเป็นเวลาแปดโมงกว่า กลิ่นกายแสนเจือจางคลุกเคล้ากับกลิ่นบุหรี่ที่เขาพ่นควันทิ้งไว้ก่อนหลับเมื่อคืนทำให้รู้สึกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันไป
ร่างสูงหยัดกายขึ้นมาพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความทิ้งไว้บนหมอน
‘ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อคืนนะคะ ฉันสัญญาว่าจะจำไม่ลืม แต่ตอนนี้มีธุระด่วนต้องไปจัดการ ขอโทษที่จู่ๆก็โผล่มาหาทั้งที่ฉันเคยปฏิเสธคุณไป’
“แสบนักนะ” เมื่อนึกถึงร่างเย้ายวนที่พาเขาพานพบความสุขไม่รู้จบเมื่อคืนก็ทำให้ความโกรธเคืองในวันนั้นหดหายไป
เขาเริ่มลุกขึ้นมาจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนจะกดโทรศัพท์ไปยังเลขาคนใหม่
“นายจัดการเรื่องนั้นหรือยัง?”
โรงแรมที่จัดงานแต่ง
วันนี้แขกผู้มีเกียรติหลั่งไหลเข้ามามากมาย ต่างพากันมาร่วมแสดงความยินดีให้กับคู่บ่าวสาวที่ยืนต้อนรับแขกอยู่ด้วยรอยยิ้ม
หลังจากทำพิธีสงฆ์และแห่ขันหมากกันเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือแค่ช่วงบ่าวสาวขึ้นไปกล่าวแสดงความรู้สึกกัน
ขณะที่พิธีกรกำลังดำเนินการอยู่นั้น ต่างก็ได้ยินเสียงฮือฮาเกิดขึ้น
ทุกสายตาหันไปจับจ้องหญิงสาวผิวขาวผุดผ่อง เธอสวมชุดเดรสสีดำ กระโปรงเพียงคืบ ด้านบนใส่สูทครึ่งตัวก้าวเดินฉับๆด้วยส้นสูงปรี๊ด มือหนึ่งข้างมีพวงหลีดสีขาวชิ้นใหญ่
ใบหน้าสวยแต่งให้ดูโฉปเฉี่ยว ปากชมพูที่เคยหวานกลายเป็นแดงซ่านสุดแซ่บ เรียวปากอิ่มเหยียดยิ้มร้าย จ้องมองคู่บ่าวสาวตรงหน้าด้วยความโกรธแค้น
“พราว!” ทิมแทบไม่เชื่อสายตา ว่าหญิงตรงหน้าคือพราวมุก เธอไม่เคยแต่งตัวด้วยโทนแบบนี้สักครั้ง
“เมื่อกี้ได้ยินพิธีกรบอกว่า อยากให้แขกมาร่วมกล่าวความยินดี” เธอเดินเข้าใกล้พิธีกรหนุ่มอย่างเย้ายวน ก่อนจะค่อยๆใช้มือลูบแผงอกและเนคไทสีดำของเขาออกมา
สายตาคู่สวยกะพริบตาลงหนึ่งข้าง ทำให้คนที่ยืนนิ่งเป็นแข็งทื่อ
“ขะ ครับ”
“ขอกล่าวนะคะ” เสียงหวานหยาดเยิ้มบอกกับพิธีกร
“ไม่นะทิม อย่าให้มันมาป่วนงานแต่งเรานะคะ!” มะปรางสติแทบจะหลุด ไม่คิดว่านังนี่มันจะบ้าขนาดนี้เสียอีก
“พราว มาทำไม?” ทิมรีบเดินเข้ามาใกล้แต่ก็ถูกมะปรางคว้าแขนไว้เสียก่อน
พราวมุกเพียงชายตามองก่อนจะเบะปาก และหยิบไมค์ก้าวเดินไปยังกลางเวที
สร้างความตกใจให้กับครอบครัวของทั้งสองไม่น้อย
“สวัสดีค่ะ ฉันพราวมุก เป็นแฟนที่คบกับเจ้าบ่าวมาห้าปี หกเดือน”
“พวกเธอเลิกกันไปนานแล้วย่ะ!!” มะปรางตะโกนขัด
“ตอนนี้ให้เอากลับ ฉันก็ไม่เอา ขยะแขยงผู้ชายคนนี้ที่สุด!” เธอตอบเสียงดังฟังชัด
“รปภ.! มาเอานังนี่ไปเก็บ!” เสียงพรรณี แม่ของทิมตะโกนดังลั่นขึ้นมาแทรกเธอ
“คุณแม่ ไม่ต้องเรียกหรอกค่ะ พราวขอเวลาไม่นาน แค่ห้านาที ถือซะว่าเป็นคนมีบุญคุณพาคุณแม่ไปหาหมอแล้วกัน” เธอแสยะยิ้ม
“นังบ้า!” พรรณีเริ่มลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห
“ดิฉัน แค่อยากมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว ที่เหมาะสมกันเหมือน.. ผีเน่ากับโลงผุ!”
“กรี๊ดดด!!” มะปรางแทบจะวิ่งไปกระชากแต่ก็โดนทิมขวางไว้ก่อน
“ขอบคุณคุณแม่ที่เป็นผู้ใหญ่ที่ดี โกหกช่วยลูกหน้าด้านๆ” เธอกระแทกเสียงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหลมดัง
“รู้สึกดีมากที่ได้หลุดพ้นจากผู้ชายเลวๆ ผู้ชายที่เอาไม่เลือก ต่อจากนี้ไปก็ขอให้พวกเธอมีความสุขกัน ไปจนแก่เฒ่า แล้วอย่าไปทำร้ายผู้หญิงคนไหนอีก!” ร่างบางเดินก้าวขาตรงไปยังคู่บ่าวสาว เธอยืนยิ้มครู่นึงก่อนจะพูดในสิ่งที่ทิมไม่เคยรู้
“พวงหรีดนี้ให้ลูกของนายกับผู้หญิงที่ชื่อดอกไม้ เธอจะไปทำแท้งวันนี้ ยินดีกับความรักบนความชิบหายของคนอื่นด้วยนะ!” พราวมุกโยนพวงหรีดอันใหญ่ใส้หน้าแฟนเก่าที่เธอโคตรเกลียด
ชาตินี้ขอให้ตัวเองและผู้หญิงคนนั้นเจอความรักดีๆ อย่าได้ไปตกหลุมรักผู้ชายเลวๆแบบนี้ที่ไหนอีก!
แปะ แปะ แปะ
หลังจากที่เดินพ้นประตูบานใหญ่ไป เท้าเล็กก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงปรบมือดังใกล้ๆตัว
“คุณ..”
“ยินดีด้วยนะครับ ในที่สุดมันก็จบสักที” ชรัณเดินก้าวเท้าเข้ามาใกล้ เขายืนมองความกล้าหาญของเธออย่างประทับใจ
“ฉะ ฉันไม่คิดจะ”
“ชู่ว! ถ้าพูดคำนั้นออกมาอีก รับรองคืนนี้คุณไม่ได้นอนแน่” เขากดสายตาดุดันมองมาที่เธอ
“ฉันต้องกลับไปอยู่บ้านค่ะ ต้องหาที่อยู่ใหม่ งานด้วย” เธอไม่อยากเป็นภาระของใครอีก
“คุณกลัวผมจะเป็นแบบนั้นหรือไง?” เขายิ้มน้อยๆ แต่สายตานั้นเธอกลับเดาไม่ออกว่าชรัณกำลังคิดยังไงกับเธอกันแน่
“ทำไมฉันต้องกลัวคะ? ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” คนดื้อเดินหนีเขาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เมื่อคืนขนาดนั้นแล้วเนี่ยนะ?” ชรัณล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงเดินถอยหลังพร้อมกับมองใบหน้าสวยที่หันหนีเขาตลอดเวลา
“นี่คุณเจย์!” พูดถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้าสวยก็เห่อแดงขึ้นทันตา
ภายในของเธอยังรู้สึกฉ่ำลื่นอยู่จนถึงตอนนี้เลย ทำไมเขาถึงได้เอาแต่พ่นพิษงูมาด้านในอยู่ได้ทั้งที่เธอขอเพียงแค่ครั้งเดียว
“ว่าไงครับ? ที่พักของคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปช่วยขนของ” เขายังทำหน้ากวนโอ๊ยเธอต่อไป แถมไม่มีท่าทีจะยอมเดินห่างเธอด้วย
“ไม่ค่ะ แบบนี้ไม่ต่างจากฉันมีกิ๊กตอนคบกับไอ้เลวนั่นนะคะ” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง
“อืม.. งั้นเดี๋ยวผมจ้างคนไปเก็บช่วยไง คุณไม่ต้องยกคนเดียว แบบนี้โอเคกว่าไหม?”
“ไม่ค่ะ ฉันมีเพื่อน มีรถ”
“ดื้อ งั้นผมไปช่วยเก็บ”
“เรื่องของคุณ!” เธอเริ่มไม่ทนกับลูกตื้อแล้ว พราวมุกรีบจ้ำเท่าเดินออกไปจากโรงแรม
ขณะขับรถออกมาเธอภาวนาไม่ให้เห็นว่ามีเขากำลังตามขับออกมา เพราะไม่รู้เลยว่าชรัณใช้รถแบบไหน
โชคดีหรืออะไรไม่ทราบ จู่ๆเขาก็มีงานด่วนเข้ามากะทันหัน เธอจำเป็นต้องมาเก็บของพร้อมกับไอริ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียว
“แกไม่ด่ามันไปเยอะๆวะ ไม่สะใจเลย” ไอริหน้ามุ่ย เก็บของเพื่อนไปกระแทกไป
“เรื่องมันผ่านมาแล้ว” เธอไม่อยากเก็บมาคิด
“โชคดีนะ แกไม่ได้ไปมีลูกกับมันอีก ไม่งั้นแกแย่แน่”
ลูก!
ใช่แล้ว พอนึกๆอีกทีเธอลืมกินยานี่นา
“แกๆ! ฉันฝากเก็บของก่อนนะแปปนึง เดี๋ยวมา”
“เอ้าไปไหนอ่ะ?” ไอริมองเพื่อนที่ลุกลี้ลุกลนออกไปด้วยความมึนงง
***
อีกด้านหนึ่ง ชรัณมาถึงโรงพยาบาลในเวลาต่อมา เขารีบมาดูอาการของหญิงสาวแปลกหน้าทันทีหลังจากได้รับสายจากเลขา
“อาการเป็นไง?” นัยน์ตาสีอำพันจ้องมองใบหน้าเกลี้ยเกลาด้วยความเวทนา
“โชคดีที่เอาออกทันครับ เธอมีภาวะครรภ์เป็นพิษด้วย แต่พอคุณเจย์บอกให้ทำการรักษาเลย เลยทันช่วยชีวิตเธอ” ธีร์เลขาคนสนิทที่เพิ่งมาทำงานได้เดือนกว่าๆบอก
“โชคดีแล้ว เธอจะได้หมดปัญหากับไอ้เลวนั่นเหมือนกับเมียฉัน” เขาพูดคำว่าเมียออกมาเต็มปาก
“เมียเหรอครับ?” ธีร์เลิกคิ้วมองเจ้านายหนุ่ม เมื่อคืนที่หายไปทั้งที่มีประชุมอีกรอบคือ?
ไปแอบมีเมียมา?
“อืม ฝากดูแลผู้หญิงคนนี้ด้วยนะ บอกว่าฉันไม่ต้องการอะไร” เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักฟื้น
ธีร์ไม่ถามหาความจริงข้อใดอีกขอแค่นายเขาอารมณ์ดีแค่นั้นก็ดีแล้ว
ซึ่งทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้นมาเป็นสัปดาห์ทุกเสียงต่างพูดว่าช่วงนี้คุณเจย์ดูอารมณ์ดี ไม่ดุเหมือนเดือนก่อนที่พร้อมจะขย้ำคอพนักงานทุกคน ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม หรือหน้าเจ้าสัวเลยด้วยซ้ำ
คอนโดทิม
หลังจากที่ซื้อยามาแล้ว พราวมุกก็รีบเข้ามาจัดแจงของในห้องต่อ เกือบถึงหกโมงเธอไม่ได้รับสายของคนเจ้าเสน่ห์เลยสักนิด เพราะมัวแต่คิดว่าจะย้ายไปไหนก่อน
“แก ฉันมีงานด่วนว่ะ พี่ดี้บอกมีโฆษณาตัวใหม่มาคอนเฟิร์ม” ไอริรีบบอกเพื่อนด้วยความตื่นเต้น
“เห้ย ดีจัง งั้นแกไปทำงานก่อนเลย ฉันเก็บเอง เหลือไม่เยอะแล้ว” ใบหน้าสวยยิ้มดีใจกับเพื่อนไปด้วย
“งั้นฉันไปก่อนนะ เดี่ยวรีบมาช่วยต่อ” ไอริรีบคว้าโทรศัพท์เดินออกทันที
“ขับรถดีๆแก” ใบหน้าสวยสดตอนนี้ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังมองเธอกับเพื่อนอยู่
หลังจากสิ้นเสียงไอริ ประตูห้องก็เปิดออกกะทันหัน
เงาสูงใหญ่ปรากฏด้านหลังพร้อมกับยืนเงียบมองคนตัวเล็กเก็บข้าวของอยู่
“แกลืมอะไรไอ..”
“แกลืมอะไรไอ..” พราวมุกเงียบกินในทันใด เธอมองร่างของทิมที่ตอนนี้สวมเชิ้ตสีขาวคล้ายกับเป็นชุดเจ้าบ่าว ยืนมองหน้าเธอด้วยรอยยิ้มสุดโรคจิต “มึงจะไปไหน!” มือหนากระชากกลุ่มผมดกดำด้วยความแรง ใบหน้าสวยเงยขึ้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะปัดป่ายมือเขาออก “ปล่อยฉันนะ!” แม้จะตกใจไม่น้อยแต่พราวมุกก็พยายามที่จะสู้ “ปล่อยก็โง่ กูเฝ้าอุตส่าห์ตามจีบมึงมาตั้งนาน จะหนีไปแบบนี้ดื้อๆเหรอที่รัก?” เขาย่อตัวลงมามองใบหน้าสวยที่ตอนนี้เริ่มหวั่นกลัวเขา “ทิม! พราวเจ็บ” น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงเมื่อเห็นเขาย่อเข้ามาใกล้ตัว “ถ
ดวงหน้าสวยลืมตามองคนที่หลับอยู่ข้างๆ เธอได้แต่เก็บความสงสัยว่าทำไมถึงปักใจเชื่อใจเขาขนาดนั้น ทั้งที่เขาปิดบังเรื่องราวส่วนตัวของเขาเองมาตลอด เมื่อคืนเธอกับเขานัวเนียกันไม่ต่างจากคืนแรก หลังจากเธองอแงจะนอนเขาถึงได้ยอมโอนอ่อนและกอดเธอเข้านอนไปด้วยกัน นั่นยิ่งสร้างความสงสัยในใจของพราวมุกไม่น้อย เธออยากรู้จักเขามากกว่า ต้องการเขามากกว่านี้ อยากเข้าไปเป็นส่วนนึงในชีวิตเขา แต่อีกใจก็ยังกลัวทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น.. “มองจนผมจะท้องแล้วนะ” เขาลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีนิลและสีอำพันเผลอสบกันโดยอัตโนมัติ คนที่ตื่นตระหนกกลับเป็นเธอแทน เขาจ้องมองนัยน์ตาแสนจะนิ่ง&nb
ขณะขับรถกลับ ชรัณเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง จู่ๆความเป็นชายของเขาก็แข็งตัวขึ้นมาดื้อๆ กายของชายหนุ่มร้อนผ่าวแถมยังมีเหงื่อไคลไหล่ออกตามลำคอ มือหนาเอื้อมไปเปิดแอร์ถึงระดับสูงสุดก่อนจะขับรถตรงไปยังโรงแรมด้วยความเร็ว ทั้งที่คิดไว้ว่าสองพ่อลูกคงไม่กล้าทำอะไรตอนนี้คาดไม่ถึงอย่างมาก เขาต่างหากที่กำลังตกเป็นหมากของทั้งคู่อย่างแท้จริง “เหี้ยเอ้ย!” ชรัณสถบคำหยาบคายกับตัวเอง รถก็มาติดเอาอะไรป่านนี้ ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันแทบระเบิด ร่างกายนั่งอยู่ที่รถแต่ใจวิ่งไปหาพราวมุกเรียบร้อยแล้ว ยามที่นึกถึงร่างระหงโยกย้ายบนตัวความต้องการที่มียิ่งมากขึ้นไปอีก มากจนเขาควบคุมไม่ได้จนต้อง งัดเอาความแข็งทื่อออกมาสู่อากาศภายในรถ เผื่อมันจะดีขึ้นหน่อย&nb
พราวมุกลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบเย็น เธอค่อยๆขยับเรือนกายหาความอบอุ่นจากร่างกำยำ แต่ทว่าพื้นที่ข้างๆเธอกลับว่างเปล่าไร้เงาของชายหนุ่ม เขาหายไปตั้งแต่ตอนไหน? มือบางค่อยๆยันร่างกายที่ปวดหนึบลุกขึ้นมานั่ง เมื่อคืนเขาเล่นเอาไม่ให้เธอได้พักเหนื่อยเลยแม้แต่นิด ไม่รู้ว่าโดนยาตัวไหนมาถึงได้เป็นม้าดีดทั้งวันทั้งคืนขนาดนั้น ยิ่งพูดพราวมุกยิ่งปวดหัว ไอ้คนบ้านั่น ทำให้ร่างกายของเธอไม่มีความสุข ร่างระหงลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทำความสะอาดร่างกายของตนเองด้วยความทุลักทุเล หลังจากที่ทำให้ตัวเองสะอาดเสร็จ ก็เดินตรงดิ่งมายังครัวทันที หวังว่าตู้เย็นนี้จะมีสิ่งของที่เธอสามารถกินได้ แต่ทว่าหางตากลับหั
เจษถูกลากขึ้นรถยนต์ยี่ห้อแพงด้วยชั่วเวลาพริบตาเดียว เขาเป็นตำรวจมาหลายปี แต่ไม่เคยถูกจับขึ้นรถมาแบบงงๆอย่างครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ “เดี๋ยวนะครับ นี่คุณจะพาผมไปไหน?” “ตามที่เราตกลงกันไว้ไงคะ?” เสียงใสเอ่ยตอบ เหยียบจนแทบมิดไมล์ “หา? ผมไปตกลงอะไรกับคุณตอนไหน?” เจษขมวดคิ้วมองทางสลับเข้ากับใบหน้านวล “ฉันรู้ค่ะ ว่าตัวจริงของฉันมันสวยกว่าในรูปมาก แต่ฉันก็ไม่คิดจะรังเกียจคุณเลยนะคะ” พูดไปก็หันหน้ารถเข้ามายังโรงแรมแห่งหนึ่ง “เฮ้ย! นี่คุณกะจะพาผมมาทำอะไรเนี่ย?” เจษโวยวายลั่นรถเมื่อเห็นเธอเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด แถมยังเข้าสู่ห้องที่มีพนักงานรอเรียบร้อย&n
“คุณเจย์จะพาไปไหนเหรอคะ?” พราวมุกมองทางที่ไม่คุ้นชินเมื่อเขาพาออกมาจากโรงแรมตั้งแต่เช้าตรู่ “บ้านใหม่ของเรา” ชรัณเลี้ยวหัวรถเข้าไปยังคอนโดหลังใหม่ เขาเฟ้นหาทั่วทั้งกรุงเทพฯ เพื่อความปลอดภัยของพราวมุกโดยเฉพาะ อีกทั้งที่นี่ยังสะดวกสบายเดินทางง่ายแม้ไม่มีรถส่วนตัว เพราะติดกับรถไฟฟ้า รถขนส่งสาธารณะ รถคันเก่าของทิมที่ซื้อให้เธอขับอยู่ทุกวันนั้น ชรัณห้ามเธอขนกลับมาด้วยเรียบร้อย “บ้านของเรางั้นเหรอคะ?” นี่เขาล้อเล่นอะไรอยู่กันแน่ คอนโดเนี่ยนะเรียกบ้านของเรา แน่จริงก็พาเธอไปอยู่ในบ้านเลยสิ ถ้าไม่กลัวคนที่บ้านว่า! “อื
หลังจากที่มาอยู่กับไอริได้หนึ่งเดือนกว่าแล้ว ทั้งสองสาวก็ร่วมงานก้นได้ดี เพราะอีกคนหาเงิน ด้วยความสามารถ และอีกคนช่วยจัดตารางเล็กไปน้อยๆ แถมงานบ้านไม่ขาดอีก “เฮ้อ~” พราวมุกถอนหายใจที หาวทีเกือบตลอดทุกห้านาที “ง่วงก็ไปนอน” ไอริขำเบาๆ “ง่วงอะไร แค่นี้เอง ปกตินอนได้ยันตีสองตีสาม” มองเวลาแค่สองทุ่มก็ยิ่งรู้สึกง่วงแล้ว “อ้อจ้า แม่คนเก่ง ช่วงนี้แกยุ่งมากเลย ต้องรับงานจากผู้จัดการฉันมาทำด้วย” ไอริวางงานลงก่อนจะยิ้มกว้างให้เพื่อน “ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆหรอกย่ะ เอาเป็นว่าช่วงนี้ฉันช่วยได้จะช่วย เก็บเงินสักหน่อยนึงกลับบ้านไปหาป้า งานที่นู่นน่าจะดีกว่า”
“คุณพริ้งกำลังท้องกับใครครับ?” หลังจากตรวจเสร็จชรัณก็เอ่ยถามทันที เพราะเรื่องนี้มันกำลังทำให้เขาเดือดร้อนไปด้วย “ถ้าพ่อไปพูดอะไรไม่ดีแบบนั้น พริ้งขอโทษคุณเจย์อีกครั้งจริงๆนะคะ” พริ้งพราวยกมือขึ้นไว้ เธอไม่กล้าสู้หน้าชายคนนี้ได้เลย บาปกรรม ที่เธอกล้าทำกับเขามันมากนัก “คุณพริ้ง บอกผมได้ไหม? ว่าใครเป็นพ่อเด็ก เพราะเด็กคนนี้จะไม่มีพ่อไม่ได้ แล้วพ่อเขาต้องรู้และรับผิดชอบด้วยครับ” เสียงเข้มทำให้พริ้งพราวใจหวั่น “ขะ เขาชื่อเจษ เป็นเกย์ค่ะ พริ้งตั้งใจมีน้องเพื่อที่จะไม่ต้องแต่งงานกับคุณเจย์” เธอสลดลง “คิดอะไรบ้าๆเนี้ย! แค่คุณไม่เต็มใจ ผมไม่เต็มใจ ไม่มีใครบังคับเราได้หรอกครับ” ชรัณหัวเสีย เขาไม่คิดว่าตัวเ
ร่างระหงสวมชุดเจ้าสาวกี่เพ้าสีแดงตามประเพณีของบ้านเจ้าบ่าว เธอมองชุดที่ขับสีผิวตนเองด้วยความปลื้มใจ แม้ว่าตอนเช้าจะไม่ได้สวมชุดไทยตามที่สาวๆหลายคนหมายปอง แต่เธอก็ได้เป็นเจ้าสาวที่ถือว่ามีความสุขที่สุด “มะม๊าขา” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยเรียกมารดาของตนเองดังขึ้น เมื่อเห็นเธอดกำลังเหม่อมองตัวเองในกระจก “เฟิ่งของม๊า วันนี้น่ารักมาเลยค่ะ” พราวมุกลูบแก้มเด็กหญิงวัยสามขวบด้วยความเอ็นดู “ปะป๊ามาแล้ว” เสียงเล็กๆบอกมารดาพร้อมกับคลอเคลีย ร่างเล็กๆที่สวมกี่เพ้าเหมือนกับมารดาทำให้เธอหยิกแก้มยุ้ยๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “โอเคค่ะ เฟิ่งไปรอปะป๊านะคะ” มือบางลูบหัวนุ่มลื่น
หลังจากที่ชรัณรู้ตัวคนก่อการเรื่องของพริ้งพราว เขาก็ไม่อยู่นิ่ง รีบมาฟาดเพื่อนหนุ่มที่สถานนีตำรวจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ไอ้เหี้ยเจย์!” เจษฎากรสารวัตรหนุ่มลูบหัวตัวเองปอยๆพร้อมกับมองเหลือบสายตามองไปยังนอกห้องว่ามีใครเห็นหรือไม่ที่เขาโดนเพื่อนมาเขกกะบาล “มึงสิเหี้ย ไปทำคนเขาท้องไม่รับผิดชอบ” น้ำเสียงบ่งบอกว่าหงุดหงิด เกือบเขาซวยไปด้วยแล้วไหมล่ะ “กูหาตัวแม่นั่นไม่เจอ!” เขาใช้มือเคาะโต๊ะย้ำๆเป็นการเตือนเพื่อน “กูเจอแล้ว” ชรัณนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามของเพื่อนรัก ถอนหายใจยาวเหยียดขณะที่อีกคนตื่นตาเพ่งมาที่เขา “ใคร??” เจษฎากรตาโตหูตั้งขึ้นมาทันที
“ที่นี่ใช่บ้านเจ้าสัวใจภักดิ์ไหมคะ?” เสียงใสเอ่ยถามแม่บ้านที่วิ่งมาต้อนรับแขก “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมาหาใครคะ?” แม่บ้านวัยชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียเป็นมิตร “ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยเรียนคุณเจย์ลูกเจ้าของบ้านว่ามีเพื่อนมาหาได้ไหมคะ?” พราวมุกพูดเสียงเบา “ให้เรียนว่าเพื่อนชื่ออะไรดีคะ?” “พราวค่ะ” “ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ” แม่บ้านวัยกลางคนเดินเข้าบ้านก่อนจะออกมาในเวลาต่อมา “เชิญคุณพราวไปรอด้านในก่อนค่ะ”&n
1 เดือนต่อมา “เปิดร้านอาหารตามสั่งที่บ้านก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย” พราวมุกยืนยิ้มให้กับผลงานใหม่ของตนเอง เธอได้ก่อสร้างร้านเล็กๆที่หน้าบ้าน ติดป้ายไวนิลประกาศบอกว่ามีอาหารตามสั่งและข้าวแกงรสชาติดั้งเดิมของป้าภา ก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาแต่เช้าแล้ว “สองแฝดพายายทำกำไรได้งามทุกอย่างเลยนะ” จันทราภาวางมือลงบนหน้าท้องโตๆของหลานสาว “หลานๆอยากให้คุณยายมีขาเทียมไวๆเลยต้องรีบหาทางทำงานช่วยแม่จ้ะ” ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มมองหน้าท้องสลับกับหญิงพิการ “อดใจไม่ไหว อยากเจอหน้าหลานๆแล้ว” คนมากอายุยิ้มกว้าง&nbs
“คุณเจย์ไม่มาแล้วเหรอพราว?” จันทราภาเอ่ยถามหลานสาวที่ขับรถอยู่ พราวมุกตั้งแต่ออกจากบ้านก็ไม่เอ่ยคำพูดใดเลย เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดทาง เขาบอกไม่ใช่หรือไงว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยเหตุใดถึงไม่มีแม้แต่วี่แววสักนิด? “ไม่จ่ะป้าภา เขาติดงานด่วน” เธอตอบสั้นๆ แล้วตั้งใจขับรถต่อไป หลังจากตื่นมาก็ไม่เจอชรัณเลยแม้แต่เงา เธอนั่งรอคิดว่าเดี๋ยวเขาหายโกรธก็คงกลับมาตอนเช้าๆ แต่รอจวนจะแปดโมงแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอจึงตัดสินใจมากับจันทราภาเพียงสองคน พราวมุกพาจันทราภาเข้ามาตรวจสุขภาพตั้งแต่เช้าจนบ่าย พอเสร็จทุกอย่างแล้วจึงพาคนป่วยเดินทางกลับบ้าน แต่พอถึงบ้านใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอมอง
ดวงตาคู่สวยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมามองรอบๆห้องนอนของตนเอง เธอขมวดคิ้วยุ่ง แปลกใจที่ตนเองขึ้นมายังห้องนอนได้ยังไง? “ตื่นแล้วเหรอครับ?” ประตูบานเล็กเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่ถือแก้วนมมาให้ “คุณเจย์” เสียงสะลึมสะลือเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้อง เธอมองแก้วนมที่เขาใส่มาก่อนจะเบิกตาโต เพราะว่านมที่ชรัณถือมันคือนมผงสำหรับคนท้องที่ต้องกินก่อนนอนเท่านั้น “คุณต้องดื่มนี่ทุกวันถูกไหม?” เขานั่งลงมองใบหน้าที่แตกตื่นของเธอ มือหนายกแก้วขึ้นมาก่อนจะยิ้มบางๆ “อันนี้.. คุณไปชงมาจากไหนคะ?” พราวมุกเอียงหน้ามอง ทำตาใสแจ๋วอย่างมึนงง
ชรัณเดินทางไปกลับบ้านของพราวมุกและโรงแรมของตนเองทุกวัน วันไหนที่งานเขาไม่เยอะเขาก็สามารถปลีกตัวออกไปยังร้านขายแกงของพราวมุกได้ ส่วนวันไหนที่ลูกค้าสำคัญมาเขาก็ต้องเร่งทำยอดไว้เสียก่อน แต่นี่ผ่านมาสามวันแล้วที่เขาไม่ได้เข้าไปหาเธอเลย หลังจากที่ป้าของพราวมุกออกจากโรงพยาบาล เขาก็ได้ช่วยพราวมุกในหลายๆอย่าง และช่วงนี้เธอเองก็ดูไม่ค่อยสู้ดี แม้เขาจะเป็นห่วงแค่ไหน หาคนมาช่วยฟรีๆเธอก็ไม่เอา ชรัณมองเหล่าพนักงานที่วิ่งวุ่นกันทั้งวันเนื่องจากมีลูกค้ารายใหญ่หลายเจ้าเข้ามา เขามองดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มเข้าให้แล้วด้วย “วันนี้ลูกค้าหมดแล้วครับ คุณเจย์จะกลับเลยไหม?” ธีร์ถามเจ้านายที่นั่งจ้องเอกสารตรงหน้า “อ่า อื้ม ครับ เดี๋ยวผมไปที่อื่นต่อ” เข
“นี่น่ะเหรอครับ?” ชรัณมองข้าวของที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาแปลกใจ ถูกเรียกให้ออกมาตั้งแต่ตีสาม สวมเสื้อกันเปื้อนพร้อมอุปกรณ์ทำครัวเสร็จสรรพ “ค่ะ ช่วงนี้ป้าของฉันท่านยังต้องพักผ่อน ส่วนฉันก็ไม่อยากเสียค่าจ้างคนงาน เพราะงั้น นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ ฉันเขียนมันไว้ที่กระดาษแผ่นนี้เรียบร้อย” มือบางหยิบกระดาษที่ว่าวางใส่มือหนา ชรัณรีบเปิดออกดู ก่อนจะตาเบิกโพลง เพราะมันไม่ใช่กระดาษธรรมดา แต่มันแผ่นใหญ่เกินกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก “ตื่นเช้าเวลาตีสาม มาช่วยทำกับข้าว มีหน้าที่เตรียมวัตถุดิบและเป็นลูกมือห่างๆ เจ็ดโมงจัดเรียงข้าวของขึ้นบนรถ แปดโมงตั้งโต๊ะขายกับข้าวเช้า สิบโมงเก็บของกลับบ้าน สิบเอ็ดโมงเตรียม
หลังจากที่จันทราภาฟื้นได้สติ เธอก็แปรเปลี่ยนจากคนใจเย็นเป็นคนขี้หงุดหงิด วันแรกๆทำให้พราวมุกเหนื่อยและใช้แรงกายไปเยอะมากทั้งอาการแพ้ท้องและดูแลคนป่วย เธอแทบไม่ได้พัก แต่หลังจากที่ผ่าตัดได้ถึงสัปดาห์อารมณ์ของคนป่วยก็เริ่มคงที่ลง ตอนนี้จันทราภาไม่ต่างจากไม้ใกล้ฝั่ง เธอนอนมองพื้นเพดานและมองคนรอบข้างที่ได้ออกจากโรงพยาบาลและเข้ามาใหม่ไม่ซ้ำหน้า “ป้าภาคะ วันนี้พราวซื้อเงาะมาให้ด้วย กินซักหน่อยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นเงาะที่แกะเมล็ดแล้วให้แก่คนป่วย จันทราภาเพียงเหลือบมองแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ที่ยอมอ้าปากแต่โดยดี “พร