Mag-log inEP.3 ข้อเสนอแลกกับร่างกายเธอ
ภายใต้ปราการลับที่ถูกซ่อนอยู่ในที่ห่างไกลจากสายตาผู้คน สองชีวิตที่เพิ่งรอดพ้นจากคมกระสุนกำลังหลบซ่อนจากเงื้อมมือของภัยอันตราย
ลูกน้องมือขวาของมาเฟียหนุ่มพาแก้มใสไปยังห้องพัก ภายในห้องมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ป่าช่วยปลอบประโลมจิตใจที่เหนื่อยล้าของเธอ
แก้มใสจัดการชำระร่างกายที่เปรอะเปื้อนเป็นคราบดำ ใบหน้ามอมแมมกลับสะอาดหมดจด เว้นเสียแต่เพียงจุดเล็ก ๆ ตรงมุมปากเป็นรอยสีม่วง
หญิงสาวมองตัวเองผ่านกระจกใสในห้องน้ำ พลันคิดชีวิตที่น่าสมเพชของเธอ แก้มใสตกอยู่ในจุดระกำลำบาก นึกถึงวันที่ถูกพ่อเลี้ยงหลอกให้เธอไปที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง พ่อเลี้ยงอ้างว่าหางานให้เธอทำกะกลางคืนเป็นเด็กเสิร์ฟในร้าน ซึ่งเธอก็เชื่อพ่อเลี้ยงอย่างง่ายดาย เพียงเพราะต้องการเงินมาเลี้ยงตนเอง
แต่ใครจะคิดว่าหลังจากคืนนั้น ชีวิตของเธอกลับดำดิ่งลงเหว เมื่อเธอถูกพ่อเลี้ยงส่งตัวเธอไปเป็นของเล่นมาเฟีย และโดนจับไปที่โกดังแห่งนั้น
แก้มใสสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวยาวของไมเลส เธอหยิบมันมาจากตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่วางอยู่ในห้อง ปลายเสื้อเลยเหนือเข่าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่เคยหมองคล้ำและเกิดความหวาดกลัว ตอนนี้กลับเปล่งและงดงาม
ดวงตากลมโตเป็นประกายภายใต้แพขนตายาวงอน ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อชวนมอง ผมยาวสลวยที่เคยพันกันยุ่งเหยิงได้ทิ้งตัวลงมาอย่างเป็นระเบียบ
ท้องของแก้มใสเริ่มส่งเสียงประท้วงความหิวโหย เธอเดินออกจากห้องพักอย่างเงียบเชียบ ด้วยความไม่แน่ใจว่าไมเลสจะทำแผลเสร็จหรือยัง
บรรยากาศภายนอกห้องเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใด ๆ แก้มใสคาดเดาว่าอาหมอประจำตระกูลน่าได้เดินทางกลับไปแล้ว
แก้มใสย่องไปตามโถงทางเดินอย่างระมัดระวัง หัวใจเต้นระรัวด้วยความกังวล เธอเห็นไมเลสนั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาตัวเดิม ข้างหน้าเขามีขวดแก้วสีชากับแก้วคริสตัลหนึ่งใบวางตั้ง แก้มใสตัดสินใจก้าวเข้าไปหาเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ฉันขอยืมชุดคุณใส่หน่อยนะคะ แล้วอาการคุณเป็นยังไงบ้าง” เสียงของเธอแผ่วเบา แก้มใสรู้สึกผิดอย่างท่วมท้น เพราะรู้ดีว่าเขาบาดเจ็บเพื่อช่วยเธอ
ไมเลสเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เรียวปากได้รูปเผยออ้า ดวงตาคมไล่สายตามองหญิงสาวตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้า ภาพตรงหน้าทำให้เขานึกถึงคำพูดของอาหมอที่บอกว่า
ลองให้โอกาสเธอได้อาบน้ำดูก่อนสิ
ใบหน้าที่สะอาดสะอ้านและงดงามของเธอ ช่างแตกต่างจากภาพหญิงสาวมอมแมมที่เขาได้พบเจอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนราวกับเป็นคนละคน ความสวยของเธอชวนให้คนมองยังตะลึงค้าง
แก้มใสเห็นไมเลสจ้องมองมาที่เธออย่างไม่วางตา เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยแต่ก็ยังคงรวบรวมความกล้าพูดต่อ
“ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว” เธอเห็นผ้าก๊อซสีขาวพันรอบเอวและรอบต้นแขนซ้าย เธอเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะพูดขอ
“คุณคะฉันหิว ที่นี่มีอะไรให้ฉันกินไหม” สองมือบางวางไปบนหน้าท้อง มันกำลังร้องเรียกหาอาหาร ตอนนี้ขอแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสักซองก็ยังดี เธอไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน
คำถามของแก้มใสเรียกสติไมเลสกลับคืนมา เขาหลุบตาลงเล็กน้อยก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางซ้ายมือ
“ในครัว เธอดูเอาเองแล้วกัน”
“คุณกินไหม ฉันจะได้ทำเผื่อ” เรียวปากสีชมพูคลายยิ้ม แก้มใสถอนหายใจด้วยความโล่งอก เจ้าของอาคารพยักหน้าตอบรับ ร่างแบบบางเดินเข้าไปในครัวที่อยู่ไม่ไกลนัก
ไมเลสมองตามแผ่นหลังเล็ก มุมปากหยักยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหยิบแก้วสีชาขึ้นดื่มจนหมด หญิงสาวเจอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสองซองในตู้ แก้มใสจัดการต้มบะหมี่ เธอเปิดตู้เย็นดู อยากจะรู้ว่ามีของสดอะไรบ้าง
ใบหน้าสวยเกิดความผิดหวังบนใบหน้า เรียวปากได้รูปคว่ำเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าในตู้เย็นมีเพียงน้ำเปล่าและขวดเหล้าวางเรียงอยู่เต็มตู้
“ตู้เย็นคุณมีแต่น้ำเปล่ากับเหล้า ไม่มีของสดอะไรเลย”
ไมเลสเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นคำบ่นหรือเธอแค่ต้องการบอกเขากันแน่ แก้มใสยื่นถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาตั้งวางตรงหน้าเขา ทั้งคู่เริ่มกินบะหมี่อย่างเงียบ ๆ บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบงัน แก้มใสอิ่มท้องมากขึ้น เธอจัดการบะหมี่กึ่งฯจนหมดชาม
“เธอถูกพ่อเลี้ยงขายให้พวกมัน” ไมเลสทำลายความเงียบ มองใบหน้าสวยสะอาด
“ค่ะ พ่อเลี้ยงขายฉันเพื่อใช้หนี้ที่พ่อติดพนัน” น้ำเสียงของแก้มใสสั่นเครือเล็กน้อย เมื่อพูดถึงเรื่องราวอันเจ็บปวด
“น่าแปลก มันทำขนาดนี้เธอยังเรียกมันว่าพ่อได้ลง แล้วแม่เธอล่ะอยู่ไหน” ไมเลสเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อยู่ด้วยกันค่ะ” คำตอบนั้นทำให้ไมเลสเลิกคิ้วสูง แววตาคมกริบของเขากวาดใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวยามที่เขาถามถึงแม่เธอ
“อยู่ด้วยกัน ? แล้วทำไมถึงปล่อยให้ผัวใหม่เอาลูกสาวมาขายแบบนี้”
แก้มใสเม้มปากแน่นน้ำตาคลอ เธอไม่กล้าตอบคำถามนั้น เพราะความจริงมันเจ็บปวดเกินกว่าจะเอ่ย แม่เธอก็เห็นดีเห็นงามกับการกระทำของพ่อเลี้ยง เห็นเงินก้อนใหญ่ดีกว่าลูกในไส้ แม่ไม่คิดจะปกป้องลูกแท้ ๆ อย่างเธอ
“แม่เธอคงห่วงแต่ผัวใหม่ จนลืมไปแล้วว่ามีลูกสาวอย่างเธอ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่ถ้อยคำนั้นกลับแทงใจแก้มใสจนชาไปทั้งร่าง
“ตั้งแต่เด็กฉันต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน ทำงานพิเศษทุกอย่างที่ทำได้” น้ำเสียงเธอเอ่ยติดสั่น นึกหวนถึงเรื่องในอดีตที่แสนเจ็บปวด
“ลำบากน่าดู” ชีวิตของเธอกับเขา ต่างกันราวฟ้ากับเหว ดวงตาคมชำเลืองมองใบหน้าเธอเพียงครึ่ง ไมเลสเห็นจุดสีม่วงตรงมุมปากของเธอ ดวงตาคมกริบทำเพียงแค่มอง ไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด
“ค่ะ พ่อเลี้ยง...” เสียงหวานกำลังจะเอ่ยต่อ ทว่าถูกมาเฟียหนุ่มพูดแทรกขึ้น
“มารยาทดีจังนะ ที่เธอยังให้โอกาสเรียกมันว่าพ่อเลี้ยง เธอควรจะเรียกพ่อเลี้ยงว่า ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ ไอ้ชาติหมา อะไรพวกนี้ยังจะเหมาะเสียกว่า”
ไมเลสมองสาวสวยตรงหน้าอย่างพิจารณา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะต้องเผชิญกับเรื่องราวที่โหดร้ายเช่นนี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและความหวาดกลัวในน้ำเสียงของเธอ
“ฉันไม่มีที่ไป คุณพอจะช่วยฉันได้ไหมคะ”
“ช่วยอะไร” ไมเลสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอนกายพิงพนักมองสาวสวยที่ร้องขอความช่วยเหลือจากเขาเป็นครั้งที่สอง
“อะไรก็ได้ค่ะ คือ...คือฉันไม่มีเงินติดตัวเลย”
“อยากได้เงินว่างั้น” ร่างกำยำขยับกายเข้าหาเธอทีละนิด มองพินิจใบหน้าสวยอย่างพิจารณา
“ฉันไม่เหลือใครแล้วค่ะ ฉันไม่รู้จะไปที่ไหน”
“ขอกันง่ายไปไหม ชีวิตคนเรามันไม่ง่ายหรอกนะแก้มใส” ไมเลสเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาแพรวพราวซ่อนความเจ้าเล่ห์ ในแหล่งกบดานหรูที่ห่างไกลผู้คน แก้มใสตัวสั่นเทา เมื่อเจ้าของร่างกำยำขยับเข้าหาเธอใกล้ ๆ หญิงสาวไร้ที่พึ่ง ไร้เงินทอง หลังถูกพ่อเลี้ยงผลักไสมายังโลกมืดของมาเฟีย
“อยากได้อะไร มันก็ต้องแลก” ร่างสูงใหญ่ทาบทับลงมาบนตัวเธอ แก้มใสไม่ทันได้เตรียมใจ เธอสบตาคมขึ้นประกาย ใบหน้าเราสองใกล้กันเพียงคืบเป็นครั้งแรก ลมหายใจอุ่นรนริดบนดวงหน้า
ดวงตากลมโตคู่สวยสะท้อนริ้วรอยแห่งความหวาดหวั่นไมเลสไม่มีความเห็นใจในดวงตาคู่นั้น มีเพียงความต้องการที่เปลือยเปล่า
“ตะ แต่คุณ...เจ็บอยู่นะคะ คุณโดนยิง”
“ไม่ใช่เพราะเธอหรอกเหรอฉันถึงได้โดนยิง เพราะฉะนั้นเธอต้องรับผิดชอบฉัน ใช้ร่างกายของเธอให้เป็นประโยชน์ต่อผู้มีพระคุณหน่อยสิ”
“เธอไม่มีทางเลือกอื่นอยู่แล้วนี่ แล้วอีกอย่างเธอก็เป็นคนขอให้ฉันช่วยไม่ใช่” นิ้วสากไล้วนไปตามกรอบหน้ามน ก่อนจะพูดต่อ
“อยู่ที่นี่มีแค่เราสองคน ไม่มีใครรู้เรื่องของฉันกับเธอ”
ไมเลสกวาดสายตามองเรือนร่างบอบบางของแก้มใสอย่างพินิจ เขามองเห็นเพียงความบริสุทธิ์แกมเซ่อซ่าในตัวเธอ และนั่นยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดิบในตัวเขา
ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้ม ดวงตาเป็นประกายระยับอย่างมีเลศนัย
“เธอต้องดูแลฉันทุกอย่าง ทั้งเรื่องปากท้อง ความสะอาดของที่นี่ และที่สำคัญที่สุด...เรื่องบนเตียง” น้ำเสียงของเขาเจือไปด้วยคำสั่งที่ยากจะปฏิเสธ เธอหนีพ้นจากมาเฟียกลุ่มนั้นได้ แต่กลับต้องมาเจอข้อเสนอบ้า ๆ นี่
น้ำตาสีใสคลอหน่วยกลิ้งหล่นผ่านหน้าแก้ม “ชู่ว อย่าร้องไห้ไปเลยคนสวย ถ้าเธอฟังข้อเสนอของฉันอีกข้อ ฉันรับรองเลยว่าเธอจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป” จบคำ ริมฝีปากอุ่นร้อนค่อย ๆ ขบเม้มติ่งหูเธออย่างเชื่องช้า ละเอียดอ่อน แต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อน สัมผัสนั้นจุดประกายไฟปรารถนาให้ลุกโชนขึ้นภายในกาย เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ขณะที่ลมหายใจของเขาปะทะผิวกาย ทำให้ขนอ่อนลุกชันไปทั่วทั้งร่าง กลิ่นกายของเธออบอวลอยู่รอบตัวเขา ชวนให้บางอย่างมันตื่นขึ้น มือแกร่งโอบรัดเอวเธอไว้แน่น ดึงรั้งให้ร่างของเธอแนบสนิทจนแทบไม่มีช่องว่าง และเธอสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจเขาที่บ้าคลั่งไม่แพ้กัน
“ฉันจะให้เงินเธอคืนละแสนแลกกับข้อเสนอของฉัน เธอจะยอมรับมันไว้หรือเปล่า คิดให้ดี ๆ นะคนสวยของฉัน”
ตอนพิเศษ 4ร่างสูงใหญ่ในท่าทีที่น่าเกรงขาม ‘ไทเธย์’ นั่งพิงเบาะหลังรถยนต์หรูคันที่สองในขบวน รถกำลังขับออกจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง สายฝนเดือนพฤศจิกายนโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายจนหน้าต่างรถพร่ามัว เขาเลื่อนกระจกลงเล็กน้อยเพื่อสูดกลิ่นไอดินและหญ้าที่ปะปนมากับความชื้นของสายฝน ชายหนุ่มอายุ 30 ปีผู้เป็นเจ้าของธุรกิจมืดหลายอย่าง มีใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยวที่เฝ้ามองเหยื่ออยู่ตลอดเวลา เขาเปิดอ่านเอกสารสำคัญในมืออย่างตั้งใจ ก่อนที่รถถูกเบรคกกระทันหัน “ขอโทษครับนาย” ไทเธย์เงยหน้าขึ้นมองคนขับด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เขามองไปยังรถคันสีดำที่จอดอยู่ข้างหน้า กระทั่งมีบอดี้การ์ดวิ่งมา เขาจึงลดกระจกลงเล็กน้อย “นายครับ มีผู้หญิงมายืนตัดหน้ารถ เธอบอกว่าจะขอคุยกับนายครับ” ไทเธย์เงียบฟัง ดวงตาคมย้ายไปมองทางข้างหน้า เขากำลังใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยสั่งเสียงเข้ม“จับเธอออกไป” บอดี้การ์ดคนเดิมก้มหัวรับคำ รีบเดินไปจัดการ ผู้หญิงคนนั้น แต่ทว่าเขากลับได้ยินเสียงของเธอตะโกนให้ได้ยิน “ปล่อยฉันนะ ฉันต้องการคุยกับเขา คุณคะ หนูอยากเจอคุณ” ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองตามเสียงร้อง เขาเห็นร่างบอบบางของหญิงสาวกำลังถ
เขาพึมพำเสียงพร่า มืออีกข้างเลื่อนขึ้นเคล้นทรวงอกอิ่ม บดขยี้ยอดถันอย่างหิวกระหายจนเธอต้องแอ่นกายรับสัมผัสนั้นอย่างห้ามไม่ได้ ดวงตาของทั้งคู่สบกันอย่างยั่วยวน แก้มใสเม้มปากล่างแน่น ดวงตาเยิ้มพร่าด้วยแรงอารมณ์ ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นลงอย่างไม่ยั้ง “ซี๊ด~ ดีมากที่รัก” “อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาา~” เสียงครางหวานประสานกับเสียงทุ้มต่ำก้องกังวานในห้องแต่งตัว แก้มใสกระแทกสะโพกลงกับตักหนาแรงขึ้นเสียงเนื้อกระทบกันดังระงม ความร้อนรุ่มพลุ่งพล่านราวกับไฟลุกโชนทำให้เขาและเธอแทบไม่รู้ตัวว่าร้องครางออกมาอย่างไร้การควบคุม “ยั่วฉันเกินไปแล้ว” เสียงเขาแหบพร่าขณะที่มือใหญ่รั้งเอวบางแน่น กดตรึงให้จังหวะของเธอยิ่งลึกและแนบชิดขึ้น สะโพกหนายกสวนโต้ตอบอย่างรุนแรง ริมฝีปากร้อนรุ่มลากไล้จูบจากลำคอขาวเนียนขึ้นมาถึงกลีบปากบาง แล้วบดขยี้จูบอย่างเร่าร้อน เสียงหอบหายใจสอดประสานกับเสียงดูดดื่มที่ชวนให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดดูดกลืนกันจนเธอแทบขาดอากาศ“อื้อ! ที่รัก…ฉันจะไม่ไหวแล้ว” แก้มใสร้องเสียงสั่น สะโพกเล็กเร่งเร้าเร็วถี่ ความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วร่างจนขาเรียวสั่นระริก เขากระตุกยิ้มร้าย สายตาคมกริบสอดประส
ตอนพิเศษ 3 “ไม่ค่ะ” แก้มใสเอ่ยปฏิเสธคำขอของสามี ก่อนจะออกแรงผลักให้ร่างใหญ่ทรุดนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะกระจก แล้วเธอก็ตามมานั่งทับลงบนตักกว้างนั้นอย่างท้าทาย“หืม~ วันนี้เธอจะรุกฉันงั้นเหรอคนสวย” “ก็เห็นอยู่นี่คะ ว่ากำลังจะทำอะไร” แก้มใสเอ่ยเสียงพร่า มือเรียวค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาทีละเม็ดอย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่มองสบกันไม่วาง ความร้อนรุ่มคุกรุ่นไปทั่วอกจนไมเลสแทบทนไม่ไหว เขาจึงช่วยเร่งกระชากเสื้อออกจากตัวอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นเรือนกายแข็งแกร่งที่เธอปรารถนาอยากจะครอบครองไมเลสเอื้อมมือไปปลดซิปชุดเดรสออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรูดลงจนผ้าเลื่อนหลุด เผยให้เห็นชุดชั้นในลูกไม้สีดำที่แนบตึงไปกับเนินอกอวบ เขามองความขาวสูดลมหายใจลึก แววตาคมกริบเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่กำลังปะทุเขาใช้นิ้วปลดตะขอสิ่งขัดขวางตรงหน้า แก้มใสรูดสายชั้นในลงอย่างช้า ๆ ส่งสายตายั่วยวนสามีที่นั่งกัดปากอย่างอดทน“ลูกคนที่สองเมื่อไหร่จะมาสักที ฉันอยากได้ลูกสาว” ไมเลและแก้มใสเคยคุยกันไว้ ลูกคนที่สองพวกเขาทั้งคู่จะรอให้อีธานมีอายุครบสองขวบก่อน ช่วงนี้เขาเร่งปล่อยเร่งที่อยากจะผลิตตัวน้อย ๆ ในท้องภรรยาเต็มที “อาจจะ...
หลังจากที่หมอวินเดินห่างออกไป ดวงตาก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า เห็นลูกสาวและลูกเขยนั่งอยู่บนเตียง ทั้งคู่คล้ายจะมีปากเสียง เมื่อเห็นว่าแก้มใสทำท่าจะยกมือตีไมเลส ส่วนอีธานหลานชายเธอนั่งมองทั้งคู่อยู่บนตักแก้มใส เด็กคนนี้ช่างน่ารัก น่าชังเหลือเกิน “แม่...” สองสามีภรรยามองไปยังดวงตา แก้มใสลดมือลง ทันทีที่เห็นมารดาน้ำตาสีใสคลอเบ้า ไมเลสจับลูกชายวัยซนมานั่งบนตักแทน “ลูก...สวยมาก เหมาะสมกันมาก” ดวงตาหันมองคู่สามีภรรยา “ขอบคุณครับ/ค่ะ” ดวงตามองหน้าลูกสาวเพียงคนเดียว ในจังหวะเดียวกันหญิงวัยกลางคนก็เหลือบมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังมองเธอตาแป๋วเช่นกัน “อีธานครับ สวัสดีคุณยายเร็ว” เจ้าเด็กแสบทำท่ายกมือธุจ้า อีธานอารมณ์ดียิ้มร่าเริงให้คุณยาย “คุณยายชื่อดวงตา เป็นแม่ของแม่นะครับ” อีธานรับฟังเสียงของมารดา ก่อนจะนั่งโยกตัวบนตักบิดา ทว่าจู่ ๆ เด็กน้อยกางแขนป้อม ๆ ราวกับอยากให้คุณยายอุ้ม “ยะ ยะ” ทันทีที่ดวงตาเห็นหลานชายอยากให้เธออุ้ม เธอกางมือทำท่าจะรับมา แต่ไมเลสกลับไม่ยอม สายตาคมคล้ายไม่ไว้ใจ แค่เขายอมให้ดวงตามางานแต่งงานด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว “คุณคะ” แก้มใสส่งเสียงดุสามี “เอ่อ...ไม่เป็นไร แม่เข้าใจ” ดวงต
เสียงดนตรีคลอไปทั่วห้องบอลรูมของโรงแรมหรูใจกลางเมือง แสงไฟระยิบระยับส่องประกายไปทั่วงาน ไมเลสยืนอยู่บนเวทีในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขแก้มใสในชุดเจ้าสาวที่สง่างาม เธอเดินถือช่อดอกไม้สีขาวเพื่อเข้าสู่ห้องงาน ทุกก้าวย่างของเธอสวยสง่าราวกับหลุดออกมาจากนิยาย ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มหวานไปให้ไมเลส ผู้ชายที่ยืนรอเธออยู่บนเวทีงานแต่งงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นตามที่ไมเลสเคยบอกไว้กับแก้มใส เขาจะจัดงานแต่งงานก็ต่อเมื่อลูกชายของเขาลืมตาดูโลกขึ้นมาแล้วเท่านั้น และวันนี้อีธานก็ได้อยู่ในงานแต่งของพ่อและแม่ของเขาแล้ว ทว่าอีกฟากฝั่งจากมุมหนึ่งภายในห้องบอลลูม หญิงวัยกลางคนยืนนิ่ง เธอกำลังยืนมองบรรยากาศในงานด้วยน้ำตาเอ่อคลอ “...ลูก” ดวงตาได้บัตรเชิญให้มางานแต่งของลูกสาวเมื่อเดือนก่อน มีชายชุดดำมายืนอยู่หน้าบ้านถึงสองคน ยื่นการ์ดสีขาวมาให้โดยไม่พูดอะไร ดวงตารับมาไว้แล้วอ่านข้อความบนการ์ดนั้น ทว่าอยู่ ๆ น้ำตาสีใสก็ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว กระทั่งดาบสามีคนปัจจุบันเดินเข้ามาแล้วแย่งการ์ดงานแต่งมาอ่าน “เหอะ! ไอ้ลูกเลี้ยง มันสบายนี่ แล้วดูมึงกับกูสิ ลำบากฉิบหาย” ดาบย
ตอนพิเศษ 1มอแกนก้าวลงจากรถซูเปอร์คาร์คันหรู เขายืนอยู่ตรงหน้าทางเข้ารีสอร์ตเล็ก ๆ ในจังหวัดเมืองรอง ที่ที่เขาเคยใช้เป็นที่พักชั่วคราวเมื่อครั้งหลบหนีออกมาจากเรือนจำ ร่างสูงยังอ่อนแรงจากการพักฟื้นที่โรงพยาบาล ใบหน้าซีดเซียวสะท้อนให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า ทว่าดวงตาเขากลับสงบนิ่ง เขากวาดสายตามองรอบ ๆ ความเงียบของรีสอร์ต มอแกนหลับตาลงสูดบรรยากาศถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ความสวยงามเริ่มทำให้เขาคลายความตึงเครียดลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ มอแกนกดสายตามองซองสีน้ำตาลที่เขาถืออยู่ในมือ สองเท้าก้าวเข้าไปในล็อบบี้เพื่อติดต่อขอเข้าพัก...อีกครั้ง แต่กลับไม่พบพนักงานอยู่ประจำหน้าเคาน์เตอร์ เขายื่นมือออกไปกดกริ่งกริ๊ง กริ๊ง~ “สวัสดีค่ะ...” เสียงอ่อนหวานที่เขาคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง มอแกนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอสวมชุดเดรสยาวสีขาวสะอาดตา เผยให้เห็นเรือนร่างที่บอบบางและผิวขาวผ่อง สีหน้าของเธอดูตกใจไม่น้อยที่ได้เจอกับเขา มอแกนมองหน้าเธออย่างไม่เชื่อสายตา ‘สายธาร’ เขาจำเธอได้ทันที เธอคือหญิงสาวคนเดียวกันที่เขาเคยเจอที่สุสานใน







