เช้าวันจันทร์ที่ฝนปรอยบาง ๆ ทั่วเมือง แต่ภายในศาลากลางจังหวัดกลับคลาคล่ำไปด้วยผู้สื่อข่าวและช่างภาพจากหลายสำนัก ทุกสายตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูทเรียบไม่มีตราแบรนด์ ดนุ ยืนอยู่หน้าประตูศาลในแสงแดดอ่อน สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะก้าวเข้าไปพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือเสียงชัตเตอร์ดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย กล้องจับภาพสีหน้าของเขา—นิ่งขรึม ไม่อ่อนข้อและไม่หวั่นไหว ทนายความคู่ใจเดินอยู่เคียงข้าง สีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กันเมื่อเอกสารถูกยื่นเข้าสู่ระบบศาลอย่างเป็นทางการ ข่าวก็เริ่มแพร่สะพัดไปทั่วเหมือนไฟลามในหญ้าแห้ง“ลูกชายอีกคนของพัชรลักษณ์โผล่ พร้อมหลักฐานสายเลือดแท้!” “ดนุ—ทายาทโดยชอบธรรมของชลธิชา ยื่นฟ้องตระกูลดัง”พาดหัวข่าวเหล่านี้ครองพื้นที่หน้าสื่อ ภายในเวลาไม่ถึงหกชั่วโมง วิดีโอคลิปสั้น ๆ ขณะดนุเดินผ่านกลุ่มนักข่าว กลายเป็นไวรัลแทบจะในทันทีณภัทร นั่งนิ่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวภายในคฤหาสน์ เขาจ้องมองหน้าจอโทรทัศน์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เสียงพิธีกรข่าวกำลังรายงานด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า แต่ สิ่งที่กดทับในใจของเขากลับไม่ใช่เสียงเหล่านั้นมือกำแฟ้มเอกสารแน่นจนเส้นเลือดปูดนูน เสียงของพ่อที่เ
เสียงเหล็กเสียดสีกับพื้นซีเมนต์ดังก้องกังวานเย็นเยียบ ประตูโลหะของห้องใต้ดินคลับเก่าถูกผลักเปิดออกช้าๆ กลิ่นอับชื้นและความชื้นระคนกลิ่นเก่าแก่ของสถานที่ปะทะเข้าใบหน้าของณภัทรทันทีที่เขาก้าวเข้าไป มันไม่ใช่กลิ่นที่คุ้นเคย หากแต่ให้ความรู้สึกคล้ายย่างกรายเข้าสู่เบื้องลึกของเรื่องราวที่ถูกซ่อนงำ เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจให้ยอมรับคำเชิญจากหมายเลขปริศนา แต่ลึกลงในใจกลับรับรู้ได้ว่า... เขาต้องมาภายในห้องอันสลัว มีเพียงแสงไฟดวงเดียวจากโคมเก่าห้อยระย้าลงมาจากเพดาน และชายผู้หนึ่งที่ยืนพิงผนังรออยู่ก่อนแล้ว ดนุเขาไม่ได้แย้มยิ้ม ไม่แม้แต่จะทักทาย เพียงแค่ยื่นแฟ้มเอกสารบางอย่างมาตรงหน้า"นี่คือของจริง ทุกสิ่งในนี้... คือความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับนาย เกี่ยวกับฉัน และเกี่ยวกับแม่ของเรา"ณภัทรรับแฟ้มเอกสารมาอย่างลังเล ดวงตาไล่อ่านช้าๆ ตั้งแต่ใบสูติบัตร ลายมือชื่อของชลธิชา ไปจนถึงคำรับสารภาพจากเจ้าหน้าที่พยาบาลที่ระบุชัดว่ามีการเปลี่ยนตัวเด็กหลังคลอดห้องเงียบกริบจนได้ยินเพียงเสียงกระดาษที่สั่นระริกในมือเขา ทุกถ้อยคำที่ปรากฏบนหน้ากระดาษก้องกังวานอยู่ในห้วงสำนึก ไม่มีวันเลือนหาย"เธอ... ชื่อชลธิชาใช่ไหม?
แสงแฟลชจากกล้องนับสิบสะท้อนวูบวาบอยู่หน้าบริษัทพัชรลักษณ์ นักข่าวจากหลายสำนักปักหลักแน่นขนัดริมทางเท้า เสียงชัตเตอร์กับเสียงตะโกนเรียกชื่อดังระงม"คุณพัชรลักษณ์คะ! มีความเห็นอย่างไรกับข่าวที่เกิดขึ้น?""ณภัทร! คุณจะตอบอย่างไรกับข้อกล่าวหานี้?"เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามกันนักข่าวให้ออกห่างจากทางเข้า ขณะเดียวกัน พาดหัวข่าวในสื่อเริ่มรุนแรงขึ้นทุกขณะ สถานการณ์เหมือนน้ำเดือดที่กำลังรอการระเบิดภายในบริษัท ข่าวลือแพร่กระจายเร็วกว่ากระแสลม เอกสารบางชุดถูกเก็บไปอย่างเงียบงัน ลูกน้องเก่าของพัชรลักษณ์หลายคนเริ่มถอนตัว บ้างถูกเรียกตัวเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่รัฐ"เริ่มแล้ว..."เลขาฯ คนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนร่วมงาน พลางเหลือบตามองประตูห้องผู้บริหารที่ปิดแน่น"ฉันได้ยินมาว่าเขาเตรียมจะปล่อยหลักฐานเพิ่มอีก""ใคร?""ใครก็ไม่รู้... แต่ไม่ใช่คนของคุณพัชรลักษณ์แน่ ๆ"อีกคนพึมพำเบา ๆ"หรือจะเป็น... ลูกชายอีกคน?"ขณะเดียวกัน บนโลกออนไลน์ แฮชแท็ก #ความลับของณภัทร พุ่งทะยานขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของเทรนด์ทวิตเตอร์ ภาพสมัยเรียน มุมกล้องแอบถ่าย บทสนทนาเก่าในกระทู้พันทิป เริ่มถูกขุดขึ้นมาอย่างไร้ความปราน
ภายในห้องประชุมใหญ่ของบริษัทพัชรลักษณ์ แสงสีขาวนวลจากโคมไฟบนเพดานสาดส่องลงกระทบโต๊ะไม้ขัดเงายาวเหยียดจนสะท้อนเป็นประกายคล้ายกระจก ซึ่งรายล้อมไปด้วยเก้าอี้หนังสีดำสง่างาม ทุกที่นั่งมีผู้บริหารระดับสูงประจำอยู่ครบถ้วนพร้อมเพรียง บรรยากาศภายในห้องนั้นดูเหมือนจะอัดแน่นไปด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็นราวกับกำลังรอคอยบางสิ่ง ทุกเสียงพูดคุยค่อย ๆ แผ่วลงจนกระทั่งเงียบสนิทเมื่อณภัทรก้าวเข้ามาภายในห้องเขานั่งลงตรงตำแหน่งที่ถูกสงวนไว้ให้แก่รองประธาน ทุกสายตาของผู้ที่อยู่ในห้องต่างพุ่งตรงมายังเขาอย่างพร้อมเพรียง บ้างเต็มไปด้วยความสงสัยคลางแคลงใจ บ้างก็ดูเหมือนยังไม่แน่ใจในสถานการณ์ บ้างก็เริ่มฉายแววของการตั้งแง่และไม่พอใจ บรรยากาศภายในห้องเย็นยะเยือกคล้ายกับพายุลูกใหญ่ที่กำลังจะก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆไม่ถึงห้านาทีหลังจากที่การประชุมได้เริ่มต้นขึ้น ทนายประจำบริษัทก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับถือเอกสารสำคัญไว้ในมือ เสียงพลิกหน้ากระดาษที่แผ่วเบาแทบไม่ได้ยินนั้น กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของพายุลูกใหญ่ที่จะถาโถมเข้ามาในไม่ช้า"ผมได้รับคำร้องเรียนพร้อมหลักฐานจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อยบางราย ซึ่งเป็นผู้ที่ร้องขอให้มีการตรวจส
ธนากรวางกล่องไม้สีเข้มที่เคยถูกเก็บซ่อนไว้ในมุมลึกสุดของห้องเก็บของเก่าลงเบื้องหน้าดนุ“ลุงเพิ่งเจอมันเมื่อวาน... ไม่รู้ว่ามันอยู่ในนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ชื่อแม่ของหลานเขียนอยู่บนปก”น้ำเสียงของธนากรเรียบขรึม แววตาเคร่งขรึมสงบเยือกเย็น ทว่าในแววตานั้นกลับแฝงบางอย่างที่ดนุมองแล้วเข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยคำใดกล่องถูกเปิดออกด้วยความระมัดระวัง ภายในบรรจุสมุดบันทึกปกหนังสีเก่าจาง มีร่องรอยขาดตามขอบกระดาษ บ่งบอกถึงกาลเวลาที่ผ่านพ้นมานานหลายปีดนุชะงักไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะหยิบสมุดขึ้นมา เปิดหน้าปกด้วยมือที่เย็นเฉียบ“ถึงลูกชายทั้งสองที่แม่ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดู...”เพียงประโยคแรก บรรยากาศทั้งห้องก็เปลี่ยนไปทันที ราวกับทุกสิ่งถูกดึงเข้าสู่ความเงียบอันหนาวเหน็บและว่างเปล่า หัวใจเขาเต้นช้าลง กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากตัวอักษรถูกเขียนด้วยลายมือเรียบง่าย ทว่าทุกคำเปี่ยมด้วยอารมณ์ที่ซ่อนความสั่นไหวไว้ลึกที่สุด ทุกถ้อยคำบนหน้ากระดาษคือเสียงสะอื้นของผู้หญิงคนหนึ่ง—ผู้หญิงที่ให้กำเนิดเขา“แม่ถูกหลอก... วันนั้นแม่คิดแค่ว่าเขาจะพาแม่ไปพักก่อนคลอด... แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปในพริบตา แม่ไม่ได้เห็นหน้าลู
ห้องประชุมสื่อของบริษัทคู่แข่งรายใหญ่ในเครือธุรกิจพัชรลักษณ์อัดแน่นไปด้วยนักข่าวและผู้บริหารระดับสูง แสงแฟลชวูบวาบทุกครั้งที่มีการขยับตัว เสียงซุบซิบตึงเครียดดังกระเพื่อมทั่วห้อง ราวกับคลื่นลมแรงที่ไม่มีใครอาจควบคุมได้บนเวที ตัวแทนของบริษัทกำลังกล่าวถึงทิศทางใหม่ขององค์กร ทว่าเนื้อหาที่แท้จริงของการแถลงข่าว กลับซ่อนอยู่ในสไลด์ถัดไปในมุมมืดของห้องถ่ายทอดสด ดนุนั่งนิ่งสงบ เสื้อเชิ้ตสีเข้มแนบเนื้อกลมกลืนไปกับเงาสลัว ดวงตาคมเย็นเฉียบ ราวนักล่าที่กำลังเฝ้าจับจังหวะโจมตีเหยื่อเสียงคลิกของรีโมตดังก้องกลางความเงียบ สไลด์ถัดไปปรากฏขึ้นบนจอขนาดใหญ่กลางเวที ภาพใบรับรองการเกิดสองใบฉายขึ้นอย่างชัดเจนชื่อแรกคือ “ธันวา” อีกชื่อคือ “ณภัทร” ทั้งสองเกิดในวันเดียวกัน โรงพยาบาลเดียวกัน ลายเซ็นรับรองจากเจ้าหน้าที่คนเดียวกัน และมีชื่อผู้ปกครองเป็นบุคคลเดียวกัน