“เบนไม่อยากเป็นเหมือนพวกซอมบี้” อเล็กซ์สรุปก่อนที่เธอจะพูดจบ “หมอนั่นไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับตัวเองหรอก แม้ตายแล้ว” เสียงหัวเราะแรกดังออกมา แต่มันเป็นเพียงเสียงที่ออกจากลำคอและความรู้สึกขมขื่นมากกว่าร่าเริง “แต่เขาไม่ควรตายแบบนั้น ในลาวา ให้ตายเถอะ” ชายหนุ่มทุบกระจกพร้อมกับที่ไฟดับลงแต่วิวข้างนอกยังปรากฏอยู่ก่อนที่ไฟจะกลับมา โคดี้คงเป็นโพลเตอร์ไกสท์อย่างที่เทสซ่าเปรียบ
“พวกเขาทิ้งฉันไปหมด” เขารำพัน “ทั้งแม่และเบน” ก่อนเริ่มรัวกำปั้นกับกระจก
“พอแล้ว” อเล็กซิสพยายามห้ามเมื่อเขาทุบกระจกไม่หยุด “ข้อร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้” กำปั้นของเขาแดงเถือก อเล็กซ์ยังคงทำร้ายตัวเองต่อไป “หยุด” เธอกระชากตัวเขาให้หันมาเผชิญหน้า
“แล้วไง หมอนั่นคิดว่าจะได้ไปอยู่กับแม่ฉันใช่ไหม!” ทันใดนั้นอเล็กซ์หน้าเจื่อนเมื่อเห็นสีหน้าเธอ “ขอโทษ ขอโทษที่ตะโกนใส่หน้า ฉันหมายถึง แนท เขาเคยพูดถึงใช่ไหม”
อเล็กซิสพยักหน้า
ใบหน้าชายหนุ่มบิดเบี้ยวเหมือนมีใครบีบอวัยวะภายใน “ห
ไฟแผดเผาทุกสิ่ง อาจเป็นการจำลองนรกก่อนเจอของจริง และยิ่งเขาไม่เชื่อในพระเจ้า หากสิ่งนั้นมีจริง ความตายจะเปิดประตูพาเขาไปยังที่นั่น หากแต่หนึ่งชีวิตในอ้อมกอดนี้ไม่ควรอยู่ตรงนี้ ยัยโง่ ดื้อด้าน เสียสติเขาไม่รู้สึกร้อนอีกต่อไป ไม่แม้แต่เจ็บปวด มีแต่ความอบอุ่นและเสียงหัวใจของตัวเองพร้อมกับร่างเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สภาวะแน่นิ่งเหมือนกาลเวลาหยุดครึ่ง ๆ กลาง ๆ “Sleep my little boy. Sleep in peace before they come. They took one from me. I won’t let them get you.” มันไม่ใช่เสียงของเขาหากแต่เป็นเสียงของแม่ เหมือนกับครั้งหนึ่งเขาเคยมีสภาพแบบนี้ในสถานที่ปลอดภัยที่สุดเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เปลวไฟห่อล้อมรอบกายหากแต่มันไม่อาจสัมผัสพวกเขา ยกเว้นเพียงไอร้อนที่ทำให้เหงื่อแตกจนคอดับ “อเล็กซิส” เขาเรียกเสียงแหบพร่า แต่เธอไม่ตอบแล้ว แววตาของเธอปิดสนิท หากแต่ยังมีลมหายใจ คงหมดสติไปตั้งแต่แรงกระแทกแรก ๆมันคืออะไร วงกลมปริศนาที่ห่อล้อมรอบกายนี้คืออะไรกันแน่ “พลังของเธอหรือ” แต่เด็กสาวในอ้อมกอดยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีปฏิกิร
มุมปากเธอกระตุกขึ้นนิดหนึ่ง “ฉันเจอเบ็กกี้แล้วนะ”“ออกไป” ไมเคิลจ้องหน้าเขม็ง เขาโกรธมากจริง ๆ “ออกไปเดี๋ยวนี้!”“ฉันไม่น่าเจอเธอเลย” อเล็กซิสยังคงพูดเล่า ไม่สนใจว่าเขาจะไล่เธอเขาเปลี่ยนจากถ้อยคำขับไสมาเป็นคำถาม “ติดเชื้อใช่ไหม”เด็กสาวพยักหน้า สีหน้าบิดเบี้ยวราวกับมีใครกำลังกรีดอกเธออยู่ “กลีเอาเบ็กกี้ไปทดลองไวรัส และมันก็ได้ผลมากกว่าร่างคนอื่น” น้ำตาหยดลงพื้น อารมณ์เกรี้ยวกราดโมโหที่เธอไม่ยอมออกไปจากตึกมลายหายไปกลายเป็นอยากปลอบโยน เขายกมือจับแก้มเธอ แต่อเล็กซิสส่ายหน้า “นายกลัวหรือเปล่า” พยักพเยิดไปทางระเบิดเขาส่ายหน้า “ฉันเกือบตายมาหลายครั้งแล้ว แต่ฉันไม่อยากให้เธอตาย ขอร้องล่ะ ออกไปเถอะนะ ทิ้งฉันไว้” และตอนนั้นเอง เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองร้องไห้ต่อหน้าเธออีกแล้ว“ก็นะ” อเล็กซิสยักไหล่ทั้งน้ำตา “ฉันแค่เลื่อนเวลาให้มันเร็วขึ้น นายก็รู้”“มีคนรักษาเธอได้ เชื่อฉันเถอะนะ ยังมีเวลา ออกไปเถอะ” เขาอ้อนวอน
“พาทุกคนออกไป” เขาบอกโคดื้ “รีบเปิดประตูกลซะ แจ้งกลุ่มบี บอกทุกคนให้ออกจากตึกนี้” แต่เพื่อนกลับไม่ขยับ ดวงตาดวงเดียวมองสลับระเบิดกับไมเคิลแล้วเริ่มยกมือพยายามจะปลดมันออก “เก็บพลังไว้พาทุกคนออกไป” เขาตวาด “โคดี้! นายต้องพามินนี่กลับไปหาแฟนนาย นายปลดระเบิดทุกอันไม่ได้”“แล้วนายล่ะ”“ยืนนิ่งทำไมวะ ไอ้หุ่นเวรพวกนั้นไปหมดแล้ว ที่เหลือพอรับมือได้...” อเล็กซ์โผล่มา “นายบาดเจ็บหรือ” เขามองเข้ามา“แย่กว่านั้น” โคดี้ตอบแทนก่อนพยักพเยิดไปทางระเบิดอเล็กซ์มองตามสายตา สาวผมสั้นยังคงเกาะติดเขาราวกับปลิงที่สลัดไม่หลุด “อเล็กซ์ พวกเราต้องรีบจัดการหุ่นให้หมด”แต่เขายกมือไม่ให้เธอพูด “นายทำให้มันไม่ระเบิดได้นี่ เมื่อกี้ยังปิดระ...บบ” ชายหนุ่มรู้แล้วว่ามันเกินกว่าโคดี้จะจัดการได้เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีแค่กล่องเดียวและดูท่ากล่องจิ๋วพวกนี้ถูกฝังอยู่ภายในทั่วทั้งอาคาร ดวงตาสีดำตวัดกลับมาที่ขาในซอก “บางทีอาจจะไม่มี...”“ไม่”
“ไทรอน กลุ่มเอ ประตูหลายแห่งถูกปิด หุ่นยนต์ออกมาเต็มไปหมด” ไม่ทันไรผู้แจ้งข่าวถูกปีศาจปราดเปรียวใช้แขนอันทรงพลังแทงทะลุทรวงอกจนหัวใจหล่นออกมาดิ้นตุบ ๆ สาวอาสาสมัครคนหนึ่งกรีดร้องกับภาพที่เห็นแม้มันละเว้นเธอไปหาเป้าหมายอื่น หุ่นยนต์รุ่นนี้ไม่มีแสงเลเซอร์ที่ตา แต่คล่องแคล่วว่องไวและแข็งแกร่งยิ่งนักโผล่มาจากไหนวะ หุ่นยนต์พิฆาตสองตัวที่กำลังทำลายประตูถูกทำลายสิ้น ไมเคิลมองไปทางโคดี้ เขาทาบมือกับประตูห้องแล็บ กระจกฝ้ามัวค่อย ๆ กลับมาใสและทึบสลับอยู่อย่างนั้น พาสองสาวออกมาให้ได้นะ เขาฝากมินนี่และเบลินดาไว้ในมือเพื่อนแล้ววิ่งตรงไปยังปีศาจตัวดังกล่าวมันไหวตัวทันราวกับถูกติดตั้งเซนเซอร์ไว้รอบตัว แก้มขวาเย็นวาบเพียงเสี้ยววินาทีก็ร้อนเหมือนมีเหล็กทาบพลันร่างถลันล้มครูดไปกับพื้น กรามขวาชาลามไปถึงข้างซ้าย ประสาทรับรู้ทั้งห้าเร่งทำงานให้ทันเล่ห์ศัตรู เขากลิ้งตัวหลบ กำปั้นเหล็กตอกลงไปกับพื้นจนแตกเป็นรู ไมเคิลเหวี่ยงดาบเล็งฟันคอฉับ มันทรุดตัวลง ศีรษะหมุนขวับมาข้างหลัง มือสองข้างคว้าดาบของเขาแล้วดึง ร่างเด็กหนุ่มกระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงราวกับลูกบอล
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกับเปลวไฟคือภาพเดียวที่ไมเคิลนึกออกในเวลานี้ ท่ามกลางซากคอนกรีตและตัวเลขสีแดงขยับทุกนาที เพียงฟังมันร้องดังติ๊ก ๆ ประหนึ่งบทเพลงสุดท้ายอันแสนไพเราะ เด็กหนุ่มภาวนาให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใช้เวลาเพียงกะพริบตาอีกสามสิบห้านาทีนั่นคือเวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ โลกที่ไม่เคยให้คำตอบเลยว่าทำไมเขาจึงไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่งเหมือนเด็กคนอื่น ทำไมครอบครัวถึงถูกตามล่าตลอดเวลา และทำไมถึงไม่มีใครอธิบายให้เขาเข้าใจแล้วตายโดยไม่รู้อะไร ผมหวังว่าหากได้เจอกัน พ่อกับแม่จะบอกผมนะขาข้างซ้ายติดคาอยู่ในซอก มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะดึงออกมา เพียงแต่ว่าอวัยวะส่วนนี้กลายเป็นคานถ่วงเวลาให้ทุกคนหนีออกไป เขาจึงต้องนั่งอยู่ในท่านี้ และที่สำคัญ ถ้าเอาขาออก เขาก็ตายอยู่ดี เพราะเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าแขนที่ติดตั้งอยู่กับขื่อแน่นหนาจะได้รับแรงกระทบกระเทือน ยามนั้นทุกอย่างในนี้จะวอดวายกันเลยทีเดียว ตอนนี้เขาจึงปล่อยให้มันอวดหน้าปัดนาฬิกาที่กำลังเดินถอยหลังอยู่เรื่อย ๆ หากไมเคิลดึงขาออก บริเวณนี้จะพังครืนลงทำให้เจ้าสิ่งนี้ระเบิดทันที และถ้ามั
อเล็กซิส บลู เพียซ และโอลิแวนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย “เอ่อ” บลูยกมือขึ้น “ไอ้ตัวการคือหัวหน้าพวกแกนี่ มันคงจัดการข้อมูลให้หรอก” ย้ำไม่พอยังหัวเราะเย้ยเจ้าหน้าที่ทั้งสองมองหน้าชายหนุ่มเป็นเชิงให้หุบปาก“เราไม่ออกเด็ดขาด ฉันจะไปช่วยกลุ่มเอ” หญิงสาวนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำกล่าว อเล็กซิสค่อนข้างชอบเธอ อาจเป็นเพราะถูกชะตา ผู้หญิงคนนี้มีหน้าตาแนวเดียวกับเอโลดี้และอาคุสะ แถมดูฉลาดและช่วยเหลือเป็นอย่างดีมาตลอด “ใครจะออกก็ออกไป”เบเลียนส่ายหน้า “อีกหนึ่งชั่วโมงระเบิดจะทำงาน ถ้ายังเถียงกันแบบนี้ยิ่งเสียเวลาเปล่า”“ยัยลูพูดถูก” บลูส่ายหน้า “น้องชายกับเพื่อนฉันอยู่ในนั้น จะให้เอาตัวรอดอย่างเดียวเหรอวะ” บางคนพยักหน้าตาม รวมทั้งกลุ่มอเล็กซิสเทสซ่ายกมือ “พลังของฉันทำลายประตูได้ อาคุสะจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตได้ เรมีก็ทำลายกำแพงได้ หลายคนในนี้ช่วยย่นเวลาได้ ถ้าคุณใช้แต่หุ่นยนต์อย่างเดียว ถ้าเกิดมันโดนโจมตีล่ะ”“พวกเรามีโดรนจู่โจม”“แ