พอมองรอบกายจึงรู้ว่าตัวเองวิ่งไล่มาจนถึงหน้าห้องสปา วิ่งอย่างกับรถแข่งเลยแฮะ สายตาสังเกตเห็นสาวบางคนส่งสายตาสื่อความนัยให้ชายหนุ่มทั้งสอง อเล็กซ์นั้นปิดกล่องรับข้อความ ส่วนเบนเปิดรับทุกช่องทางแถมส่งกลับอีกต่างหาก ไม่ว่าจะอ่อนกว่าหรือโตกว่า เขาต้อนรับทุกคน บางครั้งเขาได้รับข้อความแย่ ๆ เช่นกัน ที่เธอเห็นบ่อย ๆ คือ ‘สารเลว’ กับ ‘ไปตายซะ’ แต่คำพวกนี้ไม่ได้ทำให้เบนระคายเลย
“ว่าอะไรไปก็ไม่เข้าหูนายหรอก เหมือนพูดใส่กำแพง นายไม่เบื่อเหรอไง รู้อะไรไหม ตอนแรกนายโคตรจะดูดีเลย อย่างกับเจ้าชายจำแลง แต่ตอนนี้...”
“แต่อะไร” เขาหรี่ตา
“นายทำลายภาพนั้นเสียย่อยยับ เลิกทำตัวเป็นหมาป่าสักที ฉันไม่ใช่หนูน้อยหมวกแดงนะ แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าแบมบี้ด้วย ฉันไม่ชอบ”
“ถ้าฉันเป็นหมาป่า เวดเป็นอะไรดี หมีขี้โมโหดีไหม”
ชายหนุ่มทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน เห็นเป็นเรื่องตลก
“นิสัยปกติของนายเป็นแบบนี้เหรอ ชอบล่อลวงผู้หญิงทุกคนที่นายเจอ” อเล็กซิสถาม สงสัยอย่างจริงจัง
“ไม่ทุกคนหรอก ทุกคนที่สวยต่างหาก”
“แต่มีอยู่คนนึงที่ไม่สวย” อเล็กซิสกล่าวยิ้ม ๆ
“คนไหน” เบนสงสัย
เธอจึงชี้ไปที่อเล็กซ์ “คนนี้ไม่ใช่ผู้หญิง”
“หา” หนุ่มทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน โดยเฉพาะเบนที่ดูจะตกตะลึงเป็นพิเศษ นับว่า
กลยุทธ์นี้ใช้ได้ดีพอสมควรสำหรับคนแบบเขา“โทษที แต่มันอดสงสัยไม่ได้ ถ้านายไม่เอาแต่วอแว ก็จะเอาแต่ถามว่าอเล็กซ์กับฉันคุยอะไรกัน อเล็กซ์คุยกับฉันว่าอะไรบ้าง...อะไรพวกนี้”
“ไม่เอาน่า เธอบ้าไปแล้ว” เบนปิดหูทั้งสองข้างราวกับว่าคำพูดของเธอทำให้เขาเจ็บปวดมาก “โบรแมนซ์ ให้ตายเถอะ ทำไมพวกผู้หญิงสมัยนี้ชอบอะไรแบบนี้กันนะ”
“เพราะความรักไม่เกี่ยวกับเพศ เฮ้อ แต่ไม่มีใครฟังฉันเลย...”
“เห็นไหม” อเล็กซ์ดึงหูฟังออกจากหูราวกับมีคนกดปุ่มอารมณ์เดือด “ฉันสงสัยเหมือนกัน นายชอบกวนใจเสมอเลย แถมแย่งแฟนของฉันประจำ ก็รู้นะว่าฉันมันหล่อฮอตขนาดนี้ แต่เพื่อนรัก ฉันรักนายแบบน้องชายนะ”
“อย่ามา ฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ถ้าฉันเป็นแล้วจะนอนกับพวกผู้หญิงทำไมวะ แม่ง นายก็รู้ว่าฉันชอบนอนกับพวกเธอจะตาย และฉันก็อยากนอนกับเธอด้วย” เขาหันมาหาอเล็กซิส เด็กสาวกอดอก ส่ายหน้าช้า ๆ เขาจึงหันไปหาเพื่อนสนิทอีก “การที่ฉันนอนกับผู้หญิงของนายน่ะ มันมาจากจุดประสงค์ดี ฉันบอกนายเป็นล้านรอบแล้ว”
“นี่ ขอโทษที่แทรกนะ แต่พวกนายคุยกันเสียงดังมาก อีกอย่างนะเบน ไม่เป็นไรหรอกหากนายจะชอบทั้งสองอย่าง”
“ใจกว้างจริง ๆ แบมบี้” เบนสูดหายใจเข้าลึกๆ เห็นได้ชัดว่าเขาหงุดหงิดมาก จึงเอาแต่ตะโกนเถียงอเล็กซ์ใหญ่ เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาละทิ้งบุคลิกแบบคุณชายผู้สูงศักดิ์ไปจนหมด
ถ้าให้พูดด้วยความสัตย์ เสน่ห์ของเบนเพิ่มขึ้นเวลาที่เขาเป็นตัวของตัวเอง เวลาที่เขาปิดโหมดนักล่ากับโหมดปีศาจร้าย เบนเป็นคนที่คุยด้วยแล้วสนุกโดยที่ไม่ต้องพยายาม แม้ว่าเขามักจิกกัดหรือเสียดสีคนก็ตาม แต่พอได้ยินการใช้คำที่แสนสร้างสรรค์ก็เหมือนเป็นการลับทักษะการใช้คำให้กับตัวเธอเองด้วย
“ฉันชอบนายมุมนี้นะ” เธอบอกเขาไปตามตรง ขณะเดียวกัน สองคนนั้นก็ยังแข่งกันลับฝีปากปะทะกันไม่หยุด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่พอพ่อหนุ่มคาสโนว่าปรายตามองพร้อมรอยยิ้มพราย อเล็กซิสจึงต้องรีบแก้ “ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน ฉันชอบเวลานายเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เจ้าชาย หรือหมาป่าบ้าบอ”
“เหรอ เธอรู้ได้ยังไงว่านี่คือตัวตนของฉัน เธอคิดว่านี่คือตัวตนของฉันแล้วเหรอ บางทีเรามาช่วยค้นหาคำว่า ‘ตัวตนที่แท้จริง’ กันดีกว่าไหม”
“หุบปากไปเลยน่า” อเล็กซิสจับผมสีน้ำตาลเข้มที่ปรกหน้าผากของเขา “แล้วทำไมนายต้องใส่เจลตรงนี้ด้วย”
“หยุด อย่ายุ่งกับผมฉัน” เขาโวยวาย
อเล็กซ์ได้ทีทันที “หมอนี่เอาผมบังหน้าผากกว้าง ๆ ของตัวเองไว้น่ะ พอเบนกลายเป็นชายวัยกลางคน หัวเขาก็จะล้านเอง” แถมยังย้ำด้วยน้ำเสียงร่าเริง อีกครั้งที่พวกเขาสู้กัน เบนปรี่จะเข้าไปต่อย อเล็กซ์จึงจับล็อกคอ แล้วทั้งคู่ก็อยู่ในลักษณะเหมือนกำลังเล่นมวยปล้ำ คนอื่นที่เดินผ่านเริ่มหันมามองด้วยความสนใจ
“นี่ หยุด หยุด หยุด พวกเขาเป็นแบบนี้ประจำแหละ” เธอรีบบอกเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังจะวิ่งเข้ามาช่วย “เฮ้ย หยุดได้แล้ว เดี๋ยวลูกของฉันพัง” เด็กสาวพยายามแทรกเข้าไปเอาเครื่องเล่นของตัวเองคืน “นี่ คนอื่นกำลังมองนะ พวกเขาคิดว่าพวกนายสู้กันจริง ๆ ก็สู้กันจริง ๆ...โธ่เว้ย”
สุดท้ายเธอจับศีรษะทั้งสองชนกันดังโครม “โทษทีที่ต้องทำแบบนี้”
อเล็กซ์ถอนตัวออกมาจนได้ เขาถอนหายใจยาวจากนั้นสวมหูฟังกลับไปใหม่ ทว่าใบหน้าคนขี้เซาฉายความพอใจอยู่ลึก ๆ ส่วนเบนนั้นจัดผมให้เข้าที่ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ทั้งหมดเหนื่อยกับการพูดแหย่กัน เถียงกัน ผลักกัน และไล่เตะกันแล้ว ทั้งสามนั่งพักริมขอบทางเดิน คนที่ผ่านมามองคนทั้งสามราวกับเป็นพวกตัวประหลาด คงนึกสงสัยว่าทำไมพวกคนเพี้ยนถึงมานั่งเกะกะตรงนี้ อเล็กซิสยังเห็นเด็กสาวหน้าอกทรงโตยิ้มเหยียดให้ด้วย
“อีกสามวันเอง พวกเราจะไปที่ไหนนะ” เบนพูดขึ้น ทุกคนคงถามตัวเองแบบนี้ทั้งนั้น
“นายควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับชีวิตที่ไม่ต้องการคำตอบนะ” เธอว่า
“ไม่ใช่เธอเหรอที่ชอบตั้งคำถาม”
“บางที วันนั้นเราอาจจะได้รับคำตอบ” อเล็กซ์เดา
“ขอให้เป็นคำตอบที่ดีละกัน” เธอชูกำปั้นขึ้น
“ขอให้เป็นคำตอบที่ดี” อีกสองคนพูดแบบเดียวกันแล้วชนกำปั้นกับเธอเหมือนกับเวลาชนแก้วไวน์
“หวังว่าสิ่งที่เรารอจะไม่ใช่โกโดต์[1]นะ”
เมื่อเธอกล่าวประโยคนั้นจบ อีกสองคนถอนหายใจตาม
[1] โกโดต์ ตัวละครจาก Waiting for Godot วลาดิมีร์และเอสทรากอนรอคอยตัวละครที่ชื่อ โกโดต์ทั้งเรื่อง แต่ตอนจบโกโดต์ก็ยังไม่มา ซึ่งเปรียบเสมือนการรอคอยที่ไม่สิ้นสุด
“หาเองสิวะ” เขาตะโกน ทว่าไม่ทันระวังเพราะมันดาปาอาวุธกลับมา เมื่อหันหน้ากลับไปก็เห็นรอยเท้าเต็มหน้ากระแทกเข้าที่หน้า ร่างของเขากระเด็นกระแทกกำแพงตึก ไมเคิลส่ายหัว มึนไปมันหมด อเล็กซิสวิ่งเข้ามาช่วยพยุงตัวขึ้น“พวกมันไม่บอก อย่าเสียเวลา” เขาได้ยินดังนั้นคิ้วขมวดกันทันที เดี๋ยว... กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งหมดจำต้องรั้งพวกมันให้สู้กับตัวเอง ไม่อย่างนั้นพวกเทสซ่าแย่แน่ เขาไม่รู้ว่ามีกลุ่มอื่นตามหาโคดี้อีกหรือไม่ และถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งไม่สามารถปล่อยให้พวกมันไป พอเห็นเขายืนได้ อเล็กซิสตัดสินใจค่อย ๆ เดินตรงไป มือยังยิงปืนไม่หยุด “เก็บไฟแช็ก” เธอสั่งเขา “ห้ามทำมันหายเด็ดขาด”“อย่าไป” เขาร้อง แต่เธอไม่ฟัง อเล็กซิสหยิบดาบของไมเคิลขึ้นมาอีกข้างแล้วโถมตัวใส่มันแล้วไมเคิลเห็นดังนั้นรีบตะครุบไฟแช็กแล้วจุดมันขึ้น“อเล็กซิส” เขาร้องเมื่อเห็นเธอบ้าบิ่นจะสู้กับมันตัวต่อตัว พลันร่างเธอก็กระเด็นล้มไปทางเรมีที่กำลังรับมือกับอีกตัวคู่กับอาคุสะ อเล็กซ์สบถอะไรบางอย่าง แล้วจัด
เฒ่าทรอยนอนฟุบลงกับพื้นจนหน้าคลุกไปกับหิมะสกปรกบนพื้น ไม่มีใครคิดช่วยให้เขาลุกขึ้นมา และถ้าใครทำแบบนั้น ไมเคิลจะเป็นคนกระชากคอออกมาเอง เด็กหนุ่มยืนพักหอบหายใจ กว่าจะพาทรอยออกมาได้ยากลำบาก หุ่นยนต์ถูกตั้งโปรแกรมให้กำจัดใครก็ตามที่อยู่ในสถานะเจ้าพนักงานของทอยซิตี้ ก่อนหน้านี้ เขาขอให้ฟีบี้รีเซตพวกมันใหม่เป็นหน่วยทหารแทน แต่เพราะเธอยืมพลังมาจากโคดี้ ประสิทธิภาพของมันไม่แน่ไม่นอน เมื่อเซตได้ตัวหนึ่งก็ต้องเซตตัวอื่น เธอไม่สามารถทำได้ทีเดียว พอทำงานซ้ำไปซ้ำมา หญิงสาวก็เริ่มหมดความอดทน ฟีบี้บอกว่าเธอไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตเจ้าหน้าที่ แต่เพื่อสานงานของโคดี้และเพื่อปกป้องพวกเราทุกคนต่างหาก ศูนย์กลางของทอยซิตี้คือ เดอะ วาล และถ้าหากเจาะเข้าไปยังศูนย์บัญชาการได้ พวกทหารจะแพ้ราบคาบ นั่นคือสิ่งที่เธอบอก แต่ไมเคิลเข้าใจว่ามันคือการคาดเดามากกว่า และเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้คิดขึ้นเอง แต่มันมาจากลูไมเคิลเดินตรงไปแล้วดึงคอเสื้อทรอยขึ้นมาอีก คราวนี้เขาลากเข้าไปในตึกของเมลิสซ่า ที่พักเก่าของตนกับเรมี ตอนนี้แทบไม่มีใครอยู่ในตึกแล้ว ประชากรในเดอะ วาลบางส่วนที่ไม่อยากต่อสู้ก็อพยพไปยังเขตอื่น เนื่อง
ขณะนั้นริงโก้ตัดสินใจอุ้มเอมอนขึ้นมาคนเดียว เพียซจึงอุ้มเดสซิเรตามมา เบลินดาเห็นพวกเขาเดินตรงมาก็ลุกขึ้น เธอส่งขวดน้ำดื่มให้อย่างรู้งาน ระหว่างนั้นเพียซก็เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากประตูเปิด พวกเขาก็บุกเข้าไปข้างในเพื่อหาตัวเอมอนกับเดสซิเร ทั้งสองถูกจับสวมกุญแจมือ อาวุธโดนยึดหมด แต่เดสซิเรและเอมอนก็ทำให้กำลังพลภายในนั้นปั่นป่วนไปมาก พวกเขาเจอศพทหารหลายราย คงเป็นฝีมือของทั้งสอง ตอนไปถึง หญิงสาวยังพอมีสติจึงเล่าว่า ทั้งคู่พยายามหาห้องควบคุม แต่ภายในมีระบบเชื่อมต่อกับชุดสูทที่เอมอนสวม เพียงย่างก้าวไปในส่วนที่เป็นสำนักงาน หน้ากากจึงถูกปลดออกอัตโนมัติ ทั้งสองจึงต้องสู้และพยายามจะออกมา ทว่าก็สู้จำนวนคนและอาวุธไม่ได้ จากนั้นจึงถูกจับทรมาน อาจเป็นโชคดีในโชคร้ายของเดสซิเรที่ไม่มีแผนอะไรอยู่แล้ว บวกกับพลังพิเศษที่ทำให้พวกนั้นไม่อาจสัมผัสหรือเข้าใกล้ได้มากนัก ส่วนเอมอนนั้นแย่หน่อยเพราะพอรู้แผนของลูคร่าว ๆ แต่ไม่ได้ปริปากออกไปเลย ดังนั้นเขาจึงโดนซ้อมหนักที่สุด“แล้ว...ทำไมพวกเธอมานั่งอยู่ตรงนี้” โอลิแวนถาม “พวกอเล็กซิสล่ะ ฉันได้ยินกว่าทั้งกลุ่มเข้าไปในเขตเธอไม่ใช่หร
ไมเคิลสบตากับเรมี อีกครั้งที่พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเธอวางแผนอะไรกัน“ฉันต้องการคำอธิบาย ตั้งแต่เช้า พวกเราวุ่นจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยังไม่นับเรื่องที่พวกเธอทำโดยไม่บอกก่อน”ฟีบี้กลอกตา เธอไม่ได้มีท่าทีสำนึกหรืออ่อนข้อลงแบบเทสซ่า แต่กลับยักไหล่ไม่สนใจ แม้บุคลิกหญิงสาวจะเป็นแบบนี้ และปกติก็ไม่มีใครถือสา (ยกเว้นเทสซ่า) แต่เวลานี้ เขาอดฉุนไม่ได้“ทำไมฉันต้องบอกพวกนายด้วย โต ๆ กันแล้ว อีกอย่างก็ใช่ว่าฉันจะรู้ก่อนหน้าอะไรนักหนา ถ้าไม่ใช่เพราะโคดี้ ฉันก็อาจจะนั่งทำหน้าโง่เหมือนพวกนายนี่แหละ” อาคุสะทำเสียงจุ๊ ๆ แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปรามเรื่องคำพูด เธอยักคอไปมาอย่างกวนประสาท “เฮ้อ เอาเป็นว่าตอนนี้โคดี้ต้องพัก ส่วนฉันก็ยืมพลังเขามาใช้ จะพยายามเปิดไอ้ประตูยักษ์นั่น” พูดจบก็ถูมือ“ฟีบี้...” อเล็กซิสพูดขึ้น “ฉันเดินผ่านศูนย์อนามัย...เห็นศพพยาบาลเต็มไปหมด ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ไม่ใช่ทหารอีก...”หญิงสาวเงียบไปเมื่อเจอคำถามนี้ เทสซ่าก็เม้มปากแน่น เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้า
11:45 PM หน้าประตูเขตเครสเตอร์ - เดอะ วาลกระแสไฟฟ้าแผ่กระจายเป็นวงกว้าง มันส่งแรงต้านผลักก้อนคอนกรีตชิ้นโตหล่นกลับลงมบนพื้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไมเคิลทึ่งที่โคดี้สามารถป้อนชุดคำสั่งพิลึกพิลั่นให้กับหุ่นพิฆาต หรืออันที่จริงคือ ใครจะคิดว่าเขาจะป้อนคำสั่งแบบนั้นในเวลารีบเร่งเช่นนี้ ทุกครึ่งชั่วโมงจะมีหุ่นสองสามตัวเดินกลับมาปาก้อนหินหนักขึ้นไป กำแพงกั้นเขตแน่นหนาจนแม้แต่พวกมันข้ามไปไม่ได้ จึงใช้วิธีนี้เช็กดูว่าระบบรักษาความปลอดภัยของทอยซิตี้สั่นคลอนแล้วหรือยัง จะว่าเป็นเพราะระบบถูกออกแบบมาดีก็ว่าได้ ถ้าหากไม่ใช้เพราะโคดี้มีพลังพิเศษ ไมเคิลไม่เห็นหนทางเลยว่าพวกเขาจะออกไปได้ ต่อให้เครสเตอร์และนอร์ธพังทลายเพียงใด มันก็ยังไม่ลามไปถึงอีกฝั่งที่ถือว่าเป็นศูนย์กลาง และเมื่อนั้น ถ้าหากพวกเขาจะล้างศัตรู ก็อาจปล่อยระเบิดลงมาลูกเดียว แบบที่เคยเกือบล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปเมื่อหลายพันปีก่อนยุคก่อนหายนะ...พี่สาวฝาแฝดเคยเล่าให้เขาฟังเข้าเที่ยงคืนกว่าแล้วหรือ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น อเล็กซิสจะกินอะไรแล้วหรือยัง เขานั่งนับวันแล้วเหงื่อตก พวกเขาทำปฏิทินเช็กความถี่ว่าอะวีซีจะออกฤ
ยามนี้เหล่าตัวอย่างการทดลองเริ่มปีกกล้าขาแข็ง พลังของกลุ่มเสี่ยงพัฒนาไปจนคิดว่าจะต่อกรกับทางการได้เองเขาประจักษ์ชัดตั้งแต่ไมเคิลกับอเล็กซิสรอดออกมาจากกองเพลิงนั้น ทว่าแสตนเนอร์ไม่ใช่ชนชั้นผู้ทรงปัญญา เขาเป็นแค่ทหารชั้นน้อยที่ได้มาดูแลเดอะ วาลใต้นายใหญ่อีกที แต่นายใหญ่แทบไม่สนใจทอยซิตี้แล้ว ดูเหมือนเอไลโตจะเริ่มมองว่า เอชโอวันก็อาจเป็นแค่กลุ่มอาการพิเศษหนึ่ง บวกกับปัญหาชายแดนในนิวโฮปเริ่มทวีความรุนแรง ความสำคัญของทอยซิตี้ลดลงมาก อย่างน้อยคัดกรองกลุ่มเสี่ยงจากนิวโฮปไม่ให้เป็นภัยก็พอจะมีแต่ทรอยที่รู้ว่าหากตัวเองเป็นแสตนเนอร์ควรจะทำอย่างไร แต่เขาเลือกนิ่งเฉยหากแนะนำไป อเล็กซิสกับไมเคิลจะถูกจับไปนอนบนเขียง นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เด็กสองคนนี้จะอยู่ในสถานะนั้นได้ต่อเมื่ออยู่ในมือของเขาเอง ผลผลิตของเขามีหรือจะส่งให้คนอื่น ซีโนฮอฟมองผลผลิตทั้งสองเป็นเพียงกลุ่มเสี่ยงทั่วไป และทรอยก็ยินดีเช่นนั้น เขาไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้น้ำพุอมตะ ถ้าเขาไม่ได้ คนอื่นก็ไม่มีวันได้“หมอทรอย” นางพยาบาลวิ่งเข้ามาหน้าตื่น “เราจะทำยังไงดีคะ พวกเราก็ถือว่าเป็นเจ้า