ม้าเหล็กสีแดงพุ่งทะยานรอบภูเขา เด็กหนุ่มวัยละอ่อนผู้มีดวงตาสีอำพันคุมบังเหียนลูกรักคันใหม่ โมเดลรุ่นล่าสุดที่กลุ่มบริษัทโวลคอฟเรียกมันว่า สปีดโบลท์ ความเร็วในระดับที่สื่อทุกแขนงยกยอว่ามันเป็นเทพเจ้าสายฟ้า นวัตกรรมใหม่ที่ไม่ว่าเจ้าไหนก็ตามไม่ทัน คงไม่แปลกนักหากโวลคอฟจะเป็นผู้นำธุรกิจยานยนต์อันดับหนึ่ง พ่อเป็นคนมอบของขวัญชิ้นนี้ให้เขาเอง นั่นเพราะว่าเบนเป็นลูกคนโปรด
เท้าข้างขวากระทืบคันเร่งเพิ่มระดับความเร็วจนเข็มมาตรวัดหมุนไปยังเลขที่สูงขึ้น สูงขึ้น แม้มันยังไม่ถึงระดับสูงสุด อันเนื่องจากยังมีผู้โดยสารอีกสองคนซึ่งก็คืออเล็กซ์และนาตาเลียนั่งอยู่ ทว่าความเร็วระดับนี้สามารถทำให้ผู้โดยสารทั้งสองหวั่นไหวพอสมควร นาตาเลียยืนกรานจะนั่งด้วย เพราะเด็กหนุ่มทั้งสองอายุแค่สิบห้าปีเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเบนกำลังฝ่าฝืนกฎหมายการจราจร แต่ด้วยฐานะทางสังคมที่จัดว่าอยู่ในระดับชนชั้นสูงของชนชั้นสูงอีกที ไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวล ถ้าตำรวจกล้าเรียกให้เขาหยุด ก็เพียงแค่จ่ายเงินปิดปากสักก้อน ต่อให้รู้นามสกุลหรือไม่รู้ พวกตำรวจจะเดินออกไปเอง ยิ้มร่าพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งสำหรับจ่ายหนี้ต่าง ๆ หรืออาจจะพอรับประทานมื้อหรูสักครั้งในชีวิต อย่างไรก็ตาม แม้เบนชี้แจงเหตุผลไป นาตาเลียยังคงรั้นจะตามมา เธอเป็นผู้หญิงแบบนี้ นิสัยดีแต่ขี้ห่วง หญิงสาวนั่งอยู่เบาะหลัง ส่วนอเล็กซ์นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับ เด็กหนุ่มซิ่งลูกรักไปตามเส้นทางโดยมีจุดมุ่งหมายคือรีสอร์ตที่ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาเมืองไมโล บ้านพักของพวกเขาตั้งอยู่สูงสุด เหนือกว่าบ้านของครอบครัวอื่น เบนกำลังจะพาผู้โดยสารไปถึงที่หมายภายในไม่กี่นาที
“เบน นายช่วยลดความเร็วลงหน่อยสิ” อเล็กซ์เตือน เขาแกล้งทำเป็นเด็กดีต่อหน้าเธอ ถ้าอยู่กันสองคน เชื่อเถอะ หมอนี่จะพูดให้เขาเหยียบระดับแม็กซ์
“ยังไหวอยู่ใช่ไหม แนท” เขาถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างหลัง
“อื้อ สบายดีจ้ะ” เธอตอบเสียงเบา ไม่อาจปกปิดความกลัวไว้ได้ อย่างไรก็ตาม เบนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาถือว่าเธอตอบแล้ว ดังนั้นเขายังคงความเร็วเท่าเดิม
“อย่าห่วงน่า ฉันจะบินโฉบไปถึงที่หมายภายในไม่กี่วินาทีนี้แหละ จับที่นั่งกันดี ๆ ล่ะ วู้”
อย่าทำแบบนั้น
“หา อะไร”
อเล็กซ์มองหน้าเขา “อะไรของนาย”
“เมื่อกี้นายพูดอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า นี่ ลดความเร็วลงซะ”
“แนท เมื่อกี้คุณพูดอะไรเหรอ”
“เปล่านะจ๊ะ”
อย่าทำตัวงี่เง่าน่า ลดความเร็วลงซะ ไอ้เวรเอ๊ย นายต้องได้ยินเสียงฉันสิ!
แต่เบนไม่ได้ยินเสียงตัวเขาเอง การขับรถด้วยความเร็วระดับนี้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าครองโลก เขาควบเจ้าม้าเหล็กเยี่ยงจอมเผด็จการ ลงแส้ให้มันเร่งฝีเท้าหนักกว่าเก่า แต่โชคไม่ดีเลย เจ้าม้าเหล็กเลือกที่จะพยศ ก่อนที่มันจะทันพุ่งทะยานขึ้นสู่ยอดเขากลับแฉลบลงข้างทางตกลงสู่ทะเลเบื้องล่าง โชคดีที่เขาไม่ได้เปิดหลังคา แต่ถุงลมนิรภัยทำงานเกินหน้าที่ มันตีกระแทกจนศีรษะชนเข้ากับพนักที่นั่งอย่างแรง เด็กหนุ่มสลบไปพักหนึ่ง
มันเป็นเหตุการณ์ที่เขาพยายามไม่ให้มันเกิดอยู่หลายครั้ง แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ เขาเห็นภาพนี้ซ้ำไปซ้ำมา
“อเล็กซ์...เบน...อเล็กซ์...เบน”
เบนในความทรงจำนั่งอยู่ในรถ และเขาอยู่ในตัวของเบนคนนั้นอีกที กระจกข้างหน้ารถมีรอยร้าว น้ำค่อย ๆ ไหลเข้ามาข้างในห้องผู้โดยสาร เบนสูดหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเร่งสติให้ตื่นเต็มที่ เพียงกะพริบตา ถุงลมนิรภัยที่ยึดตัวเขาไว้แตกออก เขาปลดเข็มขัด พอหันไปทางอเล็กซ์กลับเห็นภาพที่น่าสยดสยอง ถุงลมนิรภัยฝั่งเพื่อนรักนั้น นอกจากจะไม่ช่วยปกป้องแล้ว ยังเป็นตัวกั้นไม่ให้เขาดึงร่างเพื่อนออกมาได้ อเล็กซ์น่าจะถูกกระแทกหลายรอบ เพราะดันซวยเมื่อรถพลิกคว่ำและแรงกระแทกนั้นกลับไปตกอยู่ที่ฝั่งของเขามากกว่าฝั่งคนขับ ดังนั้นประตูเหล็กจึงยุบเข้ามาข้างใน เกือบบี้ร่างของเขา นอกจากนั้น ถุงลมที่ทำงานตามหน้าที่ได้ตรึงร่างของอเล็กซ์ไว้แน่น ทายาทแห่งโวลคอฟบาดเจ็บสาหัสและไม่มีสติแล้ว เบนเหลือบมองรอยร้าวบนกระจก เขารู้ว่าตัวเองต้องรีบช่วยเพื่อนออกมาก่อนที่รถจะดำดิ่งลงไปลึกกว่านี้ และน้ำจะทะลักเข้ามาจนทุกอย่างสายเกินไป
“แนท!” เมื่อเขาหันหลังดูคนข้างหลัง หนุ่มน้อยหมดสภาพร้องออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ ช่วงร่างของเธอถูกโครงเหล็กบีบอัดเช่นเดียวกับอเล็กซ์ แต่ในสภาพที่แย่กว่าและไม่มีทางช่วยออกมาได้ หญิงสาวไม่มีทางรอดแน่นอน
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เอาแบบนี้ ผมขอโทษ แนท ผมขอโทษ” ริมฝีปากของเขาสั่นระริก สติของเบนใกล้กระเจิดกระเจิง
“ช่วย...เขา...ช่วย...อเล็กซ์” เธอยังพอมีแรงฝากฝัง ทั้ง ๆ ที่ใบหน้าสวยหวานบัดนี้มีแต่เลือดชโลมแทนแป้ง
เขาเพ่งสติไปที่เพื่อน ชิ้นส่วนโลหะค่อย ๆ แยกออกจากกัน ถุงลมฟีบลง ร่างอเล็กซ์นอนพับราวกับตุ๊กตาถูกทิ้งขว้าง เบนดึงตัวเพื่อนออกมาได้ก็จริง แต่เพราะเหตุนี้ทำให้น้ำเข้ามามากขึ้น
เขาเอื้อมมือไปจับแขนนาตาเลีย แต่เธอจากเขาไปแล้ว ดวงตายังคงเบิกกว้างเหมือนต้องการดูให้แน่ใจว่าอเล็กซ์จะปลอดภัย แนทไม่หายใจอีกแล้ว ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น เธอเป็นโวลคอฟคนเดียวที่มีดวงตาสีฟ้า บัดนี้มันว่างเปล่า
“แนท ได้โปรด อยู่กับผม อยู่กับพวกเรา” เธอไม่ขยับเขยื้อน ไม่แม้แต่ส่งเสียง หน้าอกของเธอนิ่ง ไม่มีสิ่งใดขยับ เธอตายแล้ว...ตายจริง ๆ “ได้โปรดเถอะ แนท หายใจสักนิด” โลหะที่อัดร่างเธออยู่นั้นเคลื่อนตัวออกจากกัน แต่วิญญาณของเธอไม่ยอมกลับมา
“อย่าทำแบบนี้ ตื่นเถอะ ผมจะช่วยคุณออกมา” เขาเรียกเธอ ใช้พลังเท่าที่จะทำได้ช่วยเธอเหมือนกับที่เขาช่วยอเล็กซ์ แต่ขณะนั้น อเล็กซ์หายใจแผ่วเบาอยู่ข้างตัวแถมยังอยู่ในลักษณะผิดธรรมชาติ เขารู้ว่าตัวเองไม่มีเวลาพอ ไม่มีเวลาช่วยเธออีกแล้ว มิเช่นนั้น อเล็กซ์คงตามเธอไปอีกคน ระดับน้ำสูงขึ้นทุกจังหวะหายใจ
ผมขอโทษ ผมช่วยคุณไม่ได้เลย
“แนท ผมขอโทษ” เด็กหนุ่มดึงร่างนั้นเข้ามาหาตัวเอง จรดฝีปากลงบนริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน มันยังอุ่นอยู่เลย “ผมขอโทษ” เด็กหนุ่มร่ำไห้ราวกับดวงใจถูกบดขยี้ไปพร้อมกับตัวรถ เบนมองไปที่กระจกหน้ารถ ทันใดนั้น มันปริแตกออกทันที น้ำทะลักเข้ามา แต่ทำให้เขาสามารถพาอเล็กซ์ออกไปได้ มือข้างหนึ่งกอดเพื่อนไว้แน่น เบนพาตัวเองและเพื่อนออกจากซากเหล็ก ร่างของคนทั้งคู่ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่นาตาเลีย ร่างของเธอจมลงไปเรื่อย ๆ พร้อมกับลูกรักสีแดง ทั้งสองถูกฝังอยู่ใต้พื้นทะเล
กลุ่มกบฏบางกลุ่มต้องการทำลายนิวโฮป จึงไม่ใช่ทุกกลุ่มที่ยินดีอ้าแขนต้อนรับพวกเขา และข้อสำคัญคือ พวกเขาจะติดต่อคนเหล่านี้ได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มไหนตอบโจทย์ที่พวกเขาต้องการไม่มีใครตอบได้ แม้แต่บลูก็จนแต้ม เขาเพียงแค่อยากอยู่ที่นี่ ใกล้กับหลุมศพน้องชาย“ไมเคิล ฉันว่าไม่ปกตินะ” จอห์นปลุกสติของเขาอีกครั้งสายฟ้าของอเล็กซ์ฟาดซัดต้นไม้แถบนั้นเป็นจุณทีเดียวนับสิบต้น ขณะเดียวกันกระแสไฟฟ้าแล่นเป็นวงรอบตัวเขา อาคุสะเริ่มตื่นตัว ออร่าสีเขียวและเหลืองแผ่ออกไป“อเล็กซิส ถอยออกไป!” เป็นอเล็กซ์ที่ตะโกนเตือนแฟนสาว “ฉันคุมมันไม่ได้!”“แย่ละ” ไมเคิลกับจอห์นวิ่งเข้าไปอเล็กซิสควบคุมมวลน้ำเพื่อดับไฟ แต่กระแสไฟฟ้าของคนรักยังแล่นออกมาเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มหาที่หลบไม่ได้ เขาหาทางจะเข้าไปช่วยฝาแฝด ตอนนี้แทบมองไม่เห็นอเล็กซ์เพราะมีแต่กระแสไฟฟ้าพัวพันรอบตัวเทสซ่าหวีดร้องขึ้นมา เธอกับอาคุสะจับมือกันแน่น พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือน เขาสบตากับจอห์น ใช่ แผ่นดินไหว แต่...ฝีมือธรรมชาติหรือสัญชาตญ
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ที่แท้นาฮีมานาไม่ได้คิดจะให้พวกเขากลับนิวโฮปแต่แรก ไมเคิลหันไปมองพวกเพื่อน ๆ เทสซ่านั้นคิ้วขมวดจนเป็นปม เธอนั่งกอดอกหลังตรงแล้วเม้มปากแน่น หากแต่ไหล่สั่น ขณะที่คนอื่นถกเถียงกัน อเล็กซิสก็นั่งเท้าคางใช้ความคิด ไมเคิลสัมผัสความรู้สึกร่วมของคนในนี้ได้อย่างหนึ่ง นั่นคือความเศร้าเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้กลับบ้าน หรืออาจจะไม่มีวันได้กลับ“ถ้าหาก...ถ้าหากเราทำให้เมเคอร์เข้าใจได้ว่าพวกเราไม่เป็นภัย พวกเราเป็นชาวนิวโฮป อยากปกป้องบ้านเหมือนกัน ถ้าเราทำให้เขาเห็นจุดยืนของพวกเราว่าไม่ได้เป็นภัยต่อไลบราเรีย ต่อโลก...” ไมเคิลเลิกคิ้ว เพราะเทสซ่าพูดเหมือนอเล็กซิสเปี๊ยบ“ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยเทสซ่า เมเคอร์ไม่มีวันให้กองกำลังกับพวกเธอแน่”“ฉันไม่ได้หมายถึงกองกำลัง ฉันหมายถึงตัวพวกเราเอง ถ้าเขามองว่าพวกเราเป็นภัย ทำไมไม่มองว่าพวกเราเป็นอาวุธให้พวกเขาได้”“เทสซ่าพูดถูก” เซนว่า “ทหารสามคนนั้นก็เป็นกลุ่มเสี่ยง”“ลูเซียนบอกว่าเพราะพวกเขาเป็นชาวไลบราเรียนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังถ
มีเพียงสิ่งลมเขย่ากิ่งไม้ไปมา แสงสีแดงริบหรี่จนแทบเลือนหายไป ความมืดย่างกรายแทนที่ แต่ดวงตาสีน้ำเงินของอเล็กซิสกลับสว่างไสว ช่างเหมือนกับดวงตาคู่นั้นที่คอยจ้องเขายามค่ำคืน ไมเคิลในวัยเด็กมีอาการตื่นตระหนกบ่อยครั้ง และลูก้าเป็นคนปลอบเขา ถึงแม้เขาไม่เคยล่วงรู้เรื่องแฝดอีกคน แต่เพราะดวงตาของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากอยู่ใกล้เธอ ในยามนี้เขาอ่านความคิดเธอออก ผ่านแววตาและสีหน้า ทั้งคู่ไม่คิดว่าลูเซียนโกหก อย่างไรก็ตามยังคิดว่าอีกฝ่ายบอกไม่หมด ความปรารถนาดีมีบางอย่างเคลือบแฝง ผลงานของลูเซียนคือเครื่องมือที่ฆ่าโนเอลและเบน เขาไม่มีวันให้อภัย เพียงแต่ว่า พวกเขาจะต้องชั่งใจให้ได้ว่าการเชื่อฟังลูเซียนจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพิกเฉยหรือไม่เขารู้ว่าอเล็กซิสเสียใจ เธอบอกน้องชายคนนี้เสมอว่านิวโฮปจะเป็นบ้านใหม่ของพวกเขา“อเล็กซิส ไมเคิล” หญิงสาวผมสีดำเรียกสติฝาแฝดทั้งสอง “กลับกันเถอะ มืดแล้ว”“เดี๋ยว...” เขาชะลอเธอรอฟัง แต่เป็นพี่สาวของเขาที่พูด“ถ้าคุณอยากให้พวกเราคล้อยตามลูเซียน คุณต้องบอกมาให้หมดว่าคุณกับเขารู้จักกัน
ดวงตาสีแดงกลอกไปมาราวกับดูแคลนคำพูดของพวกเขา “ผมหวังดี ที่พวกเขากลับไปไม่ใช่เพราะถอย แต่จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองทหารและอาวุธมากมาย เมเคอร์ไม่ปล่อยพวกคุณแน่นอน เขาไม่อยากยืดเยื้อ และคราวนี้ได้คงใช้วิธีดึงอาร์คาเดียมาช่วย ทั้งนิวโฮปก็เจอปัญหา ดังนั้นถ้ากำจัดพวกคุณได้เร็วเท่าไร ฝ่ายทหารจะโฟกัสกลับนิวโฮปได้ดีขึ้น”“เกิดอะไรกับนิวโฮป” อเล็กซิสซักทันที “เมเคอร์...เจ้าชายเมเคอร์ใช่ไหม ที่คุณว่า”ลูเซียนพยักหน้า “ใช่ ตำแหน่งเขาสูงกว่าผม ถ้าคุณสังเกตคำนำหน้า ผมเป็นลอร์ด เขาถือตำแหน่งเจ้าชาย เมเคอร์ต้องการทำลายกลุ่มเสี่ยง เขาเห็นว่าพวกคุณเป็นภัย” ชายอัลบิโนขยับตัว มีภาพยานสงครามฝูงหนึ่งปรากฏขึ้น เขาชี้ไปที่รูปพวกนี้ “นี่คือสิ่งที่พวกคุณจะเจอ ในดิสก์แผ่นนี้ ผมมอบโลเคชันให้พวกคุณหนีไปหลบภัย รับรองว่าไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับที่นี่ได้ เมื่อสถานการณ์ในนิวโฮปดีขึ้น ผมจะหาทางทำให้เมเคอร์เปลี่ยนใจ”“คุณมีพลังจิตไม่ใช่หรือ คุณควบคุมจิตใจเขาได้...” อเล็กซิสว่า“ถ้าผมทำได้ผมทำไปนานแล้ว” แต่สาย
แดดสนธยาส่องผ่านร่มไม้จนเกิดลำแสงสีทองเป็นริ้ว คนสามคนเดินย่ำเท้าไปตามใบไม้แห้ง ลมเย็นโชยสลับผสานกับลมร้อนในตอนกลางวัน เวลากำลังผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางคืน“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ใช่กับดัก” อเล็กซิสถามยายแม่มด (และพักนี้ไมเคิลมักใช้คำนี้บ่อย เพราะไอ้นิสัยชอบรู้เรื่องมากมายแต่ไม่ยอมเล่าให้หมดของนาฮีมานาทำให้เขารำคาญ) “เราจับโดรนสอดแนมมาได้สามวัน แล้ววันนี้เขาก็เรียกแค่พวกเราแค่สามคน ทำไมต้องเป็นคุณ ทำไมต้องเป็นพวกเรา”“เขาไม่ชอบคนเยอะ อาจเป็นเพราะพวกเธอเห็นหน้าเขาแล้วมั้ง แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นจุดประสงค์ดี”เธอมั่นใจอะไรในตัวคนคนนี้กัน คนที่สามารถแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเมื่อไรก็ได้เพียงแค่ควบคุมสมองไม่ให้มองเห็น สามารถปรับเปลี่ยนความคิดใครก็ได้ แล้วจะเชื่อใจนาฮีมานาได้อย่างไร ไมเคิลสงสัยนัก“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ” เขาโพล่ง “ลูเซียนเป็นหัวหน้าทีมวิจัย คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกับงานของทีมวิจัย เราต้องเสียอะไรบ้างกับงานของเขา”“ฉันรู้ดี” นาฮีมานาตอบโดยไม่หันมามอง เ
เช้าวันต่อมา บอร์ญ่ายังคงเป็นคนมาเสิร์ฟอาหาร และบราวน์ไม่เข้ามาอีกเลย เขานั่งนับวันตั้งแต่โดนจับจึงนึกได้ว่านี่คือวันศุกร์ เจ้าของบ้านคงออกไปทำงาน ดังนั้นทั้งวัน เขาเอาแต่ทบทวนสิ่งที่ชายคนนั้นบอก“ตัวตนที่ยังหลงเหลือ” เจสซี่ไม่มีความรู้เรื่องสมองของมนุษย์ คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาโทรหาไบรซ์หรือคาเลบได้ ความทรงจำของมนุษย์ถูกลบได้หรือเปล่า สมองของมนุษย์ทำงานอย่างไร“ไลบราเรียน...เอไลโต” เขาท่อง “ฟุตบอล ออสโล่”เมื่อถึงมื้ออาหารเย็น แคดมันเดินเข้ามา อาหารเย็นวันนี้มีเพียงแซนด์วิชกับน้ำเปล่า และช็อกโกแลตบาร์สองแท่ง เมื่ออีกฝ่ายวางถาด เขาเอื้อมไปจับข้อมือ“เวด”แคดมันสะบัดออกจนน้ำหกกระจาย ดวงตาที่มีสีฮาเซลอ่อนกว่าจ้องกลับมา แววตาคู่นี้ขึงขังดุดันและพร้อมจะเอาเรื่องได้ตลอดเวลา“นายจำอเล็กซิสได้ไหม”“หุบปาก”“ออสโล่ เด็กหนุ่มผมสีแดงใบหน้าตกกระ เกิดอะไรขึ้นกับเขา”“หุบปาก!”“ซานโบซ่า!”มือข้างขว