เขาเดินเตร็ดเตร่ไปตามทาง พวกเขาอาจจะถูกปล่อยให้เน่าตายอยู่ในนี้ก็ได้
ทั้งสองคนตกนรกมาเกือบเดือน มันเริ่มมาจากคืนนั้น เบน อเล็กซ์ และซาร่าห์ ดื่มมากเกินไปหน่อย หรืออาจจะเรียกว่า บริโภคแอลกอฮอล์ไปเกือบถัง ไม่ใช่ถังปกติ แต่ระดับถังกักเก็บน้ำก็เป็นได้ ปกติแล้ว เท่าที่เบนศึกษาจากตัวพวกเขาเอง มนุษย์ที่มีพรสวรรค์ต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์และยาได้ดีกว่าคนทั่วไปมาก หรืออาจจะเรียกว่าของพวกนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเขาสูบหรือดื่มในปริมาณขนาดนั้น สุดท้าย ร่างกายก็ยอมแพ้อยู่ดี เมื่อสมองถูกแอลกอฮอล์หรือยาสักชนิดเล่นงาน สติค่อย ๆ ลดลง มันเป็นความประมาทเลินเล่อของพวกเขาด้วย วันนั้น ในห้องเพนต์เฮาส์ของอเล็กซ์ (ของอเล็กซ์จริง ๆ ไม่ใช่ของครอบครัว) ด้วยปราศจากสติสัมปชัญญะ พวกเบนทำเรื่องโง่เง่าที่สุดลงไป นั่นก็คือแสดงพลังเพื่อข่มกันและกัน
เบนค้นพบความสามารถเหนือมนุษย์มาตั้งแต่เด็ก ส่วนอเล็กซ์ได้รับพลังพิเศษมาจากอุบัติเหตุ สำหรับซาร่าห์ เขาไม่แน่ใจว่าเธอได้มาได้อย่างไร เพราะเธอไม่เคยเล่าให้ฟัง วันนั้นพวกเขาเพียงแค่แสดงความสามารถที่มี ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าคนใกล้ชิดคิดทรยศ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง พวกตำรวจบุกเข้ามาพร้อมกับหมายจับพิเศษ แน่นอนว่าพวกเขาสู้ ไม่ยอมให้จับง่าย ๆ และถ้าหากคิดหนีจริง ๆ เบนเชื่อว่าคงทำได้ไม่ยาก แต่อยู่ ๆ พวกเขาใช้พลังไม่ได้ หรืออาจเป็นเพราะยังมึนงงบวกกับแอลกอฮอล์ เจ้าหน้าที่พวกนั้นข่มขู่ว่าจะดึงครอบครัวของอเล็กซ์และซาร่าห์มาเกี่ยวข้องกับคดี ยิ่งไปกว่านั้น ยังจับน้องชายของอเล็กซ์ไว้เป็นตัวประกัน ทั้งหมดจึงยอมให้จับแต่โดยดี น่าขันตรงที่ว่า พวกเขายอมแพ้เพื่อช่วยคนที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน เพราะน้องชายของอเล็กซ์ หรือนิค กลับเป็นคนที่แจ้งตำรวจ เขาบังเอิญเห็นความลับของพี่ชายเข้า ก็เลยตัดสินใจทำอย่างนั้น
เบนยอมรับว่าเขาแปลกใจมากเมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือของนิค เพราะเท่าที่โตมาด้วยกัน นิคเป็นเด็กน่ารัก จิตใจอ่อนโยน...แต่อย่างว่า เป็นความเข้าใจผิดมหันต์ เบนใช้เวลาในห้องขังลองวิเคราะห์ครอบครัวของอเล็กซ์ ไม่นาน เขาพอมองเห็นอะไรบางอย่าง พ่อที่แสนเย็นชาคาดหวังให้ลูกทุกคนมีความสามารถและเก่งกาจในระดับสูงกว่าคนทั่วไป ฟิโอดอร์ โวลคอฟต้องการให้ลูกชายทั้งสามสานต่อกิจการของโวลคอฟทั้งหมด วลาด พี่ชายของอเล็กซ์ไม่ต่างจากพวกมิสเตอร์เพอร์เฟกต์ดี ๆ นี่เอง เขาสามารถตอบสนองความคาดหวังของผู้เป็นพ่อได้ทุกอย่าง อเล็กซ์เกือบจะเป็นมิสเตอร์เพอร์เฟกต์คนที่สอง ถ้าหากเขาไม่ทะเลาะกับบิดาบ่อย ๆ พ่อของอเล็กซ์ไม่ชอบใจที่ลูกชายชื่นชอบการถ่ายรูป อเล็กซ์เป็นคนมีศักยภาพที่ไม่น้อยไปกว่าพี่ชายเลย แต่เพราะมีนิสัยหัวขบถจึงไม่ใช่ลูกชายสมบูรณ์แบบ ในอนาคตอันใกล้ สามพี่น้องต้องช่วยกันบริหารอาณาจักรธุรกิจของบิดา แต่นิคกลับไม่อยากแบ่งสมบัตินั้นกับพี่น้องคนไหน เขามองพี่ชายตัวเองเป็นศัตรู เพราะเหตุนี้ เมื่อนิคมองเห็นโอกาสกำจัดทายาทไปได้คนหนึ่ง เขาจึงไม่ลังเล
เขารู้ดีว่าอเล็กซ์เจ็บปวดขนาดไหนเมื่อรู้ว่าน้องชายหักหลัง กลายเป็นคนที่ไม่รู้จัก แม้แต่เรื่องที่เบนลวงซาร่าห์ให้ตกหลุมเสน่ห์และเธอตัดสินใจตีจากอเล็กซ์เพื่อมาหาเบนก็ยังไม่อาจทำ
อเล็กซ์เจ็บได้เท่ากับคนในครอบครัวหักหลังตัวเอง หากเทียบบาดแผลก็คงเหมือนกับแผลรอยข่วนกับแผลถูกมีดแทง และอาจเป็นเพราะเบนมักล่อลวงแฟนสาวของอเล็กซ์อยู่เสมอ เขาก็คงชินแล้ว สิ่งที่ทำให้อเล็กซ์เจ็บเจียนตายจริง ๆ ก็คือนิค และอีกเหตุผลหนึ่ง เขาอยากกลับไปคืนดีกับพ่อตัวเองใครจะรู้ ว่าพ่อที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดและใจแข็งที่สุดจะแสดงออกว่ารักลูกมากกว่าที่เข้าใจ พออเล็กซ์ถูกจับ ในฐานะประธานเครือบริษัทโวลคอฟ คอร์เปอเรชั่น กรุ๊ป ฟิโอดอร์ใช้อำนาจทางการเงินและเส้นสาย หรือเรียกว่าทุกวิถีทางเพื่อช่วยลูกชายคนที่สองให้หลุดจากคดีนี้ให้ได้ ทว่าเมื่อเทพบุตรตกสวรรค์แล้ว โอกาสชำระล้างบาปเป็นศูนย์ แม้แต่พระเจ้าแห่งโวลคอฟยังไม่อาจช่วยลูกชายของตัวเองให้พ้นจากขุมนรกได้ เพียงแต่ความพยายามของเขาทำให้อเล็กซ์เพิ่งตระหนักรู้ มันละลายอคติในใจของไปจนหมด เบนคิดว่า นี่อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้อเล็กซ์กลายเป็นคนเก็บตัวเมื่อมาอยู่ที่นี่ ตั้งแต่แม่ของเขาจากไป อเล็กซ์กับฟิโอดอร์มีปากเสียงกันบ่อยมาก อเล็กซ์คงอยากกลับไปแก้ไขความสัมพันธ์ของตัวเองกับพ่อ หรืออย่างน้อย ก็ได้พูดเปิดใจ พูดในสิ่งที่อยู่ในใจ แต่โอกาสนั้นถูกพรากไปแล้ว และที่สำคัญ ความเจ็บปวดที่เกิดจากน้องชายจอมทรยศก็ไม่อาจลืมได้ลง
“น้องชายของฉันถูกหลอกใช้ เขาไม่ได้คิดจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกหรอก เขาเปลี่ยนไปเพราะป้าแคทแน่ ๆ เธอต้องคอยเสี้ยมให้พวกเราแตกกัน เธอทำให้นิคเปลี่ยนไป” อเล็กซ์บอกกับเบนในเวลาที่ทั้งสองถูกขังอยู่ในห้องขัง
“ถ้านายคิดแบบนั้นแล้วสบายใจ ก็เอาเลย”
เรื่องของอเล็กซ์มีรายละเอียดมากมาย แล้วของเขาเล่า พอคิดถึงครอบครัวตัวเอง เบนอยากจะหัวเราะ เบนเป็นหนึ่งในบุตรนอกสมรสที่พ่อผลิตไว้มากมาย เขาไม่เคยรู้จักแม่ของตัวเอง เธออาจจะเป็นโสเภณีอยู่ที่ไหนสักแห่ง พ่อมักบอกว่าเบนฉลาดที่สุดและมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นทายาทของตระกูลโรซิเยร์ ตั้งแต่เด็ก พ่อพาเบนตัวน้อยไปทำงานด้วยเสมอ เขาเรียนรู้การทำงานจากพ่อ และเขาภูมิใจที่ได้เป็นลูกคนโปรด หลงคิดว่าพ่อเลือกเขาแล้ว และพ่อยอมรับในตัวเขาว่าเป็นลูกเพียงคนเดียว นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไม คนถึงไม่มองว่าเขาเป็นบุตรนอกสมรสเหมือนเด็กโรซิเยร์คนอื่น แต่เป็น ‘เบนจามิน โรซิเยร์’ ผู้มีสิทธิสืบทอดกิจการของวงศ์ตระกูล ทว่าเมื่อพ่อทราบข่าวว่าลูกชายถูกจับ เขาตัดเบนจากความเป็นลูกทันที วันที่สองหลังจากที่ถูกจับกุม จูเลียน น้องชายต่างแม่มาเยี่ยมที่ห้องขังพร้อมกับรอยยิ้มเยาะที่สงวนไว้ให้พี่ชายโดยเฉพาะ น้องชายตัวดีมาเพื่อเย้ยว่า ต่อจากนี้ไป เขาเป็นลูกคนโปรดและเป็นว่าที่ทายาทตระกูลแทนเบน และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้จูเลียนจมูกหักและฟันแหว่ง เพราะเบนจับหน้าน้องชายสุดที่รักกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะสุดแรง ในวันที่เขาเดินทาง มีเพียงพี่เลี้ยงวัยดึกมาส่งเท่านั้น พ่อคงยุ่งอยู่กับการหาหมอศัลยกรรมหน้าจูเลียน เพราะทายาทที่จมูกหักและฟันโหว่คงไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามต่อธุรกิจเท่าไร
หมอนั่นควรฟันหักมากกว่านี้อีก หรือน่าจะหมดปาก เบนคิดว่าเขาใจดีเกินไป
เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกรักและกลายเป็นเพียงลูกนอกสมรสที่ไร้ประโยชน์ เขาไม่เสียใจเลยที่ทำกับไอ้จูเลียนเป็นแบบนั้น พ่อไม่เหมือนพ่อแม่คนอื่น มองเด็กเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่เขาผลิตขึ้นมา เด็ก ๆ แต่ละคนเป็นเพียงว่าที่ผู้สืบทอดเท่านั้น หากคนนั้นใช้การไม่ได้ เขาก็คัดทิ้ง แล้ว
คัดสรรตัวใหม่ พอคิดถึงครอบครัวตัวเองทีไร เบนอยากกลับไปหาพวกเขาเสมอ เขาจะกลับไปเอาคืนพ่อและพี่น้องคนไหนก็ตามที่ได้ขึ้นมาแทนที่เขา“นี่นาย!”
โนเอล โธมัสเป็นคนสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเดินเข้ามาหา เบนแปลกใจที่เห็นพี่ชายของเทสซ่า ท่าทีของชายร่างใหญ่สุภาพผิดจากวันนั้น วันที่เขาเข้าใจเบนผิด
“มีเรื่องอะไรอีกล่ะ ฉันยังคงนั่นยัน นอนยัน ว่าน้องสาวนายนั่นแหละที่ยั่วฉัน” เบนโพล่งตอบทันที
โนเอลทำเสียงเหมือนมีอะไรจุกที่คอ แต่แล้วก็บอกว่า “ฉันแค่ต้องการขอโทษนายสำหรับครั้งนั้น ฉัน...หยาบคายใส่นาย ฉันเข้าใจผิดเองว่านายคุกคามน้องสาว แต่ความจริงแล้ว นายถูกแกล้ง...ฉันควรสอบถามให้แน่ใจก่อนกล่าวหานายแบบนั้น”
“แกล้งเหรอ ใช้คำเบาไปมั้ง เธอทำให้ฉันอับอายต่อหน้าทุกคนเลยนะ เธอทำลายชื่อเสียงของฉันเกือบป่นปี้” ชายหนุ่มเบ้ปาก “แล้วนายรู้ความจริงได้อย่างไรล่ะ พ่อหนุ่มน้อย ทำไมไม่ให้เธอมาเองเล่า ถ้าเทสซ่ามาขอโทษด้วยตัวเอง ฉันถึงจะยอมฟังคำขอโทษ”
“นั่นไม่ใช่ประเด็น ฉันแค่มาขอโทษนาย จะรับหรือไม่รับ ก็แล้วแต่ อย่างน้อย ฉันได้ขอโทษนายแล้ว ไม่มีอะไรค้างคาอีก”
เขามาแล้วก็ไป เบนหัวเราะในลำคอ พวกพิลึก แต่ทันใดนั้น เขานึกได้ว่าตัวเองสามารถเข้าหาสาวน้อยที่หน้าเหมือนตุ๊กตาคนนั้นได้ง่ายขึ้น เพราะโนเอลคงรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่พวกโรคจิต และเทสซ่าก็เป็นเพียงอีตอแหล ก็เหลือเพียงไอ้หัวทองคนเดียว อเล็กซ์พูดถูก สิ่งเดียวที่ทำให้เบนสนุกขึ้นมาได้ ก็คือการไล่เก็บพวกผู้หญิงให้หมด
ไม่จริงหรอก ไม่ใช่สิ่งเดียว ยังมีอีกสิ่ง นั่นคือการกวนประสาทนายไงล่ะ อเล็กซ์
กลุ่มกบฏบางกลุ่มต้องการทำลายนิวโฮป จึงไม่ใช่ทุกกลุ่มที่ยินดีอ้าแขนต้อนรับพวกเขา และข้อสำคัญคือ พวกเขาจะติดต่อคนเหล่านี้ได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่ากลุ่มไหนตอบโจทย์ที่พวกเขาต้องการไม่มีใครตอบได้ แม้แต่บลูก็จนแต้ม เขาเพียงแค่อยากอยู่ที่นี่ ใกล้กับหลุมศพน้องชาย“ไมเคิล ฉันว่าไม่ปกตินะ” จอห์นปลุกสติของเขาอีกครั้งสายฟ้าของอเล็กซ์ฟาดซัดต้นไม้แถบนั้นเป็นจุณทีเดียวนับสิบต้น ขณะเดียวกันกระแสไฟฟ้าแล่นเป็นวงรอบตัวเขา อาคุสะเริ่มตื่นตัว ออร่าสีเขียวและเหลืองแผ่ออกไป“อเล็กซิส ถอยออกไป!” เป็นอเล็กซ์ที่ตะโกนเตือนแฟนสาว “ฉันคุมมันไม่ได้!”“แย่ละ” ไมเคิลกับจอห์นวิ่งเข้าไปอเล็กซิสควบคุมมวลน้ำเพื่อดับไฟ แต่กระแสไฟฟ้าของคนรักยังแล่นออกมาเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มหาที่หลบไม่ได้ เขาหาทางจะเข้าไปช่วยฝาแฝด ตอนนี้แทบมองไม่เห็นอเล็กซ์เพราะมีแต่กระแสไฟฟ้าพัวพันรอบตัวเทสซ่าหวีดร้องขึ้นมา เธอกับอาคุสะจับมือกันแน่น พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือน เขาสบตากับจอห์น ใช่ แผ่นดินไหว แต่...ฝีมือธรรมชาติหรือสัญชาตญ
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ที่แท้นาฮีมานาไม่ได้คิดจะให้พวกเขากลับนิวโฮปแต่แรก ไมเคิลหันไปมองพวกเพื่อน ๆ เทสซ่านั้นคิ้วขมวดจนเป็นปม เธอนั่งกอดอกหลังตรงแล้วเม้มปากแน่น หากแต่ไหล่สั่น ขณะที่คนอื่นถกเถียงกัน อเล็กซิสก็นั่งเท้าคางใช้ความคิด ไมเคิลสัมผัสความรู้สึกร่วมของคนในนี้ได้อย่างหนึ่ง นั่นคือความเศร้าเมื่อรู้ว่าจะไม่ได้กลับบ้าน หรืออาจจะไม่มีวันได้กลับ“ถ้าหาก...ถ้าหากเราทำให้เมเคอร์เข้าใจได้ว่าพวกเราไม่เป็นภัย พวกเราเป็นชาวนิวโฮป อยากปกป้องบ้านเหมือนกัน ถ้าเราทำให้เขาเห็นจุดยืนของพวกเราว่าไม่ได้เป็นภัยต่อไลบราเรีย ต่อโลก...” ไมเคิลเลิกคิ้ว เพราะเทสซ่าพูดเหมือนอเล็กซิสเปี๊ยบ“ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยเทสซ่า เมเคอร์ไม่มีวันให้กองกำลังกับพวกเธอแน่”“ฉันไม่ได้หมายถึงกองกำลัง ฉันหมายถึงตัวพวกเราเอง ถ้าเขามองว่าพวกเราเป็นภัย ทำไมไม่มองว่าพวกเราเป็นอาวุธให้พวกเขาได้”“เทสซ่าพูดถูก” เซนว่า “ทหารสามคนนั้นก็เป็นกลุ่มเสี่ยง”“ลูเซียนบอกว่าเพราะพวกเขาเป็นชาวไลบราเรียนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังถ
มีเพียงสิ่งลมเขย่ากิ่งไม้ไปมา แสงสีแดงริบหรี่จนแทบเลือนหายไป ความมืดย่างกรายแทนที่ แต่ดวงตาสีน้ำเงินของอเล็กซิสกลับสว่างไสว ช่างเหมือนกับดวงตาคู่นั้นที่คอยจ้องเขายามค่ำคืน ไมเคิลในวัยเด็กมีอาการตื่นตระหนกบ่อยครั้ง และลูก้าเป็นคนปลอบเขา ถึงแม้เขาไม่เคยล่วงรู้เรื่องแฝดอีกคน แต่เพราะดวงตาของเธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากอยู่ใกล้เธอ ในยามนี้เขาอ่านความคิดเธอออก ผ่านแววตาและสีหน้า ทั้งคู่ไม่คิดว่าลูเซียนโกหก อย่างไรก็ตามยังคิดว่าอีกฝ่ายบอกไม่หมด ความปรารถนาดีมีบางอย่างเคลือบแฝง ผลงานของลูเซียนคือเครื่องมือที่ฆ่าโนเอลและเบน เขาไม่มีวันให้อภัย เพียงแต่ว่า พวกเขาจะต้องชั่งใจให้ได้ว่าการเชื่อฟังลูเซียนจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพิกเฉยหรือไม่เขารู้ว่าอเล็กซิสเสียใจ เธอบอกน้องชายคนนี้เสมอว่านิวโฮปจะเป็นบ้านใหม่ของพวกเขา“อเล็กซิส ไมเคิล” หญิงสาวผมสีดำเรียกสติฝาแฝดทั้งสอง “กลับกันเถอะ มืดแล้ว”“เดี๋ยว...” เขาชะลอเธอรอฟัง แต่เป็นพี่สาวของเขาที่พูด“ถ้าคุณอยากให้พวกเราคล้อยตามลูเซียน คุณต้องบอกมาให้หมดว่าคุณกับเขารู้จักกัน
ดวงตาสีแดงกลอกไปมาราวกับดูแคลนคำพูดของพวกเขา “ผมหวังดี ที่พวกเขากลับไปไม่ใช่เพราะถอย แต่จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองทหารและอาวุธมากมาย เมเคอร์ไม่ปล่อยพวกคุณแน่นอน เขาไม่อยากยืดเยื้อ และคราวนี้ได้คงใช้วิธีดึงอาร์คาเดียมาช่วย ทั้งนิวโฮปก็เจอปัญหา ดังนั้นถ้ากำจัดพวกคุณได้เร็วเท่าไร ฝ่ายทหารจะโฟกัสกลับนิวโฮปได้ดีขึ้น”“เกิดอะไรกับนิวโฮป” อเล็กซิสซักทันที “เมเคอร์...เจ้าชายเมเคอร์ใช่ไหม ที่คุณว่า”ลูเซียนพยักหน้า “ใช่ ตำแหน่งเขาสูงกว่าผม ถ้าคุณสังเกตคำนำหน้า ผมเป็นลอร์ด เขาถือตำแหน่งเจ้าชาย เมเคอร์ต้องการทำลายกลุ่มเสี่ยง เขาเห็นว่าพวกคุณเป็นภัย” ชายอัลบิโนขยับตัว มีภาพยานสงครามฝูงหนึ่งปรากฏขึ้น เขาชี้ไปที่รูปพวกนี้ “นี่คือสิ่งที่พวกคุณจะเจอ ในดิสก์แผ่นนี้ ผมมอบโลเคชันให้พวกคุณหนีไปหลบภัย รับรองว่าไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับที่นี่ได้ เมื่อสถานการณ์ในนิวโฮปดีขึ้น ผมจะหาทางทำให้เมเคอร์เปลี่ยนใจ”“คุณมีพลังจิตไม่ใช่หรือ คุณควบคุมจิตใจเขาได้...” อเล็กซิสว่า“ถ้าผมทำได้ผมทำไปนานแล้ว” แต่สาย
แดดสนธยาส่องผ่านร่มไม้จนเกิดลำแสงสีทองเป็นริ้ว คนสามคนเดินย่ำเท้าไปตามใบไม้แห้ง ลมเย็นโชยสลับผสานกับลมร้อนในตอนกลางวัน เวลากำลังผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงกลางคืน“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ใช่กับดัก” อเล็กซิสถามยายแม่มด (และพักนี้ไมเคิลมักใช้คำนี้บ่อย เพราะไอ้นิสัยชอบรู้เรื่องมากมายแต่ไม่ยอมเล่าให้หมดของนาฮีมานาทำให้เขารำคาญ) “เราจับโดรนสอดแนมมาได้สามวัน แล้ววันนี้เขาก็เรียกแค่พวกเราแค่สามคน ทำไมต้องเป็นคุณ ทำไมต้องเป็นพวกเรา”“เขาไม่ชอบคนเยอะ อาจเป็นเพราะพวกเธอเห็นหน้าเขาแล้วมั้ง แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นจุดประสงค์ดี”เธอมั่นใจอะไรในตัวคนคนนี้กัน คนที่สามารถแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเมื่อไรก็ได้เพียงแค่ควบคุมสมองไม่ให้มองเห็น สามารถปรับเปลี่ยนความคิดใครก็ได้ แล้วจะเชื่อใจนาฮีมานาได้อย่างไร ไมเคิลสงสัยนัก“ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ” เขาโพล่ง “ลูเซียนเป็นหัวหน้าทีมวิจัย คุณรู้หรือเปล่าว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกับงานของทีมวิจัย เราต้องเสียอะไรบ้างกับงานของเขา”“ฉันรู้ดี” นาฮีมานาตอบโดยไม่หันมามอง เ
เช้าวันต่อมา บอร์ญ่ายังคงเป็นคนมาเสิร์ฟอาหาร และบราวน์ไม่เข้ามาอีกเลย เขานั่งนับวันตั้งแต่โดนจับจึงนึกได้ว่านี่คือวันศุกร์ เจ้าของบ้านคงออกไปทำงาน ดังนั้นทั้งวัน เขาเอาแต่ทบทวนสิ่งที่ชายคนนั้นบอก“ตัวตนที่ยังหลงเหลือ” เจสซี่ไม่มีความรู้เรื่องสมองของมนุษย์ คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาโทรหาไบรซ์หรือคาเลบได้ ความทรงจำของมนุษย์ถูกลบได้หรือเปล่า สมองของมนุษย์ทำงานอย่างไร“ไลบราเรียน...เอไลโต” เขาท่อง “ฟุตบอล ออสโล่”เมื่อถึงมื้ออาหารเย็น แคดมันเดินเข้ามา อาหารเย็นวันนี้มีเพียงแซนด์วิชกับน้ำเปล่า และช็อกโกแลตบาร์สองแท่ง เมื่ออีกฝ่ายวางถาด เขาเอื้อมไปจับข้อมือ“เวด”แคดมันสะบัดออกจนน้ำหกกระจาย ดวงตาที่มีสีฮาเซลอ่อนกว่าจ้องกลับมา แววตาคู่นี้ขึงขังดุดันและพร้อมจะเอาเรื่องได้ตลอดเวลา“นายจำอเล็กซิสได้ไหม”“หุบปาก”“ออสโล่ เด็กหนุ่มผมสีแดงใบหน้าตกกระ เกิดอะไรขึ้นกับเขา”“หุบปาก!”“ซานโบซ่า!”มือข้างขว